ตอนที่แล้วบทที่ 5 แนวคิด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 7: คอนเซ็ปต์ (3)

บทที่ 6 แนวคิด (2)


บทที่ 6 แนวคิด (2)

คังวูจินนึกถึงพีดีซงมันวูที่เขาได้พบกันเมื่อวานนี้ในรายการ ‘สุดยอดนักแสดง’ อีกฝ่ายตอนนี้กำลังคุยกับเขาผ่านโทรศัพท์อยู่สินะ

‘ว่าแต่เขามีหน้าตาเป็นยังไงกันนะ’

สิ่งเดียวที่จำได้คือเขามีเคราใช่ไหมนะ? แล้วก็เป็นผู้กำกับมืออาชีพ แน่นอนว่าเรื่องนี้เขาได้รู้มาจากเพื่อนของเขาอย่างคิมแดยอง ซึ่งมันคงมีเหตุผลไม่มากนักหรอกที่ทำให้พีดีมืออาชีพอย่างซงมันวูโทรหาคังวูจิน

ถ้าไม่มีอะไรเลย แต่ทำไมเขาถึงโทรมากันล่ะ?

จากนั้น...

‘อ๋อ’

มีบางอย่างแวบเข้ามาในใจของคังวูจินอยู่ครู่หนึ่ง นั่นคงเป็นเรื่องขอให้เขาไปร่วมในรายการ ‘สุดยอดนักแสดง‘ รอบที่สองหรือเปล่า? เขาเองก็ไม่รู้เรื่องภายในของรายการวาไรตี้หรอก แต่ซงมันวูที่เป็นกรรมการคงตัดสินใจทำอะไรเองได้กระมัง

‘แต่น่ารำคาญชะมัด’

ข้อดีตอนนี้คือคังวูจินไม่ได้รู้สึกอับอายจากเรื่องเมื่อวานแล้ว เพราะเขารู้ว่าการแสดงของเขาไม่ใช่ขยะเลย ในไม่ช้าคังวูจินที่เกาคางอย่างช้าๆ ก็ได้กระแอมเบาๆ ในลำคอ

‘อย่างแรกเลยต้องแสร้งทำให้เหมือนเดิมกัน’

ทันใดนั้นเสียงที่แหบแห้งก็ดังขึ้นมา

“ผมว่าคุณควรบอกผมก่อนนะครับว่ามีเรื่องอะไร?”

พีดีซงมันวูที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ได้ตอบกลับมาในทันที

"อ่า จริงสินะครับ"

“แต่ผมบอกพวกคุณไปแล้วนะว่าผมจะไม่ไปปรากฏตัวในรายการ ‘สุดยอดนักแสดง’ อีก ผมถึงขั้นบอก PD รายการไปแล้วด้วย”

“ไม่ ไม่ครับ ที่ติดต่อมานี้มันคนละเรื่องกันเลย”

"แล้วมีเรื่องอะไรล่ะครับ?"

“อืม-มันยากนิดหน่อยที่จะคุยกันผ่านทางโทรศัพท์ ผมอยากคุยแบบตัวต่อตัวกับคุณมากกว่านะ คุณคังวูจิน ได้ไหมครับ?”

ว้า ลำบากแล้วสิ ขณะที่คังวูจินบ่นพึมพำอยู่ในใจ PD ซงมันวูก็พูดอีกครั้ง

“คุณบอกว่าคุณเป็นนักออกแบบใช่ไหมครับ? ปกติคุณเลิกงานกี่โมง? ผมคิดว่าคุณน่าจะมีเวลาทำงานล่วงเวลามากสินะครับ เพราะมันเป็นงานออกแบบด้วย”

“ไม่ครับ ผมเพิ่งลาออกจากงานมา”

“เป็นไปตามคาด!”

เป็นไปตามคาด? ทำไมเขาถึงพูดว่า ‘เป็นไปตามคาด’ กัน? ไหงคำพูดแบบนี้มันหลุดมาจากปากของ PD ซงมันวูได้?

“แสดงว่าคุณตัดสินใจแล้วใช่ไหมครับ?”

ความหมายเบื้องหลังคำพูดของ PD ซงมันวูคือคังวูจินตัดสินใจที่จะเผยโฉมหน้าของตนแล้วหรือไม่ แต่ทางด้านคังวูจินที่ไม่รู้อะไรก็สับสนไปแล้ว

'ตัดสินใจอะไร? ตาแก่นี้กำลังพูดเรื่องอะไรของเขาอยู่กัน?'

