บทที่ 8: แนวคิด (4)
บทที่ 8: แนวคิด (4)
เพื่อให้เข้าใจว่าทําไมคังวูจินถึงเลือกบทบาทของ 'รองหัวหน้าพัค' คงจําเป็นต้องย้อนรอยไปถึงสิ่งที่เขาทําในมิติว่างเปล่า มันเริ่มขึ้นเมื่อคังวูจินตรวจสอบสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีขาวของ 'ผู้เชี่ยวชาญนิติจิตวิทยาเสเพล' ในมิติว่างเปล่า
-[5 /บทภาพยนตร์ (ชื่อเรื่อง: ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล ตอนที่ 1) ระดับ A]
-[*นี่คือบทละครที่มีความสมบูรณ์สูงมาก อ่านได้ 100%]
คังวูจินยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางมิติว่างเปล่าอันมืดมิดที่ไร้ขีดจำกัด ไร้ซึ่งจุดสิ้นสุด เขาไขว้แขนไว้ข้างหน้า ลูบคางของตัวเองด้วยท่าทางครุ่นคิด
“ระดับ A...”
หนังสั้นเรื่อง 'การไล่ผี' ที่ลอยอยู่ข้างๆ เขาคือระดับ B แต่มันเป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้พบกับระดับ A คังวูจินจึงได้รู้สึกสงสัยในใจ
"อืม- ถ้าเป็นระดับ A... นั่นเป็นระดับสูงสุดหรือเปล่านะ? หรือว่ามีระดับอะไรสูงกว่าระดับ A อีก?"
แม้ว่าจะมีระดับสูงกว่าระดับ A แต่ระดับ A ก็ยังอยู่ในระดับบน กล่าวอีกนัยหนึ่งคือผลงานใหม่ 'ผู้เชี่ยวชาญนิติจิตวิทยา' โดยนักเขียนพัคอึนมีนั้นมีอนาคตที่สดใสรออยู่
“‘อัยการอันธพาล’ เรื่องนี้กับเรตติ้งระดับ C ได้ประมาณ 7% หรือเปล่า ถ้าเรตติ้งระดับ A สูงกว่าสองระดับ... มันน่าจะเกินประมาณ 10% 15% ใช่ไหมนะ?”
คังวูจินไม่แน่ใจ เขาไม่สามารถบอกได้ว่าระดับที่เขาได้มามันแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด เขาจึงเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว
"เอาล่ะ ช่างเถอะ งานนี้จะขอทำหน้าที่เป็นการทดลองแล้วกัน เพื่อจะได้แบ่งระดับได้ถูก"
เขาต้องการทดลองเพื่อดูว่า "ระดับ" เหล่านี้บ่งบอกถึงศักยภาพของตัวบทที่จะถูกเผยแพร่ไปในอนาคตได้หรือไม่ แม้ว่าตอนนี้มันดูเหมือนว่าจะเป็นไปได้ แต่ก็ไม่มีการรับประกันอะไร
จากนั้นสายตาของคังวูจินก็เปลี่ยนไปมองยังชื่อเรื่อง
" 'ผู้เชี่ยวชาญนิติจิตวิทยาเสเพล' ชื่อเรื่องแบบนี้เลยเหรอ? แต่ถ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญนิติวิทยา มันคงเป็นแนวอาชญากรรมหรืออะไรประมาณนั้นแหละมั้ง"
เขานึกถึงคําพูดที่ผู้กํากับชื่อดังซงมันวูที่ได้พูดกับเขาก่อนหน้านี้
"ผมอยากคัดเลือกคุณเป็นนักแสดงครับ คุณคังวูจิน"
