บทที่ 65 : ดินแดนศักดิ์สิทธิ์สําหรับการฝึกดาบถูกสร้างขึ้น
บทที่ 65 : ดินแดนศักดิ์สิทธิ์สําหรับการฝึกดาบถูกสร้างขึ้น
ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตเขายังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่เขาฆ่านั้นเป็นเพียงมดในอาณาจักรสำแดงกฎเกณฑ์ที่เขาดูเเคลน
เเละเมื่อแสงของปราณดาบสลายไป…..ฉากอันน่าตกตะลึงก็ปรากฏต่อหน้าต่อตาทุกคนทันที
ศพเหี่ยวเฉาของชายชรานอนอยู่บนพื้น, เเละก่อนที่เขาจะเสียชีวิตดวงตาของเขายังคงเปิดกว้างราวกับว่าเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะไม่สามารถต้านทานการโจมตีเพียงครั้งเดียวจากอาณาจักรสำแดงกฎเกณฑ์ได้
และคนที่ทําให้เกิดเรื่องทั้งหมดนี้คือ รุ่นเยาว์อย่างเย่หวู่ชาง
เมื่อมองไปที่เย่หวู่ชางที่ถือดาบผ่าจันทราอยู่ในมือ
สายตาที่ไม่แยแสของเขาก็กวาดไปทั่ว และทุกคนต่างก็หลบสายตา เพราะกลัวที่จะสบตาเขา
ณ ขณะนี้เขาน่ากลัวเเละดูดุร้ายมากเกินไป
นี่เป็นความรู้สึกแรกของทุกคนที่มีต่อ เย่หวู่ชางในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม, เกี่ยวกับเรื่องนี้เย่หวู่ชางไม่ได้ให้ความสนใจอีกต่อไป
เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและแหงนขึ้นมองท้องฟ้า
เพื่อที่จะชิงต้นสนห้าธาตุ, กองกําลังหลักต่างๆล้วนลงทุนสุดตัว….พวกเขาต่างระดมบรรพบุรุษอาณาจักรถ้ำสวรรค์มาที่นี่จำนวนมาก
เเต่ผลลัพธ์สุดท้ายของบรรพบุรุษอาณาจักรถ้ำสวรรค์เหล่านี้คือการมาเก็บศพ
มีเพียงบรรพบุรุษถงหยุนเท่านั้นที่ลงมือเร็วเกินไปเล็กน้อย, ดังนั้นเขาจึงได้เผชิญหน้ากับเย่หวู่ชางโดยตรง
ส่วนคนที่มาทีหลังและเห็นทั้งสองต่อสู้กัน….พวกเขาก็ไม่มีความตั้งใจที่จะแสดงตัวอีกต่อไป
ตอนแรกพวกเขาคิดว่าเมื่อมีบรรพบุรุษถงหยุนลงมือ, เย่หวู่ชางก็จะต้องถึงวาระอย่างไม่ต้องสงสัย
อย่างไรก็ตาม, เมื่อพวกเขาเห็นพลังอันยิ่งใหญ่ของเย่หวู่ชางและเห็นการตายของบรรพบุรุษถงหยุน
พวกเขาต่างก็หยุดชะงักทันที
แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าบรรพบุรุษถงหยุนได้ทะลวงเข้าสู่อาณาจักรถ้าสวรรค์ด้วยการยืมพลังจากสิ่งภายนอก, และพวกเขาก็มักจะดูถูกเขา
แต่อย่างไรก็ตาม, พวกเขาก็ยังรู้สึกกลัวเมื่อได้เห็นการตายของบรรพบุรุษถงหยุนคนนี้
ยิ่งอายุมากขึ้นก็ยิ่งกลัวตาย….นี่ไม่ใช่คำพูดเลื่อนรอยเลย
พวกเขามีชีวิตอยู่มานานกว่า 1,500 ปีเเล้วและทุกคนล้วนเต็มไปด้วยความหลงใหลในโลกนี้ (มีอำนาจเยอะ)
ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วพวกเขาจึงไม่เต็มใจที่จะตายง่ายๆ
ท่าสังหารของเย่หวู่ชางได้สร้างความหวาดกลัวอันร้ายแรงให้กับพวกเขา
ใครจะรู้ว่า…..ชายคนนี้ยังมีท่าสังหารอื่นๆอีกหรือไม่?