เขาไม่เข้าใจเลย แต่คงต้องขอบคุณการวางท่าที่เขาทำมาตั้งแต่ต้น คังวูจินจึงสามารถทำเป็นนิ่งเงียบอย่างเคร่งขรึมได้

“······”

“งั้นถ้าคุณลาออกจากงานแล้ว วันนี้ก็คงไม่มีปัญหาใช่ไหมครับ?”

เป็นคำตอบที่ถูกต้องแล้ว ตอนนี้คังวูจินกำลังว่างงาน เขามีเวลาเหลือเฟือ

แต่ว่า

‘มันคงจะดูไม่เท่เท่าไรถ้าฉันตอบตกลงไปง่ายๆ’

คังวูจินจึงคิดที่จะรักษาภาพลักษณ์ของเขาต่อไป

“ผมว่างแค่ 4 โมงเย็นเท่านั้นครับ”

ในอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ PD ซงมันวูก็ตอบอย่างกระตือรือร้น

“ได้เลย! 4 โมงเย็นนะครับ! ส่วนเรื่องสถานที่…ผมต้องขอโทษก่อนนะครับ คือยังมีคนอื่นอีกสองสามคนที่มาด้วยนอกเหนือจาก คุณพอจะมาได้ไหมถ้าผมส่งที่อยู่ไปให้คุณ?”

“มีใครอยู่ที่นั่นบ้างครับ?”

“โอ้ มีคนที่เกี่ยวข้องอีกสองสามคนครับ”

"ผมไม่มีปัญหา”

“ขอบคุณครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะส่งที่อยู่ให้คุณมาพบกันตอนสี่โมงเย็นนะครับ”

"เข้าใจแล้วครับ"

ตู๊ด

ด้วยเหตุนี้ การโทรกับ PD ซงมันวูจึงสิ้นสุดลง ในเวลาเดียวกัน คังวูจินก็เช็คเวลา เวลาตอนนี้มันประมาณ 8:30 น. ยังมีเวลาเหลือเฟือจนถึงสี่โมงเย็น คังวูจินพึมพำกับตัวเองขณะดูหน้าจอโทรศัพท์ของเขา

“ว่าแต่พีดีซงมันวูคนนี้มีชื่อเสียงแค่ไหนกันนะ?”

เขาได้ยินจากคิมแดยองว่าอีกฝ่ายเก่งมาก แต่เพราะคังวูจินไม่มีความสนใจในวงการบันเทิงเลย เขาจึงไม่รู้ว่าเก่งที่ว่านี้มันเก่งแค่ไหนกัน

ฟุ้บ!

เขาค้นหาชื่อ PD ซงมันวูบนอินเตอร์เน็ต ผลการค้นหารวดเร็วและคังวูจินก็ต้องประหลาดใจอย่างมาก

『 [ข่าวเด่น] เหล่าดาราแถวหน้าแห่ร่วมงานกับ PD ซงมันวู ผู้กำกับมือทองของ SBC!』

『โลกออนไลน์ฮือฮา! แฟนๆ ต่างตื่นเต้นกับข่าวที่ PD ซงมันวูและนักเขียนพัคอึนมีกำลังร่วมงานกัน』

เขาลองตรวจสอบเนื้อหาของบทความหลายสิบหน้าอย่างคร่าวๆ แล้ว ดูเหมือนความนิยมของอีกฝ่ายจะมีมากมายมหาศาล ด้วยเหตุนี้คังวูจินถึงกับอ้าปากค้าง

“… คนแบบนี้เขามาขอพบฉันงั้นเหรอ?”

ทำไม? ทำไมเขาถึงโทรหาฉัน? จากนั้นความสนใจของคังวูจินก็ลดฮวบลงไปอย่างรวดเร็ว มันไม่มีประโยชน์อยู่แล้วที่จะไปเสียเวลาคิด

“เดี๋ยวไปถึงที่นั่นฉันก็คงรู้เอง”

จากนั้นคังวูจินก็เลิกคิดเรื่องของ PDซงมันวู

ควับ!

