บทที่ 15 การดับสูญของแสงดาว
บทที่ 15 การดับสูญของแสงดาว
ระหว่างสวรรค์กับโลก มีเสียงพึมพำทุ้มๆ ราวกับเสียงกระซิบที่ข้างหู เหมือนเสียงที่น่ารังเกียจและโสโครกที่สุดในโลก ฟังแล้วน่าสะอิดสะเอียน เหมือนโลหะมีคมขูดไปมาบนกระจก ทำให้ คนเป็นบ้าและกรีดร้อง
เสียงคำรามและเสียงร้องไห้ทำให้ผู้คนปิดหู แต่เสียงนี้พุ่งเข้าไปในส่วนลึกของจิตวิญญาณราวกับว่ามันจะดึงวิญญาณของทุกคนลงสู่ก้นบึ้ง
"ปีศาจ~~~~"
เสียงที่ราวกับจะสิ้นหวัง เหมือนกับว่าจะริษา และเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ราวกับเสียงที่ล่องลอยอยู่ในโลกนี้เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
ฮัม~~~
หลี่อังไม่แม้แต่จะมองไปที่โบสถ์ที่รายล้อมไปด้วยฝูงผีดิบไม่รู้จบ เขาแค่ยกมือขวาขึ้นแล้วเหวี่ยงไปข้างหลังเขาเบาๆ พร้อมกับเสียงประหลาด เขาสร้างชั้นของผนังคริสตัลที่ปกคลุมโบสถ์ขนาดใหญ่ในชั่วพริบตา
บูม! บูม! บูม!
ความตื่นตนกและความปั่นป่วนของการต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป
หลี่อังเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยโดยหลับตา ผมสีดำและเสื้อคลุมของเขาสบัดอย่างบ้าคลั่งในสายลม เขาดูเหมือนวีรชนที่ต่อสู้กับความชั่วร้ายในสมัยโบราณล้อมรอบไปด้วยฝูงผีดิบไม่รู้จบ
"ถ้าแกคิดว่าด้วยเหล่าคนตายเพียงอย่างเดียวจะหยุดแสงดาวได้จริงๆล่ะก็..."
เสียงกระซิบแผ่วเบาไม่ดังมากแต่ก้องกังวานในเสียงร้องและเสียงกรีดร้องของเหล่าผีดิบจำนวนนับไม่ถ้วน ราวกับพวกมันลอยเข้าไปอยู่ในหูของทุกคน
พลังเปลวไฟสีทองเผาไหม้อย่างอธิบายไม่ได้จากร่างของหลี่อังและดูเหมือนสัตว์ร้ายที่อยู่เฉยๆในร่างกายของเขากำลังจะตื่นขึ้นพร้อมกับการเผาไหม้ของเปลวเพลิง
ฮึ่ม~
ในระยะไกล นักบวชที่ยังคงหลีกเลี่ยงกำลังอันรุนแรงของหลี่อินนา ดูเหมือนจะรู้สึกบางอย่าง ร่างกายของเขาที่ปกคลุมไปด้วยหมอกสีดำแข็งตัวและหันไปมองหลี่อังด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ นั่นคืออะไร?
