บทที่ 66 : หนึ่งร้อยแปดบัลลังก์
บทที่ 66 : หนึ่งร้อยแปดบัลลังก์
เมื่อเห็นว่าตัวเองผ่านการทดสอบได้อย่างง่ายดาย….ตั่วป๋าอู๋เหลียงก็เหลือบมองไปทางด้านหลังและเยาะเย้ยอย่างดูถูก
"ข้อกำหนดของการชุมนุมมังกรเร้นลับถูกตัดสินโดยกองกําลังหลักต่างๆ”
“นอกจากนี้, พวกเขายังได้หารือและปรึกษากับผู้ทํานายที่ทรงพลังจากศาลากลไกสวรรค์เเล้ว”
“ดังนั้น, พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะตั้งคําถามกับพวกเขา….ถ้าความแข็งแกร่งของพวกเจ้าไม่เพียงพอ พวกเจ้าก็ได้เเต่ตําหนิตนเองเท่านั้น!”
หลังจากพูดจบ, ตั่วป๋าอู๋เหลียงก็เงยหน้าขึ้นและเดินเข้าไปหลังจากได้รับป้ายของเขา
ฉากนี้ทําให้ผู้ชมต่างโกรธเคือง, เเต่พวกเขาก็ทําอะไรไม่ได้
พวกเขาไม่คาดคิดว่าการโจมตีแบบสบายๆจากอีกฝ่ายจะสามารถปลดปล่อยระดับสีม่วงออกมา
ในขณะที่พวกเขาหลายคนพยายามอย่างเต็มที่, แต่พวกเขากลับไม่สามารถไปถึงระดับสีแดงและถูกไล่ออกโดยตรง
เเละทันใดนั้นเอง
จู่ๆบุคคลที่ทรงพลังหลายคนก็ปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้าโดยไม่ปกปิดออร่าของพวกเขา…..และผ่านด่านกา่มดสอบอย่างง่ายดายด้วยความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง
ยิ่งกว่านั้นผู้คนเเบบนี้ก็เริ่มปรากฏตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ
ฉากนี้ทําให้คนไม่กี่คนที่เคยสงสัยถึงกฎเกณฑ์มาก่อน…..ถึงกับหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความเขินอาย
พวกเขาคิดว่ากองกําลังหลักกําลังทําให้สิ่งต่างๆให้ยากสําหรับพวกเขาซึ่งเป็นผู้ฝึกตนอิสระหรือผู้ที่มาจากกองกําลังขนาดเล็ก
เเต่ตอนนี้….ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเพราะพวกเขาอ่อนแอเกินไปจริงๆ
"เฮ้, เมื่อกี้ข้าเห็นหลิวจื่อหยาง….ผู้ครอบครองร่างวิญญาณธาตุน้ำในราชวงศ์จักรพรรดินีของเรา….เขาเป็นอัจฉริยะที่น่าภาคภูมิใจอย่างแท้จริง"
"นั่น….พี่น้องฝาแฝดของนิกายของเรา, พวกเขาซึ่งสูงส่งและยิ่งใหญ่ในขั้นที่เจ็ดของอาณาจักรพระราชวังสีม่วง, ผู้ครอบครองมือขวาของเหล่าทวยเทพ!"
"และนั่นด้วย…….."
……..
ณ ขณะนี้
ฝูงชนกําลังพูดคุยกันอย่างตื่นเต้น และจากนั้นพวกเขาก็เห็นว่าอัจฉริยะที่สูงส่งเเละเป็นที่คุ้นเคยของพวกเขานั้นไม่ต่างจากคนทั่วไปในขณะนี้
"มีอัจฉริยะมากเกินไปในยุคนี้ ในยุคของการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่นี้….เราเหมือนกบที่อยู่ก้นบ่อ!"
บางคนต้องยอมรับว่าขอบเขตอันไกลโพ้นของพวกเขาต่ำเกินไป
"ข้าสงสัยว่าบุคคลที่แข็งแกร่งเหล่านั้นซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นอัจฉริยะระดับพรสวรรค์และอัจฉริยะระดับวีรบุรุษจากศาลากลไกสวรรค์นั้นน่ากลัวเพียงใด…..แล้วมังกรที่น่าอัศจรรย์ทั้งสี่ล่ะ? พวกเขาจะน่าทึ่งมากขนาดใหน!"
