ตอนที่แล้วบทที่ 11: สัญญา (3)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 13: หนังสั้น (2)

บทที่ 12: หนังสั้น (1)


บทที่ 12: หนังสั้น (1)

เช้าวันจันทร์ ที่ 17 ภายในอพาร์ตเมนต์ของคังวูจิน

ในขณะที่ทีมงานหลายสิบคนจาก "ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล" และวงการบันเทิงต่างวุ่นวายกับการจู่ ๆ ก็มาโผล่ของนักแสดงหนุ่มหน้าใหม่ที่ไม่มีใครรู้จัก แต่ตัวละครหลักอย่างคังวูจินกลับ...

"อืม-"

.. ไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย เขากำลังนั่งไขว่ห้าง จ้องมองโน๊ตบุ๊คด้วยผมที่ยุ่งเหยิง ตอนนั้นเวลาเพิ่งเลยเก้าโมงเช้าไปนิดหน่อย สิ่งที่คังวูจินกำลังเช็คบนโน๊ตบุ๊คทันทีที่ตื่นนอนคือ ชุมชนคนรักหนังที่คิมแดยอง เพื่อนของเขาส่งลิงค์มาให้เมื่อไม่กี่วันก่อน

จริง ๆ แล้ว ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา คังวูจินก็ได้ค้นหาข้อมูลมาบ้างแล้ว

ตอนนี้เขากำลังอ่านข้อมูลที่รวบรวมมา เนื่องจากชุมชนนี้มีข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ มากมาย จึงมีเนื้อหาเกี่ยวกับหนังสั้นเรื่อง 'การไล่ผี' อยู่บ้างไม่น้อย

อย่างไรก็ตาม

“เรื่องพวกนี้ยังไม่ได้มีการยืนยันแฮะ”

สมัยนี้ไม่มีทางเชื่อได้หรอกว่าข้อมูลทั้งหมดที่โพสต์ในชุมชนนี้จะเป็นเรื่องจริง เพราะโลกออนไลน์มันมีเรื่องไร้สาระและโกหกอยู่มากมาย ดังนั้นคังวูจินจึงมุ่งเป้าไปยังโพสต์ที่น่าเชื่อถือที่สุด

ข้อมูลภาพยนตร์: ชื่อเรื่อง การไล่ผี (หนังสั้น) / บริษัทผู้สร้าง บลูวิวฟิล์ม (บริษัทภาพยนตร์อิสระ) / ผู้กำกับ ชินดงชุน (ไม่ทราบข้อมูล)

- ข่าวลือเรื่องการสร้างคอนเฟิร์มแล้ว! พี่สาวนักแสดงที่รู้จักบอกว่าไปออดิชั่นมา น่าจะจริงแล้วล่ะ

เป็นกระทู้ที่เขียนละเอียดที่สุดแล้ว ยอดวิวและคอมเมนต์ก็เยอะที่สุด แต่ข้อมูลไม่ค่อยมี เบอร์โทรนั้นก็ไม่มี แค่นี้เหรอ? ชุมชนของที่นี่ก็คงมีแค่นี้แหละมั้ง

คังวูจินที่กำลังพึมพำกับตัวเองได้เลื่อนเคอร์เซอร์บนหน้าจอ

-ติ้ก

ขั้นแรก เขาค้นหาคำว่า 'การไล่ผี' และผู้กำกับชินดงชุนในเว็บไซต์ค้นหา แต่ไม่เจออะไรเลย

“แล้วบริษัทหนังจะมีข้อมูลบ้างไหมนะ?”

จากนั้นคังวูจินก็เริ่มค้นหาบริษัทบลูวิวฟิล์ม โชคดีที่มีข้อมูลปรากฏขึ้นบนหน้าจอ แต่น่าเสียดายที่ข้อมูลนั้นมีน้อยมาก มีเพียงแค่ที่อยู่ของบริษัทภาพยนตร์และคำอธิบายสั้น ๆ ว่าบริษัทนี้เชี่ยวชาญด้านภาพยนตร์สั้น

"ปกติแล้วเขาต้องลงเบอร์โทรไว้ไม่ใช่เหรอ??"

