บทที่ 28 เชิญท่านปรมาจารย์
เมื่อหลี่เหยียนอู่ได้ยินคำว่า "ปรมาจารย์น้อย" เขาก็อดตาโตและเปลี่ยนท่านั่งไม่ได้ สมองคิดอย่างรวดเร็ว
เร็วๆ นี้นักเรียนที่บาดเจ็บสาหัสในโรงเรียนเกือบทั้งหมดมีประวัติการรังแกผู้อื่น การที่คนเป็นจำนวนมากประสบเคราะห์กรรมพร้อมกันแบบนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าปรมาจารย์น้อยต้องอยู่เบื้องหลัง อีกอย่าง ในโรงเรียน คนที่มีความสามารถขนาดนี้ก็มีแค่ปรมาจารย์น้อยเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ หลี่เหยียนอู่เคยได้ยินคำว่า "รังแกกันในโรงเรียน" มาบ้าง แต่คิดว่ามันไกลตัวมาก แต่จากการสำรวจครั้งนี้ กลับพบว่าการรังแกในโรงเรียนมัธยมตงฟางกั๋วจี่เป็นเรื่องธรรมดาเหมือนอาหารประจำวัน
เขาแค่เก็บข้อมูลคร่าวๆ ก็ได้ยินเรื่องการรังแกที่น่าโมโหหลายกรณี หากไล่ดูทีละเรื่องยังไม่รู้ว่าจะมีมากขนาดไหน
อย่างตรงไปตรงมา หลี่เหยียนอู่รู้สึกว่าสิ่งที่หลินชิงอิ่นทำนั้นยอดเยี่ยมมาก สำหรับนักเรียนที่ถูกรังแกแล้ว นอกจากจะถูกทำร้ายร่างกาย แผลใจอาจเป็นสิ่งที่ลบไม่ออกตลอดหลายสิบปีหรือทั้งชีวิต รุนแรงอาจส่งผลทั้งชีวิต ถึงแม้ในความทรงจำ ชีวิตมัธยมควรจะสวยงาม แต่อาจเป็นฝันร้ายที่พวกเขาไม่อยากนึกถึงไปชั่วชีวิต
ส่วนนักเรียนที่ทำร้ายผู้อื่นกลับมีความสุขจากความทุกข์ของคนอื่น ย่ำยีศักดิ์ศรีคนอื่นอย่างเต็มใจ โดยไม่คิดถึงความรู้สึกของคนที่ถูกรังแก ถึงแม้จะโดนพ่อแม่หรือครูจับได้ ก็แค่กล่าวคำขอโทษลอยๆ ไม่กี่คำก็จบไป ใครจะสนคำขอโทษพวกเขากัน ทำไมต้องจบง่ายๆ แบบนั้นด้วย!
ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนที่ถูกรังแกหรือแม้กระทั่งตัวเขาเอง ก็อยากเห็นคนที่ข่มเหงคนอื่นได้รับกรรม
ในเมื่อท่านอาจารย์ใหญ่จัดการเรื่องนี้ไม่ได้เต็มที่ จะให้ปรมาจารย์น้อยลงโทษพวกเลวๆ นั่นเลยดีกว่า!
เมื่อได้ยินคำแนะนำ "ปรมาจารย์น้อย" จากผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ ตาของอาจารย์ใหญ่หวังชิงเฟิงก็เป็นประกาย
"ท่านผู่เหรอ? เป็นท่านผู่ที่เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ยเหรอ?"
ผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่หวางไห่ลังเลแล้วส่ายหน้า "จริงๆ แล้วผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องมากนัก มีครั้งหนึ่งตอนไปบ้านแม่ในวันหยุดสุดสัปดาห์ ได้ยินท่านพ่อและท่านแม่พูดถึงปรมาจารย์น้อย ผมก็ไม่ได้ฟังชัดเจนว่าเป็นปรมาจารย์น้อยหรือท่านผู่ ตอนนั้นผมยังดุพวกท่านไปบอกว่าอย่าโดนคนหลอกลวงไปสิ แต่ตอนนั้นแม่ไม่ค่อยพอใจ บอกว่าใครก็ตามที่ไปหาปรมาจารย์น้อยมา ไม่มีใครบอกว่าไม่ได้ผล ตอนนี้แถวคิวที่รอดูดวงยาวไปถึงหลายเดือนข้างหน้าแล้ว"
"หลายเดือนเลยเหรอ..." อาจารย์ใหญ่หวังชิงเฟิงลูบหน้าผากมันวาว อย่างกังวลใจ "พวกเราคงรอนานขนาดนั้นไม่ไหวนะ! ผู้ช่วยหวาง กลับไปช่วยสอบถามช่องทางติดต่อของท่านปรมาจารย์ ดูซิว่าจะจัดคิวให้เราไปก่อนได้บ้างไหม เรื่องเงินคุยกันก่อนได้"
มองดูรอบๆ ห้องประชุม อาจารย์ใหญ่หวังชิงเฟิงพูด "พวกเราคนอื่นก็ช่วยตามหาดูเหมือนกันว่ามีท่านปรมาจารย์ดูฮวงจุ้ยที่น่าเชื่อถือไหม แล้วแนะนำมาด้วย พวกเราต้องร่วมมือกันไขปัญหาเรื่องประหลาดในโรงเรียนให้เร็วที่สุด"
หลี่เหยียนเฉินหมุนปากกาในมือ ก้มตาลงเล็กน้อย "อาจารย์ใหญ่ครับ ตอนนี้จริงๆ แล้วก็ไม่ได้แย่อะไร นักเรียนที่ชอบรังแกคนอื่นต่างได้รับบาดเจ็บเข้าโรงพยาบาลไปหมดแล้ว ไม่ต้องมีพวกเขาแล้ว บรรยากาศในโรงเรียนก็ดีกว่าแต่ก่อนเยอะเลย ดูสิ ระเบียบในชั้นเรียนตอนนี้ดีขนาดไหน!"
อาจารย์ใหญ่หวังชิงเฟิงมองหลี่เหยียนเฉินด้วยสายตาสิ้นหวัง "ตอนนี้ชั้นม.ปลายปี 2 ห้อง 1 มีนักเรียนไม่ถึง 10 คนแล้วระเบียบในชั้นเรียนจะไม่ดีได้ยังไง!"
สวนเฉิน ครูประจำชั้นที่โดนการรังแกระบาดหนักที่สุดก็เกาหน้าอย่างเก้อเขิน "อาจารย์ใหญ่ครับ ผมมีข้อเสนอนะครับไม่รู้ว่าจะเหมาะสมไหม..." เห็นอาจารย์ใหญ่หวังชิงเฟิงพยักหน้าอนุญาต ครูสวนจึงพูดต่อ "ตอนนี้ จะมีการแบ่งห้องใหม่สำหรับนักเรียนม.ปลาย ปี 2 อยู่แล้ว เราแยกนักเรียนที่บาดเจ็บรุนแรงกับเข้าโรงพยาบาลให้อยู่ด้วยกัน ส่วนนักเรียนที่ตั้งใจเรียนที่เหลือ ก็แยกตามจุดเน้นการเรียนของแต่ละคนอีกครั้ง"
อาจารย์ใหญ่หวังชิงเฟิงได้ยินก็ลังเลใจ "ผู้ปกครองจะมีปัญหาไหมนะ?"
"อาจารย์ใหญ่ อย่าลืมความตั้งใจในการสร้างโรงเรียนของคุณสิ!" หลี่เหยียนอู่รีบเติมน้ำ "ถ้าผู้ปกครองไม่พอใจก็ให้พาลูกออกไปซะ ไม่มีพวกสิ้นคิดพวกนั้น โรงเรียนเราก็มีโอกาสสร้างเป็นโรงเรียนมัธยมสายสามัญชั้นยอด
เหมือนที่คุณใฝ่ฝันได้แล้ว! อีกอย่าง คุณขาดค่าเทอมพวกนั้นไปคุณจะเดือดร้อนหรือไง?"
นักเรียน 600 กว่าคน คนละ 5 หมื่นต่อปี…
อาจารย์ใหญ่หวังชิงเฟิงพยักหน้ารับตามตรง "เดือดร้อน!"
เขาบ่นอย่างคับแค้นใจ ตบโต๊ะฉาดใหญ่ "พวกเธอรู้บ้างไหมว่าเงินเดือนพวกเธอสูงขนาดไหน? พวกเธอไม่รู้หรือไงว่าค่าดูแลบำรุงรักษาและปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวก สนามหญ้าและพันธุ์ไม้ ต้องใช้เงินเท่าไหร่ต่อปี? แล้วยังมีครูฝึกชาวต่างชาติพวกนั้นอีกต้องจ่ายค่าตอบแทนเป็นรายชั่วโมงนะ ทุกวันทุกคลาสจะมีวิชาเรียนกับครูต่างชาติหนึ่งชั่วโมง รวมกันแล้วต้องใช้เงินเท่าไหร่กัน!"
หลี่เหยียนอู่ได้ไออย่างเก้อเขินสองที ก็เขาเองก็เป็นหนึ่งในคนที่รับเงินเดือนสูงนั่นแหละ"การสอนตามแผนของเราก็ต้องดำเนินต่อไปอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่านักเรียนพวกนี้จะกลับมาเรียนได้เมื่อไหร่ พอพวกเขากลับมา ก็ต้องตามเนื้อหาการเรียนให้ทันแล้ว ช่วงที่จะเปิดประชุมผู้ปกครองเพื่อแบ่งห้องใหม่
คุณก็บอกไปว่าทางโรงเรียนจะจัดการสอนเสริมให้พวกเขาเป็นพิเศษ ตามความคืบหน้าในการเรียน บางทีผู้ปกครองอาจจะคิดว่าโรงเรียนเอาใจใส่ซะอีก"
ผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่หวางไห่มองตัวเลขในจอโปรเจกเตอร์แล้วหันไปพูดกับอาจารย์ใหญ่ "นักเรียนม.ต้นพึ่งเปิดเทอมน่าจะยังไม่มีปัญหาแบบนี้ ให้ครูประจำชั้นช่วยเน้นย้ำแนะนำด้วยก็แล้วกัน ส่วนม.ปลายปีสองปีสามให้ครูประจำชั้นสำรวจในชั้นเรียนตัวเองดู ดูว่านักเรียนที่ได้รับเคราะห์กรรมพวกนี้มีประวัติการรังแกคนอื่นในโรงเรียนบ้างไหม ถ้าผลการสำรวจเหมือนอาจารย์หลี่เหยียนอู่ ผมเห็นด้วยกับการแบ่งห้องใหม่ตามข้อเสนอ อย่าให้พวกเขาไปมีผลกระทบต่อนักเรียนคนอื่นๆ"
หัวหน้าฝ่ายกิจการนักเรียนก็พยักหน้า "ช่วงนี้นักเรียนหลายคนจิตใจถดถอยมาก พวกนี้ต้องเพิ่มการอบรมความประพฤติให้มากขึ้น อย่าให้หนูตัวเดียวทำเนื้อเน่าทั้งหม้อ ไม่คุ้มกับการเสียชื่อเสียงของโรงเรียนเราไปเพราะนักเรียนพวกนี้ ถ้าพวกเขาชอบรังแกกัน ก็ปล่อยให้พวกเขารังแกกันเองไป ให้รู้ซะบ้างว่ารสชาติมันเป็นยังไง"
อาจารย์ใหญ่หวังชิงเฟิงลูบหัว "เอาตามที่พวกเธอเสนอก็ได้ แต่ตอนแบ่งห้องก็ต้องระวังหน่อยนะ เอาคนที่บาดเจ็บเล็กน้อยไว้ด้วยกัน แยกคนที่กระดูกหักหรือหน้าพังไว้อีกกลุ่ม เราต้องเลือกสอนให้เหมาะสมกับสภาพพวกเขา"
หลี่เหยียนอู่แทบจะหัวเราะออกมา นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยิน "เลือกสอนให้เหมาะสม" แบบนี้!
"แต่ท่านปรมาจารย์ก็ยังต้องขอให้มาดู" อาจารย์ใหญ่หวังชิงเฟิงย้ำถึงเหตุผลหลักที่จัดประชุมอีกครั้ง "ถ้าไม่ให้ใครมาดูฮวงจุ้ย ผมไม่สบายใจ"
---
เมื่อประชุมเสร็จ หลี่เหยียนอู่ก็คิดว่าควรจะบอกเรื่องนี้กับหลินชิงอิ่น ให้เธอเตรียมตัวไว้บ้าง แต่วันนี้เป็นวันอาทิตย์พอดี นอกจากนักเรียนม.ปลายปีสามแล้ว คนอื่นๆ หยุดพักผ่อนกันหมด ในประวัตินักเรียนของหลินชิงอิ่นมีแต่เบอร์โทรศัพท์ของพ่อแม่เท่านั้น
หลี่เหยียนอู่ไม่กล้าเอาเบอร์โทรหาไปเอง จึงคิดว่าควรจะไปถามแม่ตัวเองดีกว่า คุณแม่ไปดูดวงกับปรมาจารย์น้อยทุกครั้ง ต้องมีช่องทางติดต่อแน่นอน
เมื่อถึงบ้านของพี่ชาย หลี่เหยียนเฉิน ก็พบหลี่เหยียนเฉินกำลังนั่งปอกผลไม้บนม้านั่ง ส่วนคุณแม่กับพี่สะใภ้เจียงเหมยหลิงนั่งกินผลไม้กันอย่างเอร็ดอร่อยเหลือให้หลี่เหยียนเฉินได้กินแต่เมล็ดและขั้วผลไม้ตอนที่แกะเสร็จ
ตำแหน่งในบ้านก็ไม่ต้องพูดถึงแล้ว
หลี่เหยียนอู่ทักทายพี่สะใภ้เจียงเหมยหลิงก่อนแล้วถามไถ่เรื่องสุขภาพของเธอ
ตอนที่หลินชิงอิ่นเสี่ยงเซียมซี เธอบอกว่าเจียงเหมยหลิงกำลังตั้งครรภ์แฝด ซึ่งเป็นลูกสาวทั้งคู่ ตอนนั้นเจียงเหมยหลิงใช้ที่ตรวจครรภ์ก็พบว่าตั้งท้องจริงๆ
พอเอ่ยถึงเรื่องของเจียงเหมยหลิง คุณแม่ก็หัวเราะก่อน "พูดมาสิ ปรมาจารย์น้อยเก่งขนาดไหน? ก่อนหน้านี้แม่พาลูกสะใภ้ไปตรวจเลือด ทำอัลตราซาวนด์ที่โรงพยาบาล ในใบอัลตราซาวนด์บอกว่าเป็นตัวอ่อนฝาแฝด 2 ตัว!"
"เป็นแฝดจริงๆ ด้วย!" ถึงแม้หลี่เหยียนอู่จะรู้ผลอยู่แล้ว แต่พอมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ยืนยันเขาก็อดรู้สึกทึ่งมากไม่ได้ ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าปรมาจารย์คำนวณออกมาได้ยังไง ความสามารถระดับนี้ช่างวิเศษเหลือเกิน! แต่ถ้าทำข้อสอบเรียงความภาษาอังกฤษตัวเองได้โดยไม่ต้องท่องของคนอื่นก็คงจะดีกว่านี้อีก!
คุณแม่แทงชิ้นแอปเปิ้ลใส่ปากแล้วมองหลี่เหยียนอู่ "มาขอกินข้าวฟรีหรือไง?"
"ไม่ใช่ครับ ผมมีเรื่องจะถามแม่" หลี่เหยียนอู่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา "แม่ครับ แม่มีเบอร์ติดต่อหลินชิงอิ่นไหม?"
คุณแม่มองอย่างงงงวย "หลินชิงอิ่นคือใคร?"
"โอ๊ย ก็นักเรียนผมไง!" หลี่เหยียนอู่หมดความอดทน "คนที่ช่วยดูดวงให้พี่สะใภ้น่ะ!"
