บทที่ 13: หนังสั้น (2)
บทที่ 13: หนังสั้น (2)
PDซงมันวูผู้มีหนวดเคราแพะ หลังจากที่นั่งลงแล้วก็เริ่มสั่งอาหารทันที
“ถ้ามาถึงร้านไก่ ก็ควรจะสั่งไก่จริงไหม?”
จากนั้นเขาก็เทโซจูใส่แก้วเปล่าของผู้กำกับคางเหลี่ยมที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“มันจริงอยู่ที่ว่าคนเราจะหล่อหลอมจากสภาพแวดล้อมรอบตัว แต่ถ้าเอ็งทำตัวน่าสงสารแบบนี้ ชีวิตของเอ็งก็จะน่าสงสารยิ่งกว่าเดิมอีกนะ”
ผู้กำกับคางเหลี่ยมได้แต่เกาหัวด้วยความอาย
“พี่รู้อยู่แล้วนิว่าชีวิตของผมตอนนี้มันแย่ ผมจะทำอะไรได้กันล่ะครับ?”
“ไอ้บ้าเอ๊ย เฮ้ย ชินดงชุน นิสัยของเอ็งมันตายไปด้วยแล้วเหรอ?”
PDซงมันวูกับผู้กำกับชินดงชุน ทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันมาก และเคยเป็นเพื่อนร่วมงานกันที่แผนกละครของสถานีโทรทัศน์ SBS ถึงแม้ชินดงชุนประสบความสำเร็จน้อยกว่า PDซงมันวู แต่เขาก็ยังเป็นผู้กำกับที่น่านับถือ และมีผลงานภาพยนตร์ที่ดูดีอยู่ในตอนนั้นด้วย แต่ว่าผู้กำกับชินดงชุนมีความฝันอย่างหนึ่งเสมอ
การสร้างภาพยนตร์
ผู้กำกับชินดงชุนเปลี่ยนสายงานจากละครโทรทัศน์มาเป็นภาพยนตร์ ถึงแม้จะเป็นสายงานที่ดูคล้ายคลึงกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันเป็นคนละด้านกันเลยทีเดียว แม้ว่าจะมีผู้กำกับละครโทรทัศน์หลายคนที่อยากจะไปทำหนัง หรือผู้กำกับหนังที่อยากจะมาทำละคร แต่ผลสุดท้ายแล้ว มักจะประสบความล้มเหลวมากกว่าประสบความสำเร็จกันถ้วนหน้า
การเปลี่ยนสายงานครั้งนี้จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มันเป็นการก้าวเข้าสู่เส้นทางที่ยากลำบากอย่างยิ่งยวด
อย่างไรก็ตาม ผู้กำกับชินดงชุนตัดสินใจเลือกเส้นทางสายภาพยนตร์อย่างกล้าหาญ อาจจะเป็นเพราะว่าช่วงนั้น เขามีชื่อเสียงในฐานะผู้กำกับละครโทรทัศน์อยู่แล้ว หรืออาจจะเป็นเพราะว่าเขายังโสด ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ผู้กำกับชินดงชุนก็ได้เริ่มต้นเขียนบทภาพยนตร์ แน่นอนเขาตัดสินใจเรื่องนี้ทันทีหลังจากที่เขาออกจากช่อง SBC
บทภาพยนตร์ที่เขาเขียนเสร็จนั้นมีชื่อว่า 'การไล่ผี'
เวลาผ่านไป 2 ปี บทภาพยนตร์เรื่อง 'การไล่ผี' ของผู้กำกับชินดงชุนต้องเผชิญกับความยากลำบากในวงการหนัง การสร้างหนังสั้นหรือหนังอิสระมักจะไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่แล้ว ดังนั้นตัวบทภาพยนตร์เรื่องนี้จึงยังไม่ได้ถูกสร้าง โชคร้ายไปกว่านั้น ในช่วงเวลานี้ เขายังโดนหลอกลวงจากคนในบริษัทหนังอีกด้วย ส่งผลให้พ่อแม่ของเขาต้องเดือดร้อน
สุดท้ายแล้ว ผู้กำกับชินดงชุนก็กลายเป็นคนไร้เงินทอง ปัญหามากมายถาโถมเข้ามาหาเขาอย่างต่อเนื่อง
ถึงแม้จะอยู่ในสภาพนั้น ผู้กำกับชินดงชุน ก็ยังคงมีสติสัมปชัญญะที่น่ายกย่อง
โชคดีที่บทภาพยนตร์เรื่อง 'การไล่ผี' ของผู้กำกับชินดงชุนได้รับการอนุมัติทุนสร้างเสียที
แน่นอน ยังคงมีปัญหาอยู่ เพราะว่าทุนสร้างที่ได้มานั้นมีอะไรแอบแฝงที่ไม่โปร่งใส
ระหว่างที่กำลังกินกันอยู่นั้น ผู้กำกับชินดงชุนก็ได้ถาม PDซงมันวูผู้ที่กำลังรินน้ำให้เขาว่า
“ว่าแต่… นักเขียนพัคอึนมีสบายดีไหมครับ?”
“สบายดี ตอนนี้เธอกำลังยุ่งอยู่กับการเขียนบทน่ะ”
“ตอนนี้พี่กำลังคัดเลือกนักแสดงสำหรับ ‘ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล’ใช่ไหมครับ? บทเขียนไปถึงไหนแล้วครับ?”
“ประมาณ 2-3 ตอนได้”
“พี่คงจะต้องมีการอ่านบทและเริ่มถ่ายทำเร็ว ๆ นี้สินะครับ”
“น่าจะพรุ่งนี้ มีข่าวคอนเฟิร์มนักแสดงออกมาก็น่าจะรู้รายละเอียดแล้วล่ะ”
ช่วงเวลานี้ PDซงมันวูก็ยังคงพูดคุยกับผู้กำกับชินดงชุนอย่างสบาย ๆ ในขณะที่กำลังถือตีนไก่ทอด
“แล้วหนังสั้นเรื่อง ‘การไล่ผี’ ของเอ็งล่ะ เป็นยังไงบ้าง?”
ผู้กำกับชินดงชุนตอบว่า “ยังยากอยู่ครับ”
“ถ้ามันยากขนาดนั้น ทำไมไม่เลิกแล้วมาอยู่ทีมละครบีกับเราล่ะ? ถ้าให้พี่คุยกับสตูดิโอซีบลู มันก็เป็นไปได้นะที่จะดึงเอ็งมาเป็นผู้กำกับภายนอก”
ปกติแล้ว การเป็นผู้กำกับละครทีมบีมันมีความหมายหลายอย่าง มันอาจจะหมายถึงตัวแทน หรือผู้กำกับที่เคยก่อปัญหามากมาย มักมีความหมายในแง่ลบ แต่ถ้าเป็นทีมบีของPDซงมันวูรุ่นใหญ่ มันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง มันการันตีความปังได้อย่างแน่นอน ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ มันถือเป็นโอกาสทองเลย
ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น ผู้กำกับชินดงชุนก็ยังส่ายหัว
“ถ้าผมทำแบบนั้น ทีมงานคงนินทาพี่ลับหลัง ทำไมพี่ต้องมาโดนตำหนิเพราะสงสารผมด้วยกันล่ะ?”
“ไอ้โง่ เอ็งต้องคำนึงถึงการอยู่รอดก่อนสิ ดูตัวเองเถอะ ผอมลงไปเยอะเลย แล้วตอนนี้เกิดอะไรขึ้น? เล่าให้พี่ฟังหน่อยสิ”
หลังจากถอนหายใจยาว ผู้กำกับชินดงชุนก็เล่าสถานการณ์ปัจจุบันของเขาแบบย่อ ๆ
“ผมโชคดีเจอคนลงทุนแล้ว”
“ค่าใช้จ่ายในการผลิตหนังเรื่องนั้นไม่ใช่ประมาณ 30 ล้านเหรอ? แสดงว่าเป็นข่าวดีไม่ใช่เหรอ? แต่มัน…”
“มัน 40 ล้านต่างหากครับพี่ และมันยังไม่แน่นอนด้วย มันอาจจะเพิ่มขึ้นได้อีก ถึงแม้จะเป็นหนังสั้น แต่มันก็ยาวประมาณ 50 นาที แถมคนลงทุนคนนั้นมาจากวงการบันเทิงด้วย เขาบอกว่าเพื่อแลกเปลี่ยนกับการลงทุน เขาอยากจะดันนักแสดงในสังกัดเขาคนหนึ่ง”
“....เออ มันก็เป็นเรื่องปกติที่เคยเกิดขึ้นนะ แม้แต่ตอนที่เอ็งเป็นผู้กำกับก็ยังรู้เลย มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนิ”
“นักแสดงที่เขาอยากให้เราเอาไปเป็นพระเอกคือ พัคจองฮยอกครับ”
ในตอนนั้นเอง PDซงมันวูก็ขมวดคิ้ว
“ไอ้คนขี้เมาที่ทำลายอาชีพตัวเองเพราะเรื่องทะเลาะวิวาทน่ะเหรอ? งั้นคนลงทุนคนนั้นก็คงมาจากจีจีโอเอนเตอร์เทนเม้นท์สินะ”
“ครับ”
หลังจากได้ยินสถานการณ์ PDซงมันวูก็ได้พูดออกมาทันที อย่าลืมว่าในฐานะผู้กำกับ เขาอยู่ในระดับแนวหน้าของวงการบันเทิง
“พวกเขากำลังพยายามที่จะฟอกภาพลักษณ์ของเขาด้วยการใช้เงิน 40-50 ล้านเพื่อกู้ชื่อเสียงให้พัคจองฮยอก และฟื้นฟูอาชีพการงานของเขา หากสำเร็จ พวกเขาก็จะได้กำไรไปสองต่อ”
หลังจากดื่มโซจูหมดแก้วรวดเดียว ผู้กำกับชินดงชุนก็หัวเราะอย่างขมขื่น
“แต่เวทีสำหรับธุรกิจที่ทำกำไรนั่นคือภาพยนต์เรื่อง‘การไล่ผี’… มันก็แค่… ผมไม่ได้ใช้เวลานานหลายปีของผมเพื่อที่จะล้างภาพลักษณ์ให้กับคนอย่างพัคจองฮยอกสักหน่อย”
“······”
ถ้าพวกเขาจะดันนักแสดงที่มีประวัติคดีทำร้ายร่างกายร้ายแรงเป็นพระเอก มันคงเป็นที่ชัดเจนว่าภาพยนต์เรื่อง ‘การไล่ผี’แม้ว่าจะเป็นหนังสั้น แต่มันก็จะมัวหมองเป็นแน่ ถึงมันอาจจะมีโอกาสที่ออกมาดี แต่ตราบาปที่เป็นงานใช้ ‘ล้างภาพลักษณ์’ ก็จะไม่หายไป
ยิ่งไปกว่านั้น ความพยายามและความอดทนของผู้กำกับชินดงชุน ผู้ที่ทำงานหนักมาหลายปี ก็จะสูญเปล่า
มาถึงจุดนี้เอง
“ฮึ่ม-”
PDซงมันวูที่นั่งไขว่ห้างอยู่ฝั่งตรงข้ามเอ่ยปากขึ้นมาทันที ขณะมองไปที่ผู้กำกับชินดงชุน
“ให้ฉ้นแนะนำนักแสดงให้เอ็งสักคนไหม?”
“ห้ะ? ไม่ใช่ว่านักแสดงรอบตัวพี่ล้วนเป็นนักแสดงระดับแนวหน้าเหรอ?”
“ถึงส่วนใหญ่พวกเขาจะเป็นระดับแนวหน้า มันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่มองบทหนังอินดี้ หนังสั้นหรอกนะ อย่างฮงฮเยยอน นักแสดงดังยังรับบทหนังอินดี้เลย”
“ก็จริงอยู่ถ้าพูดถึงฮงฮเยวอนที่หลงใหลการแสดงมากขนาดนั้น...”
“แต่นักแสดงที่ฉันกำลังจะแนะนำ ไม่ใช่หนึ่งในดาราดังระดับนั้น เป็นคนอื่น ฉันเองก็ไม่แน่ใจหรอกว่าเขาจะสนใจไหม”
“.....ใครครับ?”
PDซงมันวูนึกถึงนักแสดงประหลาดคนหนึ่งที่เขาเพิ่งเจรจาตกลงเซ็นต์สัญญากันไปเมื่อไม่กี่วันก่อน
“เขาจะแสดงในละครของเราน่ะ เอาจริง ๆ มันไม่ง่ายเลยที่จะได้เขามา ชื่อเขาคือ คังวูจิน เขายังค่อนข้างใหม่ เอ็งอาจจะไม่รู้จักเขา”
“คังวูจินเหรอครับ? ผมเพิ่งเคยได้ยินชื่อนี้เป็นครั้งแรกเลย ที่พี่พูดงี้แสดงว่าเขาคงเหมือนเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงเลยสินะครับ แต่ไม่ดีกว่าครับ เพราะเขาคงยุ่งอยู่กับละครของพี่อยู่แล้ว เขาน่าจะยุ่งมาก คนแบบนั้นจะสนใจมาเล่นหนังสั้นที่ไม่มีอะไรเลยเหรอ?”
“เอ่อ… เอาจริง ๆ นะ พอละครของเราออกอากาศ เขาจะดังเปรี้ยงปร้างอย่างแน่นอน ถ้าเอ็งชิงโอกาสนี้ไป เอ็งอาจจะได้นักลงทุนคนใหม่ก็ได้ ทำไมไม่ลองดูล่ะวะ?”
เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้กำกับชินดงชุนก็ถอนหายใจยาว ๆ
“สองปี ไม่สิ มันเกือบสามปีแล้วนะครับ อย่างที่พี่รู้ ช่วงเวลานั้นมันเกิดอะไรขึ้นกับผมมากมาย ผมน่ะเบื่อแล้วที่หนัง ‘การไล่ผี’ ของผมถูกมองข้ามแบบนี้”
เขาซดโซจูรวดเดียว
“ผมเบื่อแล้วครับ พี่”
***
วันรุ่งขึ้น
เมื่อเช้าวันอังคาร ข่าวบันเทิงคึกคักมาก พวกเขากำลังเปิดเผยรายละเอียดของหนังที่เป็นที่จับตามอง ซึ่งได้มีข่าวยืนยันแล้วในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา
『[ประเด็นร้อน] ผลงานใหม่ของนักเขียนชื่อดังพัคอึนมี ทีมนักแสดงพร้อมแล้ว』
『นักเขียนบทพัคอึนมีกับ PDซงมันวู จะประสบความสำเร็จอีกครั้งไหม? รายชื่อนักแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับละครเรื่องใหม่ของพวกเขาออกมาแล้ว』
เรื่องของ 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' คังวูจินได้รับการยืนยันให้รับบทเป็นรองหัวหน้าพัคแล้วเมื่อประมาณ 5 วันก่อน ตั้งแต่นั้นมา PDซงมันวูก็เริ่มเร่งมือทำทุกอย่าง
『ผลงานใหม่ของพัคอึนมี นักเขียนบทชื่อดังสร้างความตื่นเต้นจนถูกพูดถึงทั่วบ้านทั่วเมือง / รูปภาพ』
มีฮงฮเยวอนเป็นนักแสดงนำตั้งแต่แรก โครงเรื่องสำหรับนักแสดงประกอบนั้นก็ชัดเจน และสิ่งที่เหลืออยู่ส่วนใหญ่คงมีแค่เรื่องการเจรจาสัญญา ทางสตูดิโอซีบลูกำลังใช้ข่าวการยืนยันนักแสดงสำหรับการโปรโมทกัน
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ การโปรโมทเรื่อง 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' ได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้ว
『[พิเศษ] เปิดเผยรายชื่อนักแสดงในผลงานใหม่ของพัคอึนมี… ‘ริวจองมิน ฮงฮเยวอน’รับบทนำ』
『ริวจองมิน ฮงฮเยวอน จางแทซัน อีโดจองและคนอื่น ๆ รวมรายชื่อใหม่สำหรับผลงานใหม่ของนักเขียน 'พัคอึนมี'!』
นอกจากนี้
『[ประเด็นบันเทิง] ผลงานใหม่ของพัคอึนมีอาจเปิดตัวเร็วที่สุดในเดือนพฤษภาคมนี้ ทีมงานแจ้งว่า “บทละครเบื้องต้นเสร็จสมบูรณ์แล้ว”』
พวกเขาแอบปล่อยวันฉายภาพยนตร์อย่างกำกวม สร้างความอยากรู้อยากเห็นให้กับสาธารณชน บทความหนึ่งที่จุดประกายความอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อยก็ปรากฏขึ้นทีละส่วน
『นักเขียนบท ‘พัคอึนมี’ กล่าวอย่างเป็นปริศนาในบทสัมภาษณ์ว่า “จะมีนักแสดงแจ้งเกิด ขโมยซีนคนอื่นไปได้เด่นมาก ๆ ในผลงานชิ้นนี้”』
ด้วยเหตุนี้ บทความบันเทิงตั้งแต่เช้าวันอังคารต่างก็เต็มไปด้วยกระแส ‘ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล’ จนความอยากรู้และความคาดหวังของประชาชนพุ่งสูงสุด
อิทธิพลของ PDซงมันวู แน่นอนว่ามีร่วมอยู่ด้วย แต่สำหรับคนทั่วไป บทประพันธ์ของพัคอึนมีต่างหากที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดหลัก
อันที่จริง ไม่ว่าละครฮิตเรื่องไหน บทประพันธ์ย่อมมีบทบาทสำคัญกว่าผู้กำกับ แต่นั่นเป็นเรื่องที่เป็นเรื่องทั่วไปอยู่แล้ว ซึ่งทางสื่อจึงพากันเน้นย้ำว่าเป็น พัคอึนมี นักเขียนบทผู้สร้างผลงานฮิตมากมาย
ตัดมาช่วงต้นเที่ยงของวันเดียวกันนั้นเอง ชื่อเรื่องละครอย่างเป็นทางการก็ได้รับการปล่อยออกมา
『‘ริวจองมิน ฮงฮเยยอน จางแทซัน อีโดจอง และคนอื่น ๆ เข้าร่วมงานเขียนใหม่ของพัคอึนมี… ชื่อเรื่องคือ ‘ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล’』
ข่าวสารนี้แพร่กระจายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น SNS YouTube ฯลฯ แม้กระทั่งบน YouTube ก็ดังมากพอจะสามารถไต่อันดับวิดีโอขึ้นมาแรง ซึ่งวิดีโอเหล่านั้นมาจาก ‘ยูทูบเบอร์สายรีแอคชั่น’ ที่กำลังพูดถึงประเด็นข่าวนี้กัน
เพียงแค่ดูคอมเมนต์ในวิดีโอพวกนี้ คุณก็สามารถสัมผัสได้ถึงระดับความคาดหวังของผู้ชมได้เลย
-“รอละครเรื่องนี้มาตั้งแต่มีข่าวลือเลย ในที่สุดก็มาสักที!!!”
-“ริวจองมินกับฮงฮเยยอนเป็นนักแสดงนำ… แถมบทประพันธ์โดยพัคอึนมีอีกเหรอ? มันสุดยอดไปเลย…ฉายเมื่อไหร่คะเนี่ย?”
-“ได้ยินมาว่าพัคอึนมีพูดถึงนักแสดงที่จะขโมยซีนคนอื่นไปได้เด่นมาก ๆ ในบทสัมภาษณ์ ฉันล่ะสงสัยว่าเธอจะสร้างความประหลาดใจอะไรให้เราอีกครั้ง…”
-“ผลงานใหม่ของพัคอึนมี… มันคงไม่ใช่ละครธรรมดาแน่ รอชมไม่ไหวแล้ว”
-“อะไรนะ? ผู้กำกับคือซงมันวู บทประพันธ์โดยพัคอึนมี?? แถมนักแสดงนำยังเป็นริวจองมินกับฮงฮเยยอนอีก???? เรื่องนี้การันตีความปังตั้งแต่ยังไม่เริ่มฉายเลย”
-“แต่ทำไมฮงฮเยยอนยิ่งแก่ยิ่งสวยนะ?????”
-“การคัดเลือกนักแสดงประกอบเรื่องนี้ก็สุดยอดไปเลย!”
-“นักเขียนคนโปรดของฉัน! ขอเอาใจช่วยเสมอ!”
.
.
.
แน่นอน โปรเจคต์ที่รวบรวมเอาดาราดัง ๆ มาร่วมแสดงย่อมดึงดูดความสนใจมหาศาลในเวลาอันสั้น และแล้ว...
『กระแส 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' ก็เริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางความสนใจ ใครจะไปรู้ได้กันว่าผลสุดท้ายจะเป็นเช่นไร บางทีมันอาจจะเป็นละครยอดเยี่ยมแห่งปีนี้ก็ได้’』
นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการโปรโมทเท่านั้น
ในวันเดียวกัน ช่วงบ่ายต้น ๆ บริษัทภาพยนตร์บลูวิชั่น
ประมาณ 3 โมงเย็น ผู้กำกับชินดงชุนกำลังนั่งอยู่คนเดียวในสำนักงานโทรม ๆ ของบริษัทภาพยนตร์บลูวิชั่น ดูเหมือนเขากำลังรอใครบางคน
ระหว่างที่รอ เขาพึมพำออกมาเบา ๆ
“น่าประทับใจจริง ๆ”
เขาไล่เช็คบทความเกี่ยวกับ 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในขณะนี้ เขารู้สึกทั้งดีใจและอิจฉาในความสำเร็จของรุ่นพี่ของเขา
ทว่า...
“เขาบอกว่าจะมาถึงตอน 3 โมง ทำไมยังไม่มาอีกนะ?”
ผู้กำกับชินดงชุนบ่นพึมพำ ตามที่ตัวแทนของบริษัทภาพยนตร์บลูวิชั่นบอกไว้ กรรมการผู้จัดการฝ่ายบริหารพัคจากจีจีโอเอนเตอร์เทนเม้นท์จะมาถึงประมาณ 3 โมงเย็น พาเด็กใหม่มาด้วยสองสามคน ทว่าตอนนี้เลย 3:05 แล้ว แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าพวกเขาจะมากัน
ด้วยความรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ผู้กำกับชินดงชุนจึงถอนหายใจยาว
“คิดว่าตัวเองเป็นเจ้านายสินะ”
15 นาทีต่อมา เวลา 15:20 น. คนที่ควรจะมาถึงยังไม่มา พอดีกับตอนที่ผู้กำกับชินดงชุน กำลังจะจุดบุหรี่แล้วลุกขึ้นนั้นเอง…
-ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ในที่สุดก็มีคนมาเคาะประตู ด้วยเหตุนี้ เขาที่เพิ่งถอนหายใจไปจึงเปิดประตูเหล็กออก ชายหน้าเฉยเมยคนหนึ่งยืนอยู่ที่ประตู ผู้กำกับชินดงชุนมองชายคนนั้นตั้งแต่หัวจรดเท้า
'เขาสูง รูปร่างก็ดูดี...อืม ใส่แมสก์อยู่ด้วย'
ชายคนนั้นดูสูงเกิน 180 เซนติเมตร กรามคมคาย ผมสั้น แต่สีหน้าของเขาดูค่อนข้างหยิ่ง แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ผู้กำกับชินดงชุนก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคงเป็นหนึ่งในนักแสดงหน้าใหม่ที่จีจีโอเอนเตอร์เทนเม้นท์ส่งมา เพราะมันคงไม่มีใครที่มาในเวลานี้แน่
“คุณครับ ไม่ใช่ว่าเรานัดกันตอน 3 โมงเหรอ? คุณสายไปหน่อยนะครับ”
ผู้กำกับชินดงชุนพูดด้วยรอยยิ้มแฝงประชด ต่างกับชายผู้มาใหม่ที่เอียงคอเล็กน้อย
“คุณกำลังคุยกับผมอยู่เหรอครับ?”
“เปล่า ไม่ใช่คุณ แต่ว่ากรรมการผู้จัดการฝ่ายบริหารพัคอยู่ไหนครับ? ไปซื้อกาแฟหรือเปล่า? ช่างเถอะ เข้ามาข้างในก่อน”
เหมือนกำลังพูดกับตัวเอง ผู้กำกับชินดงชุนพาชายผู้มาใหม่เข้าไปในบริษัทภาพยนตร์โทรม ๆ ในไม่ช้า ชายผู้มาใหม่ก็ค่อย ๆ เดินตามเข้าไปเช่นกัน
ก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัว ทั้งสองคนก็–
-ปั๊บ
ทั้งสองคนนั่งประจันหน้ากันที่โต๊ะทำงานสำหรับ 4 คนตรงกลางห้อง ในขณะเดียวกัน ผู้กำกับชินดงชุนก็สบตากับชายผู้มาใหม่ที่อยู่ตรงข้าม
“เรื่องเอกสาร-กรรมการผู้จัดการฝ่ายบริหารพัคคงจะเอาให้คุณดูแล้วสินะ”
เขาดูเวลาอีกครั้ง กรรมการผู้จัดการฝ่ายบริหารพัคเคยบอกว่าจะพาเด็กใหม่มาสองสามคนมา ถ้ามีเด็กใหม่มามากกว่าคนนี้ ผู้กำกับชินดงชุนก็คิดว่าเขาจะสามารถประหยัดเวลาได้ด้วยการให้ทดสอบทีเดียวเลย
นอกจากนี้แล้ว สภาพของเด็กใหม่ที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาก็ดีกว่าที่คาดไว้ แต่…
'ก็แค่เด็กฝึกหัดที่ถูกฝึกมาเหมือนหุ่นยนต์ การแสดงคงแค่ผิวเผิน ดูเป็นคนเย็นชาและมีเสน่ห์อยู่นิดหน่อย แต่การแสดงนั้นอีกเรื่องหนึ่งแหละนะ'
ความคาดหวังของเขาที่มีต่อฝีมือการแสดงนั้นต่ำมาก จีจีโอเอนเตอร์เทนเม้นท์เป็นบริษัทใหญ่ แต่ขึ้นชื่อเรื่องมีเด็กใหม่จืดชืดเยอะ ดังนั้นผู้กำกับชินดงชุนจึงขอร้องชายผู้มาใหม่ที่อยู่ตรงข้ามเขาอย่างเป็นกันเอง
“ระหว่างที่รอผู้จัดการพัค เราลองดูการแสดงของคุณหน่อยไหม คุณเตรียมอะไรมาบ้างแล้วใช่ไหม?? ผมคิดว่าคุณคงไม่ได้แค่มาโชว์หน้าเฉย ๆ หรอกมั้ง?”
เมื่อได้ยินดังนั้น ชายหน้านิ่งก็หยุดคิดสักสองสามวินาที ก่อนจะพยักหน้า
“งั้นผมขอแสดงให้คุณดูหน่อยแล้วกัน”
“โอเค งั้นแสดงให้ผมดูเลย ไม่ต้องยาวก็ได้”
การดูการแสดงที่น่าเบื่อหน่ายเป็นเวลานานมันก็แค่แก้เบื่อ นี่คือสิ่งที่ผู้กำกับชินดงชุนกำลังคิดอยู่ในขณะนี้
ทว่า...
-ปั๊บ
มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น ทันทีที่ชายผู้มาใหม่ที่อยู่ตรงข้ามเขาเริ่มการแสดงของเขา
“....อืม?”
ทีละน้อย ทีละน้อย
“....??”
ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ
“????”
เมื่อชายผู้มาใหม่แสดงเสร็จ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปด้วยความตกตะลึงอย่างมาก เขาประหลาดใจมากจนไม่ทันได้สังเกตว่าดวงตาของตัวเองเบิกกว้างขนาดไหน
สายตาของเขาจ้องมองแค่ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขา
ในทางกลับกัน
“จบแล้ว”
ชายผู้มาใหม่กล่าวจบด้วยน้ำเสียงจริงจังมาก แต่ผู้กำกับชินดงชุนยังคงตกตะลึง
‘อะไรกัน ฉันเพิ่ง…เห็นอะไปร?’
เขามีประสบการณ์มากมายในฐานะผู้กำกับละคร เขาเคยเห็นนักแสดงมาหลายคน แต่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาตกใจกับการแสดงของใครสักคน
‘เหมือนได้เห็นตัวละครที่ฉันเขียนอยู่ตรงหน้าฉัน…หรือมากกว่านั้นด้วยซ้ำ’
มันรู้สึกเหมือนตัวละครจากบทภาพยนตร์ออกมาพูดคุย การแสดงของชายผู้มาใหม่นั้นดูสดใสกว่าความเป็นจริง เป็นการแสดงประเภทที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
จีจีโอเอนเตอร์เทนเม้นท์ได้ฝึกผู้ชายคนนี้มาจริง ๆ เหรอ? มันเป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ?
ไม่นาน
“...เอ่อ คุณครับ”
ด้วยตาที่เบิกกว้าง ในที่สุดผู้กำกับชินดงชุนก็เปิดปาก
“คุณอยู่ที่จีจีโอเอนเตอร์เทนเม้นท์มานานแค่ไหนแล้วครับ?”
ในเวลาเดียวกัน
-แอ๊ด!
ประตูเหล็กของบริษัทภาพยนตร์เปิดออกด้วยเสียงดัง ผู้ชายที่เปิดประตูค่อนข้างอวบอ้วน ถัดจากเขามีชายหนุ่มและหญิงสาวหน้าตาอ่อนเยาว์อยู่สองคน
“ฮ่าฮ่าฮ่า ผู้กำกับชิน! ผมขอโทษที่สายไปหน่อย!”
ชายอ้วนท้วมตะโกนเสียงดังอย่างร่าเริง ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนที่ชื่อกรรมการผู้จัดการฝ่ายบริหารพัค คนที่เขามาด้วยคือนักแสดงหน้าใหม่ จากนั้นกรรมการผู้จัดการฝ่ายบริหารพัคก็มองสลับไปมาระหว่างผู้กำกับชินดงชุนกับชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขา แล้วจึงตะโกนอีกครั้ง
“โอ๊ะ! คุณกำลังประชุมเหรอ! นั่นใครนั่งอยู่ข้างหน้า? นักแสดงเหรอครับ?”
ในตอนนี้เอง ผู้กำกับชินดงชุนได้แต่คิ้วขมวดพร้อมมองไปยังชายหน้านิ่งตรงข้ามเขา
“กรรมการผู้จัดการพัค…… คุณไม่รู้จักเขาเหรอครับ?”
ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขายังคงทำเป็นไร้เดียงสา
“ผมไม่รู้จักเขาครับ”
“อะไรนะ! คุณหมายความว่าไงนะ?”
ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขากล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“คุณเข้าใจผิดแล้ว”
“เข้าใจผิด? ผมเหรอ?”
“ใช่ ผมก็ไม่รู้จักคนนั้นหรอก”
“...เหรอ? ไม่สิเดี๋ยว คุณหมายความว่าไง แล้วคุณเป็นใครกันเนี่ย?”
ชายผู้นั้นพึมพำด้วยน้ำเสียงต่ำและหนักแน่น ท่าทางของเขาสง่างามดั่งภูผาสูงชัน
“ผมชื่อคังวูจินครับ”
*****