ตอนที่ 2 บัคกี้ บาร์นส์
เมื่อเขาข้ามมิติมาโลกนี้ ก็มีหน้าจอฉายอยู่ต่อหน้าเขา
อาจจะเพราะสัญญาณไม่ดีหรือดวงดีจนเกินเหตุ ของขวัญราคาแพงนั้นจึงมากับเขาด้วย
แต่ของเขาต้องใช้เวลานานถึงห้าหกปี ในการเชื่อมต่อสัญญาณและโหลดความคืบหน้าให้เต็มร้อย
[99%]
ลุคเหลือบมองแถบความคืบหน้าในจิตสำนึกด้วยสีหน้าเฝ้ารออย่างมีความหวัง
ในหลายปีที่ผ่านมาเขาพยายามออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นวิดพื้นหนึ่งร้อยครั้ง ซิตอัพหนึ่งร้อยครั้ง สควอทอีกหนึ่งร้อยครั้ง และวิ่งเล่นกลางแดดทุกวัน เพราะรอคอยช่วงเวลาที่แพ็คเกจสุดล้ำนี้จะเปิดขึ้นมาสักที [เอ็งเป็นไซตามะเหรอ555]
น่าเสียดาย เขาเองก็ไม่รู้ ว่าอยู่ไกลจากโลกเดิมเกินไปหรือเปล่า? หรือเป็นเพราะสัญญาณแย่กันแน่? หรือเพราะมีสาเหตุอื่น?
แถบความคืบหน้าติดอยู่ที่ 99% เสมอราวกับว่านั่นคือปลายทางสุดท้าย และไม่ยอมเลื่อนขึ้นอีกเลยสักกะติ๊ดเดียว ลุคถึงกับปวดหัวไปหมด
“หรือต้องให้ฉันรวบรวมอินฟินิตี้สโตนมาเพิ่มพลังก่อน? ไอ้บ้าเอ๊ย!”
ลุคบ่นงุบงิบด้วยความหงุดหงิดใจ
ถ้าเขาได้พลังพิเศษเหนือมนุษย์ละก็ เขาน่าจะมีชีวิตรอดในโลกอันตรายใบนี้ได้แบบยาวๆ
ชีวิตคงสบายยิ่งกว่าตอนอยู่โลกเดิมของเขามากกว่านี้เป็นกอง!
“สูตรโกงมาหาพ่อที...”
ขณะที่ลุคคร่ำครวญในใจ เสียงประตูหน้าของบาร์ก็ถูกผลักออก
ติ๊งต่อง!
เสียงกริ่งที่ประตูดังขึ้น
"ลุค! ตามหาแกแทบแย่แน่ะ!"
ชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบสีน้ำตาลของทหารถือหนังสือพิมพ์ในมือ กล่าวขึ้นพลางวิ่งเข้ามา
"ฉันไปบ้านแกแต่ไม่เจอ เลยลองมาที่บาร์ของตาโจเซฟดู กะแล้วแกต้องอยู่ที่นี่!"
ชายหนุ่มหล่อหน้าตาคมคายเดินไปหยิบเก้าอี้มานั่งฝั่งตรงข้ามลุค
“ลุงโจเซฟไม่สบาย ฉันเลยแวะมาช่วยดูแลร้านหน่อยน่ะ” ลุคยังคงเอาหน้าหนังสือพิมพ์ทับหน้าอยู่บอกอย่างไม่กระตือรือร้นว่า
“ว่าแต่ บัคกี้ นายสมัครได้แล้วเหรอ?”
ชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามเขาคือวินเทอร์โซลเยอร์ในอนาคต เจมส์ บาร์นส์ เพื่อนสนิทของกัปตันอเมริกา
"บัคกี้" เป็นชื่อเล่นของเขา และถือได้ว่าเป็นชื่อที่น่ารัก ซึ่งใช้เฉพาะเพื่อนสนิทของเขาเท่านั้น
“แน่นอน! กรมทหารราบที่ 107! ต่อไปต้องเรียกชั้นว่าจ่าสิบเอกเจมส์ บาร์นส์แล้วนะ! พรุ่งนี้เช้าออกเดินทางไปอังกฤษเลย”
บัคกี้เชิดอกเงยหน้าอย่างภาคภูมิใจ
ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง โปสเตอร์โฆษณาชวนเชื่อของรัฐบาลติดอยู่ทั่วอเมริกา
การใช้ภาพและคำคมปลุกใจที่เผยแพร่กระจายทั้งทางทีวีและวิทยุทำให้เด็กหนุ่มมากมายตื่นตัวกับแนวคิดรักชาติ
พวกเขาแทบรอไม่ไหวต่างพากันกระหายอยากออกไปสู้สมรภูมิเพื่อชิงเหรียญกล้าหาญมาครอบครอง
“เสียดายจังที่ฉันไปกับนายไม่ได้” ลุคแสร้งทำเป็นผิดหวัง
เขาไม่ได้วางแผนที่จะเข้าร่วมกองทัพจริงๆ
บัคกี้ตบไหล่เพื่อนอย่างมั่นใจและพูดว่า
“ต้องมีคนคอยดูแลสตีฟ เจ้าหมอนั่นชอบสู้เพื่อความยุติธรรมอยู่เรื่อย!”
ก่อนหน้านี้เขาและลุคคุยกันแบบลับๆ ว่าควรจะมีใครสักคนอยู่ที่นี่
พอดีลุคแพ้เกมต่อขวดไวน์ เลยถือโอกาสยกสิทธิ์การสมัครทหารนี้ให้บัคกี้อย่างเต็มใจ
“พอนึกอีกทีก็ดีอยู่หรอกเนอะ ผู้ชายทั้งนิวยอร์กคงยกโขยงออกไปรบหมด ในเมืองเหลือสาวๆราวๆ สามล้านห้าแสนคนได้มั้ง... ฉันน่าจะมีลุ้นเข้าไปปลอบโยนหัวใจอันเปราะบางอันแสนงดงามของพวกเธอบ้างน้าาา”
ลุคพูดติดตลก
เขาและบัคกี้รู้จักกันเมื่อหลายปีก่อน
ทั้งคู่ต่างสนิทกับหนุ่มร่างเล็กอย่างสตีฟ โรเจอร์สด้วยเหมือนกัน
บัคกี้ถอนหายใจ “เจ้าสตีฟดันคิดบ้าอะไรไม่รู้ เจ้าหมอนั่นหัวรั้นสุดๆ”
เขาทำหน้ายุ่งทันที พอนึกถึงสตีฟ หนุ่มร่างเล็กกระจิริดอีกคนที่ฮึดจะพุ่งชนสมรภูมิรบด้วยเช่นกัน
แต่ร่างกายไม่ได้มาตรฐานของทหารแม้แต่น้อย
“เราจะไปหาสตีฟเมื่อไหร่ดี หมอนั้นคงอยู่ในโรงหนังนั้นอีกแล้วแน่”
บัคกี้สลัดความเศร้าทิ้งไป แล้วรีบควักตั๋วสองสามใบจากในกระเป๋าขึ้นมาพร้อมพูดอย่างลั้ลลาว่า
“คืนนี้ฉันจะไปเที่ยวงานสตาร์ก อินดัสทรี่ส์ เวิลด์ เอ็กซ์โปน่ะ จะไปออกเดทกับสาวๆ สวยเลยนะจะบอกให้!”
ถ้าชอบล่ะก็ไปกดติดตามที่เพจหน่อยนะฮับ Thebigcattrans แมวหยิบมาแปล
คอมเม้นกันเยอะๆหน่อยน้า~~