ดังนั้น, เมื่อพวกเขาเห็นสายตายั่วยุของเย่หวู่ชางที่กวาดไปทั่ว…..พวกเขาก็เลือกที่จะไม่เคลื่อนไหวใดๆ (เด็กมันห้าวเหมือนมีของ อิอิ)
ในขณะนี้ พวกเขาไม่เต็มใจที่จะต่อสู้กับเย่หวู่ชางอีกต่อไป
ท้ายที่สุดเเล้ว, ตอนนี้ผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคนของพวกเขาในช่วงปลายของอาณาจักรสำแดงกฎเกณฑ์ได้เสียชีวิตไปเเล้ว….ดังนั้นการแทรกแซงของพวกเขาจึงไม่สมเหตุสมผลนักและพวกเขาอาจจบลงด้วยการต้องตกตายไปด้วย
……….
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครกล้าสบตาเขา
เย่หวู่ชางก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความเสียดาย
ในการต่อสู้ครั้งนี้เขาไม่ได้สนุกอย่างเต็มที่เลย, เขายังมีท่าไม้ตายอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้ปลดปล่อย
เเละเขาก็ไม่คาดคิดว่าสิ่งที่เรียกว่า บรรพบุรุษอาณาจักรถ้ำสวรรค์เหล่านั้น….จะกลัวความตายมากขนาดนี้!
ในที่สุดเขาก็ได้แต่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
จากนั้น, เขาก็มองไปที่ต้นสนสูงร้อยเมตรเเละเปล่งแสงห้าสีพร้อมส่งกลิ่นหอม
เย่หวู่ชางไม่มีความตั้งใจที่จะรออีกต่อไป….ด้วยการโบกมือของเขา, ต้นสนห้าธาตุนี้ก็ถูกถอนรากถอนโคนโดยเขาและถูกนําเข้าสู่พื้นที่ของระบบ
หลังจากเสร็จสิ้นทั้งหมดนี้ เย่หวู่ชาง ก็กวาดตามองไปยังผู้ชมทุกคนอีกครั้ง….เเละเมื่อยืนยันว่าไม่มีใครคิดจะหยุดเขา
เย่หวู่ชางก็ได้เเต่จากไปด้วยความเสียใจ
……..
ทางด้านบรรพบุรุษอาณาจักรถ้ำสวรรค์
เมื่อพวกเขาเห็นการเปลี่ยนแปลงในดวงตาของเย่หวู่ชาง….จากความคาดหวังไปสู่ความเสียใจในตอนที่เขาจากไป
สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรถ้ำสวรรค์ที่ซ่อนอยู่เหนือท้องฟ้าก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
เย่หวู่ชางมีไพ่ตายลับอีกจริงๆ!
ในขณะนี้ พวกเขาดีใจมากที่พวกเขาไม่ได้ลงมือโดยประมาท
เเละหลังจากยืนยันการจากไปของ เย่หวู่ชางเเล้ว
กลุ่มสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังจากอาณาจักรถ้ำสวรรค์ก็เลือกที่จะเปิดเผยตัวเอง….ออกมานำร่างผู้ฝึกตนจากกองกําลังของพวกเขากับไป
ถ้าดูดีๆ….ดูเหมือนพวกเขาจะเเสดงความเขินอายเล็กน้อยออกมา
เเละเมื่อเห็นฉากนี้, ผู้ชมรอบๆต่างก็ประหลาดใจมากจนพูดไม่ออก
"เมื่อกี้ข้าเพิ่งเห็นอะไร!"
"ผู้ฝึกตนขั้นเเรกของอาณาจักรสำแดงกฎเกณฑ์กลับสามารถบังคับให้บรรพบุรุษอาณาจักรถ้ำสวรรค์ไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขา….นี่ไม่น่าเชื่อเลย!"
"นี่คือเย่หวู่ชาง….เขาคือผู้ฝึกดาบที่ไม่มีใครเทียบได้, เเละยังเป็นที่รู้จักในฐานะผู้นำของสี่อัจฉริยะระดับมังกรโดยศาลากลไกสวรรค์, เขาน่ากลัวมากจริงๆ!"
"เเต่ชายคนนี้สามารถบุกทะลวงไปสู่อาณาจักรสำแดงกฎเกณฑ์ในช่วงเวลาสั้นๆเช่นนี้ได้อย่างไร, เขาฝึกฝนอย่างไรกันเเน่?"
"โอกาส, พรสวรรค์, ความโชคดี และความอุตสาหะอันยิ่งใหญ่เป็นสิ่งจําเป็นเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย…..ข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่ามังกรตัวจริงจากสวรรค์จะปรากฏตัวที่อาณาจักรชางหลานนี้!"