"จะทำไงได้ล่ะ? เนื่องจากเราไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วม….เเต่ก็โชคดีที่อย่างน้อยเราก็มีคุณสมบัติยที่สามารถขอชมการประลองได้, เรามารอชมการประลองที่นี่กันเถอะ!"
"ถูกต้อง การสังเกตอัจฉริยะที่แท้จริงอาจจะทําให้เราเกิดแรงบันดาลใจและการตรัสรู้, ซึ่งมันจะสามารถปรับปรุงพลังของพวกเราได้เช่นกัน!"
เมื่อได้ยินเช่นนี้, ผู้คนที่วางแผนจะจากไปในตอนแรกก็หยุดทันที
ใช่…..พวกเขายังต้องการเห็นด้วยตัวเองว่าอัจฉริยะขั้นนําในตํานานนั้นเป็นอย่างไร!
เเละเมื่อเวลาผ่านไป, อัจฉริยะชั้นยอดอย่าง เจียงลั่วเฉิน, ชูไท่ชาง และ มู่ซีเหยาก็มาถึง
เเละพลังของพวกเขาก็ทําให้ผู้คนนับไม่ถ้วนตกตะลึงโดยตรง
ส่วนเย่หวู่ชางนั้นมาเเบบธรรมดามาก
เขารอจนกระทั่งการทดสอบคัดเลือกกําลังจะสิ้นสุดลง….เขาจึงก้าวไปข้างหน้าและเข้าร่วมการทดสอบ
ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้ก้าวไปหาศิลาวัดพลัง….ทำเพียงเเค่ปลดปล่อยออร่าของเขาออกมาเล็กน้อย
เเต่ทันใดนั้นเอง, ศิลาวัดพลังก็สั่นไหวอย่างน่าสะพรึงกลัว….จากนั้นแสงสีดําสิบดวงก็พุ่งออกมาจากศิลาวัดพลัง
"อะไรน่ะ, เมื่อกี้มีใครเห็นเขาเคลื่อนไหวหรือเปล่า?"
"ข้าคิดว่าข้ารู้สึกได้ ดูเหมือนว่าเขาจะปล่อยออร่าออกมาเล็กน้อยและศิลาวัดพลังก็ไม่สามารถรับมือได้!"
"โอ้พระเจ้า, นี่เป็นไปได้อย่างไร?....เขาทําได้อย่างไร"
"คนๆนี้เป็นใครกันเเน่?….เขาใส่เสื้อคลุมสีดําเเละยังดูอ่อนเยาว์ เเต่เขาอยู่ในอาณาจักรสำแดงกฎเกณฑ์. แล้ว!"
"ในปีก่อนๆ มันค่อนข้างน่าประทับใจที่มีอัจฉริยะสองสามคนที่อาณาจักรพระราชวังสีม่วงขั้นปลาย, แต่ปีนี้กลับมีผู้ฝึกตนอาณาจักรการสําแดงกฎเกณฑ์ที่แข็งแกร่งมากมาย"
……..
เย่หวู่ชางนั้นไม่ได้สนใจการโต้เถียงของฝูงชนเลย
หลังจากออกจากอาณาจักรต้าเซี่ย…..เขาก็ตระหนักได้ว่ามีบุคคลที่มีอํานาจอีกมากมายในโลกใบนี้
ที่ต้าเซี่ย, อาณาจักรถ้ำสวรรค์นั้นหาได้ยากมาก….เเต่ที่นี่เขากลับค่อนข้างพบบ่อยมาก
สายตาของเย่หวู่ชางกวาดไปทั่วพื้นที่การประลองซึ่งตอนนี้มีผู้คนหลายพันคนยืนอยู่
เเละเขาสัมผัสได้เลยว่าไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ที่ธรรมดา
เเละเเม้เเต่ในใจของเขาเสียงของระบบก็ยังคงเเจ้งเตือนเขาอย่างต่อเนื่อง
[ติ้ง~! ตรวจพบหญิงสาวที่มีศักยภาพ…..โฮสต์ต้องการค้นหาหรือไม่]
[ติง~! ตรวจพบ…...]