เบอร์โทรศัพท์ก็ไม่มีอีก อาจจะเป็นเพราะบริษัทหนังเล็ก ๆ  อย่างที่เคยได้ยินมาจากคิมแดยองบอกไม่มีผิด วงการหนังอินดี้ หนังสั้นหรือหนังแนวศิลปะ มันค่อนข้างจริงจังอยู่พอสมควร ซึ่งผลลัพธ์จะเป็นเช่นไรนั้น มันก็ขึ้นอยู่ที่บริษัทเท่านั้น

"เฮ้อ การนั่งเฉย ๆ คงมีแต่จะเสียเวลาเปล่า  ดูเหมือนว่าฉันคงต้องไปที่บริษัทหนังเองแล้วล่ะ"

เหตุผลที่คังวูจินสนใจหนังสั้นเรื่อง "การไล่ผี" แม้ว่าเขาจะยืนยันการเข้าร่วมในละคร 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' แล้ว สาเหตุก็เพราะตัวบทเองไม่เพียงแค่น่าสนใจเท่านั้น แต่เขายังอยากทดลองเรื่อง 'มิติว่างเปล่า' ด้วย เพราะ 'การไล่ผี' เป็นหนังสั้นที่จะไม่ออกฉายด้วยซ้ำ…

แต่ในมิติว่างเปล่ากลับถูกบอกว่าเป็น 'ระดับ B'

- [4/ ฉาก (ชื่อเรื่อง: การไล่ผี) ระดับ B]

ดังนั้นสรุปแล้วคือ เขามันแค่อยากรู้อยากเห็นแหละ ถึงเรื่องสภาพแวดล้อมการสร้างของหนังสั้น 'การไล่ผี' ฯลฯ นอกจากนี้เพราะมันเป็นหนังสั้น ภาระการถ่ายทำคงน้อยลงกระมัง

‘จริงสิ เวลาสัมภาษณ์นักแสดงระดับต้น ๆ พวกเขาทั้งหมดต่างก็บอกว่าพวกเขาเริ่มต้นจากผลงานเล็ก ๆ กัน’

คังวูจินนึกย้อนถึงบทสัมภาษณ์นักแสดงหลายคน ประโยคที่พวกเขาพูดวนเวียนอยู่ในหัว 'ทุกคนเริ่มต้นจากผลงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ' คำพูดเหล่านี้เริ่มชัดเจนขึ้น คล้ายกับคำตอบที่เขากำลังค้นหาในวงการบันเทิง มีนักแสดงที่แจ้งเกิด กลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง เปรียบเสมือนประกายไฟที่เจิดจรัส แต่ทว่าประกายไฟนั้นมักมีอายุสั้นเสมอ หลายคนโด่งดังชั่วข้ามคืน แต่หลังจากนั้นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

ในทางกลับกัน นักแสดงที่สร้างผลงานในภาพยนตร์อย่างต่อเนื่องจากจุดต่ำสุด มักจะมีรากฐานที่แข็งแกร่งและยืนหยัดในวงการได้ยาวนาน

มันเป็นลางสังหรณ์หรือสัญชาตญาณมากกว่ากันนะ? คังจินไม่อาจทราบได้ แต่ให้เลือกคงเป็นเส้นทางแห่งความยืนยาว

‘ตอนนี้เรื่องรับบทในละครฟอร์มยักษ์ได้รับการยืนยันแล้ว พอเป็นงี้ฉันคงได้มีเวลาไปดูการสร้างหนังสั้น ‘การไล่ผี’ ได้อย่างสบายใจขึ้นเล็กน้อย แต่ว่า…ถ้าฉันยังไม่ได้บทจากเรื่อง ‘การไล่ผี’ ก็คงแย่น่ะสิ’

