บทที่ 4 ความเข้าใจผิด (4)
บทที่ 4 ความเข้าใจผิด (4)
“ฆ่าเวลา?” ฆ่าเวลาเนี่ยนะ? พีดีผู้ซึ่งกำลังพักผ่อนหลังจบรอบแรกของรอบคัดเลือกรายการ ‘สุดยอดนักแสดง’ ได้หัวเราะอย่างขบขันตรงโถงทางเดิน เหตุผลนั้นง่ายมาก
พีดีผมสั้นผู้นี้เพิ่งได้ยินคำพูดที่น่าตกใจจากคังวูจินผ่านทางโทรศัพท์
‘เขาบอกว่าการแสดงที่สุดยอดขนาดนั้น.....เป็นเพียงการแก้เบื่องั้นเหรอ? ความมั่นใจในตัวเองของเขามันสูงขนาดไหนกันเนี่ย?’
ทั้งที่เป็นสิ่งที่เกิดจากความเบื่อหน่าย แต่ทักษะการแสดงของคังวูจินเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้มันยอดเยี่ยมมากจนถึงขั้นทุกคนต้องอ้าปากค้าง ทว่าคังวูจินคนนี้กลับทำเป็นไม่ใส่ใจมันและเดินออกไปอย่างเย็นชา ทั้งยังพูดตอบด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเรียบเฉย ราวกับว่ามันเป็นเพียงการฆ่าเวลา
"ว่าแล้วเชียวว่าเขาต้องไม่ธรรมดา"
อย่างไรก็ตาม พีดีรายการสาวก็ตอบกลับทางโทรศัพท์โดยยังคงมีรอยยิ้มจางๆ ประดับบนใบหน้า
“คิ๊กคิ๊ก คุณคังวูจิน อุตส่าห์บอกมาเลยว่าเป็นการฆ่าเวลา คุณนี้ตรงไปตรงมาดีนะคะ?”
ในไม่ช้า เสียงที่หนักแน่นและชั่งใจของคังวูจินก็ดังมาจากปลายอีกด้านของโทรศัพท์
"มันเป็นความจริงนี้ครับ คุณเองก็ลืมๆ มันไปเถอะครับ”
ให้ลืมไปเหรอ? เธอจะลืมมันได้ยังไงกัน? ในตอนนี้เอง พีดีสาวก็เริ่มมีความรู้สึกมั่นใจในสิ่งที่เธอคิดแล้ว
‘ว่าแล้วเชียว เขาคงไม่สนใจเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เลยสินะ เขาคงรู้สึกเหมือนการแสดงเป็นแค่งานอดิเรกสำหรับเขาเท่านั้น ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ ไม่มีอะไรน้อยไปกว่านี้’
ทันใดนั้นก็มีคำถามหนึ่งผุดขึ้นในใจของเธอ
‘แต่ไม่ใช่ว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาหรอกเหรอที่คนที่มีทักษะระดับนี้จะอยากมีชื่อเสียง? นอกจากนี้เขายังตัวสูงและดูดีนิ’
ทำไมเขาถึงปล่อยให้ทักษะการแสดงที่สุดยอดแบบนี้สูญเปล่ากัน? ความอยากรู้อยากเห็นของเธอคล้ายถูกกระตุ้น แต่ดูเหมือนไม่มีทางเลยที่เธอจะเข้าใจมันด้วยสามัญสํานึก อย่างน้อยก็ในความคิดของเธอ แต่ไม่ว่าจะทำยังไง สุดท้ายคังวูจินก็ปฏิเสธที่จะปรากฏตัวในรายการ ‘สุดยอดนักแสดง’ อยู่ดี
นี่เป็นผลลัพธ์ที่ทำให้เธอรู้สึกเสียดายมาก
ถึงเธอจะไม่แน่ใจ แต่เธอคิดว่าหากรายการออกอากาศไป แสงสปอตไลต์คงจะฉายไปอยู่ที่คังวูจินแน่ แต่น่าเสียดายเหลือเกินที่เธอไม่สามารถใช้วิดีโอโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเขาได้
เธอได้แต่ถอนหายใจอย่างเสียใจและพูดอีกครั้ง
“ฆ่าเวลาสินะคะ ค่ะ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ แต่คุณไม่เสียดายโอกาสเลยเหรอคะ?”