เสียงของระบบไม่ได้ทำให้เขาสนใจอีกฝ่ายโดยตรง
เพราะเขาไม่สามารถไปฉกหญิงสาวเหล่านี้ที่ละคนได้
ผู้ชมในงานชุมนุมนี้….มีใครบ้างที่ไม่มีภูมิหลังที่ทรงพลัง?
ถ้าเย่หวู่ชางได้เผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนอาณาจักรถ้ำสวรรค์ ณ ตอนนี้….มันก็เพียงพอที่จะทําให้เขาปวดหัวได้
เพราะคนเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เทียบได้กับสิ่งที่บรรพบุรุษถงหยุนเคยเเสดงให้เขาเห็น
การเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนอาณาจักรถ้ำสวรรค์ในตอนนี้….ย่อมไม่ใช่สิ่งที่ดีสำหรับเย่หวู่ชางเลย
เว้นแต่ว่า, เขาจะสามารถใช้ความแข็งแกร่งของเขาเพื่อพิชิตอัจฉริยะระดับสูงเหล่านั้นได้
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ดวงตาของเย่หวู่ชางก็สว่างขึ้นทันที, บางทีเขาอาจจะลองดูว่าเขาจะทําได้หรือไม่
เเละเขายังต้องการต่อสู้กับอัจฉริยะระดับสูงและดูว่าพลังการต่อสู้ของเขามีขีดสุดอยู่ที่ใด
ณ ขณะนี้….แม้ว่าเขาจะมีความมั่นใจอย่างแน่วแน่ในความแข็งแกร่งของตัวเอง แต่มันก็ยังมีบุคคลที่มีอํานาจมากมายในโลกอันกว้างใหญ่ และเขาไม่มีวัยเคยประเมินคนอื่นต่ำเกินไป
อีกอย่างหนึ่ง……ผู้หญิงมักจะชอบความแข็งแกร่งตามธรรมชาติโดยไม่คํานึงถึงยุคสมัย
หากเจ้าสามารถแสดงความแข็งแกร่งเพื่อพิชิตพวกเธอได้….แม้แต่อัจฉริยะที่น่าทึ่งที่สุดก็จะยอมจํานนและร้องเพลงแห่งชัยชนะที่เท้าของเขา
ยกตัวอย่างเช่นสีคงหมิงเยว่, แม้ว่าเธอจะไม่อยู่ที่นี่ แต่เธอก็ยังเป็นอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมมาก….อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เธอกลับอยากเป็นนางสนมของเย่หวู่ชางมากกว่า
ตัวอย่างเช่นเซี่ยจือซวน, เธอที่มีร่างกายศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดินี
เธอมีความภาคภูมิใจและความเย่อหยิ่งที่มากมายมหาศาล…..เเต่เมื่อเธอกลับอยู่ข้างๆเขากับลูกเเล้ว, เธอก็กลายเป็นภรรยาที่น่ารักทันที
…….
หลังจากยกเลิกความคิดฟุ้งซ่านเช่นนี้ในใจ, เย่หวู่ชางก็ได้เเต่มองไปข้างหน้า
เเละหลังจากการคัดเลือกรอบเเรกเสร็จสิ้น, ทันใดนั้นผู้ฝึกตนอาณาจักรถ้ำสวรรค์ก็บินลงมาจากท้องฟ้าและออร่าอันทรงพลังของเขาก็ดึงดูดความสนใจของทุกคน
บุคคลนี้แข็งแกร่งมาก, อย่างน้อย เย่หวู่ชางก็รู้สึกถึงวิกฤตอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
เขามั่นใจว่าในแง่ของความแข็งแกร่ง….เขาไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้
หรือเเม้เเต่การหนี้, เขาก็อาจจะหนีไม่พ้นด้วยซ้ำ
ในขณะนี้, เย่หวู่ชางตระหนักว่าแม้ว่าเขาจะมีการปรับปรุงอย่างมีนัยสําคัญ….แต่เขาก็ยังอ่อนแอภายใต้การปราบปรามของอาณาจักรที่สูงกว่าอยู่ดี