เขายังมีเวลาเหลืออยู่พอสมควร หากเป็นนักแสดงทั่วไป ตอนนี้อาจกำลังถูกฝังอยู่ในกองบทของ 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' แต่คังวูจินไม่จําเป็นต้องทําเช่นนั้น เพราะเขาสามารถเข้าไปในมิติว่างเปล่าหลายร้อยครั้งได้ในวันก่อนการถ่ายทำ

ด้วยเหตุนี้ คังวูจินจึงกำลังดื่มด่ำกับอุตสาหกรรมบันเทิงที่เขาเพิ่งเข้ามาสัมผัสเป็นครั้งแรก ราวกับฟองน้ำที่สามารถดูดซับน้ำได้อย่างไม่จำกัด

ในช่วงเวลานี้เอง

-พรึบ

เสียงนั้นทำให้คังวูจินละสายตาจากโน๊คบุ๊ค เขาหันกลับไปมองบทเรื่อง 'การไล่ผี' ที่วางอยู่บนโต๊ะ มันมีสี่เหลี่ยมสีดำแปะอยู่ข้าง ๆ บท 'การไล่ผี' คังวูจินจึงหยิบกองกระดาษที่เป็นบทเรื่อง "การไล่ผี" ขึ้นมาอย่างเงียบงัน

“······”

เขาเคยอ่านบทเรื่อง 'การไล่ผี' มาแล้ว แต่ไม่เคยสัมผัสโดยตรงหรืออ่านมันในมิติว่างเปล่า เพราะจิตใจของเขาตอนนี้มันกำลังสับสนอยู่พอควร สาเหตุเหรอ? ก็เป็นผลมาจากการทดลองล่าสุดในมิติว่างเปล่า และไอ้เรื่องของ 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' ไงเล่า

โชคดีที่ตอนนี้ทุกอย่างดีขึ้นไปบ้างแล้ว มันคงไม่มีปัญหาอะไรหรอกมั้ง

ดังนั้นแล้ว...

-โอ้ว

คังวูจินยกนิ้วชี้ขึ้นมา เหมือนกำลังจะจิ้มสี่เหลี่ยมสีดำ

-ตืดดด ตืดดด

เสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น เมื่อเขาเช็คดูชื่อผู้โทร คำสบถก็ปรากฏขึ้น

-นังตัวแสบ

เบอร์ที่บันทึกไว้ว่า 'นังตัวแสบ' เป็นน้องสาวแท้ ๆ คนเดียวของวูจิน เธอไม่เคยโทรมาเป็นปี ๆ แล้ว ทำไมถึงได้โทรมากันนะ?

'เธอคงได้ยินข่าวจากแม่มาแน่ ๆ 100%’

คังวูจินได้ประกาศช็อคโลกแบบฟ้าผ่าว่าเขาจะไปเป็นนักแสดง แน่นอนว่าถ้าเขาตัดสินใจรับสาย น้องสาวของเขาจะต้องเริ่มหยอกเย้าแหย่แน่ ๆ ดังนั้นคังวูจินจึงเมินสายอย่างเงียบ ๆ

-ตืดดด ตืดดด

โทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง มันเป็นอีกสาย คังวูจินสบถออกมาเบา ๆ ยัยน้องนี้ไม่มีอะไรทำหรือไงกัน

"เป็นบ้าแล้วหรือไง?"

แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ

"ห๊ะ?"

เบอร์ที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์ไม่ใช่ 'นังตัวแสบ' แต่มันเป็นเบอร์ที่ไม่ได้บันทึกไว้ คังวูจิน คิดว่าน้องสาวอาจจะยืมโทรศัพท์เพื่อนมาโทรหา แต่เขาก็ยังรับสาย

"ครับ สวัสดีครับ"

เสียงผู้หญิงที่ดูคุ้นเคย แต่ก็ไม่คุ้นเคยดังมาจากปลายสาย แน่นอนว่าไม่ใช่น้องสาวของเขา

"ฉันเอง ฮงฮเยยอนค่ะ"

“······”

ห๊ะ? เธอเพิ่งพูดว่าใครนะ? ฮง…ฮเยยอน? ฮงฮเยยอน ดาราดังเพิ่งโทรหาคังวูจินโดยตรงงั้นเหรอ?

คังวูจินลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที เขาเกือบจะตะโกนออกมาว่า "นี่มันเรื่องจริงเหรอเนี่ย!" แต่เขากลั้นใจตัวเองไว้ได้อย่างหวุดหวิด ใจเย็น ๆ ก่อนคังวูจิน แกต้องรักษาสติไว้ หลังจากให้กำลังใจตัวเองเบาแล้ว คังวูจินก็กลับมาใจเย็นอีกครั้ง

"สวัสดีครับ"

เสียงของเขาแหบแห้งเพราะเพิ่งตื่นนอน ทำให้เสียงฟังดูเย็นชาพอควร แต่นั่นไม่ใช่เจตนาของเขา ยังไงก็ตาม ฮงฮเยยอนปลายสายก็พูดอีกครั้ง

".....ปฏิกิริยาของคุณดูเย็นชากว่าที่ฉันคิดไปหน่อยนะคะ"

"ผมควรจะประหลาดใจเหรอครับ?"

"นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะสื่อหรอกค่ะ"

"ผมประหลาดใจครับ"

"ช่างมันเถอะค่ะ ว่าไปแล้ว ฉันได้ยินมาว่า คุณได้บท 'รองหัวหน้าพัค' แล้วนี่ ใช่ไหมคะ คุณคังวูจิน?"

"ครับ"

"ดูเหมือนจะมีเสียงอื้ออึงอยู่พอสมควรในหมู่ทีมงานตอนนี้ คงเพราะมีนักแสดงที่ไม่ได้อยู่ในแผนเบื้องต้นเข้ามาร่วมแสดงด้วย มันจึงมีข่าวลือแพร่สะพัดมากมาย ทุกคนดูจะอยากรู้อยากเห็นกันมากเลยล่ะค่ะ"

คังวูจินหรี่ตาลงไปชั่วขณะ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเหรอ? คังวูจินไม่รู้เรื่องนี้ แต่เขาก็ยังคงสนทนาอย่างใจเย็น

"เหรอครับ?"

"ใช่ค่ะ เพราะบท 'รองหัวหน้าพัค' เป็นประเด็นที่ฮอตฮิตอยู่ เพราะงั้นถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป คุณคังวูจินคงจะกลายเป็นดาราดังด้วยการแสดงครั้งแรกแน่เลย ว่าไหมคะ?"

“······”

"คิดดูสิค่ะ นักแสดงที่ใครต่างไม่เคยรู้จักและไม่เคยพบหน้า อยู่ ๆ ได้แสดงเป็นตัวละครหลัก มันจะสนุกมากขนาดไหนกันนะ?"

เสียงหัวเราะเบา ๆ ของฮงฮเยยอนลอยมาตามสาย

"ฉันแอบมองคุณวูจินมาตั้งแต่แรกแล้ว เลยโทรมาแจ้งข่าว นัดเจอกันตอนอ่านบทนะคะ"

"ดูแลตัวเองด้วยนะคะ"

"นี่มันอะไรกันครับ? อย่าบังคับผมให้ทำงานสิ ตอนนี้ผมกำลังพักผ่อนนะครับ"

สายสนทนาจบลงด้วยเสียงหัวเราะเบา ๆ ของฮงฮเยวอน จากนั้นคังวูจินก็ค่อย ๆ ลดโทรศัพท์ลงแล้วพึมพำกับตัวเอง

"ว้าว...สุดยอดเลยแฮะ"

เมื่อไม่กี่วันก่อน มันเป็นแค่โทรศัพท์ธรรมดาของคังวูจิน แต่ตอนนี้ หมายเลขของฮงฮเยวอน นักแสดงสาวแถวหน้าได้ถูกบันทึกไว้บนนั้นแล้ว เทพธิดาที่เขาเคยเห็นแค่ทางทีวี ทว่ายามนี้กลับโทรมาหาเขาทางโทรศัพท์

ชีวิตของคังวูจินกำลังพลิกผัน

"ถ้าฉันขายโทรศัพท์นี้ให้คิมแดยอง ฉันอาจจะได้เงินหลายร้อยล้านแน่ ๆ "

คังวูจินยิ้มขณะที่เขาจิ้มสี่เหลี่ยมสีดำข้างบทหนังสั้น 'การไล่ผี'

-ติ้ง!