ในตอนนั้น จิตใจของเขาคล้ายหยุดชะงักงัน แต่ตอนนี้ เมื่อเข้าสู่พื้นที่เสมือนจริง คังวูจินก็ค่อนข้างที่จะตั้งสติได้ ทำให้เขาสามารถคิดคำตอบที่เหมาะสมได้
“มันน่าจะเป็นแค่บทบาทเล็กๆ น้อยๆ แหละ”
แม้จะไม่ได้รู้จักวงการบันเทิงมากนัก แต่คังวูจินก็รู้ดีว่ามือใหม่หรือคนที่ยังไม่มีชื่อเสียงมักจะเริ่มต้นจากการเป็นตัวประกอบ ยิ่งถ้าเป็นโปรเจคที่สร้างโดยระดับแนวหน้าอย่างผู้กำกับซงมันวูและนักเขียนบทพัคอึนมีด้วยแล้ว ยิ่งการันตีได้เลยว่า บทเด่นๆ คงจะถูกจองโดยนักแสดงที่มีชื่อเสียงไปแล้วแน่
แสดงว่าบทบาทเล็กน้อยในโปรเจคนี้ที่พวกเขาต้องการให้เขาแสดงคือบทประกอบ ซึ่งมันแตกต่างจากบทสมทบหรือบทบาทที่เน้นแค่ภาพลักษณ์ แต่สำหรับคังวูจินแล้ว เขาไม่มีทางรู้เรื่องพวกนี้ได้เลย
"เอาเถอะ คิดดูแล้ว มันก็ไม่เลวร้ายสักเท่าไรหรอก"
ความคิดบวกเบ่งบานขึ้นมาในใจเขา นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาจะได้เข้าไปนับตั้งแต่เจอกับ ‘ชายผู้หวาดกลัว’ ในมิติว่างเปล่า บางทีการได้ถูกประเมินการแสดงโดยผู้ใหญ่ในวงการอย่างจริงจัง มันก็คงน่าสนใจไม่น้อย
ยามนั้นเอง
-วูบ
คังวูจินเอื้อมมือไปแตะสี่เหลี่ยมสีขาวที่ลอยอยู่ตรงหน้าเขา เขาเลือก "ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล" จากนั้นคําที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นใต้สี่เหลี่ยมผืนผ้าสีขาว
-[คุณได้เลือกบท 5/บท (ชื่อเรื่อง: ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล ตอน 1)]
-[รายชื่อตัวละครที่สามารถอ่านได้ (ตามประสบการณ์)]
-[A: ยูจีฮยอง B: จุงซังมิน C: แบซีจุน...E:รองหัวหน้าพัค]
คังวูจินมุ่งเน้นไปที่รายชื่อตัวละคร ซึ่งมีประมาณ 6 ชื่อ
“อืม-คนที่อยู่ข้างหน้าส่วนใหญ่เป็นบทนำหรือคนที่พูดเยอะ รองหัวหน้าพัคเหรอ? เอาอันนี้แล้วกันบทน้อยสุด”
คังวูจินรู้จากการทดลองว่าตัวประกอบมักจะมีบทพูดน้อยกว่าตัวละครหลัก เขาจึงเลือกที่จะรับบทเป็นรองหัวหน้าพัค เพราะว่าตัวละครนี้มีบทพูดน้อยที่สุด
-ฟึ่บ
เขาแตะที่ชื่อ "รองหัวหน้าพัค" จากรายชื่อตัวละคร เสียงผู้หญิงที่คุ้นเคยดังก้องกังวาลไปทั่วมิติว่างเปล่า
["การเตรียมบทอ่าน 'E: รองหัวหน้าพัค' กำลังดำเนินการ······"]
ไม่ต้องรอนานนัก
["······การเตรียมการเสร็จสมบูรณ์ บทภาพยนตร์หรือบทละครคุณภาพสูงมาก อัตราการนำไปปฏิบัติ 100% การอ่านจะเริ่มต้นขึ้นทันที"]
ในพริบตา มวลสีเทาขนาดใหญ่ก็โอบคลุมคังวูจิน
เสียงตะโกนดังของใครคนหนึ่งดังขึ้น
"เฮ้! รองหัวหน้าพัค!! คุณทำอะไรอยู่? รีบมาสิ!"