ความเย่อหยิ่งที่เขาเคยฆ่าบรรพบุรุษถงหยุนด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยเรียบร้อยแล้ว
เเละในเวลาเดียวกันเขายังเห็นความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้….ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของอาณาจักรถ้ำสวรรค์ขั้นที่เก้า
นี่คือการดํารงอยู่ที่ห้างเพียงก้าวเดียวจากอาณาจักรดวงดาว
…………
"ข้าคือผู้อาวุโสโม่กังเฟิงแห่งสาขาศาลากลไกสวรรค์ในแคว้นกังหลัน”
“ข้าได้รับความไว้วางใจจากหลายฝ่ายให้มาเป็นประธานและตัดสินการประลองในครั้งนี้”
เมื่อได้ยินดังนั้นทุกคนก็พยักหน้า
ศาลากลไกสวรรค์ยังคงเป็นมิตรกับกองกําลังต่างๆมากมาย
ดังนั้น, ในหลายกรณีพวกเขาจึงได้รับเชิญให้มาทําหน้าที่เป็นตัวกลางเพื่อความเป็นธรรม
เเละเมื่อเห็นว่าไม่มีใครถามเขาก็, โม่กังเฟิงก็พูดเข้าประเด็นทันที
"มีผู้เข้าร่วมที่แข็งแกร่งมากมายในปีนี้, อัจฉริยะอาณาจักรพระราชวังสีม่วงหลายคนไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมด้วยซ้ำ…..ดังนั้นกฎสําหรับปีนี้จึงแตกต่างจากครั้งก่อนโดยจะมีโควต้าเพียง 108 ตําแหน่งเท่านั้น"
หลังจากพูดจบเขาก็โบกมือ
บนเวทีระดับบนสุดมีการแสดงแถวของบัลลังก์จัดเรียงที่เป็นรูปปิรามิดจากต่ำไปสูง
ห้าขั้นล่างเป็นสีเงินรวมเจ็ดสิบสองบัลลังก์….ในขณะที่ห้าขั้นบนเป็นสีทองมีสามสิบหกบัลลังก์
นอกจากนี้, ที่ด้านบนสุดยังมีบัลลังก์เพียงบัลลังก์เดียวที่ส่องแสงด้วยสีม่วงและสีทอง
มันดูโดดเด่นและมีเกียรติเป็นพิเศษ
ทุกคนรู้ทันทีว่าใครก็ตามที่สามารถดํารงตําแหน่งนี้ได้….คนๆนั้นก็จะเป็นอันดับต้นๆของรายชื่อมังกรเร้นลับในครั้งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
ครู่หนึ่งดวงตาของทุกคนก็ลุกเป็นไฟ
หลายคนปลูกฝังเพื่อชีวิตที่ยืนยาว…..ไล่ตามชื่อเสียงและโชคลาภอย่างไม่ลดละ
เพราะการทำเเบบนี้จะทําให้พวกเขามีทรัพยากรและโอกาสมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้น, ณ ขณะนี้….พวกเขาจึงหันมาสนใจโม่กังเฟิงอย่างรวดเร็ว
เเละเมื่อเห็นสิ่งนี้ โม่กังเฟิงก็ไม่เก็บความคลุมเครือเช่นกัน
"กติกาสําหรับการแข่งขันครั้งนี้มีไว้สําหรับผู้ครอบครอง, หากเจ้าคิดว่าเจ้ามีความแข็งแกร่งและคุณสมบัติที่จะยึดบัลลังก์ไว้ได้….เจ้าก็สามารถไปเป็นผู้ครอบครองได้!"
"เเต่ถ้าคนอื่นจับตามองบัลลังก์ของเจ้า….หากพวกเขาชนะพวกเขาก็จะกลายเป็นผู้ครอบครองคนใหม่, เเต่หากพวกเขาล้มเหลวพวกเขาก็จะต้องท้าทายอีกครั้ง"
"ในบัลลังก์ทั้งหมดนี้มีโลกใบเล็กอยู่….เมื่อทั้งสองฝ่ายปรากฏตัวขึ้นพร้อมในบัลลังก์เดียวกัน พวกเขาจะเข้าสู่โลกใบเล็กเพื่อต่อสู้กัน”
“ผู้แพ้จะถูกส่งออกไป และผู้ชนะจะกลายเป็นผู้ครอบครองบัลลังก์ต่อไป!”