เขาวางโทรศัพท์ลงและหยิบบทขึ้นมา มีเวลาเหลือเฟือก่อนการนัดหมาย ดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะอ่านบทก่อน เมื่อวานคังวูจินได้อ่าน ‘ลูกสาวที่สง่างาม’ เสร็จแล้ว และตอนนี้เขาอยู่ระหว่างการอ่าน ‘อัยการอันธพาล’ ซึ่งเขาอ่านผ่านไปได้ครึ่งทางแล้ว

- ฟึบ ฟึบ

แปลกแฮะ

“นี่มัน… สนุกดีชะมัด”

คังวูจินนอนลงบนเตียง เขารู้สึกว่าการอ่านบทค่อนข้างสนุกมาก เห็นได้ชัดว่านี่มันแปลกพอสมควร เพราะปกติแล้วคังวูจินไม่ได้ดูทีวีสักเท่าไร เขาไม่มีความสนใจในละครหรือภาพยนตร์อะไรทำนองนี้เลย

แม้ว่าเขาจะดูบ้าง แต่เขาก็มักจะหยุดลงกลางคัน

แต่การอ่านบทนั้นแตกต่างออกไป เขาโฟกัสมันได้อย่างรวดเร็ว เขาสนุกกว่าตอนดูวิดีโอหลายสิบเท่า

“ฉันเหมาะกับการอ่านมาตลอดเลยเหรอเนี่ย?”

หรืออาจเป็นเพราะมิติว่างเปล่าที่แปลกประหลาดที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้น แต่มันช่างเถอะ คังวูจินเร่งความเร็วในการอ่านบทต่อ ด้วยเหตุนี้พอถึงประมาณบ่ายโมง คังวูจินก็ได้อ่านบททั้งหมดที่เขาเอามาด้วย

แน่นอนว่าเขาจำรายละเอียดทุกเนื้อหาของบทไม่ได้ แต่คังวูจินพอเข้าใจบริบทและรายละเอียดของมันคร่าวๆ

“อืม-”

เขากอดอกและเลือกบทบาทจากผลงานที่เขาอ่าน ซึ่งเป็นส่วนที่เขาจำได้ดีที่สุด

หลังจากนั้น...

-แป๊ะ!

เขาแหย่สี่เหลี่ยมสีดำและเข้าไปในพื้นที่มิติว่างเปล่า การกระทำของเขาเริ่มค่อนข้างจะเป็นธรรมชาติแล้ว

"ไหนดูสิ..."

ในความว่างเปล่าที่มืดมิดไม่มีที่สิ้นสุด คังวูจินขยับไปข้างหน้าสี่เหลี่ยมสีขาวทั้งสี่ สิ่งที่เขาเลือกคือสี่เหลี่ยมตัวที่สอง

- [2/บท (ชื่อเรื่อง: ลูกสาวผู้สง่างามองค์ 1) ระดับ E]

- [* นี่เป็นบทละครที่มีความสมบูรณ์ในระดับสูงมาก สามารถอ่านได้ 100%]

งานที่ล้มเหลวอย่างเรื่อง ‘ลูกสาวผู้สง่างาม’ ในไม่ช้าก็ปรากฏขึ้นภายใต้สี่เหลี่ยมสีขาว ความรู้สึกมันคล้ายกับตอนที่เขาได้สัมผัสบทที่มีอยู่สามหน้าก่อนหน้านี้ไม่มีผิด

แต่คราวนี้มีสิ่งีท่แตกต่างออกไป

- [คุณเลือกบท (ชื่อเรื่อง: ลูกสาวผู้สง่างามองค์ 1)]

- [รายชื่อตัวละครที่สามารถอ่านได้ (ประสบการณ์)]

-[A: ชิมฮยองวู B: จางแทซัง, C: ชเว กีซอบ, D: โกดูซอก ….]

มีตัวละครมากมายให้อ่าน ดูเหมือนว่าจะมากกว่าแปดคน เป็นไปตามที่คาดไว้ มันเป็นบทแบบเต็ม ดังนั้นมันย่อมมีตัวละครมากกว่าบทที่เขียนมาแค่สามหน้า แต่ทันใดนั้นคังวูจินก็ตระหนักถึงอะไรบางอย่าง...

“มีแค่ตัวละครชายเท่านั้นสินะ”

ดูเหมือนเพศจะต้องตรงกัน คังวูจินรู้สึกดีกับเรื่องนี้มาก เพราะเขาไม่ต้องการเสียชีวิตอย่างกระทันหันและถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นผู้หญิงแน่ๆ

จากนั้น

ฟึบ

คังวูจินแตะหนึ่งในตัวละครที่เขาได้ตัดสินใจเลือกไว้แล้ว มันเป็นชื่อที่อยู่ท้ายสุด ทันใดนั้นก็มีเสียงผู้หญิงดังก้องไปทั่วพื้นที่ว่างเปล่า

น้ำเสียงนิ่งเหมือนหุ่นยนต์

[“J:บริกรชายร้านคาเฟ่ กำลังเตรียมการอ่าน…”]

เหตุผลในการเลือกนั้นง่ายมาก บทบาทนี้ดูจะสั้นมาก ทั้งยังเป็นเพียงเพื่อการทดลองเท่านั้น

คังวูจินรออย่างเงียบๆ และในไม่ช้า

“…”

ใช้เวลาไม่นานนัก เขาก็ได้ยินเสียงของหญิงสาวคนนั้นอีกครั้ง

[“… การเตรียมการเสร็จสมบูรณ์ นี่เป็นบทหรือสถานการณ์ที่เสร็จสมบูรณ์อย่างมาก การดำเนินการคือ 100% การอ่านกำลังจะเริ่มขึ้น”]

เหมือนครั้งก่อน คังวูจินถูกดูดเข้าไปในพื้นที่สีเทาขนาดใหญ่

หลังจากนั้น

คังวูจินที่อยู่ในพื้นที่ว่างเปล่าก็ได้กลับไปที่อพาร์ตเมนต์ของเขาอีกครั้ง

“ฟิ้ว…”

เขาปัดผมสั้นของเขากลับเข้าทรงพร้อมกับถอนหายใจ ไม่มีความตึงเครียดหรือความประหลาดใจเลย อีกทั้งไม่มีสีหน้ามึนงงหรือจิตใจของเขาก็ไม่สับสน การทำงานของสมองของเขายังเป็นปกติ

มันแตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน ดูเหมือนว่าเขาจะปรับตัวได้แล้ว

“ทำไมตอนแรกฉันถึงรู้สึปวดหัวมากขนาดนั้นกันนะ?”

คังวูจินกอดอกและเอียงศีรษะ เพราะตอนที่เขาอยู่อีกด้านหนึ่งของพื้นที่ว่างเปล่าหรือในอพาร์ทเมนต์ของเขา มันต่างไม่ได้มีความรู้สึกอะไรเป็นพิเศษ แต่แล้วทำไมเมื่อวานเขาถึงมีปฏิกิริยาแบบนั้นกัน? เมื่อมาถึงจุดนี้ คังวูจินก็ได้สร้างสมมติฐานอย่างคร่าวๆ ขึ้นมา

“คงเป็นเพราะร่างกายของฉันปฏิเสธมัน เพราะมันเป็นครั้งแรกสินะ”

เขาค่อยๆ วิเคราะห์สถานะปัจจุบันของเขา จากสมองสู่หัวใจของเขา คิดมันไปทุกซอกทุกมุม ไม่นานเขาก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง คงเพราะเขาไปสัมผัสกับมันโดยตรง เขาจึงจำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน

“ฉันจำได้ทุกบรรทัดของ ‘บริกรร้านคาเฟ่' เลยแฮะ”

แม้แต่บทสนทนาสองสามบรรทัดก็ยังจำได้อย่างแม่นยำ เหมือนคำที่ถูกท่องจำมานับพันๆ ครั้ง อาจกล่าวได้ว่าเป็นการฝังเข้าหัวเลย นี่ไม่ใช่แค่การจดจำทั่วๆ ไปแล้ว

ไม่ใช่เพียงแค่นั้น

ตั้งแต่ประสาทสัมผัสของตัวละคร ไปจนถึงอารมณ์ ความคิด ความรู้สึก ฯลฯ หทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับ ‘บริกรชายในร้านคาเฟ่’ ที่คังวูจินเลือก เขาสามารถรับรู้และเข้าใจรายละเอียดเหล่านั้นได้อย่างลึกซึ้ง เหมือนกับบทแรกที่เขาเคยอ่านไม่มีผิด ไม่จำเป็นต้องทำอะไร เขาแค่ต้องปรับตัวและแสดงมันออกมา

สิ่งนี้แทบไม่ต่างอะไรกับการปลูกถ่ายอวัยวะที่ประสบความสำเร็จ โดยที่ร่างกายไม่ปฏิเสธการปลูกถ่าย

มันราวกับว่าทุกสิ่งของ “บริกรร้านคาเฟ่” ได้ถูกย้ายไปปลูกถ่ายกลายเป็นคังวูจิน มันเหมือนกับการถูกครอบงำโดยตัวละครมากกว่าการแสดง มันเหมือนกับการแสดงบทบาทผ่านการสิงร่างมากกว่าการแสดง

จากนั้น...

“…ว้าว สุดยอดไปเลย”

คังวูจินรู้สึกชื่นชมความสามารถของพื้นที่ว่างอีกครั้ง การเป็นนักแสดงก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่แค่การได้มีประสบการณ์ทำอะไรก็ตามในพื้นที่ว่างเปล่าเรียกได้ว่าคุ้มค่าที่สุดแล้ว

ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?

ถ้าเกิดมันไม่มีเงื่อนไข เขาก็สามารถทำได้ทุกอย่างจริงๆ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับบทละครหรือบทภาพยนตร์ เขาสามารถบินบนท้องฟ้าได้และสามารถใช้เวทมนตร์ได้อีกด้วยตามใจต้องการ

‘แน่นอนว่ามันแค่ชั่วคราว ส่วนความสั้นก็ขึ้นอยู่กับบทบาท ถ้าอย่างนั้นฉันอาจจะเป็นนักแสดงก็ได้ พอมีความสามารถแบบนี้แล้ว ฉันตั้งเป้าเป็นดาวเด่นเลยดีหรือเปล่าเนี่ย?'

ในความคิดของคังวูจินคิดอะไรอยู่มากมาย

'มาใช้ชีวิตให้แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงกันเถอะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น มันจะต้องสนุกอย่างแน่นอน'

จิตใจของเขาเริ่มเต็มไปด้วยสิ่งที่เขาไม่เคยคิดมาก่อน เช่นการเป็นนักแสดง ขณะที่คิดเช่นนั้น คังวูจินก็หยิบบทหนังสั้น 'การไล่ผี‘ ขึ้นมา

“แต่ยังไงฉันก็ต้องตรวจสอบบท 'ระดับ B' นี้ก่อน”

คังวูจินพึมพำกับตัวเองพลางมองนาฬิกาบนข้อมือของเขา มันใกล้ถึงเวลานัดหมายแล้ว

“ไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน”

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาเวลาประมาณ 16.00 น.

คังวูจินมาถึงหน้าอาคารขนาดใหญ่ใกล้กับสถานีซัมซอง ชุดของเขาเหมือนกับเมื่อวาน แจ็กเก็ตบุนวมและกางเกงยีนส์ เขาเงยหน้าขึ้นมองอาคารสูงตระหง่าน

“มันสูงจริงๆ เขาบอกว่าอยู่ที่ชั้น 5 หรือเปล่านะ?”

คังวูจินเข้าไปในล็อบบี้ของอาคาร สายตาเขามองดูป้ายข้อมูลใกล้ทางเข้า ชั้น 5 ถึง 7 ของของอาคารเป็นของบริษัทผู้ผลิต ‘C-Blue Studio’

นี่คือจุดหมายปลายทางของคังวูจิน

เขาได้ค้นหาก่อนหน้านี้แล้ว C-Blue Studio เป็นบริษัทผลิตภาพยนต์ขนาดใหญ่ในเกาหลี

“ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ มันก็ไม่เห็นสำคัญสำหรับฉันเลยสักหน่อย”

คังวูจินพึมพำกับตัวเองโดยไม่ใส่ใจนักพลางกระแอมในลำคอเล็กน้อย เพื่อลดทำให้น้ำเสียงของเขาแหบพร่า จากนั้นเขาก็โทรหา PD ซงมันวูทางโทรศัพท์ PD ซงมันวูรับสายโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว

“โอ้ คุณคังวูจิน คุณมาถึงแล้วเหรอครับ?”

“ใช่ครับ ผมอยู่ชั้นหนึ่งแล้ว”

“ผมจะส่งคนไปรับเดี๋ยวนี้ครับ”

ไม่กี่นาทีต่อมา หญิงสาวที่ดูเด็กก็เดินเข้ามาหาคังวูจิน

“คุณคือคุณคังวูจินใช่ไหมคะ?”

เธอเป็นผู้ช่วยผู้กำกับ คังวูจินเดินตามผู้ช่วยผู้กำกับ จนในไม่ช้าก็มาถึง C-Blue Studio ที่อยู่ชั้น 5

จากนั้น

“คุณพีดีอยู่ข้างในค่ะ”

ผู้ช่วยผู้กำกับได้พาคังวูจินมายังประตูห้องประชุม แสดงท่าทางเชิญเขาเข้าไปข้างใน ด้วยเหตุนี้คังวูจินจึงเตือนสติตัวเองให้สวมบทบาทเป็นคนอวดีและเปิดประตูอย่างมั่นใจ

แก๊ก!

ภายในห้องประชุมค่อนข้างกว้างขวาง ตรงกลางเป็นโต๊ะทำงานรูปㄷ '' และมีคนนั่งอยู่ประมาณ 6 คนได้ ทุกคนมองไปที่คังวูจินที่เพิ่งเดินเข้ามา

แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือ

“คุณคังวูจิน ยินดีที่ได้พบคุณอีกครั้งครับ”

PD ซงมันวูที่ไว้เคราแพะก็อยู่ที่นั่นด้วย เขาต้อนรับคังวูจินอย่างอบอุ่นด้วยรอยยิ้ม อาจเพราะชื่อเสียงของเขาในฐานะ PD รุ่นเก๋า ที่นั่งของเขาจึงอยู่ตรงกลางในบรรดาคนทั้งหก

ในเวลานี้เอง

“!!!”

ในใจของคังวูจินถึงกับสะดุ้ง

'โอ้ พระเจ้า! ฮงฮเยยอนเหรอ?!'

เพราะเขาได้เห็นดาราสาวตัวท็อปที่งดงามราวกับเทพธิดา

ฮงฮเยยอน อะไรกันเนี่ย? คุณฮงฮเยยอนอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ? คังวูจินกำลังขยี้ตา เขาอยากจะขอจับมือกับเธอพร้อมบอกว่า“ดีใจที่ได้พบคุณอีกครั้งนะครับ ?” แต่เขาต้องกลั้นไว้ เขากลั้นไว้จนแทบไม่ไหวแล้ว

เพราะเขาดันวางท่าว่าเป็นคนที่มีนิสัยแบบนี้แล้วไง จะให้ไปทำแบบนั้นมันก็จะดูแปลกไปอีก

ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าเขาจะสบตากับฮงฮเยยอน แต่คังวูจินก็รักษาสีหน้าที่นิ่งเฉยไว้ได้ ต่อจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของ PDซงมันวู

“คนเยอะแบบนี้ คุณคงไม่อึดอัดใช่ไหมครับ?”

บ้าจริง! ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกเล่าว่าฮงเฮยอนอยู่ที่นี่ด้วย คุณควรจะบอกมาตั้งแต่แรกสิ แม้ว่าคังวูจินจะบ่นอยู่ในใจ แต่เขาก็ตอบกลับมาอย่างสบายๆ ราวกับว่าเขาไม่ได้สนใจเลย

“คงมีเหตุผลอะไรบางอย่างสินะ”

หลังจากนั้นคังวูจินก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง

ครืด

เขาดึงเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ๆ ออกมาและนั่งลง ไขว้ขาด้วยคงดีกว่าใช่ไหม? คังวูจินพยายามทำตัวให้สงบนิ่งแล้วชำเลืองมองผู้คนที่อยู่อีกด้านหนึ่ง เนื่องจากเขาประหม่า เขาจึงมองข้ามฮงฮเยยอนไป สายตาของเขาจึงจ้องมองไปที่ผู้หญิงวัยกลางคนผมยาวดัดลอนและผู้ชายอีกหลายคนที่จ้องมองมาที่เขาอย่างแข็งขัน

มันค่อนข้างน่าอึดอัดไม่น้อยเลย

ซึ่งผ่านไปสักพัก

“เอ่อ คุณคังวูจิน”

PDซงมันวูมองไปทุกซอกทุกซุมของคังวูจิน แล้วโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย สีหน้าของเขาจริงจัง

“ผมรู้ว่านี่เป็นเรื่องที่กะทันหันไปหน่อย แต่ผมอยากรู้จริงๆ คนอื่นก็คงเหมือนกัน คุณพอจะเคยอ่านบทพูดคนเดียวอย่างน้อยหนึ่งหรือสองบทใช่ไหมครับ? เราทุกคนอยากจะเห็นบทพูดของคุณบ้าง เพราะเมื่อวันก่อนเน้นแค่เรื่องการแสดงอย่างเดียว”

บทพูดคนเดียวคือการที่นักแสดงแสดงพูดบทโดยไม่มีคู่หู โดยปกติแล้วจะยาวมาก ดังนั้นนักแสดงที่มีความมุ่งมั่นมักจะท่องจำบทพูดคนเดียวก่อนสำหรับการออดิชั่น

แต่มันไม่มีทางเลยที่คังวูจินจะเตรียมเรื่องแบบนี้ไว้ก่อน

‘บทพูดคนเดียวเหรอ? นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?'

เมื่อวันก่อนนี้ เขาเพิ่งจะได้รู้จักการแสดงเป็นครั้งแรก

'แต่ดูท่า......ฉันคงต้องหุบปากไว้ก่อนสินะ'

ด้วยเหตุนี้เอง ทางเลือกของคังวูจินคือเงียบ จากนั้น PDซงมันวูจึงจัดการทุกอย่างด้วยตัวเขาเอง

“คือว่าคุณสามารถดูสิ่งนี้และแสดงออกมาได้เลยนะครับ คุณสามารถตีความได้ตามที่คุณต้องการเลย”

ฟุ้บ!

PD ซงมันวูที่พูดจบแล้วก็ค่อยๆ วางแท็บเล็ตสีดำลงตรงหน้าคังวูจิน บนหน้าจอแท็บเล็ตมีตัวอักษรที่ดูเหมือนจะยาวเกิน 10 บรรทัดอยู่

มันเป็นประโยคสำหรับบทพูดคนเดียว

ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังขอให้คังวูจินลงมือแสดงในตอนนี้ บางทีนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้น เป็นช่วงเวลาของก้าวแรกในฐานะนักแสดง เมื่อเข้าใจเช่นนั้น ใบหน้าของวูจินแม้ยังดูเรียบนิ่งไร้อารมณ์ แต่ภายในใจของเขากลับเต็มไปด้วยความตกใจขณะที่เขาจ้องมองไปยังแท็บเล็ต

‘บ้าจริง มันดันไม่โผล่มา’

ไม่เหมือนกับบทละครหรือบทภาพยนตร์ก่อนหน้านี้ ตรงหน้าเขาไม่มีสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีดำปรากฎขึ้นมาข้างๆ แท็บเล็ต ทุกอย่างล้วนว่างเปล่า นี่เป็นปัญหาใหญ่แล้วสิ

ไม่นะ…

“คุณสามารถเริ่มได้เลยนะครับเมื่อคุณพร้อม”

PDซงมันวูพูดอย่างจริงจัง ในทางตรงกันข้าม ความวิตกกังวลที่ซ่อนอยู่ในใจของคังวูจินก็ทวีความรุนแรงขึ้น

‘อา-ฉันถึงคราวจบสิ้นแล้วสินะ’

ถ้าเพียงแต่เขาสามารถเข้าไปในพื้นที่ว่างเปล่าได้ เขาก็คงสามารถเตรียมอะไรไว้ก่อนได้ แต่มันดันไม่มีสี่เหลี่ยมสีดำข้างๆ แท็บเล็ตและไม่มีบทอะไรให้เลย

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เขาจบเห่แล้วล่ะ

คังวูจินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็สูญเสียแรงจูงใจไปจนหมดสิ้น รู้สึกยอมแพ้ให้กับทุกอย่าง

‘ฉันต้องพยายามขนาดนั้นด้วยเหรอ?’

ไม่เห็นจำเป็นต้องเดิมพันชีวิตกับอะไรแบบนี้เลย โลกก็กว้างใหญ่ ใช่แล้ว ไปทำงานที่ออสเตรเลียก็ได้ ไม่นานคังวูจินก็ก้มลงมองแท็บเล็ตแล้วบ่นพึมพำในใจกับตัวเอง

‘ไม่รู้สิ รีบทำเรื่องบ้าๆ นี้ให้จบแล้วกลับบ้านกันเถอะ’

คังวูจินเริ่มเปิดปากพูดทันที

“วันนี้ขณะที่ผมกำลังเดินไปตามถนน จู่ๆ ก็มีแมวตัวหนึ่งกระโจนเข้ามาทำร้ายผม ผมไม่ได้ทำอะไรเลย จากมุมมองของแมว มันคงมีเหตุผลอยู่…”

ณ ตอนนี้เอง

“หา?”

“……?”

“???”

ทุกคนที่เฝ้ามองคังวูจินพูดบทอยู่ต่างก็ขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ ซึ่งรวมถึง PDซงมันวูและฮงฮเยยอนกับทั้งหกคนด้วย

เหตุผลนั้นง่ายมาก

เพราะการแสดงของคังวูจินในตอนนี้เหมือนขยะ จนพวกเขาถึงขั้นรู้สึกสับสน

โดยเฉพาะ...

“อะไรกัน นี่มันอะไรเนี่ย?”

PDซงมันวูที่มองดูคังวูจินด้วยดวงตาอันมั่นใจก็เริ่มรู้สึกสับสนยิ่ง

เขาดูคลั่งไปแล้ว

‘มันแย่ยิ่งกว่านักแสดงหน้าใหม่เสียอีก…ต่างจากเมื่อวาน 180 องศาเลยไม่ใช่หรือไง??’

มันแย่อย่างมากจนไม่มีคำว่าดีเลย ระดับของการแสดงก็น่าอายเกินกว่าจะเรียกว่าเป็นการแสดงได้ อึดอัดกว่าการอ่านหนังสือเรียนภาษาเกาหลีอีกไม่ใช่เหรอ? หากนี่เป็นการออดิชั่นอย่างเป็นทางการ เขาคงจะถูกตัดออกภายในเวลาไม่ถึง 5 วินาทีแล้ว

ซึ่งในขณะนั้น คังวูจินก็ยังแสดงบทของเขาอย่างไม่ใส่ใจนัก

“เพราะงั้นผมเลยจับมันไว้ มันต่อต้านอย่างบ้าคลั่ง แต่ถึงกระนั้น……”

มันช่างน่าอายเหลือเกิน

แต่คังวูจินยังคงแสดงต่อไป โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในสีหน้าของเขาเลย ในขณะที่เขาทำเช่นนั้น ความสับสนภายในใจของ PDซงมันวู ก็เพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า ได้ไง? ทำไม? ฉันกำลังดูอะไรอยู่เนี่ย? ผู้ชายคนนี้คือคนที่ฉันเห็นเมื่อวันก่อนจริงเหรอ?

ในตอนนั้นเอง

ฟึบ!

สายตาของคังวูจินที่กำลังอ่านบทของเขากวาดสายตาไปมอง PDซงมันวูที่อยู่ฝั่งตรงข้าม มีความไม่พอใจปรากฏอยู่ในดวงตาของเขา

‘ฉันคงทำมันพังแล้วใช่ไหม? งั้นปล่อยฉันไปเถอะนะ’

แต่...

“……!!!”

PDซงมันวูที่ได้สบตากับคังวูจินก็เบิกตากว้าง PDรุ่นเก๋าอย่างซงมันวูตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่างด้วยตัวเขาเอง จากการจ้องมองสบตากับคังวูจิน

‘จริงสิ...เขาทำเหมือนว่าตอนนี้เขาไม่ได้แสดงอยู่’

เป็นไปได้ไหมว่าเกิดความเข้าใจผิด หรือทั้งหมดนั้นเป็นแค่ภาพลวงตา

ในไม่ช้า PDซงมันวูก็ยกมือขึ้นและขัดจังหวะการแสดงของคังวูจิน จากนั้นเขาก็ถามอย่างระมัดระวัง

“คุณคังวูจิน ผมขอถามได้ไหมครับว่าทำไมคุณถึงทำเหมือนว่าคุณแสดงไม่เป็น?”

จากนั้นคังวูจินได้หยุดไปครู่หนึ่ง จ้องมองไปที่PDซงมันวูเป็นเวลา 10 วินาที แล้วคังวูจินก็ตอบอย่างสีหน้าเรียบเฉย ด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำและเย็นยะเยือก

“เพราะคุณบอกผมอย่างกะทันหัน ทั้งยังไม่มีอธิบายอะไรอีก”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด