ตอนที่ 163 พริบตาเดียวกึ่งอมตะล้มลง! (ฟรี)
ตอนที่ 163 พริบตาเดียวกึ่งอมตะล้มลง!
ในเวลาไม่นาน กึ่งอมตะจากเผ่าต่างๆ จำนวน 20 คนก็มาถึงที่ๆ ซูหยางกำลังสร้างเมือง
คนเหล่านี้กำลังคุยกันอย่างสบายใจ
พวกเขาไม่ได้จริงจังกับซูหยางเลย ตราบใดที่พวกเขาลงมือ พวกเขาก็สามารถทำให้ผลึกกาแล็กซี่ระเบิดได้อย่างง่ายดาย
ในระหว่างการสนทนา ไม่มีความกังวลใดๆ ต่อกึ่งอมตะเผ่ามนุษย์ทั้งสองที่อยู่ในที่แห่งนี้
ความหมายนั้นชัดเจน
พวกข้าต้องการโจมตีเผ่ามนุษย์ของเจ้าอย่างเห็นได้ชัดล่ะ?
แล้วเจ้าสองคนจะหยุดพวกข้าได้ไหม?
กล้าหยุดพวกข้าหรือเปล่า?
ถานซ่าง และเฉิงฮุยต่างรู้สึกเศร้า และมีความคับแค้นใจอย่างยิ่ง
เมื่อไหร่ที่สถานการณ์ของเผ่ามนุษย์ตกต่ำมาถึงจุดนี้!
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่กล้าลงมือ
แต่เมื่อมองไปรอบๆ มีกึ่งอมตะต่างเผ่ารวมตัวกันอยู่ที่นี่ถึง 20 คนจะสู้ยังไง?
พวกเขาคิดจะสู้สิบต่อหนึ่งจริงๆ หรือ?
นั้นคงจะทำไม่ได้
“เอาล่ะ ทุกคน ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอีก มาทำผลึกกาแล็กซี่นี้ และเก็บเกี่ยวต้นกำเนิดกาแล็กซี่กันเถอะ”
"ใช่ ลงมือกันเลย!"
หลังจากทำความเข้าใจสถานการณ์แล้ว คนๆ หนึ่งก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา
กึ่งอมตะคนหนึ่งที่ได้รับครึ่งผลึกกาแล็กซี่จากกวงเทียนก็พยักหน้าเห็นด้วย
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่ากึ่งอมตะทั้ง 20 คนเต็มใจที่จะลงมือพร้อมกัน
แม้ว่าเผ่ามนุษย์จะสร้างเมืองอยู่ด้านล่าง แต่บางคนก็ไม่พร้อมที่จะลงมือ
ในบรรดากึ่งอมตะทั้ง 20 คนที่อยู่ที่นี่ ไม่นับรวมกึ่งอมตะเผ่ามนุษย์ สามส่วนมีเจตนาฆ่าต่อเผ่ามนุษย์ และต้องการปล้นชิงทรัพยากร
แต่อีกเจ็ดส่วนมาเพื่อรับผลประโยชน์ แต่ไม่อยากต่อสู้เสี่ยงชีวิต
ในเวลานี้ กึ่งอมตะหกคนจากยี่สิบคนมุ่งหน้าไปหาซูหยางเพื่อต้องการฆ่าเขา
ทักษะอันทรงพลังต่างๆ ถูกปลดปล่อยออกมาด้วยการโบกมือ
มันปกคลุมตัวซูหยาง และเมืองที่อยู่ด้านล่าง
เมื่อเห็นเช่นนั้น ซูหยางหรี่ตาลงเล็กน้อย
ในที่สุดก็ลงมือแล้วเรอะ?