"ไม่เลย"
เมื่อฟังเสียงมุ่งมั่นของเขา ก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เปลี่ยนใจเลยสักนิดเดียว
"ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันคงจะต้องทิ้งวีดีโอของคุณไป"
หลังจากนั้นก็เงียบไปชั่วขณะ ประมาณ 5 วินาที เสียงทุ้มๆ ของคังวูจินพลันดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์
“เอ่อคือว่า…ขอผมขอดูฉากนั้นได้ไหมครับ?”
“ฉากนั้นเหรอคะ?” โอ้ หมายถึงการแสดงของคุณสินะคะ? ถ้าจะเอาภาพที่ถ่ายด้วยกล้องหลักให้อาจเป็นเรื่องยาก แต่พอจะเอาภาพที่ถ่ายลง YouTube Shorts ด้วยกล้องสมาร์ทโฟนได้อยู่นะคะ”
"อ่า-"
"ถึงตัวมุม ความรู้สึกและคุณภาพแตกต่างจากกล้องหลักอย่างมาก แต่มันก็พอจะเอาไปดูได้อยู่ค่ะ "
"ครับ งั้นได้โปรดส่งมาให้ผมทีนะครับ”
“เอาไปเก็บสะสมเหรอคะ?”
"ครับ ประมาณนั้น"
เมื่อได้ยินคำตอบของเขา พีดีสาวก็พยักหน้าและปัดผมสั้นของเธอไปมา
"เข้าใจแล้วค่ะ ถ้างั้นคุณต้องส่งหมายเลขโทรศัพท์ของคุณมา เดี๋ยวฉันจะส่งต่อให้คุณทางข้อความนะคะ"
"ขอบคุณครับ"
"เร็วที่สุดจะส่งคืนนี้นะคะ พรุ่งนี้อย่างช้าที่สุดค่ะ"
“ครับ ขอคุณมากครับ”
"ถ้างั้นฉันจะวางสายแล้วนะคะ"
-ปิ๊บ
พีดีรายการได้วางสายกับคังวูจินและวางโทรศัพท์ลง
“เฮ้”
ทันใดนั้นเสียงของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังมาจากด้านหลังเธอ ด้วยเหตุนี้พีดีที่พิงไหล่ของเธอไว้กับกำแพงทางเดินจึงสะดุ้งตกใจ จากนั้นเธอก็หันศีรษะไปทันที
"โอ้ รุ่นพี่! มาก็ให้สุ้มให้เสียงหน่อยสิค่ะ คุณไม่ใช่นินจาสักหน่อย ทำเอาฉันตกใจแทบแย่! "
เสียงของชายคนนั้นเป็นของผู้กำกับซงมันวู เขาถามพลางลูบเคราของตน
"สายนั้น พ่อหนุ่มจากตอนเช้าเหรอ? ที่เรียสาขาออกแบบใช่ไหม?”
พีดีหลักของรายการ "สุดยอดนักแสดง" ได้ตอบไปด้วยรอยยิ้มขมขื่น
"ใช่แล้วค่ะ"
"เขาบอกว่าเขาจะมารอบสองเหรอ?"
“ไม่ค่ะ เขาไม่สนใจเลย”
“จริงเหรอ? เขามาเพราะเพื่อนของเขาเท่านั้นเองเหรอ? ถ้าอย่างนั้นเขาเลยไม่อยากมาแสดงต่อสินะ?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้ พีดีรายการก็ยักไหล่ราวกับจะพูดว่า "นั่นมันสิ่งที่รุ่นพี่คิดไปเองต่างหาก”
“ฉันบอกเข้าไปแล้วค่ะ แต่เขาก็บอกแค่ว่ามันแค่เพื่อฆ่าเวลาเท่านั้น”
“ฆ่าเวลาเหรอ? เขามาที่นี่และทำให้ทุกอย่างมันกลับตาลปัตรเพียงเพราะเขาเบื่อเนี่ยนะ?”
