บทที่ 10 หาลุงแฟรงค์
วันถัดไป
ลุคลุกขึ้นจากเตียงตั้งแต่เช้า เตรียมตัวเองสำหรับวันใหม่ และฝึกฝนต่อไปทุกวันเพื่อเป็นเหมือนผู้ชายหัวล้านจากชาติที่แล้ว (ไซตามะ)
วิดพื้น, สควอท, ซิทอัพ, วิ่ง…
กว่าเขาจะออกกำลังกายตามปกติเสร็จ ก็ปาเข้าไป 8:30 แล้ว
“บัคกี้คงขึ้นเรือไปแล้ว...” ลุคเดินไปหาโรเจอร์ส
เขาทั้งคู่วางแผนจะไปส่งบัคกี้ แต่จ่าสิบเอก เจมส์ บาร์นส์ ซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปอังกฤษไม่อนุญาตเพราะอาจอารมณ์อ่อนไหวได้
คืนสุดท้ายของเขาเป็นอะไรที่สุดๆ ทั้งชุดเครื่องแบบทหารที่รีดมาอย่างเรียบกริบ บวกกับประโยคจีบสาวสุดเชย จนบัคกี้สามารถควงสาวสวยออกไปได้หลายคนเลยทีเดียว
“อรุณสวัสดิ์ ลุค!” เจ้าของร้านดอกไม้ชั้นล่างทักทายอย่างกระตือรือร้นและพูดต่อเสียงดัง
"แฟรงค์กำลังตามหาแกอยู่นะ ดูโมโหมากเลยล่ะ!"
“โอเคครับ ขอบคุณมาก ลุงดัลล์!” ลุคหยุด เปลี่ยนทิศทาง และเดินไปที่บ้านของลุงแฟรงค์
อาจเป็นเพราะไอ้พวกนักเลงข้างถนนเมื่อวาน ที่ต้องไปฟ้องบอสมัน แล้วข่าวก็มาถึงหูลุงเขาผ่านเครือข่ายแก๊งไอริช
สิบนาทีต่อมา ลุคหยิบกุญแจออกมาจากใต้พรมเช็ดเท้าแล้วเปิดประตู
“ลุงแฟรงค์ ผมเอาเห็ดย่างและแฮชบราวน์จากป้าเบอร์ธามาฝากครับ!”
ขณะที่เขาถืออาหารเช้ากลิ่นหอมฉุยเข้าไปในห้องนั่งเล่น ลุคก็เห็นชายชราผมสีเทา หลังค่อมโค้ง
แม้จากร่างกายที่อ่อนแอและทรุดโทรม ก็ยังมองเห็นภาพสะท้อนในวัยหนุ่มที่ดูแข็งแกร่งและกำยำของเขาได้อย่างง่ายดาย
“ลุค! ไอ้เด็กชวนปวดหัว!” เมื่อเห็นลุค ชายชราก็สาปแช่งอย่างโกรธเคือง
“ฮ็อบสันเจ้าเด็กเลวนั่นไปฟ้องมิสเตอร์ฮอฟฟาอีกแล้วว่าแกไปอัดน้องชายมันซะน่วมเลย!”
“ขนาดเรื่องแบบนี้ฮอบสันยังต้องไปฟ้องมิสเตอร์ฮอฟฟาอีกเหรอ? แล้วตอนที่แม่มันตกเก้าอี้ส้วมตายคาโถส้วมเมื่ออาทิตย์ก่อนน่ะ ไม่เห็นไปฟ้องเลยนี่หว่า” ลุคแสร้งทำเป็นตกใจ พลางหยิบจาน ช้อน ส้อม ออกจากตู้โดยไม่ลังเล
"กินซะตอนร้อนๆ! แฮชบราวน์อันนี้ป้าเบอร์ธาใส่เนื้อมาให้เป็นพิเศษเลยนะ!"
ชายชราที่ชื่อ "แฟรงค์" นั่งลงที่โต๊ะและบ่นอุบอิบ "อย่าคิดว่าจะใช้แค่นี้ซื้อใจฉันได้นะ ลุค แกนี่ตัวปัญหาจริงๆ ไอ้หนุ่มอิตาเลียนเมื่อคืนเนี่ย... โอ้ ว้าว นี่มันสุดยอดไปเลย อร่อยชิบหาย! จะกินเท่าไหร่ก็ไม่เคยเบื่อจริงๆ!"