"แต่ข้าต้องเตือนเจ้าไว้ก่อนนะ….ว่าแต่ละคนมีโอกาสท้าทายเพียงสามครั้งเท่านั้น, หากพวกเขาล้มเหลวทั้งสามครั้งพวกเขาจะถูกส่งออกไปและสูญเสียคุณสมบัติสําหรับการเข้าสู่อาณาจักรลับมังกรทยาน!"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ทุกคนก็รู้สึกกดดันทันที
หนึ่งร้อยแปดบัลลังก์….ต่อผู้เข้าร่วมเจ็ดถึงแปดพันคน
มันชัดเจนเลยว่าการแข่งขันนี้โหดร้ายมากแค่ไหน
ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่ล้มเหลวสามครั้งในการท้าทายจะถูกกําจัด….ซึ่งหมายความว่าแต่ละตระกูลจะมีโอกาสเพียงสามครั้งเท่านั้น
ทันใดนั้น, ใบหน้าของทุกคนก็จริงจังขึ้นมาก
แน่นอนว่ายังมีบางคนที่ยังคงสงบ….เเละดวงตาของพวกเขาต่างก็เต็มไปด้วยความมั่นใจและความเย่อหยิ่ง
พวกเขารู้สึกว่าบัลลังก์เหล่านี้ต้องมีที่ของพวกเขาอย่างเเน่นอน
หลังจากที่โม่กังเฟิงเห็นว่าทุกคนกระตือรือร้นและพร้อมแล้ว
ดังนั้นเขาจึงพูดต่อทันที
“ทุกคนคงมองเห็นเเล้ว, ตําแหน่งสูงสุดคือบัลลังก์ทองคําสีม่วงและมีเพียงผู้ชนะในรอบนี้เท่านั้นที่มีสิทธิ์นั่ง”
“เอาล่ะ งั้นเรามาเริ่มกันเลย”
หลังจากพูดอย่างนั้นเขาก็โบกมือและบัลลังก์ 108 บัลลังก์บนท้องฟ้าก็ตกลงมาบนเวทีโดยตรง
เเละดําเนินการเสร็จสิ้นเเล้ว, โม่กังเฟิงก็ทะยานขึ้นไปในอากาศและหายตัวไปจากเวทีขนาดใหญ่นี้
ข้างนอกผู้คนนับไม่ถ้วนเบิกตากว้างตกใจกับวิธีการกําจัดที่โหดร้ายนี้
พวกเขาทั้งหมดกําลังรอดูว่าใครจะได้ตําแหน่งในที่สุด
"อืม…..จาก 108 บัลลังก์นี้, หนึ่งในนั้นจะเป็นของข้าอย่างแน่นอน”
“เเละข้าต้องการดูว่าใครกล้าแข่งขันกับข้า จางฉีหยวน, มาทดสอบได้เลยว่าดาบของข้าไร้ความปราณีหรือไม่!”
หลังจากพูดจบเขาก็ทะยานขึ้นไปในอากาศและพุ่งไปอยู่ท่ามกลางบัลลังก์เงินทั้ง 72 บัลลังก์.…เเละยืนอยู่ที่นั่นเพื่อรอการท้าทายจากผู้อื่น
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ประเมินตนสูงเกินไปนัก
มันมีบุคคลที่มีอํานาจมากเกินไปในรอบนี้…..และด้วยอาณาจักรพระราชวังสีม่วงขั้นสูงสุด เขาจึงไม่กล้าแข่งขันกับผู้ฝึกตนอาณาจักรสำแดงกฎเกณฑ์เหล่านั้นโดยธรรมชาติ!
เเละเมื่อเห็นชายคนนี้เคลื่อนไหว….บุคคลที่ทรงพลังคนอื่นๆก็ทะยานขึ้นไปในอากาศเเละมุ่งหน้าไปยังบัลลังก์ที่พวกเขาต้องการทันที
พวกเขาทั้งหมดเป็นอัจฉริยะระดับสูงในภูมิภาคของตน
พวกเขามีความภูมิใจและไม่เชื่อว่าพวกเขาด้อยกว่าคนในรุ่นเดียวกัน
ในไม่ช้า การต่อสู้ที่น่าทึ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาทุกคน
………………………