เมื่อดูร่างที่จากไปของเย่หวู่ชาง, ทุกคนก็ถอนหายใจด้วยอารมณ์
พลังการต่อสู้ของเย่หวู่ชาง….เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนตลอดชีวิตของพวกเขา
เเละหลังจากนั้น, พวกเขาก็มองไปที่สนามรบและรู้สึกถึงออร่าที่ทำให้พวกเขารู้สึกใจสั่น
"เจตนาดาบที่เหลืออยู่ในสนามรบยังคงน่าสะพรึงกลัวอยู่เลย….มันเต็มไปด้วยความโหดร้าย การสังหาร และความรู้สึกครอบงํา"
"เเถมข้ายังรู้สึกว่าช่องว่างที่เกิดจากเจตนาดาบนี้จะไม่หายไปในระยะเวลาอันสั้น!"
ผู้ชมรอบๆบางคนรู้สึกถึงเจตนาดาบที่อยู่ในนั้น…..เเละมันทำให้พวกเขารู้สึกสั่นไหวในใจ, ราวกับว่าการก้าวไปข้างหน้าจะส่งผลให้วิญญาณของพวกเขาถูกแยกชิ้นส่วนด้วยเจตนาดาบ
ทันใดนั้น, ดวงตาของผู้ฝึกดาบอาณาจักรสำแดงกฎเกณฑ์ทั้งหลายต่างสว่างขึ้น
พวกเขามองดูหุบเหวแห่งเจตนาดาบนี้อย่างตื่นเต้น
นี่คือเจตนาดาบขั้นที่เจ็ด หากพวกเขาสามารถเข้าใจมัยได้แม้เพียงหนึ่งในล้านส่วน….มันก็มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะปลุกเจตนาดาบของตนเองขึ้นมาได้
เเละถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถปลุกเจตนาดาบของตนเองได้, เเต่มันก็จะเป็นการปรับปรุงอย่างมากสําหรับวิชาดาบของพวกเขาอยู่ดี
เมื่อคิดได้ดังนี้, ผู้ฝึกดาบคนหนึ่งก็ไม่ลังเลอีกต่อไป….เเละก้าวไปสู่ส่วนลึกของหุบเหวเจตนาดาบทันที
อย่างไรก็ตามทันทีที่เขาก้าวไปข้างหน้า….เขาก็รู้สึกถึงการระเบิดที่ดังสนั่นหวั่นไหวในใจของเขา
เเละทันใดนั้น, เจตนาดาบที่ไร้ขอบเขตก็พุ่งเข้ามาในร่างกายของเขาจนเกือบจะฆ่าชายคนนี้ในทันที
สัญชาตญาณในการเอาชีวิตรอดทําให้เขาต้องการล่าถอยอย่างรวดเร็ว
ในที่สุด, หลังจากหายใจไม่กี่ครั้งเขาก็ลืมตาขึ้นพร้อมพ่นเลือดออกมาเต็มปาก
ฟ่อ~!
เมื่อเห็นสิ่งนี้ทุกคนก็ตกตะลึงอีกครั้ง
ผู้ฝึกดาบอาณาจักรสำแดงกฎเกณฑ์ คนนี้ มีชื่อเสียงมากในพื้นที่ทางตอนเหนือของอาณาจักรชางหลาน
เเต่เขากลับไม่สามารถต้านทานเจตนาดาบที่เย่หวู่ชางทิ้งไว้ลวกๆได้…..นี่เป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตามผู้ฝึกดาบคนนี้กลับไม่ได้สนใจอาการบาดเจ็บของตัวเองเลย….นอกจากนี้ดวงตาของเขายังเต็มไปด้วยความสุข
ทุกคนเห็นพวกเขาตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น, เเละพูดว่า
"ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการฝึกฝนดาบ…..มันคือดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการฝึกฝนดาบอย่างแท้จริง!"