เขาทอดตามองกึ่งอมตะหกคนที่กำลังเข้ามาใกล้ จากนั้นก็ปลดปล่อยเจตจำนงดาบที่ถูกยับยั้งเอาไว้ออกไป
ในเวลาเพียงชั่วพริบตา เจตจำนงดาบก็ฉีกทะลวงท้องฟ้า
พื้นที่ๆ ซูหยางอยู่สั่นสะเทือน และมวลอากาศแห่งความว่างเปล่าก็รั่วไหลออกมา แต่ก็ไม่มีผลใดๆ กับเขา
เจตจำนงดาบนี้บดขยี้การโจมตีจากกึ่งอมตะทั้งหกคนในทันที
ทักษะของกึ่งอมตะที่ทรงพลังอย่างท่วมท้นนั้นไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่ลมหายใจเดียวต่อหน้าเจตจำนงดาบของซูหยาง
เจตจำนงดาบอันกว้างใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากการปะทะเข้ากับทักษะเหล่านั้น และมุ่งหน้าต่อไป
ดาบอาบเลือด
หัวของทั้งหกคนกระเด็นขึ้นกลางอากาศ
อย่างไรก็ตาม จู่ๆ หัวหนึ่งก็หายไป พร้อมกับศพที่ไม่มีหัว มันสลายหายไปเมื่อไม่เคยอยู่ที่ตรงนี้มาก่อน
ซูหยางหรี่ตาลงเล็กน้อย ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะมีไพ่ตายช่วยชีวิตบางอย่าง
อย่างไรก็ตาม กึ่งอมตะอีก 5 คนที่มาพร้อมกันนั้นกลับไม่โชคดีเช่นนั้น
เจตจำนงดาบโหมกระหน่ำไปทั่ว และความว่างเปล่าในแดนหงซิงก็ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ
เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น กึ่งอมตะอีก 14 คนที่มารวมตัวกันเพื่อดูการแสดงก็รีบหนีไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ดูเหมือนจะมีถ้อยคำหนึ่งที่สะท้อนอยู่ในความว่างเปล่า และสะท้อนในใจของทุกคน
“อมตะสวรรค์!”
ในพริบตาเดียว เหล่ากึ่งอมตะที่มารวมตัวอยู่ที่นี่ก็รีบพุ่งทะยานออกไปเพื่อหลบหนี
มีเพียงถานซ่าง และเฉิงฮุยเท่านั้นที่ยังคงอยู่
ในเวลานี้พวกเขาทั้งสองต่างตกตะลึง
เผ่ามนุษย์ของพวกเขา มีอมตะสวรรค์ที่น่าสะพรึงกลัวขนาดนี้เลยหรือ?
ไม่เปิดโอกาสใด เมื่อมีใครมาสร้างปัญหาก็ฆ่าในทันที?
แต่บอกได้เลยว่ามันรู้สึกดีจริงๆ!
เมื่อมองดูศพทั้งห้าที่ตกลงมา ทั้งสองก็รู้สึกสบายใจมากขึ้นกว่าเดิม
ส่วนจะมีปัญหาอะไรตามมาหรือไม่ พวกเขาไม่กลัว แม้จะรวบรวมผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก แต่ก็ยังยากที่จะสร้างปัญหาให้กับอมตะสวรรค์ได้
[ เจตจำนงแห่งสรรพชีวิต +3,220,000 ]
นี่คือ ผลการเก็บเกี่ยวที่ได้จากการสังหารกึ่งอมตะทั้งห้า
ซูหยางถอนเจตจำนงดาบที่กำลังทำลายล้างความว่างเปล่า และมองดูกล่มคนที่กำลังวิ่งหนีไป
"หนีเร็วจริงๆ"
เมื่อคิด แหวนมิติจากนิ้วของศพทั้งห้าก็มาถึงมือของซูหยาง
“ครึ่งผลึกกาแล็กซี่?”