ทันใดนั้น คังวูจินก็ถูกดูดเข้าไปในมิติว่างเปล่า

***

บ่ายแก่ ๆ ของวันเดียวกัน ภายในอาคาร

ตัวอาคารนั้นเก่า มีทางเดินที่ให้ความรู้สึกแบบเดียวกัน ปลายทางเดินมีป้ายชื่อที่ลอกเล็กน้อยติดอยู่บนประตูเหล็ก

-บลูวิชั่นฟิล์ม

สำนักงานภายในค่อนข้างเล็ก มีชายสองคนนั่งประจันหน้ากันอยู่ที่โต๊ะทำงานกลางสำนักงาน คนหนึ่งเป็นผู้ชายตาเล็ก อีกคนเป็นผู้ชายคางเหลี่ยม ทั้งคู่ดูน่าจะอยู่วัยสี่สิบได้

พิจารณาจากสีหน้าของพวกเขา สีหน้าทั้งสองคนดูค่อนข้างหม่นหมองพอควร

บทสนทนาได้เริ่มต้นขึ้นมาสักพักแล้ว ชายคางเหลี่ยมถอนหายใจยาวและเกาหัว

“งั้นคุณกำลังจะบอกว่าเราต้องให้เขาเป็นพระเอก และยังต้องดึงนักแสดงหน้าใหม่ของพวกเขามารับบทสมทบด้วยเนี่ยนะ?”

ชายตาเล็กพยักหน้าอย่างหนักแน่น

“ใช่แล้ว แต่คุณก็เห็นเค้าลางอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคุณผู้กำกับ ลองมองโลกในแง่ดีสิ พวกเขาชอบบทของคุณนะ นั่นแหละคือเหตุผลที่เราสามารถมาถึงจุดนี้ได้”

ชายตาเล็กแตะกองเอกสารตรงหน้าเขาด้วยนิ้วชี้ ปกของกองเอกสารเขียนว่า 'การไล่ผี'

แต่ถึงกระนั้น ชายคางเหลี่ยมที่ถูกเรียกว่าผู้กำกับเพียงแต่ใช้มือข้างหนึ่งลูบหน้าและไม่ตอบสิ่งใดกลับมา ทางด้านชายตาเล็กจึงยังคงพูดด้วยท่าทางหนักใจ

“ผู้กำกับ พูดตามตรง ผมก็โมโหเหมือนกัน แต่สถานการณ์โดยรวมก็ไม่ได้เลวร้ายนะ เราได้โอกาสสร้างหนังที่เกือบจะล่มไปอย่างปาฏิหาริย์เลยนะครับ”

“….อีกอย่าง คิดดูสิครับ พวกเราจะไปหาเงินเพิ่มได้ที่ไหน?”

“คุณเองก็เคยพูดเรื่องนี้เมื่อเดือนก่อน ว่าหนังสั้นหรือหนังอินดี้ส่วนใหญ่มักล้มเพราะเรื่องนี้มานักต่อนักแล้ว”

“......”

“คิดบวกหน่อยสิครับ ผู้กำกับ การดึงนักแสดงที่มีเงินทุนเข้ามาให้ด้วยถือว่าเป็นเรื่องปกติในวงการนี้นะครับ อีกอย่าง ‘การไล่ผี’ ก็เป็นหนังสั้น ไม่ใช่หนังทำเงิน พวกเขาบอกว่าจะรับผิดชอบเรื่องการลงทุนเต็มที่ ขอเพียงเราแค่คอนเฟิร์มนักแสดง นี่เป็นโอกาสทองเลยนะครับ”

ไม่นาน ผู้กำกับก็กัดฟันแน่น

“แต่นักแสดงที่พวกเขาเสนอให้เป็นพระเอกมีประวัติไม่ค่อยดีในอดีต”

“ใช่ครับ พัคจองฮยอก เคยมีคดีทำร้ายร่างกายค่อนข้างใหญ่โตในสมัยก่อน เขาถูกพักงานไปประมาณ 2 ปีเพราะเรื่องนั้น ตอนนี้เขาก็ออกไปตระเวนรับเล่นหนังอิสระหรือหนังสั้น เพราะงั้นเขาเลยติดต่อเรามา”

“นี่มันเป็นการฟอกตัวชัด ๆ ไม่ใช่เหรอ?”