หลังจากพูดอย่างนั้น, เขาก็ไม่สนใจสายตาที่ประหลาดใจของฝูงชนอีกต่อไป
เดินเข้าไปใกล้หุบเหวอีกครั้งหลังจากกินยารักษาอาการบาดเจ็บ
คราวนี้เขาไม่ได้พุ่งไปข้างหน้าอย่างฉับพลันเช่นเดิม….แต่เริ่มทำความเข้าใจเจตนาดาบที่บริเวณขอบๆแทน
เมื่อเห็นสิ่งนี้, ผู้ฝึกดาบหลายคนก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างและเริ่มเข้าใกล้บริเวณขอบของหุบเหวเเห่งเจตนาดาบ
ไม่มีใครคาดคิดว่าหุบเหวเจตนาดาบที่ถูกสร้างขึ้นระหว่างการต่อสู้ครั้งนี้….จะคงอยู่ต่อไปเป็นเวลาถึงสองร้อยปีเต็ม
และหลังจากนี้ต่อไป, เจตนาดาบของเย่หวู่ชางก็ได้กลายเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการฝึกดาบในพื้นที่นี้
ผู้ฝึกดาบจํานวนนับไม่ถ้วนล้วนมาตั้งรกรากอยู่ที่นี่, โดยหวังว่าพวกเขาจะสามารถเข้าใจเจตนาดาบที่เย่หวู่ชางทิ้งไว้ได้
และด้วยเหตุนี้, ผู้ฝึกดาบที่โด่งดังเเละทรงพลังหลายคนในยุทธภพต่างก็เริ่มปรากฏตัวในอาณาจักรชางหลาน
ในหมู่พวกเขาผู้ที่เข้าใจเจตนาดาบของเย่หวู่ชางเป็นคนแรกก็คือผู้ฝึกดาบอาณาจักรสำแดงกฎเกณฑ์คนนั้น
เดิมทีชีวิตของเขาอาจจะหยุดอยู่ที่อาณาจักรสำแดงกฎเกณฑ์
แต่เนื่องจากการแทรกแซงของเย่หวู่ชาง…..เขาจึงได้ใช้เวลาร้อยปีหลังจากนี้ในการเข้าใจเจตนาดาบอย่างแท้จริง
เเละด้วยความช่วยเหลือของเจตนาดาบนี้….ในอนาคตเขาได้ต่อสู้และฝ่าธรณีประตูของอาณาจักรถ้ำสวรรค์, ตลอดจนกระทั่งกลายเป็นครึ่งขั้นอาณาจักรดวงดาว และทิ้งร่องรอยอันลึกซึ้งไว้ในภูมิภาคนี้
………
อีกด้านหนึ่ง
เเน่นอนว่าโดยธรรมชาติแล้วเย่หวู่ชางย่อมไม่ทราบเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้
และแม้ว่าจะทราบ….เขาก็ไม่สนใจมันอยู่ดี
เมื่อกลับมาถึง
เซี่ยจือซวนที่เห็นเย่หวู่ชางนำต้นสนห้าธาตุกลับได้สําเร็จ….เธอก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ต้นสนห้าธาตุนี้มีความสําคัญต่อเธอมากๆ
เเละเพื่อตอบแทนเย่หวู่ชาง….เซี่ยจือซวนก็คลั่งไคล้อีกครั้ง
เย่หวู่ชางได้สัมผัสกับการรับใช้ของจักรพรรดินีอย่างถี่ถ้วนและรู้สึกถึงความสะดวกสบายที่ไม่เคยมีมาก่อน….การต่อสู้ครั้งนี้ของเขาไม่ได้ถือว่าเปล่าประโยชน์เลย
จนเมื่อเซี่ยจือซวนพยายามหลบหนีพร้อมกับพยุงเอวที่อ่อนยวบของเธอ….เย่หวู่ชางจึงยอมปล่อยเธอไป
หลังจากนั้นเขาก็กลับไปที่ตระกูลเย่และต่อสู้อย่างดุเดือดกับเหล่าภรรยาเเบบหมุนเวียนกัน
เเละเมื่อเห็นว่าการประลองมังกรเร้นลับกําลังใกล้เข้ามา…..เขาก็จำใจจากเหล่าภรรยาไปอย่างไม่ยินยอม
เเละในขณะที่กำลังจะออกเดินทาง….เขาก็ได้รับข่าวว่าจ้าวชิงเกอ และสีคงหมิงเยว่กำลังตั้งครรภ์
อย่างไรก็ตาม, โม่ซีจุนและเย่ว์รู่ชวง นั้นยังไม่ได้ตั้งครรภ์
แม้ว่ามันจะน่าเสียดายเล็กน้อย แต่ เย่หวู่ชางก็ไม่ได้รู้สึกเเย่อะไรมากนัก
เขายังมีเวลาอีกมากในอนาคต
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเย่ว์รู่ชวง….เธอนั้นได้ให้กําเนิดบุตรที่เพียงพอเเล้วสำหรับเขา
เเถมก่อนออกเดินทาง….เขายังเเวะไปที่พระราชวังต้าเซี่ยอีกครั้งเพื่อพบกับเซี่ยจื่อซวน ก่อนที่จะจากไปอย่างสดชื่น
ทิ้งเซี่ยจือซวนซึ่งเกือบเป็นอัมพาตไว้ข้างหลัง, พร้อมเฝ้าดูร่างที่จากไปของเขาอย่างช่วยไม่ได้
และเขาไม่คาดคิดว่าการเเวะครั้งนี้จะส่งผลดีอย่างมากมาย
ครึ่งเดือนต่อมา เซี่ยจือซวนแตะท้องของเธอและเผยให้เห็นรอยยิ้มของมารดา
เธอกําลังจะมีลูกอีกคนเเล้ว
เเละเเน่นอนว่าเย่หวู่ชางย่อมไม่รู้เรื่องทั้งหมดนี้โดยธรรมชาติ
……..
ไม่กี่วันต่อมา
เย่หวู่ชางได้มาถึงสถานที่จัดการแข่งขันการประลองมังกรเร้นลับ อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้, สถานที่แห่งนี้ยังเป็นทางเข้าของอาณาจักรลับมังกรทยานอีกด้วย
เเละเมื่อการประลองมังกรเร้นลับสิ้นสุดลง, อัจฉริยะ 108 อันดับแรกในรายการมังกรเร้นลับก็จะถูกส่งไปยังอาณาจักรลับโดยตรง
ตอนนี้, เหลือเวลาอีกเพียงวันเดียวก็จะถึงวันเริ่มต้นของการประลองมังกรเร้นลับ
เเละการแข่งขันมังกรเร้นลับในครั้งนี้…..ใช้เวลาเพียงสามวันเท่านั้น, เพราะอาณาจักรลับกำลังจะเปิดในอีกสามวันต่อจากนี้
ดังนั้นข้อจํากัดในการเข้าร่วมการประลองครั้งนี้จึงสูงเป็นพิเศษ
เเละรุ่นเยาว์หลายคนที่กําลังเตรียมตัวเพื่อเข้าประลองจัดอันดับ….ต่างก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นข้อจํากัดการเข้าร่วมในครั้งนี้
"เกิดอะไรขึ้น? เกณฑ์การเข้าร่วมในครั้งนี้จะต้องมีฐานการฝึกตนอาณาจักรพระราชวังสีม่วงขั้นที่หกขึ้นไป?"
"บ้าไปแล้ว, ในการประลองครั้งที่แล้ว….ตราบใดที่เราบุกเข้าไปในอาณาจักรพระราชวังสีม่วง เราก็จะสามารถเข้าร่วมได้ทันทีไม่ใช่หรือ"
"ข้อจํากัดในครั้งนี้สูงเกินไป, เเบบนี้มันจะมีคนเข้าร่วมได้ซักกี่คน"
"มันไม่ยุติธรรมเลย การประลองมังกรเร้นลับครั้งนี้ไม่ยุติธรรมมากๆ….เราปฏิเสธที่จะยอมรับมัน!"
เหล่ารุ่นเยาว์เริ่มตะโกนด้วยความโกรธทีละคน
"ฮึ่ม!"
เเต่ทันใดนั้นเสียงกรนเย็นชาก็ดังขึ้นและออร่าที่น่าสะพรึงกลัวก็ปราบปรามพวกเขาโดยตรงทันที
พวกเขาพยายามเงยหน้าขึ้นมองและในที่สุดก็ได้เห็นชายหนุ่มที่แข็งแรงเป็นพิเศษกำลังลงมาจากท้องฟ้า พร้อมมองพวกเขาอย่างดูถูกเหยียดหยาม
"เจ้าพวกกบที่อยู่ก้นบ่อ, งมงายและหยิ่งผยอง…..เจ้าคิดว่าการได้รับความเคารพในสถานที่เล็กๆอย่างบ้านเกิดของพวกเจ้า เเล้วพวกเจ้าจะสามารถทําตัวเย่อหยิ่งที่นี่ได้งั้นหรือ?"
หลังจากพูดจบ, เขาก็ไม่สนใจทุกคนและมุ่งตรงไปยังหินตรวจจับที่อยู่ข้างหน้าเขา
[ถัวป๋าอู๋เหลียง, จุดสูงสุดของอาณาจักรพระราชวังสีม่วงในขั้นที่เก้า….ยืนยันฐานการฝึกตนเรียบร้อย, โปรดไปที่ศิลาวัดพลังเพื่อวัดคุณสมบัติโดยทําให้มันเปล่งแสงสีแดงออกมา]
เมื่อได้ยินดังนั้นชายหนุ่มถัวป๋าอู๋เหลียงก็ตรงไปที่ศิลาวัดพลังเเละโจมตีใส่ศิลาทันที
ตูมมมม~~!
เกิดแสงสีม่วงหนาแน่นที่เปล่งประกายระยิบระยับอย่างยิ่ง
[ผ่าน]
………………………….