ใช่ แค่การเปิดแหวนมิติวงแรก มันก็ทำให้ซูหยางประหลาดใจแล้ว
นอกจากนี้ยังทำให้ซูหยางรู้สึกยินดีที่ได้ค้นศพอีกครั้ง ซึ่งเขาไม่ได้รู้สึกเช่นนี้มานานแล้ว
เนื่องจากความแข็งแกร่งของเขาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว หลายสิ่งหลายอย่างจึงไม่มีประโยชน์อะไรกับตัวเขามากนัก
ดังนั้น โดยพื้นฐานแล้วเขาไม่เคยค้นศพเองเลย และมอบสิ่งเหล่านี้ให้เป็นหน้าที่ของกู่ซิ่ว
ด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย ซูหยางเปิดแหวนมิติเหล่านี้ทีละวง
สิ่งของต่างๆ ที่อยู่ข้างในก็ถูกแสดงต่อหน้าซูหยางทีละอย่าง
เขาได้รับต้นกำเนิดกาแล็กซี่ทั้งหมด 300,000 แต้ม ครึ่งผลึกต้นกำเนิด และของอื่นๆ
ยังมีแผนที่อยู่ในนั้นด้วย โดยมันได้บันทึกแหล่งทรัพยากรหลายแห่งที่ซ่อนอยู่ในเขตอันตราย
[ แหล่งทรัพยากรลับของเมืองซีหลิว ]
[ แหล่งทรัพยากรลับของเมืองอี่หวง ]
[ แหล่งทรัพยากรลับของเมืองลิ่วถุ่ย ]
[ แหล่งทรัพยากรลับของเมืองเถี่ยเจี่ย ]
[ แหล่งทรัพยากรลับของเมืองไป่หยุน ]
มีเมืองที่มีชื่อทั้งหมดห้าเมือง เมื่อซูหยางมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งห้าเมืองนี้ล้วนเป็นเมืองของเผ่าพันธุ์อื่น
จากสิ่งนี้ มันสามารถช่วยให้เขามีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับเมืองขนาดกลางทั้งห้าแห่งนี้
นี่ย่อมเป็นของดีอย่างแน่นอน
ตามที่คาดไว้ พันธมิตรของอีกฝ่ายไม่ได้รวมเป็นหนึ่งอย่างแท้จริง
ดูเผินๆ พวกเขาเป็นมิตรต่อกัน แต่จริงๆ แล้วพวกเขาต้องการเฉือนเนื้อของกันและกันออกมา
ซูหยางไม่รู้ว่ากึ่งอมตะเหล่านั้นชื่ออะไร แต่ชื่อของคนตายไม่ได้สำคัญอีกต่อไปแล้ว
เขาจึงแอบพูดกับตัวเองว่า ไม่ต้องกังวล ข้าจะช่วยพวกเจ้าทำในสิ่งที่พวกเจ้ายังทำไม่สำเร็จ
หลังจากคัดแยกสิ่งของต่างๆ ในแหวนมิติแล้ว
ซูหยางก็พอใจเป็นอย่างมาก
การเก็บเกี่ยวครั้งนี้ ทำให้เขาได้รับเจตจำนงแห่งสรรพชีวิตมากกว่าที่ต้องไปวิ่งเต้นในถ้ำสถิตมารเกือบทั้งวันเสียอีก
ตอนนี้ ถ้าเขาต้องการสร้างเมืองเพิ่ม เขาสามารถสร้างอีกสองเมืองได้อย่างง่ายดาย
แต่โดยธรรมชาติแล้ว เขาจะไม่เรื่องที่ไม่มีประโยชน์อะไรแบบนั้น
เขายังไม่รู้ว่าผลึกกาแล็กซี่นี้สามารถใช้ทำอะไรได้อีก แต่การเก็บไว้ก่อนก็ไม่เสียหายอะไร
ซูหยางเงยหน้าขึ้นมอง และสังเกตเห็นอีกสองคนที่ยังอยู่ที่นี่
เพียงแค่ถามพวกเขา เขาก็จะได้สิ่งที่ต้องการ
จากนั้น มีเสียงหนึ่งดังก้องอยู่ในหูของถานซ่าง และเฉิงฮุย
“สหายทั้งสอง มาคุยกันหน่อยดีหรือไม่”
เมื่อได้ยิน ทั้งสองมองหน้ากัน และรีบลงมาหาซูหยาง
“ถานซ่างคารวะผู้อาวุโส”
“เฉิงฮุ่ยคาวระผู้อาวุโส”
“ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น พวกเจ้าเรียกข้าว่าซูหยางก็ได้”
“ข้าอยากได้ข้อมูลบางอย่างจากพวกเจ้าทั้งสอง หวังว่าพวกเจ้าจะสามารถช่วยไขข้อสงสัยของข้าได้”