ในตอนนี้เอง สีเทาที่เต็มไปทั่วสายตาของคังวูจินค่อยๆ เลือนหายไปทีละน้อย ด้านหน้าเริ่มปรากฏสู่สายตาอย่างชัดเจน
สถานที่นั้นอยู่หน้าม้านั่งสวนสาธารณะ
อากาศอบอุ่น มันคือฤดูใบไม้ผลิใช่ไหม? แสงแดดสัมผัสผิวหนัง แต่ก็ไม่ได้รุนแรง จริงๆ แล้วมันเป็นอุณหภูมิที่น่าพอใจพอสมควร แขนสั้น...ฉันกำลังใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นอยู่สินะ
ในช่วงเวลานี้เอง สายตาของคังวูจินได้เบิกกว้างขึ้น
รอบตัวเขามีแปลงดอกไม้ที่กำลังบานสะพรั่ง ผู้คนกำลังวิ่งออกกำลังกาย ชายสองคนโบกมือให้คังวูจินอยู่ข้างหน้า
เขาตะโกนบอกพวกเขาทันที
"พวกคุณไปก่อนเลย!"
สัญชาตญาณอันลึกซึ้งกระตุ้นให้เขาตะโกนออกไป ทันทีที่เสียงตะโกนจบลง คังวูจินก็รู้สึกได้ รอยยิ้มอันเป็นมิตรปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาเอง
อย่างไรก็ตาม ทุกสิ่งที่เขาพูดและทำนั้นเป็นเพียงเปลือกนอก มันไม่มีความจริงใจอย่างแน่นอน
หัวใจของเขาเย็นชาและไร้ความปราณียิ่ง
แต่ทว่า ความเย็นชานั้นช่างรุนแรงเหลือเกิน อาจพูดได้ว่าเขาไม่มีหัวใจ ราวกับว่าสิ่งเดียวที่เขาไม่มีอยู่เลยคืออารมณ์
ไม่มีอะไรเลย
คังวูจินได้กลายเป็นรองหัวหน้าพัคไปแล้ว แปลว่าเขาได้รู้สึกแบบที่รองหัวหน้าพัครู้สึก นั่นจึงทำให้เขารู้ทุกอย่าง
'การแสดงเป็นเพียงเครื่องมือ'
รองหัวหน้าพัคมองว่าท่าทางและคำพูดเป็นเพียงแค่หีบห่อเท่านั้น เขามักจะฝึกฝนท่าทางบนใบหน้าอยู่เสมอเวลาว่าง รวมถึงการจำบทบาทเพื่อให้ตัวเองดู ‘เหมือนคนดี’
ตอนนี้ก็เหมือนกัน
แม้จะมีรอยยิ้มบนริมฝีปากของเขา แต่แววตาของคังวูจินกลับแฝงด้วยความบ้าคลั่ง เขาขยับมุมปาก เหมือนกำลังฝึกหัวเราะ
ความสุขที่แท้จริง เสียงหัวเราะที่ถูกบังคับ แต่เปี่ยมไปด้วยความปีติยินดี
มันเป็นกิจวัตรประจำวันของเขา การฝึกซ้อมที่เขาทำเป็นประจำก่อนกลับเข้าสำนักงาน คังวูจินพึมพำอยู่แบบนั้น สีหน้ากลับว่างเปล่าอย่างไม่ทันตั้งตัว
มันเป็นเวลาที่แปลกประหลาดมาก
เขาฝึกเสร็จแล้ว กลับเข้าสู่สภาวะปกติ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นคังวูจินก็ก้าวเท้าเดินต่อไป ภายในใจของเขายังคงไร้ซึ่งเสียงใด เงียบสงัดราวกับผิวน้ำที่ไม่มีแม้แต่ระลอกคลื่น
ทันใดนั้น
"อ๊ะ"
คังวูจินเผยรอยยิ้มจางๆ บนริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว เขามองลงไปที่รองเท้าของเขา
"เหยียบอึสุนัขซะได้"
"ไม่แข็งแต่นิ่ม เหมือนอึสุนัขสดๆ" คังวูจินหยุดอยู่ตรงนี้ มองลงไปที่รองเท้าของเขา
"อึสุนัข..."
แววตาที่บ้าคลั่งปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา เป้าหมายได้ปรากฏตัวต่อหน้าเขาแล้ว ทั้งหมดมันเป็นเพราะไอ้ลูกสุนัขตัวหนึ่ง ด้วยเหตุนั้น คังวูจินจึงค่อยๆ หันศีรษะไปโดยรอบอย่างเชื่องช้า
"อ๋อ ลูกสุนัขตัวนี้เองสินะ"
ลูกสุนัขวิ่งเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว
สาเหตุที่เขารู้ เพราะลูกสุนัขตัวนั้นกำลังอึอยู่ในแปลงดอกไม้แถวนั้น สงสัยว่าเจ้าของจะเผลอปล่อยมันออกมา เพราะมันเป็นลูกสุนัขที่มีสายจูงอยู่รอบคอ คังวูจินผู้ที่เฝ้าดูลูกหมาเงียบๆ มาตลอดก็ได้...
ทันใดนั้นสีสันต่างๆ ก็เริ่มแพร่กระจายไปทั่วทุกสิ่งที่คังวูจินมองเห็น
แดง ส้ม เหลือง เขียว น้ำเงิน ครามและม่วง โลกธรรมดาของเขากลายเป็นดั่งเทพนิยาย พื้นดินเป็นสีม่วง ต้นไม้เป็นสีเขียว ท้องฟ้าเป็นสีดำ เมฆเป็นสีฟ้า และผู้คนทุกคนก็มีสีสันต่างกัน มันชวนให้นึกถึงความไร้เดียงสาในวัยเด็ก
แต่ทว่ามันไม่ใช่เทพนิยายที่สดใส มันดูแปลกประหลาด ความรู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เหมือนเป็นความไร้เดียงสาที่บิดเบี้ยว
"······ฝันหรือเปล่าเนี่ย?"
ใช่ มันเหมือนกับว่าเขาอยู่ในโลกของความฝัน นอกจากนั้น อารมณ์ที่ไม่ได้อยู่ในตัวคังวูจินก็เริ่มปรากฏออกมา อารมณ์ของเขาเริ่มเปลี่ยนไปด้วย
ความตื่นเต้น
คังวูจินผู้ที่นิ่งเงียบมาตลอดและไม่ทำอะไร ตอนนี้กลับตื่นเต้นจนแทบคลั่ง มันเป็นความรู้สึกเหมือนเขาอยากจะรีบทำอะไรสักอย่าง...
และแล้ว
-วูบ
ลูกสุนัขที่เพิ่งอึในแปลงดอกไม้เดินมาคลอเลียที่เท้าของคังวูจิน ในสายตาของคังวูจิน ลูกสุนัขตัวนั้นเป็นสีเหลือง
"น่ารัก ขนฟู อยากจะกอดแกซะจริงๆ เลยเจ้าลูกสุนัขตัวน้อย"
คังวูจินมองไปรอบๆ มีผู้คนมากมาย กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ มีสายตาจำนวนมากกำลังมองดูอยู่ ดังนั้นคังวูจินจึงคว้าสายจูงของลูกสุนัขแล้วเดินจากไป
โชคดีที่ลูกสุนัขเดินตาม