“ค่ะ เขาพูดงั้นเลยค่ะ”
พีดีซงมันวูจ้องหน้าของพีดีรายการหลักอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
"บ้าไปแล้ว"
"รุ่นพี่ก็ว่าเหมือนกันใช่ไหมคะ? ฉันน่ะไม่ได้เจอคนที่ไม่เหมือนใครแบบนี้มานานแล้ว”
“แต่ว่าฉันก็เข้าใจดีนะ พอเราขึ้นมาอยู่ที่จุดสูงสุดแล้ว บางครั้งเราก็มักจะหวนมองย้อนกลับไปในอดีตเหมือนกัน”
“จู่ๆ รุ่นพี่ก็พูดอะไรแบบนี้…หรือจะบอกว่าเขาเคย…?”
ซงมันอูไม่ตอบอะไร จากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมา
“ได้เบอร์เขามาหรือเปล่า?”
เขาดูมุ่งมั่นมาก
และหนึ่งชั่วโมงต่อมา ห้องพักของคังวูจิน
หลังจากการโทรกับพีดีรายการ ‘สุดยอดนักแสดง’ คิมแดยองก็ได้ถามคําถามมากมาย แต่คังวูจินไม่สนใจเขาเลย เพราะตัวเขาไม่อยากพูดพล่ามเกี่ยวกับเรื่องอับอายพวกนี้ในตอนเช้า เขาตั้งใจที่จะฝังมันไว้ในอดีตอันมืดมิด ซึ่งมีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้
ซึ่งในทันทีที่คังวูจินมาถึงห้องของเขา เขาก็เหยียดแขนขาออกทันที นอนบนเบาะนวม ทิ้งบทและฉากที่เขาเผลอนํามาอย่างไม่ตั้งใจ ตอนนี้เขาอิ่มและรู้สึกพอใจแล้ว ทำให้ความง่วงพลันเริ่มคืบคลานเข้ามา
แต่ว่าตอนนั้นเอง
“เฮ้อ ฉันควรจะจบเรื่องที่ฉันเริ่มไว้ก่อนหน้านี้สิ”
เขาจึงบังคับตัวเองให้ลุกขึ้นยืน จากนั้นในบรรดาสิ่งที่เขาโยนทิ้งไป เขาก็หยิบบทขึ้นมาสองบท สีของบทแตกต่างกันไป มันมีสีฟ้าอ่อนและสีม่วงเข้ม ซึ่งตรงหน้าของบททั้งสองได้ถูกพิมพ์ชื่อเรื่องเอาไว้ด้วย
- ‘ลูกสาวผู้สง่างาม’ องค์ที่ 1
- ‘อัยการอันธพาล’ องค์ที่ 1
บททั้งสองเป็นองค์ที่ 1 คังวูจินซึ่งกําลังมองลงไปที่บทก็เอียงศีรษะเล็กน้อย เพราะมันดูคุ้นเคยเป็นอย่างมาก
“ดูเหมือนว่า…ฉันจะเคยได้ยินชื่อเรื่องนี้มาก่อนแฮะ”
ในไม่ช้า คังวูจินก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตและเริ่มค้นหา ดูเหมือนบทของทั้งสองเรื่องนี้จะได้รับการออกอากาศแล้ว "ลูกสาวผู้สง่างาม" ของปีที่แล้ว ส่วนเมื่อสองปีก่อนเป็นเรื่อง "อัยการอันธพาล" ออกอากาศทางอินเทอร์เน็ตและทางเครือข่ายทั่วไป
จากนั้นเอง
ควั่บ!