"อ๋อ ปรมาจารย์น้อยสินะ!" คุณแม่หยิบโทรศัพท์ออกมาด้วยความร่าเริง
"ทำไมเรียกชื่อคนอื่นแบบนั้นล่ะ ไม่มีมารยาทเลย! ต้องเรียกท่านปรมาจารย์สิ ถึงจะให้เกียรติ!"
หลี่เหยียนอู่ปิดหน้าด้วยความอ่อนใจ "แม่ครับ ผมเป็นอาจารย์เขานะ!"
"ไม่เห็นเป็นไร อาจารย์ก็ยังต้องไปดูดวงกับปรมาจารย์น้อยอยู่ดี" คุณแม่เหล่มองลูกชาย
หลี่เหยียนอู่ "..." เขารู้สึกว่าในใจแม่ ปรมาจารย์น้อยมีสถานะสูงกว่าลูกชายตัวเองอีก!
คุณแม่เปิดโทรศัพท์ให้หลี่เหยียนอู่ดูรายชื่อ "แม่มีแค่กลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่อาหวังสร้างไว้ ถ้าอยากหาปรมาจารย์น้อยต้องนัดผ่านอาหวังก่อน อาหวังบอกว่า ปรมาจารย์น้อยต้องเรียนหนังสือ ห้ามไปรบกวน!"
หลี่เหยียนอู่เห็นเบอร์ติดต่อของหวังหูในกลุ่มก็โทรไป หวังอ้วนเป็นจอมเจ้าเล่ห์ เขาตอบรับอย่างคลุมเครือ พูดมากมายแต่ไม่ได้ให้เบอร์ของหลินชิงอิ่นเลย กลับไปจดเบอร์ของหลี่เหยียนอู่ไว้ แล้วจะปล่อยให้หลินชิงอิ่นเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะโทรกลับไหม
ตอนนี้หลินชิงอิ่นกำลังให้เจียงเว่ยช่วยสอนวิชาฟิสิกส์ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์พอดี สัปดาห์แรกของการเปิดเทอมสอนเนื้อหาใหม่ทั้งหมด เชื่อมโยงกับสิ่งที่เคยทบทวนก่อนหน้านี้ไม่ค่อยติด ทำให้เธอค่อนข้างตามลำบากอยากรีบตามเนื้อหาให้ทัน เพื่อจะได้ไม่ต้องมาเรียนซ่อมช่วงปิดเทอมอีก
การสอนหลินชิงอิ่นนั้นง่ายมาก เจียงเว่ยไม่ต้องคำนึงถึงความเข้าใจของหลินชิงอิ่น แค่สรุปประเด็นความรู้ออกมา พอเขาสอนเสร็จ หลินชิงอิ่นก็จะเข้าใจได้ทันที
พอสอนจบหนึ่งบทใหม่ โทรศัพท์ของหลินชิงอิ่นก็ดังขึ้น หวังอ้วนบอกเรื่องที่หลี่เหยียนอู่อยากติดต่อเธอ แล้วก็ส่งเบอร์มาให้
ดูเหมือนหลินชิงอิ่นจะไม่แปลกใจเลยที่หลี่เหยียนอู่โทรหาเธอ เธอถือโทรศัพท์เดินกลับเข้าห้อง แล้วโทรกลับไปหาหลี่เหยียนอู่
หลี่เหยียนอู่ไม่ได้ถามถึงเรื่องที่หลินชิงอิ่นถูกเพื่อนรังแกหรือเรื่องที่เธอวางวงอาคม แต่รีบบอกเรื่องที่อาจารย์ใหญ่จะแบ่งห้องใหม่และตัดสินใจเชิญท่านปรมาจารย์มาดูให้เธอโดยตรง สุดท้ายหลี่เหยียนอู่ก็บอกว่า "ผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่บอกว่าเขาเคยได้ยินเรื่องปรมาจารย์น้อยที่ดูดวงแม่นมาก อาจารย์ใหญ่เลยให้เขาลองติดต่อท่านปรมาจารย์มาดูสักครั้ง"
หลินชิงอิ่นหัวเราะ คิดว่าจะเชิญตนไปง่ายๆ แบบนั้นเลยหรือ?
---
เหล่าครูประจำชั้นของโรงเรียนมัธยมตงฟางกั๋วจี่ตรวจสอบเคสการรังแกในห้องเรียนอย่างลับๆ ส่วนผู้บริหารโรงเรียนก็ใช้ความพยายามอย่างยิ่งในการตามหาท่านปรมาจารย์เพราะเรื่องแบบนี้ไม่ควรเปิดเผยและจัดการนานเกินไป
วันหยุดสุดสัปดาห์นั้น ผู้บริหารโรงเรียน 10 กว่าคนรวมกันได้ 5 คนที่รู้เรื่องฮวงจุ้ย โรงเรียนจึงเชิญท่านปรมาจารย์ทั้งห้ามาในวันนั้นเลย
โรงเรียนมัธยมตงฟางกั๋วจี่มีพื้นที่กว้างขวางมาก บริเวณโรงเรียนร่มรื่นด้วยต้นไม้และสนามหญ้า มีทั้งสะพานข้ามคลองและน้ำไหล จากมุมมองด้านทิวทัศน์แล้ว ไม่มีโรงเรียนไหนเทียบได้เลย มองแล้วรู้สึกสบายใจ
คนแรกที่มาถึงชื่อ จางหยุน เขามีร้านดูดวงไพ่ยี่เก๋ ปกติจะช่วยคนเลือกฤกษ์แต่งงาน เลือกฤกษ์ย้ายบ้าน บางครั้งก็ช่วยจัดการเรื่องตำแหน่งของเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านด้วย จริงๆ แล้วเขามีความสามารถแค่ดูปฏิทินเท่านั้น แต่วันนี้มาเพราะค่าตัวที่ทางโรงเรียนให้สูงมาก 2,000 หยวน
พอจะมีรายได้เขาครึ่งเดือนแล้ว
คนที่สองชื่อ จู้เจิ้นเฟิง เรียนรู้วิชาฮวงจุ้ยด้วยตัวเอง เมื่อหลายปีก่อนเคยช่วยเลือกที่ฝังศพมาบ้าง ปัจจุบันทำงานเป็นยามรักษาความปลอดภัยที่โรงงาน คนที่ชวนเขามาคือผู้อำนวยการฝ่ายบริหารทั่วไปของโรงเรียน ทั้งคู่เป็นเพื่อนบ้านเดียวกันรู้ว่าเขาพอมีความรู้ทางด้านนี้บ้างจึงให้เขามาลองดู
คนที่สามคือหนุ่มจบใหม่จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยชื่อดังชื่อ หวังจินหาง สมัยเรียนเคยเข้าร่วมชมรมศึกษาวัฒนธรรมไพ่ยี่เก๋ และเคยฟังความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมลัทธิเต๋ามาบ้างรู้อยู่นิดหน่อย คิดว่าความรู้ตัวเองนั้นเหนือกว่าคนทั่วไป
คนที่สี่คือนักพรตที่รองอาจารย์ใหญ่เชิญมาจากวัดเต๋าใหญ่ที่สุดในเมืองฉีเฉิงชื่อ ชิน ทุกคนเรียกเขาว่า "เต๋าจาง ชิน" ดูอายุราว 50 ปี นิสัยใจคอดูอ่อนโยนมาก
คนที่ห้าที่มากลับเป็น หวังอ้วน
จากทั้งห้าคน คนเดียวที่รู้เรื่องราวในโรงเรียนน่าจะมีแค่หวังอ้วน คราวนี้เขามาแทนปรมาจารย์น้อยเพื่อมาดูเรื่องสนุกๆ และมาดูด้วยว่าจะมีใครสามารถค้นพบวงอาคมที่ปรมาจารย์น้อยวางไว้ได้บ้างไหม
เมื่อเห็นห้าคนที่มีลักษณะแตกต่างกันมากยืนเรียงแถว อาจารย์ใหญ่หวังชิงเฟิงก็คลายความกังวลลงไม่น้อยเส้นผมบางๆ บนหัวของเขาคงจะมีทางรอด!