ตอนที่ 140 ข้อเสนอของ จี้หยวี่
“เสี่ยวเหยา นี่เธอพูดว่าอะไรนะ พี่ ซู สุดหล่อ พร้อมจะไล่ตามเธอ? เดี๋ยวๆ หยุดก่อน ..นี่พวกเธอสองคนไม่ใช่ว่าคบกันนานแล้วเหรอ?”
“ใช่! เราเห็นพวกเธอสองคนเดทในป่ากันทุกวัน หรือแม้แต่ออกไปงานเลี้ยงต่างๆ และไหนจะคุย VX ด้วยกันอย่างไม่หยุดหย่อนนั้นอีก ตอนนี้เธอกลับบอกฉันว่าพวกเธอ ..ยังไม่ได้เริ่มต้น?”
หลังจากฟังคําอธิบายของ เซี่ย ซินเหยา แล้ว จี้หยวี่ และวัง ซิ่วซิ่ว ต่างก็ตกตะลึงเหมือนได้ค้นพบ ‘โลกใหม่’ และรีบค้านทันที
เซี่ย ซินเหยา ยิ้มอย่างจนใจ
“ฉันพูดบอกไปตั้งนานแล้วว่าความสัมพันธ์ของฉันกับ เสี่ยวเหวิน ยังไม่ถึงขั้นนั้น และเป็นพวกเธอนั่นแหละที่คิดกันไปไกลแล้ว”
สำหรับเรื่องนี้ เซี่ย ซินเหยา อดที่จะบ่นไม่ได้
โทษเธอไม่ได้จริงๆ ได้แต่โทษเพื่อนๆ ของเธอที่มีรูสมองใหญ่เกินไป(1)
ทันทีที่เธอกับ ซูเหวิน มีเรื่องวุ่นวาย ทุกคนเริ่มคิดแต่ yy(意淫, จิ้นกัน หรือลามก ทะลึ่ง) กันหมด
จี้หยวี่ กับวัง ซิ่วซิ่ว มองหน้ากัน
พวกเธอต่างเห็นความตกใจจนพูดไม่ออกจากในสายตาของกัน และกัน
โอเค!
พวกเธอยอมรับก็ได้ว่าพวกเธอ ..คิดมากเกินไป
ความรู้สึกของทั้งสองคนนี้ที่ได้อยู่ด้วยกันทุกวัน และความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ก็ต้องก้าวไปข้างหน้าสิไม่ใช่หยุดอยู่กับที่!
นี่มันเป็นเพียงปฏิบัติการดุร้ายดุจเสือ(2).. พอมองย้อนกลับมาก็ติดอยู่ที่เดิมเนี่ยนะ
“แล้วเธอจะทำยังไงต่อไป?”
จี้หยวี่ อดไม่ได้ที่จะถาม
เซี่ย ซินเหยา ส่ายศีรษะ : “ฉันก็ไม่รู้ คงได้แต่รอต่อไป!”
“แต่ฉันคิดว่า เสี่ยวเหวิน ไม่น่าจะโกหก และเขาควรจะลงมือในเร็วๆ นี้ ใช่มั้ย?”
ในตอนท้าย แม้แต่ เซี่ย ซินเหยา เองก็ไม่แน่ใจว่า ซูเหวิน กำลังคิดอะไรอยู่..
“รอ?”
“นี่… จะบ้าเหรอ? ให้รอแบบนี้เนี่ยนะ แล้วใครมันจะไปรู้ว่าเขาจะไล่ตามเธอเมื่อไหร่?”
วัง ซิ่วซิ่ว พูดไม่ออก
“ถูกต้อง การรอคอยเป็นเรื่องที่ยากที่สุดแล้ว”
“ถ้าเขาวางแผนจะมาไล่ตามเธอในปีหน้า หรือปีถัดๆ ไป นั่นแสดงว่าเธอไม่ต้องรอคอยจนเป็นบ้าไปเลยป่ะ?”
จี้หยวี่ พูดสะท้อนให้เห็นเช่นกัน
ทันใดนั้นเธอก็มีความคิดหนึ่งขึ้นมาในใจ แล้วรีบพูดทันทีว่า : “เอาแบบนี้มั้ย หากเธออายที่จะถาม ให้ฉันช่วยเคาะเขาจากด้านข้างให้เป็นไง”
“แบบฉันจะช่วยเร่งรัดเขาให้จากด้านหลัง คอยเตือนเขา บางทีเขาอาจจะเริ่มลงมือทำอะไรบางอย่างก็ได้”
หลังจากนั้นเธอยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์
สีหน้านั้นออกจะเต็มไปด้วยความมั่นใจมาก
เธอคิดว่าเธอควรเตือน ซู สุดหล่อ เพื่อไม่ให้เขาลืมคำสัญญาที่ให้ไว้ในคืนนั้น
ด้วยนิสัยของ ซู สุดหล่อ เขาจะไม่ยอมรับได้อย่างไร?
ถ้า ซู สุดหล่อ จำได้ เขาจะต้องเริ่มลงมือทำอะไรบางอย่างอย่างแน่นอน
สำหรับข้อเสนอนี้
พูดตามตรง เดิมที เซี่ย ซินเหยา อยากปฏิเสธ
ท้ายที่สุดแล้ว มันดูเหมือนเป็นการบังคับ ซูเหวิน มากเกินไป
แต่พอคิดถึงเรื่องที่เพื่อนสนิทของเธอพูด.. ดูเหมือนว่ามันก็ไม่ได้ไม่มีเหตุผล
ในกรณีที่ ซูเหวิน ลืมไปแล้ว และเขาก็ไม่มีแผนที่จะไล่ตามเธอในอนาคตอันใกล้นี้
แล้วนี่ไม่ใช่ว่าเธอรอเก้อเหรอ?
ไม่ใช่เธอไม่อยากรอ
แต่แน่นอนว่าเธอหวังว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอ กับซูเหวิน จะพัฒนาไปได้เร็วขึ้นบ้าง
ไม่ใช่อย่างตอนนี้ ที่มันให้ความรู้สึกเหมือนกับมีเยื่อบางๆ หุ้มอยู่ตรงกลาง
เมื่อคิด.. เซี่ย ซินเหยา ก็พลางถอนหายใจ
คงได้แต่โทษตัวเองที่ขี้อาย และหน้าบางเกินไป
ถ้าคุณคิดที่จะเริ่มแสดงความรู้สึก และสารภาพออกไปด้วยตนเอง ถึงตอนนั้นคุณอาจจะกังวลอย่างมากก่อนที่คำพูดเหล่านี้จะหลุดออกจากปากด้วยซ้ำ
แต่หากต้องรอเช่นนี้ ไม่สู้รุกเองดีกว่า!
จากนั้นเธอก็พูดว่า : “อืม งั้นเธอช่วยฉันเตือนเขาหน่อย”
“แต่แค่เตือนนิดๆ หน่อยๆ นะอย่าให้มากเกินไป”
สุดท้าย เธอก็เพิ่มอีกประโยค..
เธอกลัวว่าเพื่อนสนิทของเธอจะพูดตรงเกินไป จนไปทำให้คนอื่นรู้สึกกดดัน
และในขณะที่ เซี่ย ซินเหยา กําลังคุยกับเพื่อนสนิทของเธอ
อีกด้านหนึ่ง บนถนนที่พลุกพล่าน
รถยนต์ Mazda และ Koenigsegg ได้ขับตามหลังกันไปบนถนน
รถคันหน้าเป็นรถของผู้จัดการฟู่ จากโรงน้ำชา เซียนเฮ่อ
ส่วนข้างหลังเขาคือรถซุปเปอร์คาร์ของ ซูเหวิน
ในขณะนี้ ซูเหวิน กําลังพา เซี่ย เฉิงตง ตามรถของ ผู้จัดการฟู่ ไปที่ร้านของ ‘ราชาชา’ ที่อีกฝ่ายได้พูดถึงก่อนหน้านี้
สิบกว่านาทีต่อมา ทุกคนก็มาถึงสถานที่นั้นแล้ว
“ศิลปะชา ชิ่นเซียง.. เป็นที่นี่หรือเปล่า?”
หลังจากทุกคนจอดรถ และเดินลงจากรถ ซูเหวิน ก็พูดขึ้นเป็นคนแรก
สิ่งที่เห็นอยู่หน้านี้คือร้านค้าที่ดูเหมือนมีบรรยากาศคลาสสิคแบบสุดๆ
ประตูร้านดูขึงขังหนักแน่น และสง่างาม และมองปราดเดียวก็รู้ว่ามีคุณค่ามาก
และคําว่า ‘ศิลปะชา ชิ่นเซียง (沁香茶艺)’ บนป้ายหน้าร้านนั้นก็สะดุดตาเป็นพิเศษเช่นกัน
“คงจะเป็นที่นี่แหละ ดูดีมากจริงๆ”
เซี่ย เฉิงตง ยิ้ม และอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าชื่นชม
ต้องบอกว่า..
สมกับเป็นร้านที่แม้แต่แม่พันธุ์ต้าหงเผาก็สามารถหาได้
แค่มองไปที่ร้านตรงหน้าก็บอกได้คำเดียวว่า ..ไม่ง่าย
“ใช่ครับ ที่นี่แหละ.. เรามาถูกที่แล้ว”
“อย่ามองว่าเป็นแค่ร้าน แต่ข้างในกลับใหญ่มาก ใบชาของที่นี่เองมีทุกชนิด”
“เถ้าแก่ซู ประธานเซี่ย เชิญครับ”
ผู้จัดการฟู่ ผายมือพร้อมกับกล่าวขึ้นทันทีด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
จากนั้นเขาก็เป็นผู้นํา นำพาทั้งสองเดินเข้าไปในร้าน
และความจริงก็ตรงตามที่ ผู้จัดการฟู่ กล่าว
เมื่อทุกคนเข้าไป ซูเหวิน และเซี่ย เฉิงตง พบว่าร้านนี้ค่อนข้างใหญ่จริงๆ และการตกแต่งเป็นไปอย่างประณีต
ขณะเดียวกันภายในร้านก็มีใบชาหลากหลายชนิด
เมื่อมองไปตลอดทาง ปี้หลัวชุน(碧螺春), เหมาเฟิง(毛峰), เหมาเจียน(毛尖), ทิกวนอิม(铁观音) และปิงหง(红茶) ทั้งหมดต่างล้วนเป็นชาที่มีชื่อเสียงทั้งนั้น
ในระหว่างที่ทุกคนสังเกตภายในร้านค้าอยู่
ทันใดนั้น มีผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดกี่เพ้าสีม่วงเดินเข้ามาถามด้วยรอยยิ้มว่า : “ขอถามว่าท่านต้องการชาชนิดใดบ้างคะ?”
เมื่อเผชิญหน้ากับคําถามของผู้หญิงคนนั้น ผู้จัดการฟู่ ไม่คิดพูดอ้อมค้อม เขาพูดตรงๆ ไปว่า : “เถ้าแก่ของพวกคุณอยู่ไหม?”
“เขาโทรหาฉันก่อนหน้านี้ และบอกว่าเขาได้รับแม่พันธุ์ต้าหงเผา และขอให้เรามาดูเมื่อมีเวลา”
พนักงานในร้านดูเหมือนจะเคยเห็นฉากแบบนี้มาก่อน
พอได้ยินอีกฝ่ายพูดว่าเจ้านายโทรไปหา ก็รู้ได้ทันทีว่าต้องเป็นเพื่อนของเจ้านายที่มาอีกคนอย่างแน่นอน
เธอจึงไม่กล้าที่จะละเลย รีบพูดว่า : “เถ้าแก่อยู่ค่ะ อยู่ที่ชั้นสองของร้าน เดี๋ยวฉันจะนำพาทุกท่านขึ้นไป..”
พอพูดจบ เธอก็พาทุกคนเดินไปที่ทางขึ้นบันได
ในไม่ช้าก็มาถึงชั้นสอง
ต่างจากชั้น 1 ที่ชั้น 2 ดูจะเป็นพื้นที่ส่วนตัวมากกว่า
คาดว่าน่าจะเป็นห้องทำงานของเจ้าของร้านชา
เพียงแค่ว่าห้องทำงานนี้ดูจะใหญ่เกินไปจริงๆ
และหลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นนำพาพวกเขาเข้าไปในห้องทำงานแล้ว ซูเหวิน และเซี่ย เฉิงตง จึงพบว่าห้องทำงานนี้ไม่เพียงแต่ใหญ่เท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมากด้วย!
ซึ่งนับอย่างน้อย 7-8 คน ที่กําลังนั่งคุยกันอยู่บนโซฟา
ในเวลาเดียวกัน คนกลุ่มหนึ่งหันกลับมาเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า โดยทันทีก็พบ ซูเหวิน และคนอื่นๆ
ทันทีหลังจากนั้น ก็เห็นชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนดูสูงใหญ่ลุกขึ้นเดินเข้ามาหาพวกเขา เขามองไปที่ ผู้จัดการฟู่ แล้วพูดว่า : “เฮอเฮอๆ เหล่าฟู่ คุณมาแล้ว”
“ได้ยินก่อนหน้านี้ว่า คุณจะพาเจ้านายมาดูใบชา ฉันล่ะสงสัยจริงๆ ว่าใครเป็นเจ้านายของคุณ?”
ผู้ชายคนนั้นยิ้ม และมองไปที่ ผู้จัดการฟู่ ในขณะเดียวกันก็เอื้อมมือไปจับมือกับ ผู้จัดการฟู่
ดูเหมือนเขาจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ ผู้จัดการฟู่
ผู้จัดการฟู่ ยังได้ยิ้มหัวเราะทันทีหลังจากที่จับมือกับอีกฝ่าย เขาก็ผายมือไปทาง ซูเหวิน และเซี่ย เฉิงตง ก่อนจะกล่าวแนะนําว่า : “เถ้าแก่จาง ฉันจะแนะนําท่านทั้งสองคนนี้ให้คุณรู้จัก!”
“ทางนี่คือ เถ้าแก่ซู แม้ เถ้าแก่ซู จะอายุยังน้อย แต่เขายังเป็นเจ้าของโรงน้ำชา เซียนเฮ่อ ของเรา”
“และทางด้านนี้คือ ประธานเซี่ย เขาก็คือประธานกลุ่มบริษัท ฮั่วซิน ที่มีชื่อเสียงในเมืองม่อของเรา ประธานเซี่ย เซี่ย เฉิงตง”
ผู้จัดการฟู่ พูดเสียงดังอย่างหนักแน่น
ในขณะกล่าวแนะนําไปพร้อมๆ กันนั้น สีหน้าของเขาเองดูเหมือนจะยังแฝงไปด้วยความภาคภูมิใจ
ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา
ไม่ว่าเป็นเจ้าของร้านชา พนักงานหญิง หรือกลุ่มคนหลายคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเมื่อกี้
พวกเขาหัวใจสั่นสะท้าน จากนั้นดวงตาพวกเขาพลันเบิกกว้างขยับขึ้นลงทันทีราวกับไม่เชื่อสิ่งที่เห็นตรงหน้า…
(1)[รูสมอง (脑洞)] - จินตนาการ หรือความคิดสร้างสรรค์ที่แหวกแนวจนพิสดาร
(2)[ปฏิบัติการดุร้ายดุจเสือ (一顿操作猛如虎)] - หมายถึง แรกๆ ก็ดูดีอยู่ แต่พอหลังๆ กลายเป็นไร้ประโยชน์ หรือแย่มาก มักใช้เสียดสี ประมาณ โผล่มาทำฟอร์มดี สุดท้ายยับเยิน