หลังจากเสร็จสิ้นการค้นหาคร่าวๆ คังวูจินก็หยิบบทของ "อัยการอันธพาล" ขึ้นมา ก่อนหน้านี้เขาได้ทดลองกับบทของ "ลูกสาวผู้สง่างาม" ที่บ้านของคิมแดยองแล้ว ตอนนี้ถึงคราวของ "อัยการอันธพาล" บ้าง
“รู้สึกอึดอัดใจชะมัดที่จะต้องเข้าไปอีกครั้ง”
คังวูจินจ้องไปที่สี่เหลี่ยมสีดําที่ปรากฏถัดจากบทครู่หนึ่ง มันยังคงหมุนอยู่ เป็นเหมือนวังวนน้ำที่น่ากลัว แต่วูจินก็ได้แต่ถอนหายใจเรียกความกล้าของตนเอง
ตุ๊บ!
เขาใช้นิ้วชี้แหย่สี่เหลี่ยมสีดํา รู้สึกถึงความหนาวเย็นที่คุ้นชิน เขาทำมันสองสามครั้งและเริ่มชินกับความรู้สึกนี้แล้ว
จากนั้น
“······”
คังวูจินปิดปากและจ้องมองความมืดมิดที่จู่ๆ ก็เลือนหายไป เขาเข้าสู่ความว่างเปล่า อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาไม่ได้กระโตกกระตากเหมือนครั้งก่อนๆ แล้ว
เพราะมันเป็นครั้งที่สามของเขา
ซึ่งในตอนนั้นเอง คังวูจินก็หันกลับมาเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ข้างหลังเขา นั่นไง -- สี่เหลี่ยมสีขาวลอยอยู่ที่ความสูงประมาณหน้าอกของเขา เป็นไปตามที่คาดไว้ไม่มีผิด
"สาม"
จำนวนสี่เหลี่ยมสีขาวเพิ่มขึ้นจากสองเป็นสาม คังวูจินค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้สี่เหลี่ยมสีขาวขนาดเท่ากระดาษ A4 มันห่างออกไปประมาณหนึ่งก้าว เขาหยุดลงและ...
"ไหนดูสิ-"
เขาตรวจสอบตัวอักษรบนสี่เหลี่ยมสีขาวที่เพิ่มเข้ามาใหม่ เริ่มต้นจากบทตรงหน้าก่อน
- [1/บทกระดาษ (ชื่อเรื่อง: ไม่ทราบ) ระดับ F (ไม่สามารถตัดสินได้)]
•
•
•
เขาเห็นไอ้นี้ไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงรีบเดินไปที่หน้าต่อไป ถัดมาคือ "ลูกสาวผู้สง่างาม"
- [2/บท (ชื่อเรื่อง: ลูกสาวผู้สง่างามองค์ 1) ระดับ E]
- [* นี่เป็นบทละครที่มีความสมบูรณ์ในระดับสูงมาก สามารถอ่านได้ 100%]
ดูเหมือนมันจะมีความแตกต่างกับบทที่ให้มาสามแผ่นมาก จากนั้นคังวูจินก็ตรวจสอบอันที่สาม
- [3/บท (ชื่อเรื่อง: อัยการอันธพาลภาค 1) ระดับ C]
- [* นี่เป็นบทละครที่มีความสมบูรณ์ในระดับสูงมาก สามารถอ่านได้ 100%]
เมื่อตรวจสอบหมดแล้ว คังวูจินก็กอดอก
"บทแบบแผ่นกระดาษสามารถอ่านได้ 10% ส่วนบทหนังพวกนี้สามารถอ่านได้ 100% -"
จากนั้นคังวูจินก็เห็นบางอย่างในหัวข้อพวกนี้ เขาจึงได้แต่เอียงศีรษะ
“แต่ระดับพวกหมายความว่ายังไงกัน?”
สี่เหลี่ยมสีขาวสามช่องได้แบ่งออกเป็นระดับ บทแบบกระดาษสามหน้าเป็นระดับ F ‘ลูกสาวที่สง่างาม‘ เป็นระดับ E ’อัยการอันธพาล’ เป็นระดับ C บทตัวแรกที่เขาได้มาเป็นเพียงบทที่เขียนใส่หน้ากระดาษ ดังนั้นมันจึงมีแค่ระดับ F
"แต่อีกสองคนบทมันแบ่งระดับกันยังไงเนี่ย?"
ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสำเร็จ เพราะทั้งสองมีความสำเร็จในการอ่านที่ระดับสูงมาก นอกจากนี้ ผลงานทั้งสองชิ้นนี้ยังเคยเป็นผลงานที่ได้รับการออกอากาศไปแล้วในอดีต
ในตอนนั้นเอ
“อ่า หรือว่าบางที…”
จู่ๆ คังวูจินก็นึกถึงอะไรบางอย่างได้ เขารีบอ้าปากกว้างและพูดว่า
"ทางออก"
หลังจากเงาดำทะมึนห่อหุ้มเขา คังวูจินก็ลืมตาขึ้นอีกครั้งในห้องนอนของเขา
เขาชินกับมันแล้ว และคราวนี้เขาไม่แม้แต่จะร้องเสียงหลงออกมา
“ดูท่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ปรับตัวได้ดีสินะ”
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้งและมองหา "ลูกสาวที่สง่างาม" และ "อัยการอันธพาล" อีกรอบหนึ่ง จากผลงานทั้งสองนี้ มีสิ่งหนึ่งที่คังวูจินยืนยันได้แล้ว
มันคือการให้คะแนนจากผู้ชม
ผลลัพธ์ของการค้นหาได้มาอยู่ต่อหน้าคังวูจินอย่างรวดเร็ว
- ‘ลูกสาวผู้สง่างาม '/ เรตติ้งผู้ชมครั้งสุดท้าย 2.7%
- ‘อัยการอันธพาล’/ เรตติ้งผู้ชมครั้งสุดท้าย 7.1%
การให้คะแนนผู้ชมของทั้งสองเรื่องนั้นค่อนข้างแตกต่างกันมาก หลังจากอ่านบทความสองสามบทความแล้ว ‘ลูกสาวผู้สง่างาม’ ดูเหมือนจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นละครที่ล้มเหลว ส่วนเรื่อง ‘อัยการอันธพาล’ ถือว่าทั่วไป คังวูจินลูบคางของเขาในขณะที่เขาอ่านดูจากผลการค้นหา
“'ลูกสาวที่สง่างาม’ มีเรตติ้งผู้ชมต่ำกว่า มันจึงเป็นระดับ E ส่วน ‘อัยการอันธพาล’ มีเรตติ้งกลางๆ ดังนั้นมันจึงเป็นระดับ C เหรอ? เป็นไปได้ไหมว่า…ระดับนี้หารด้วยค่าความนิยมของผู้ชม?”
หรือว่ามันวัดที่ประสิทธิภาพของผลงาน แม้ว่าเขาจะไม่มั่นใจนัก แต่เขารู้สึกว่าระดับบที่มันบอกต้องอิงจากเรตติ้งของผู้ชมแน่
ทว่าก็ได้มีคำถามหนึ่งเกิดขึ้นในใจเขาทันที
‘... แล้วถ้าเป็นบทหรือฉากที่ยังไม่ออกสู่สายตาชาวโลกล่ะ?’
แม้ว่าบทพวกนี้จะได้รับการออกอากาศไปแล้ว แต่ก็ยังมีบทบางส่วนเหมือนกันที่กําลังเตรียมการหรือยังไม่ได้เริ่มและถูกยกเลิกไป
มันจะเป็นยังไงถ้าวูจินได้บทพวกนั้นมาอยู่ในมือ?
‘บทพวกนี้จะมีช่องสี่เหลี่ยมสีดำไหมนะ?’
แม้ว่าการตรวจสอบเป็นสิ่งจําเป็น แต่เมื่อเขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันก็มีเพียงคําตอบเดียวในใจของเขา
"เป็นไปได้ไหมว่า…เราอาจจะรู้มูลค่าล่วงหน้าของบทได้ก่อนคนอื่น? "
ความสามารถในการเห็นความสําเร็จของงานก่อนที่จะทําเนี่ยนะ ว่าไงนะ? เอาจริงหรือ? มันน่าทึ่งมากเกินไปแล้ว? แววตาของคังวูจินเปลี่ยนเมื่อเขากำลังคิดกับตนเอง
ฟึบ!
เขาขยับมืออย่างรวดเร็ว ไม่ได้หยิบบทขึ้นมา แต่เป็นกองเอกสาร มันเป็นบทภาพยนตร์ที่เขาได้รับจากคิมแดยอง มันมีชื่อว่า ‘ไล่ผี’ อยู่บนหน้าปก
อย่างไรก็ตาม คังวูจินผู้ซึ่งกําลังจะจิ้มสี่เหลี่ยมสีดําข้างกองบทก็หยุดลงอย่างกะทันหัน
“อา แต่ฉันเอาโทรศัพท์ไปด้วยไม่ได้เหรอ?”
มันคงจะสะดวกกว่าถ้าเขาสามารถนําของใช้ส่วนตัวเข้าไปในพื้นที่ประหลาดนั่นได้ เมื่อคิดเช่นนั้น คังวูจินจึงถือโทรศัพท์ไว้ในมือซ้ายแล้วใช้นิ้วชี้จิ้มสี่เหลี่ยมสีดํา
พรืบ!
ด้วยเหตุนี้ คังวูจินจึงกลับเข้าสู่พื้นที่มิติสีดําสนิทอีกครั้ง ปัญหาคือ..
“เวรแล้ว มันไม่ได้ผล”
โทรศัพท์ที่เขาถืออยู่ในมือซ้ายได้ถูกทิ้งไว้ในห้อง ตอนนี้คังวูจินมือเปล่า ซึ่งหมายความว่าเขาไม่สามารถนำสิ่งของส่วนตัวเข้ามาในพื้นที่มิตินี้ได้ แม้ว่าคังวูจินจะผิดหวัง แต่เขาก็ทำได้เพียงยอมแพ้และหันกลับไปมองสี่เหลี่ยมสีขาว
ตอนนี้มันมีอยู่สี่ช่อง
ในไม่ช้าวูจินที่เดินเข้ามาใกล้พวกมันก็เริ่มอ่านข้อความบนสี่เหลี่ยมสีขาวที่สี่
- [4/บทภาพยนตร์ (ชื่อเรื่อง: การไล่ผี) ระดับ B]
- [* นี่เป็นบทภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก สามารถอ่านได้ 100%]
บทภาพยนต์ระดับบี ตอนนี้คังวูจินเริ่มรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
"B? นี้มันระดับ B เรียกได้ว่าสูงที่สุดในบรรดาที่ฉันเคยได้รับมาเลยนะ"
งั้นหมายความว่าผลงานชิ้นนี้ประสบความสำเร็จอย่างมากหรือเปล่า? แบบในแง่ของจำนวนผู้ชมหรืออะไรทำนองนั้น?
ซึ่งคังวูจินเองก็ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับวงการบันเทิง ด้วยเหตุนี้คังวูจินที่รู้สึกตื่นเต้นจึงพูดอย่างรวดเร็วว่า "ทางออก" และทันทีที่เขากลับไปที่ห้อง เขาก็โทรหาคิมแดยองเพื่อนของเขาเพื่อถามเกี่ยวกับภาพยนตร์ที่มีชื่อว่า "การไล่ผี"
“อ่า-ทำไมเหรอ?”
เสียงของคิมแดยองดังอู้อี้ บางทีเขาอาจกำลังหลับอยู่ แต่ถึงอย่างนั้น คังวูจินก็ถามออกไปโดยไม่คิดจะสนใจอะไร
“เฮ้ นายจำบทภาพยนตร์ที่ให้ฉันได้ไหม? นี่เป็นภาพยนตร์ที่เคยดังมากหรือเปล่า?”
“หา ‘การไล่ผี' น่ะเหรอ? มันยังไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเลย ที่พูดมาหมายถึงอะไรเนี่ย ดังหรือเปล่างั้นเหรอ?”
“ยังไม่ได้สร้าง?”
“ชะ ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ฉันได้มันมาจากสมาชิกชมรมละครเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว”
"แล้วหนังจะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์เหรอ?"
"ไม่มั้ง? มันปล่อยออกมาไม่ได้หรอก มันไม่ใช่หนังที่ขายได้กำไรหรอกนะ แต่มันเป็นหนังสั้น ก็แบบพวกภาพยนตร์อิสระหรือหนังที่อาร์ตไง แบบที่เป็นผู้กำกับไม่มีชื่ออะ เข้าใจไหม?”
ทว่าในหัวของคังวูจินมีเพียงเรื่องเดียว
‘หนังสั้น? ยังไม่ได้สร้างด้วยเหรอ?’
ความจริงคือมันเป็นหนังสั้นและยังไม่ได้ถูกสร้าง แล้วคิมแดยองก็อธิบายเพิ่มเติมจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์
“ซึ่งไอ้เรื่อง ‘การไล่ผี’ คงไม่ถูกสร้างหรอกมั้ง? เพราะมันมีหนังกระแสจํานวนมากที่ถูกทิ้งหลังจากทำสคิร์ปออกมาแล้ว แถมถ้าเป็นบทหนังสั้นมันมีโอกาสน้อยเข้าไปใหญ่”
“…ไม่สามารถเอาไปฉายในโรงภาพยนตร์ได้เหรอ? แล้วถ้าหนังสั้นเรื่องนี้หรืออะไรก็ตามมันประสบความสำเร็จขึ้นมา มันจะไปไหนต่อเหรอ?”
“ทำไมจู่ๆ นายถึงสนใจเรื่องนักล่ะ? ถ้าเกิดหนังสั้นทําออกมาได้ดีนั่นก็เรื่องหนึ่งนะ แต่เป็นไปไม่ได้หรอกที่มันจะออกฉาย ทว่าถ้ามันดีจริงก็อาจจะได้รับรางวัลจากการแข่งขันหรือเทศกาลภาพยนตร์มั้ง? และถ้ามันดีมากก็อาจจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่เป็นหนังยาวเลย”
“อ่า - แบบพวกงานประกาศรางวัลภาพยนตร์บลูดรากอน? อะไรทำนองนั้นเหรอ?”
"ถูกต้อง นอกจากนี้ก็มีพวกเทศกาลหนังสั้นเฉพาะกลุ่มที่อยู่ในต่างประเทศ แต่มันคงไม่คุ้มกับการต้องไปถึงต่างประเทศหรอก”
ทันทีที่เขาได้ยินคำตอบ คังวูจินก็พูดไปว่า
"เข้าใจแล้ว งั้นขอวางสายก่อนนะ"
เขาวางสายทันที เขาไม่เข้าใจหรอกว่าคิมแดยองกําลังพูดอะไร แต่มีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจน
‘หนังที่ยังไม่ได้สร้างนี้คือหนังระดับ B’
เขาไม่รู้ว่าระดับ B มันดีมากน้อยแค่ไหน แต่มันจะต้องมีประสิทธิภาพและดีมากอย่างแน่นอน
“······”
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังวูจินก็ขยับมือของเขาไปมาประมาณ 3 นาที เขาหยิบบทของ 'ลูกสาวผู้สง่างาม‘ ขึ้นมา
"ไม่รู้สิ เดี๋ยวค่อยตรวจสอบแล้วกัน"
จากนั้นคังวูจินก็เริ่มอ่านบทของ ‘ลูกสาวผู้สง่างาม’
ฟึบ
เหตุผลนั้นง่าย เขาต้องรู้เนื้อหาของบทหรือฉากอย่างก่อนว่ามันมีอะไร จากนั้นเขาก็จะได้สามารถเลือกบทบาทของเขาได้อย่างเหมาะสม
- ฟึบ ฟึบ
ยิ่งไปกว่านั้น
"ฉันไม่อยากจะถูกแทงตายโดยที่ไม่รู้อะไรอีกแล้ว"
เขาต้องการหลีกเลี่ยงการตายอย่างไม่ทราบสาเหตุเหมือนก่อนหน้านี้
ตอนดึกของวันเดียวกัน ศูนย์ศิลปะที่อาคาร SBC ในม็อกดง
การถ่ายทำรายการ ‘สุดยอดนักแสดง‘ รอบแรกสิ้นสุดลงหลังเวลา 22.00 น. ผู้เข้าร่วมที่เต็มศูนย์ศิลปะได้หายไปหมด ตอนนี้ทีมงานหลายสิบคนยังคงทำความสะอาดอยู่
ทุกคนดูเหมือนจะเหนื่อยล้า อาจเป็นเพราะตารางงานที่มากมายตั้งแต่หัววัน
แน่นอนว่ากรรมการทั้งสามคนที่ประเมินผู้เข้าร่วมหลายร้อยคนก็ไม่แทบไม่ต่างกันนัก ในหมู่พวกเขา พีดีซงมันวูเคลื่อนไหวก่อน เขาลุกขึ้นยืนจากที่นั่งของกรรมการตัดสินทันที สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
“ทุกคนทำงานหนักกันมากเลยนะ”
ในขณะนั้นเอง พีดีซงมันวู ผู้ซึ่งทักทายทีมงานโดยรอบอย่างสุภาพก็กําลังจะออกไป
“เอ๊ะ? พีดี! คุณจะไปแล้วเหรอคะ?”
ข้างๆ เขา ฮงฮเยยอน นักแสดงชั้นแนวหน้าที่เพิ่งเอนตัวพักผ่อนไป จู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้น ทำให้ผมที่ยาวสลวยของเธอพลิ้วไหวไปมา
“คุณไม่ไปงานเลี้ยงหลังเลิกงานเหรอคะ? พวกเขาบอกว่าจะกินเนื้อวัวนะคะ?”
ผู้กำกับซงมันวูไม่อาจต้านทานเนื้อได้ แต่เขาก็โบกมือราวกับว่าเขาไม่มีเวลาแล้ว
“ไม่ ตามสบายเลยครับ พอดีผมมีนัดที่จะไปหานักเขียนปาร์คนะ”
“... นักเขียนปาร์ค? ตอนนี้เหรอคะ?”
ตอนนั้นเองที่ฮงฮเยยอนดูเหมือนจะรู้อะไรบางอย่าง เธอรีบวิ่งตามพีดีซงมันวูและคว้าแขนของเขาเอาไว้
“ฉันก็อยากไปด้วยนะคะ”
"อะไรกัน? ไม่ใช่ว่าคุณยุ่งอยู่เหรอ?"
“ฉันไม่ยุ่งค่ะ ตอนนี้ฉันว่างแล้ว”
“ผมจะไปเพราะเรื่องงาน ไม่ใช่ดื่มนะ มันแค่เรื่องงานของเราเอง”
เห็นได้ชัดว่า ‘งานของเรา’ ที่ว่ามันรวมถึงนักแสดงหญิงชั้นนำฮงฮเยยอนด้วย
ฟุ่บ!
ฮงฮเยยอนที่จู่ๆ ก็ยืนอยู่ข้างพีดีซงมันวูก็ตอบด้วยรอยยิ้ม
“ฉันเห็นนะคะว่าคุณเพิ่งไปรับวิดีโอของเขาจากพีดีรายการ ‘สุดยอดนักแสดง’ ก่อนหน้านี้”
ตอนนี้สิ่งที่อยู่ในใจของฮงฮเยยอนกับพีดีซงมันวูและไม่อาจขจัดมันออกไปได้ คือสัตว์ประหลาดนักแสดงที่ปรากฏเมื่อช่วงเช้า
“คุณจะเอาวิดีโอนั่นไปให้คุณนักเขียนดูใช่ไหมคะ?”