มันเป็นออร่าที่น่ากลัวและน่าเกรงขามอย่างสุดจะพรรณนา ยิ่งใหญ่ ใหญ่โต และศักดิ์สิทธิ์เหมือนดวงดาวที่สว่างไสว
ลมที่รุนแรงดูเหมือนจะถูกขับเคลื่อนด้วยพลังบางอย่างและรุนแรงขึ้น
เหนือเมฆดำทะมึนที่ปกคลุมด้วยคลื่นผีดิบไม่รู้จบ ดวงดาวที่สว่างไสวเปร่งประกายทะลุทะเมฆ ก่อตัวเป็นรูปแบบลึกลับ
มองดูแล้วน่าจะเป็นกลุ่มดาวแอรีส(แกะ)กำลังเปร่งประกายบนท้องฟ้า
"เป็นเกียรติของเราที่จะชำระความชั่วร้ายทั้งหมดและปกป้องดินแดนนี้ ... "
หลี่อังพูดอย่างแผ่วเบากับตัวเอง จู่ๆ ก็ลืมตาขึ้น และแสงสีทองก็ผลิบานในรูม่านตาของเขา แสงสีทองที่ส่องประกายอย่างหาที่เปรียบมิได้ทำให้โลกสว่างไสวด้วยลมหายใจของเขา เสียงของเขาดังขึ้นและก้องกังวานและน่าตกใจมากขึ้น ดังก้องไปทั่วโลกราวกับเป็นการประกาศเจตจำนง
พลังคอสโม่น้อยใหญ่ต่างลุกเป็นไฟอย่างบ้าคลั่ง
นิ้วชี้ของมือขวาถูกยกขึ้นสู่ท้องฟ้าในทันใด
"แสงดาวดับสูญ~~~~"
บูม~~~
แสงดาวพร่างพรายจากนิ้วชี้ที่ชูขึ้นของเขาปะทุเต็มที่ และภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิด ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวในยามค่ำคืน
ท้องฟ้ายามค่ำคืน
สวยงามตระการตาจนผู้คนอดไม่ได้ที่จะยลโฉมแสงดาวอันงดงามนี้
อย่างไรก็ตาม แสงดาวที่ศักดิ์สิทธิ์และสวยงามนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหมือนกับการมาถึงของความตายสำหรับเหล่าผีดิบและปีศาจ
"อ๊าก~~~~~~"
สวรรค์และโลกกลายเป็นเหมือนกลางวันภายใต้แสงดาวที่สวยงามและพร่างพราย อันเดดที่แต่เดิมน่าเกลียดและชั่วร้ายค่อยๆ หายไปในแสงดาวที่สวยงามนี้ ปีศาจนับพันที่ไม่สามารถต่อต้านทำได้เพียงกรีดร้องด้วยความสิ้นหวังและไร้ซึ่งอำนาจ
บูม~~
แม้แต่เมฆดำและสายฟ้าสีม่วงบนท้องฟ้าก็ถูกกวาดล้างและกระจายออกไป
"ให้ตายเถอะ นี่มันพลังอะไรกันเนี่ย?
ปุโรหิตยกมือขึ้นด้วยความไม่เชื่อต่อหน้าเขา และหมอกสีดำที่ไม่มีที่สิ้นสุดก็พวยพุ่งขึ้นมาต่อต้าน แต่ก็ไร้ประโยชน์ พวกเขาถูกกลืนกินและทำลายล้างในทันที หลอมละลาย สึกกร่อน เปลี่ยนร่างจากนักบวชผู้อ่อนโยนเป็นโครงกระดูกปีศาจน่าเกลียด
พลังของเขาอยู่ภายใต้แสงดาวที่ไร้ขอบเขต ปราศจากความสามารถในการต้านทานใดๆ
เป็นไปได้อย่างไร?
"เมื่อความชั่วร้ายใด ๆ พยายามปกครองและกลืนกินดินแดนอันเงียบสงบนี้ ดวงดาวจะมาทำลายทุกสิ่ง และจงกลับไปยังนรกของเจ้า"
เสียงที่ไม่แยแสของหลี่อินนาไปถึงหูของโครงกระดูกปีศาจนักบวช มือขวาของเธอที่สวมถุงมือโลหะกลายเป็นกำปั้นที่ลุกโชนด้วยเปลวไฟสีทองไปทั่วร่างของเธอ และเธอชกหมัดโดยไม่ลังเล
บูม~~
การระเบิดที่น่าสะพรึงกลัวได้พัดผ่านอากาศหลายล้านครั้งในเวลาเพียงหนึ่งวินาที และลำแสงที่ไร้ทิศทางจำนวนนับไม่ถ้วนเทลงมาราวกับสายฝนที่ตกกระหน่ำไปยังโครงกระดูกที่เกือบถูกทำลาย
“ข้ายังไม่แพ้ อย่าหยิ่งยโสเกินไปเจ้ามนุษย์ ข้าจะกลับมา ถึงเวลานั้น จอมมารจะสั่งให้ปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนลงมายังโลก เปลี่ยนโลกให้กลายเป็นนรก และทุกอย่างจะโดนนรกกลืนกินจนหมดสิ้น 55555”
แสงจากการทิ้งระเบิดหลายล้านครั้งซึ่งเกือบจะเกินความเร็วแสงทำให้ร่างโครงกระดูกนักบวชเบลอและแตกสลายจมหายในเส้นแสงสีทองจนหมดสิ้น เหลือเพียงเสียงหัวเราะที่มุ่งร้ายและไม่พอใจก่อนตาย