ดูท่าอาหารอร่อยๆ จะช่วยอารมณ์คนให้เย็นลงได้ดีจริงๆ!
หลังจากแฟรงค์กินจนอิ่ม เขาก็ไม่ได้พูดถึงฮอบสันหรือน้องชายอีก
สิ่งที่เขาทำนั้นก็คือพยายามชักชวนลุคให้เข้าร่วมแก๊งไอริชที่กำลังขยายอำนาจอย่างรวดเร็ว
“มิสเตอร์ฮอฟฟาให้ความสำคัญกับแกมากนะ แนวคิดในการทำธุรกิจกับค่ายทหารนั่นเจ๋งเลย มันทำให้แก๊งได้ปืนมาบ้าง ไม่งั้นเราคงถูกกำจัดทิ้งไปนานแล้ว! พวกอิตาเลียนนั่นกร่างไม่ออกอีกเลย!”
แฟรงค์ไม่เข้าใจว่าทำไมหลานชายของเขาถึงไม่อยากเข้าร่วมแก๊งค์
พวกนักเลงข้างถนนคนอื่นๆ ในบรู๊คลินยอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้เข้าร่วมและเป็นหนึ่งในแก๊ง
เพราะจะไม่มีใครกล้ามายุ่งกับคนที่มีแก๊งหนุนหลังอยู่
ลุคชงกาแฟให้ตัวเองแก้วหนึ่งพร้อมรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้า
"ไม่สนใจอ่ะ ยอมกลับไปเรียนยังจะดีกว่าเป็นพวกแก๊งค์ดีกว่า"
เขารู้ดีว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่วุ่นวายที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา ดังที่หนังสือพิมพ์ระบุว่า "ความรุนแรง เป็นของชาวอเมริกัน เฉกเช่น พายเชอร์รี่"
เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มขึ้น แก๊งอาชญากรรมต่างๆ ก็ผุดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ตอนแรก กลุ่มเหล่านี้ส่วนใหญ่คือผู้อพยพระดับล่าง เช่นชาวไอริชและชาวอิตาลี
แตกต่างจากผู้อพยพชาวอังกฤษและเยอรมันที่อพยพพร้อมเงินจำนวนมากมาเริ่มต้นตั้งรกรากในอเมริกาเหนือ กลุ่มผู้อพยพเหล่านี้ยากจนข้นแค้น
อันที่จริงพวกเขาถูกเรียกว่า 'ผู้อพยพ' เพราะพวกเขาต้องขยับขยายเปลี่ยนที่อยู่เรื่อยๆ และเป็นบุคคลชั้นล่างของสังคม
หลายคนยังไม่มีปัญญาเช่าบ้าน ทำได้แค่รับจ้างทำงานหาเลี้ยงชีพ
กลุ่มผู้อพยพเหล่านี้ได้เกิดเป็นชุมชนแออัดขึ้นมาทีละน้อย
นี่เป็นที่มาของ "เฮลส์คิทเช่น" ในนิวยอร์กเช่นกัน [ครัวนรกของกอร์ดอนแรมซีย์]
นักปรัชญาคนหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า ชาตินิยมมักวางความยากจนของประเทศไว้ในแกนกลางของอุดมการณ์ ทำให้โดยพื้นฐานแล้ว ชาตินิยมกลายเป็นสิ่งที่ควรประณาม
เนื่องจากทั้งชาวไอริชและชาวอิตาลีต่างนับถือคาทอลิกเหมือนกัน พวกเขาจึงถูกมองว่า 'เป็นชาวป่า' ที่ไม่สามารถปักหลักอยู่ในอเมริกาเหนือซึ่งครอบงำด้วยกลุ่มโปรเตสแตนต์
การกีดกันและการเลือกปฏิบัติทำให้ชีวิตของผู้อพยพเหล่านี้เต็มไปด้วยความยากลำบาก
ดังนั้น เพื่อต่อต้านการขูดรีดแรงงานและการกดขี่ทางศาสนา ชาวไอริชและชาวอิตาลีเริ่มรวมตัวกันช้าๆ จัดตั้งเป็นกลุ่มที่มีความรุนแรงต่างๆ
นี่คือจุดเริ่มต้นของแก๊งอันธพาลอเมริกัน!
ถ้าชอบล่ะก็ไปกดติดตามที่เพจหน่อยนะฮับ Thebigcattrans แมวหยิบมาแปล
คอมเม้นกันเยอะๆหน่อยน้า~~