“ผู้อาวุโสซูเชิญกล่าว”
โดยธรรมชาติแล้ว พวกเขาทั้งสองคงไม่มีเจตนาที่จะปฏิเสธคำขอนี้
ซูหยางจึงถามถึงข้อสงสัยในใจของเขา
คำถามแรก ประโยชน์ของผลึกกาแล็กซี่
นอกจากการสร้างเมืองแล้ว สิ่งนี้ยังมีประโยชน์ในด้านอื่นๆ อีกมากมาย
ต้องใช้สิ่งนี้หากต้องการยกระดับจากโลกใบเล็กเป็นโลกใบใหญ่
มันยังถูกใช้เมื่อหลอมอาวุธ และต้องใช้ในค่ายกลระดับสูงอย่างบางด้วย
เมืองที่สร้างขึ้นในแดนหงซิง หากต้องการขยายก็ต้องใช้ผลึกกาแล็กซี่
สามารถใช้งานได้หลายอย่าง นั้นทำให้ผลึกกาแล็กซี่เป็นหนึ่งในทรัพยากรที่ใช้กันทั่วไปสำหรับกึ่งอมตะ หรือสูงกว่านั้น
คำถามที่สอง วิธีสร้างเมืองหมื่นดารา
สิ่งนี้จำเป็นต้องใช้หินมิติเป็นแกนหลัก จากนั้นจึงใช้ผลึกกาแล็กซี่เป็นตัวช่วยในการสร้างเมือง
คำถามที่สาม หากเขาทำลายเมืองของเผ่าพันธุ์อื่น มันจะกระตุ้นให้เกิดการโต้ตอบอย่างบ้าคลั่งจากอีกฝ่าย และเขาจะตกเป็นเป้าหมายของทุกเผ่าในพันธมิตรหรือไม่
นี่คือ สิ่งที่ซูหยางกังวลมากที่สุด
ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาสามารถกวาดล้างเมืองขนาดเล็กได้ และแม้แต่เมืองขนาดกลางก็ไม่ได้เป็นปัญหา
แต่เนื่องจากเขาต้องพิจารณาถึงความเสี่ยงที่อีกฝ่ายอาจรวมตัวกันสู้กลับ เขาจึงยังไม่ได้ทำอะไร
“ผู้อาวุโสซู แม้ว่าเผ่าต่างๆ จะลงนามในสนธิสัญญาพันธมิตร แต่ผลกระทบก็อาจจะไม่มากนัก”
“แม้พวกเขาจะถือเป็นพันธมิตรกัน แต่การที่เรายังคงยืนหยัดอยู่ได้แสดงให้เห็นว่าเผ่าต่างๆ เหล่านี้ไม่สามารถรวมกันเป็นหนึ่งได้อย่างสมบูรณ์”
“อย่างมากที่สุด มันจะทำให้บางเผ่าซึ่งแต่เดิมเป็นศัตรูกับเผ่ามนุษย์เรามีปฏิกิริยาโต้ตอบรุนแรงมากยิ่งขึ้น”
“ส่วนบางเผ่าที่เป็นกลางก็จะต้องการใช้โอกาสนี้ดูดเลือดจากเผ่ามนุษย์เพื่อหาผลประโยชน์”
“ตราบใดที่ท่านแน่ใจว่าจะสามารถเผชิญหน้ากับการตอบโต้อันรุนแรงได้ ก็จะไม่มีปัญหาอะไร”
เมื่อได้ยิน ซูหยางก็จับประเด็นสำคัญได้ในทันที
“กล่าวก็คือ เผ่าที่เป็นศัตรูก็ยังมีเท่าเดิม แต่อาจมีซักสองสามเผ่าที่ละโมบใช้ข้ออ้างนี้เพื่อหาทางกอบโกยผลประโยชน์ และโจมตีเมืองมนุษย์ของเรา”
“ถูกต้อง แต่ท่านต้องจำไว้ว่าอย่าให้เกิดความเสียหายต่อหลายเผ่าพร้อมๆ กัน มิฉะนั้นพวกเขาอาจรวมตัวกันเพื่อทำการโต้ตอบ”
“อีกอย่างหนึ่งผู้อาวุโสเป็นอมตะสวรรค์ การปรากฏตัวของท่านย่อมดึงดูดความสนใจเป็นอย่างมาก”
ถานซ่างเปิดปากเพื่อเตือนซูหยาง
เขารู้สึกได้ถึงความตื่นเต้นจากน้ำเสียงของซูหยาง
นี่คือ ความรู้สึกที่อยากจะลงมือกับเมืองของเผ่าศัตรู
ด้วยความแข็งแกร่งของซูหยางจะไม่มีปัญหาในการทำลายเมืองบางแห่ง
แต่ก็ปัญหาคือ หลายเผ่าก็มีอมตะสวรรค์อยู่ด้วย หากปัญหาลุกลามใหญ่โต ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นก็จะออกมาเช่นกัน
พูดง่ายๆ ก็คือ ทำได้ แต่อย่ามากจนเกินไป