“ใช่ครับ คุณพูดถูก พัคจองฮยอกตั้งใจจะฟอกภาพลักษณ์ของเขาด้วยเรื่อง‘การไล่ผี’เหมือนกับว่า ‘ผมจะเริ่มต้นใหม่จากจุดต่ำสุด’ แต่ผู้กำกับ เรามีสิทธิ์ที่จะเลือกน้ำใสกับน้ำขุ่นจริง ๆ เหรอครับ? ถึงแม้เราจะต้องลงไปคลุกโคลน เราก็ต้องสร้างหนังเรื่องนี้ให้ได้นะครับ”

อย่างไรก็ตาม ผู้กำกับคางเหลี่ยมยังคงกุมศีรษะด้วยมือทั้งสองข้าง เขาดูจะตัดสินใจไม่ได้

“แต่ถึงอย่างนั้น… ผมว่ามันไม่ถูกนะ”

“อะไรไม่ถูกกันครับ? นี่แหละคือสภาพแวดล้อมของตลาดหนังสั้นและหนังอินดี้ คุณเคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้างแล้วในช่วงที่คุณเป็น PD ละครใช่ไหมครับผู้กำกับ? ใจเย็น ๆ และมองโลกในแง่ดีก่อนสิครับ ทั้งเงินทุนและนักแสดงต่างถูกจัดการเรียบร้อยในคราวเดียวเลยนะครับ”

ชายตาหยีแตะกองเอกสารที่มีชื่อเรื่อง ‘การไล่ผี’ เขียนอยู่อีกครั้ง

“ทางจีจีโอเอ็นเตอร์เทนเมนต์ต้องการเดินหน้าผลิตหนังสั้นทันทีที่คุณให้อนุมัติ พวกเขายังบอกอีกว่าจะจัดหาเงินทุนให้ทันที”

“……”

ผู้กำกับนั่งอยู่ที่นั่น โดยที่มือยังคงประคองศีรษะอยู่ ดูเหมือนเขาคิดจะทำอะไรบางอย่าง ชายผู้มีดวงตาเล็กมองดูเขาแล้วถอนหายใจเล็กน้อย

“คุณไม่มีเวลามากที่จะคิดหรอกนะครับผู้กำกับ อย่างมากคงมีแค่ไม่กี่วัน เมื่อถึงเวลานั้นคุณคงต้องตัดสินใจแล้ว อย่าลืมนะครับว่าภายในพรุ่งนี้ คุณมีนัดกับคุณพัค ฝ่ายบริหารของจีจีโอเอ็นเตอร์เทนเมนต์ที่คุณเคยเจอกันคราวที่แล้ว ถูกต้องไหมครับ?”

“….ใช่”

“เขาจะพานักแสดงหน้าใหม่มาสักสองสามคนเป็นตัวประกอบ พวกเขาจะโชว์ฝีมือการแสดง แล้วคุณจะได้พบกับพัคจองฮยอกหลังจากตัดสินใจแล้ว ระหว่างนี้ แค่ไปตามนัดของคุณพรุ่งนี้ก็พอครับ”

“อ่า-”

ในไม่ช้า ผู้กำกับคางเหลี่ยม ผมยุ่งเหยิงก็พยักหน้าช้าๆ

“ผมเข้าใจแล้ว…”