ห้องน้ำสาธารณะปรากฏอยู่ใกล้ๆ สถานที่ที่คังวูจินมุ่งหน้าไปคือด้านหลังห้องน้ำนั้น ในไม่ช้า คังวูจินก็ดึงสายจูงและประคองลูกสุนัขสีเหลืองไว้แนบอก
ลูกสุนัขเลียแก้มวูจิน
"น่ารักนะ แต่แกไม่ควรอึบนทางเดินที่คนเดินไปมานะไอ้ลูกสุนัข"
คังวูจินที่ยิ้มอยู่ แตะจมูกของลูกสุนัขสีเหลืองเบาๆ จากนั้นประทัดสีแดงก็ระเบิดออกมาจากจุดที่เขาแตะ แน่นอนว่าภาพจินตนาการนี้มันปรากฏเฉพาะในสายตาของคังวูจินเท่านั้น
แต่สิ่งนั้นยิ่งทวีความตื่นเต้นของคังวูจิน
ความสุขอย่างสุดซึ้งจนกระวนกระวาย อยากจะทำให้มัน "ปัง" อีกหลายๆ ครั้งเกิดขึ้นในใจ จากนั้นคังวูจินที่อุ้มลูกหมาสีเหลืองก็หายไปด้านหลังห้องน้ำ
ไม่กี่นาทีต่อมา เมื่อคังวูจินออกมาอีกครั้ง ใบหน้าของเขาก็สงบลงแล้ว
"อ่า -ผมสายไปหน่อยแล้วสิ"
มือเขาว่างเปล่า
หลังจากนั้น
คังวูจินได้อ่านบท 'รองหัวหน้าพัค' จบแล้ว ตัวเขาก็กลับเข้าไปในห้องประชุม ในขณะเดียวกัน คังวูจินก็ได้สบถอย่างรุนแรงภายในใจ
"เฮ้อ บ้าชิบหายเลย"
เพราะเขารู้สึกถึงความรังเกียจที่ฝังแน่นลึกลงไป ทุกอย่างเกี่ยวกับรองหัวหน้าพัค และโลกของเขามันรู้สึกแย่พอสมควร ทว่าตัวของรองหัวหน้าพัคได้ฝังรากลงในตัวคังวูจินแล้ว
'ฉันรู้สึกแย่ชะมัด'
แม้ประสบการณ์การอ่านบท ‘รองหัวหน้าพัค’ ในมิติว่างเปล่านั้น คังวูจินจะใช้เวลาไปราว 20 นาที แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งโดยสารเรือจนเมาคลื่นไปประมาณ 5 ชั่วโมงเลยทีเดียว
รองหัวหน้าพัค เป็นตัวละครที่ทั้งแปลกและคุ้นเคยมากสำหรับคังวูจิน
ตอนนี้ ถึงแม้ทั้งคู่จะมีบางอย่างที่เหมือนกับคังวูจินเอง แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง คังวูจินกลับมีความปรารถนาอย่างรุนแรงที่จะกำจัดตัวตนของรองหัวหน้าพัคออกไป
ในเวลานั้นเอง
"บ้าอะไรกันวะ? ไม่นะ ไม่... อย่าออกมา"
คังวูจินกลั้นอารมณ์ของรองหัวหน้าพัคที่พรวดพราดขึ้นมาอย่างยากเย็น มันเป็นสัญชาตญาณ สัญชาตญาณป้องกันตัวเอง
ในตอนนั้นเองที่คังวูจินกำลังนิ่งไป
“คุณเข้าใจบริบททั้งหมดแล้วใช่ไหมคะ?”
เสียงของพัคอึนมี นักเขียนที่นั่งอยู่ตรงข้ามดังก้องอยู่ในหูของคังวูจิน ตอนนั้นเอง สายตาของคังวูจินก็ค่อยๆ เบิกกว้างขึ้น จากนั้นคำพูดของพัคอึนมีก็ยังคงดำเนินต่อไป
“ไม่ต้องรู้สึกกดดันค่ะ คุณสามารถแสดงบทบาทใดก็ได้ หรือจะพูดบทพูดเพียงไม่กี่บรรทัด ฉันแค่อยากได้ยินน้ำเสียงของคุณค่ะ คุณคังวูจิน”
คังวูจินยังคงกระวนกระวายในใจเล็กน้อยแทบ จนแทบจะไม่สามารถรักษาคงสติเอาไว้ได้
'อ่า จริงสิ สถานการณ์ตอนนี้มัน…'
เขาก้มลงมองห่อกระดาษในมือ มันคือบทภาพยนต์สําหรับตอนที่หนึ่งของ 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล'
'คงดูเกินจริงไปหน่อยถ้าเริ่มต้นแสดงโดยไม่ต้องอ่านมัน'
แม้ว่าคังวูจินจะได้รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับหัวหน้าพัคผ่านบทพูดมาแล้วก็ตาม แต่เขาก็ยังต้องทำเป็นอ่าน เพื่อเห็นแก่คนที่นั่งอยู่ข้างหน้าเขา
"เดี๋ยวผมขออ่านอีกรอบนะครับ"
แน่นอนว่าเขาไม่ได้อ่านบทเลย
-พึบ พึบ
เขาแสร้งทำเป็นอ่าน ประมาณ 5 นาทีเท่านั้น แล้วประโยคหนึ่งในบทก็ดึงดูดสายตาของคังวูจิน
-[S# 14]
โลกในสายตาของรองหัวหน้าพัค เต็มไปด้วยสีสัน มันเหมือนกับสวนฝันสุดวิปลาส
แปลว่าที่ฉันเห็นสีแปลกๆ พวกนั้นสินะ คังวูจินพึมพำกับตัวเองเบาๆ แล้วถอนหายใจออกมา
-พึบ
เขาเงยหน้าขึ้นแล้วพูดกับทุกคนอย่างใจเย็น
“ผมจะขอเล่นบท ‘รองหัวหน้าพัค’ ครับ”
ที่น่าสนใจคือ ทันทีที่คังวูจินพูดจบ...
“!!!”
ทุกคนเบิกตากว้าง พวกเขาประหลาดใจเหรอ? ทำไมล่ะ? โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปฏิกิริยาของ PDซงมันวูกับนักเขียนพัคอึนมีดูมากมายยิ่ง
“….รองหัวหน้าพัคเหรอ?”
แต่คังวูจินยืนยันด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ใช่ครับ บท ‘รองหัวหน้าพัค’”
เมื่อเป็นเช่นนี้ PDซงมันวูที่ไว้หนวดเคราจึงจ้องมองคังวูจิน แล้วหันกลับไปมองนักเขียนพัคอึนมี นักเขียนพัคอึนมีก็กำลังมองเขาอยู่แล้ว
“…”
ชั่วขณะหนึ่ง ทั้งสองสบตากัน คังวูจินรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
‘เกิดอะไรขึ้น? พวกเขากำลังคุยกันด้วยสายตาเหรอ?’
พวกเขายิ่งใหญ่สมในข่าวจริงๆ ถึงขั้นสามารถสื่อสารกันแค่ด้วยสายตาเท่านั้น จากนั้น PDซงมันวู ซึ่งมีใบหน้าเคร่งขรึมก็หันกลับไปมองคังวูจินอีกครั้ง
“ฉากไหนของบท ‘รองหัวหน้าพัค’ครับ ?”
มีประโยชน์อะไรที่จะไปจนสุด? บทบาทของรองหัวหน้าพัคจะซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น คังวูจินจึงเลือกฉากที่ค่อนข้างเบาๆ จากด้านหน้า
“ผมจะเล่นฉากที่ลูกหมาปรากฏตัวครับ”
ผู้เขียนพัคอึนมีที่ใส่แว่นตาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ได้ถาม PDซงมันวู
“PD คะ ดูแลเรื่องมุมกล้องหน่อยนะคะ ส่วนคุณคังวูจิน แสดงเหมือน PDเป็นกล้องกล้องหนึ่งด้วยนะคะ”
จริงๆ แล้ว ในห้องประชุมนี้มีกล้องอยู่แล้ว มันอยู่ด้านหลังที่คังวูจินนั่งอยู่และด้านหน้าเขาใกล้หน้าต่าง แต่พอได้ยินคำสั่งเช่นนี้ คังวูจินก็รับทราบและยื่นบทที่เขาถืออยู่
-พึบ
ให้กับผู้เขียนพัคอึนมีฝั่งตรงข้าม จากนั้นเธอก็ถามด้วยท่าทางขมวดคิ้ว
“เอ่อ... เล่นโดยไม่ต้องมองกล้องได้ไหมคะ?”
มันดูยุ่งยากขึ้นไปอีกแฮะ คังวูจินคิดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว มันไม่ใช่ความคิดของเขา แต่จู่ๆ มันก็หลุดออกมาโดยไม่รู้ตัว อาจเพราะตัวเขาเข้าถึงแก่นแท้ของรองหัวหน้าพัคไปแล้ว ตัวเขาเองจึงมองว่าการอ่านบทพูดนั้นมันดูยุ่งยาก
“ครับ ได้ครับ”
แต่ทว่าการแสดงของเขากลับยิ่งตอกย้ำความเข้าใจผิดของทุกคน รวมไปถึงผู้เขียนอย่างพัคอึนมิ
‘เขาเข้าใจบทสนทนา บทบรรยายและบรรทัดอารมณ์คำพูดภายในเวลาเพียงไม่กี่นาทีเหรอ? มันคงเป็นไปไม่ได้ใช่ไหม?’
มันเป็นไปได้แน่นอน แต่มันเป็นไปได้สำหรับคังวูจินเท่านั้น ซึ่งมันเป็นการกระทำที่ทุกคน รวมถึงผู้เขียนพัคอึนมีไม่สามารถเข้าใจได้เลย
‘เขาโกหกอยู่เหรอ… ไม่สิ เขาดูมั่นใจในตัวเองมาก’
ณ จุดนั้นเอง
“อืม ได้เลย! เอาแบบนั้นแหละ เริ่มเลยครับ!”
PDซงมันวู โน้มตัวไปข้างหน้า โยนบทพูดแรกให้คังวูจิน ซึ่งบทพูดนี้เป็นสัญญาณการเริ่มต้นฉาก
“เฮ้! รองหัวหน้าพัค!! คุณทำอะไรอยู่? รีบมาสิ!”
หลังจากนั้น คังวูจินที่กำลังจ้องเขม็งไปที่เคราแพะของซงมันวูก็ปิดตาและลืมตารอบหนึ่ง ในขณะเดียวกัน มุมตาของซงมันวูถึงกับกระตุก
ได้ยังไง?
‘สายตาของเขามันเปลี่ยนไป บุคลิกก็เช่นกัน’
ก่อนหน้านี้แววตาของคังวูจินยังดูเรียบเฉยอยู่ แต่ตอนนี้มันกลับมีประกายความบ้าคลั่งอย่างแผ่วเบาปรากฏขึ้น ความแตกต่างนั้นชัดเจนมากระหว่างก่อนกับหลังจากที่เขาปิดตาลง ในช่วงเวลาสั้นๆ นั้น เขากลับแสดงอารมณ์ออกมาได้อย่างมากมาย
อย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่ตาของซงมันวูมองเห็น
ซึ่งหลังจากที่คังวูจินกำลังจ้องมองซงมันวู เขาก็ยกมุมปากขึ้น มีอาการสั่นเล็กน้อย สายตาในดวงตาเขาก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม
"ไปก่อนเลย!"
ทันทีที่คำพูดถูกส่งออกไป เสียงหัวเราะที่แผ่ไปบนริมฝีปากของคังวูจินก็หายไป เหมือนกับการได้ดูกระบวนการที่คนสามารถแปรเปลี่ยนกลายเป็นไร้อารมณ์ได้ในแบบสโลว์โมชั่น
“…”
ไม่นานนัก ใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกอย่างสมบูรณ์กลับมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นอีกครั้ง กลับไปไร้ความรู้สึก จากนั้นก็ยิ้มอีกครั้ง กระบวนการนี้เกิดขึ้นซ้ำกันหลายครั้งบนใบหน้าของคังวูจิน โรคจิต ใช่แล้ว มันเป็นกลิ่นอายของคนโรคจิตเล็ดลอดออกมาจากคังวูจินอย่างแรง
ดาราสาวฮงฮเยยอน นักแสดงสาวแถวหน้ากลับรู้สึกขนลุกซู่ด้วยเหตุผลบางประการ
‘รอยยิ้มแต่ละครั้ง มันมีอารมณ์ที่ต่างกันแฝงอยู่’
มันชวนขนลุก เพราะตอนนี้คังวูจินกำลังสื่อความหมายที่ต่างกันไปกับรอยยิ้มแต่ละครั้ง ด้วยอาการสั่นเล็กน้อยของกล้ามเนื้อใกล้ตา การเอียงศีรษะเล็กน้อย ระดับของมุมปากที่ยกขึ้น และอื่นๆ
‘นั่นมัน…แค่การแสดงออกทางสีหน้าเท่านั้นเหรอ?’
จากนั้นคังวูจินผู้สวมรอยยิ้มที่เลือกไว้ก็ค่อยๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเขาก็หยุดชะงัก มองลงไปที่เท้าของตัวเอง ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะ
ประมาณ 10 วินาที
ความเงียบเกิดขึ้นอยู่ชั่วครู่ แผ่บรรยากาศไปทั่วทั้งห้องประชุม ความเงียบและความเฉยเมยของคังวูจิน เปลี่ยนเป็นความรู้สึกหวาดกลัวที่คลุมเครือ ตอนนี้คังวูจินหมุนรองเท้าเพื่อดูพื้นรองเท้า
“เหยียบอึสุนัขสินะ”
คังวูจินมองสำรวจรอบๆ ห้องประชุมอย่างไม่รีบร้อน สายตาเหลือบไปยังนักเขียนบทพัคอึนมี
-พึ่บ
ในที่สุด เขาก็สบตากับ PDซงมันวู ทันใดนั้น ประกายความตื่นเต้นปนคลั่งก็ฉายออกมาในแววตาของอีกฝ่าย เสียงหัวเราะอันน่าขนลุกของคังวูจินดังขึ้น
“อ่า อยู่ตรงนั้นสินะ ไอ้สุนัขเวร”
แค่นั้นแหละ คังวูจินที่ลุกขึ้นยืนก็กลับมานั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นเขาจึงกระแอมไอแล้วเอ่ยปากขึ้น
"จบแล้วครับ"
น้ำเสียงทุ้มและเยือกเย็นได้ดังขึ้น เขาเปลี่ยนกลับมาจากรองหัวหน้าพัคเป็นคังวูจินสุดคูลอีกครั้ง
'ว่าแต่... การประเมินจะเป็นยังไงนะ?'
ทันใดนั้นเอง ก็เกิดเรื่องขึ้น
-กึก
ทันใดนั้น พัคอึนมี นักเขียนบทผู้มัดผมดัดยาว เธอที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับคังวูจินก็ลุกขึ้นยืน สายตาของเธอจับจ้องไปที่คังวูจิน เธอเดินเข้ามาหาเขากับท่าทีราวกับถูกสะกดจิต เดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า
ทีละนิดหน่อยอย่างช้าๆ
คังวูจินเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นแบบนั้น
'ผู้หญิงคนนั้นทำไมทำอะไรแบบนี้ล่ะ? ดูแปลกๆ ไปหน่อยแฮะ?? หรือว่าเธอโกรธอยู่?'
อยู่ๆ พัคอึนมีที่เดินมาก็หยุดอยู่ตรงหน้าคังวูจิน จากนั้นเธอได้คว้ามือของเขาไว้ทันที
"คุณคังวูจิน"
แน่นอนว่าภายในใจของคังวูจินเต็มไปด้วยความรู้สึกขยะแขยง
‘ทำไม เธอทำแบบนี้ทำไมเนี่ย!’
ทว่าพัคอึนมิ นักเขียนดาวเด่นแห่งเกาหลี กลับไม่สนใจสายตาใครทั้งสิ้น เธอโน้มตัวเข้าหาคังวูจิน ร้องอ้อนวอนเขาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
"ได้โปรดรับหน้าที่เป็นรองหัวหน้าพัค มันต้องเป็นคุณเท่านั้น คุณคังวูจิน"
*****