10 นาทีต่อมา

ผู้กำกับคางเหลี่ยมออกจากบริษัทบลูวิชั่นฟิล์มที่ทรุดโทรม เดินลงทางเดินด้วยใบหน้าเคร่งขรึม เขาถอนหายใจทุกวินาที ราวกับว่าความจริงนั้นโหดร้ายในทุก ๆ ด้าน

แล้วยามนั้นเอง

-ตึก ตึก

ขณะที่ผู้กำกับกำลังเดินลงบันได

-กริ๊ง กริ๊ง♬♪

โทรศัพท์มือถือของเขาสั่นในกระเป๋าสวมที่เขาใส่อยู่ เสียงเพลงดังขึ้น เขาหยุดอยู่บนบันได หยิบโทรศัพท์ออกมาดูผู้โทร ใบหน้าของเขาสดใสขึ้นเล็กน้อย ผู้กำกับรับโทรศัพท์ทันที

“ว่าไงครับพี่ ผมว่าจะโทรหาพี่อยู่พอดี แต่ผมเปลี่ยนใจ”

เสียงชายคนหนึ่งได้ตอบกลับมาจากปลายสายทันที

“เปลี่ยนใจทำไมล่ะนั่น?”

“ก็ช่วงนี้พี่ยุ่งมากไม่ใช่เหรอครับ?”

“อืม แต่นายก็รู้ว่าปกติฉันยุ่งมาตลอดไม่ใช่เหรอ? นายอยู่ที่ไหนกัน?”

“ผมอยู่แถวสถานีสินซาครับ”

“ดีเลย พรุ่งนี้ฉันมีประชุม คงจะไปเฮฮาไม่ได้นาน เอาเป็นว่าดื่มโซจูสักแก้วแล้วกัน”

จากนั้น ผู้กำกับคางเหลี่ยมก็พยักหน้า ก่อนจะเดินไปทางรถไฟใต้ดินหลังจากออกจากตึก

“ครับ ว่าแต่ร้านไก่ทอดเผ็ดร้านเดิมใช่ไหมครับ?”

ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา

เวลาผ่านไป 21.00 น แล้ว ผู้กำกับคางเหลี่ยมนั่งอยู่ที่ร้านไก่ทอดเผ็ดแถวสถานียังแจ ถึงจะเป็นคืนวันจันทร์ แต่ร้านอาหารแห่งนี้ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องไก่รสเด็ดก็ยังคงค่อนข้างคึกคักเช่นเดิม

หลังจากนั้น

“……”

ผู้กำกับที่มาถึงก่อนกำลังดื่มโซจูคนเดียว กับแกล้มเป็นกิมจิที่มากับอาหาร เป็นภาพที่ดูน่าสงสารมาก สีหน้าเขาก็ดูเคร่งเครียดยิ่ง

ไม่นานนัก

-หือ

ผู้กำกับเช็คเวลา เขาคิดว่าพี่เขาชักจะมาช้าไปหน่อยแล้ว

“พี่มาช้าจัง”

โชคดีที่ในช่วงเวลานี้เอง

“ไง ชินดงชุน”

มีคนเรียกผู้กำกับที่ทางเข้าร้านอาหาร ทำให้ผู้กำกับคางเหลี่ยมยิ้มและลุกขึ้นจากที่นั่งทันที

“พี่มาช้ามากเลยนะเนี่ย พี่เป็นอะไรหรือเปล่า?”

“โทษที โทษที รถติดเพราะมีอุบัติเหตุข้างหน้าน่ะ”

ชายที่ถูกเรียกว่า ‘พี่’ เกาเคราและหัวเราะอย่างเก้อเขิน

“แถมยังมีประชุมบทเรื่อง ‘ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล’ เลยนานหน่อย”

ชายที่ผู้กำกับเรียกว่าพี่คือ PD เรื่อง‘ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล’ ผู้มีฝีมือฉกาจ

“แต่นายบ้าไปแล้วเหรอ? ดื่มโซจูกับกิมจิเนี่ยนะ? น่าสงสารออก”

ถูกต้องแล้ว เป็นPDซงมันวู ชายผู้มีเคราแพะบนใบหน้า

*****

5 1 โหวต
Article Rating
2 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด