ตอนที่แล้วบทที่ 21 สอบไม่ดีเท่าดูดวง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 23 ช่างบังเอิญเสียจริง

บทที่ 22 คุณแม่มาตามหาญาติ


หลินชิงอิ่นทานอะไรเล็กน้อยใกล้ๆ โรงเรียนแล้วก็นั่งรถมาถึงสวนสาธารณะของเมือง เพิ่งเดินได้ไม่กี่ก้าวก็เจอเจียงเว่ย พอเห็นว่าหลินชิงอิ่นหน้าตาซีดเซียวก็ดีใจใหญ่ เดินเข้ามาใกล้ๆ สีหน้าเยาะเย้ยพลางถาม "วันนี้สอบเป็นไงบ้าง"

"ไม่ค่อยดีเลย" หลินชิงอิ่นตอบอย่างหงอยๆ "อาจารย์ไม่ให้ฉันใช้เปลือกเต่าเสี่ยงทายคำตอบ ฉันเลยต้องตอบตามสัญชาตญาณ เสียเวลามาก"

เจียงเว่ยเกือบสำลักน้ำโค้กที่กำลังดื่มอยู่ "เธอนี่มันที่หนึ่งสอบเข้ามัธยมปลายนะ คิดยังไงถึงได้เอาเปลือกเต่าไปทำข้อสอบ แล้วอาจารย์ไม่ไล่เธอออกจากห้องเนี่ยนะ เมตตาปรานีมากๆ เลย"

หลินชิงอิ่นมองค้อนเขาแวบหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไร เจียงเว่ยเกาจมูกพร้อมพูดอย่างเจื่อนๆ "ฉันจะติวหนังสือให้เธอ เรียกได้ทุกเมื่อ รับรองว่าจะทำให้เธอตามเนื้อหาทันในเวลาที่สั้นที่สุด"

"จริงๆ แล้วฉันกังวลเรื่องภาษาอังกฤษที่สุด" หลินชิงอิ่นเลือกคำพูดแล้วบอกว่า "แค่มองก็ปวดหัวแล้ว พูดออกมาก็พูดไม่ได้ ยิ่งไม่รู้ว่าจะเขียนเรียงความยังไงเลย"

"ภาษาอังกฤษเธอแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ" เจียงเว่ยเกาหัวอย่างไม่เข้าใจ "นี่ที่เธอว่าตัวเองไม่ถนัดทุกอย่างเนี่ย แล้วตอนสอบเข้าเนี่ยเธอทำยังไงถึงได้ที่หนึ่งล่ะ ก็ใช้สัญชาตญาณทั้งนั้นเหรอ"

"แน่นอนว่าไม่ใช่สิ!" หลินชิงอิ่นจ้องเขาด้วยสายตาอำมหิต "ตอนนั้นฉันมีความรู้ความสามารถจริงๆ แต่ว่า..." หลินชิงอิ่นพูดอึกอักๆ "ปลายเทอมที่แล้วฉันสอบได้แย่ กลับไปถึงบ้านโมโหมากก็เลยกระโดดน้ำ ตำรวจช่วยฉันขึ้นมา ตอนนั้นความรู้ที่ฉันเคยเรียนมาก็ลืมไปเกือบหมดแล้ว"

เจียงเว่ยฟังจนอ้าปากค้าง "ท่านปรมาจารย์น้อย นิสัยนี่ร้ายกาจมากเลยนะ!"

"ไม่ต้องพูดเรื่องที่ผ่านมาแล้ว" หลินชิงอิ่นถามตรงๆ "ว่าแต่ฉันควรจะทำยังไงกับวิชาภาษาอังกฤษดีล่ะ จริงๆ ฉันไม่ได้อยากได้มากหรอก ข้อเลือกตอบฉันเดาก็ได้หมดแล้ว แต่ปัญหาคือข้อเขียนเรียงความตอนท้ายจะทำยังไงดี"

ข้อเลือกตอบเดาก็ได้หมดเลยเหรอ!!!

เจียงเว่ยรู้สึกว่าประโยคนี้ช่างทำร้ายจิตใจนักเรียนทุกคนเหลือเกิน! แม้แต่เด็กเรียนเก่งอย่างเขาก็ไม่มีข้อยกเว้น เขาสมัยก่อนยังต้องกอดพจนานุกรมศัพท์อังกฤษ-จีนท่องเลย

"พี่ว่าต้องอ่านพจนานุกรมเป็นอันดับแรก" เจียงเว่ยพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ไม่กล้ามองตาหลินชิงอิ่น "พจนานุกรมจีน-อังกฤษเล่มใหญ่ 'ออกซ์ฟอร์ด' นี่ก็ดีอยู่ ถ้าเธอรู้ความหมายของแต่ละคำ การเขียนเรียงความมันจะง่ายขึ้นไม่ใช่เหรอ"

หลินชิงอิ่นมองเจียงเว่ยเล็กน้อย รู้สึกเหมือนใต้สีหน้าจริงจังของเขามีรอยยิ้มสมน้ำหน้าซ่อนอยู่

"จากนั้นก็ต้องอ่านหนังสือเรียนให้ขึ้นใจ ยิ่งท่องมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเข้าใจโครงสร้างประโยคมากเท่านั้น ตอนเขียนเรียงความก็แค่เอาประโยคพวกนี้มาปรับใช้ได้เลย"

"แล้วก็ทำแบบฝึกหัดด้วย วิธีนี้ไม่ว่าจะใช้กับวิชาอะไรก็ได้ผลทั้งนั้น"

ถึงแม้ฟังดูเหมือนทุกวิธีจะใช้ได้ผลก็เถอะ แต่ว่า...

"ฉันท่องไม่ได้หรอก!" หลินชิงอิ่นทำหน้าไร้เดียงสา "ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคำศัพท์พวกนั้นอ่านยังไง"

เจียงเว่ยรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที นี่จะให้เขาเริ่มสอนตั้งแต่สะกดตัวอักษรเลยเหรอเนี่ย

"ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ไปเรียนพิเศษที่ 'ซินตงฟาง' สิ เขามีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางกว่า"

ดวงตาของหลินชิงอิ่นเป็นประกายวาววับ ความฝันของเธอจะเป็นจริงเร็วขนาดนี้เลยเหรอ

เจียงเว่ยไม่ทันสังเกตสีหน้าของเธอ "เธอจะเรียนตอนเย็นหรือวันอาทิตย์ล่ะ ดูเวลาของเธอแล้วกัน"

หลินชิงอิ่นกลืนน้ำลาย "วันอาทิตย์ดีกว่า กลางวันฉันจะได้ทานอาหารได้เยอะหน่อย"

เจียงเว่ยไม่ค่อยเข้าใจความหมายในคำพูดของหลินชิงอิ่น นี่กลัวว่าเรียนพิเศษตอนเย็นแล้วจะหิวงั้นเหรอ

---

ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน ก็มาถึงประตูทางเข้าสวนสาธารณะพอดี อ้วนหวังรออยู่ที่นั่นนานแล้ว พอเห็นหลินชิงอิ่นก็วิ่งเข้ามาหาด้วยความดีใจ "ท่านปรมาจารย์น้อย วันนี้คนแรกจ่ายตังค์เพื่อมาก่อนคิว อาจจะมีรายได้พิเศษอีกก็ได้นะ"

หลินชิงอิ่นรู้สึกว่านี่คือข่าวดีอันดับสองที่ได้ยินในวันนี้ รองจากที่จะได้ไป 'ซินตงฟาง'

เจียงเว่ยยังต้องไปซื้ออาหารสำเร็จรูปกลับบ้าน เขาโบกมือลาทั้งสองคนแล้วเดินจากไป ครั้งนี้หลินชิงอิ่นไม่ได้ไปใต้ต้นโบราณ เพราะตอนกลางคืนที่นั่นไม่มีแสงไฟ

ในสวนสาธารณะมีศาลาพักเล็กๆ ไว้พักผ่อนเยอะแยะ หลินชิงอิ่นมาที่นี่บ่อยจนคุ้นเคยแล้ว เธอเลือกศาลาแปดเหลี่ยมที่อยู่ริมทะเลสาบใกล้กับต้นไม้ใหญ่ที่สุด

ภายในศาลามีโคมไฟส่องสว่าง มีโต๊ะหินและเก้าอี้หิน ถือว่าค่อนข้างสะดวก

พอทั้งสองเข้ามาในศาลา อ้วนหวังก็แจ้งสถานที่ดูดวงในกลุ่มแชทไลน์ เขากลัวว่าคนที่อายุมากแล้วจะมองหาไม่เจอ จึงถ่ายรูปสถานที่ใกล้ๆ ส่งเข้ากลุ่มไปด้วย

หลินชิงอิ่นหยิบหินมากั้นรอบๆ ศาลาเป็นวงกลม เธอวางไม้เท้าอาคมรอบๆ ศาลา ตอนนี้อุณหภูมิกำลังพอเหมาะ แต่เพราะอยู่ใกล้แหล่งน้ำและยังมีแสงไฟส่องอยู่ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมียุงและแมลงเยอะ การตั้งอาคมนอกจากจะช่วยกั้นลมได้บ้างแล้ว ก็ยังป้องกันแมลงรบกวนได้ด้วย

ขณะที่ยังมาไม่ครบ อ้วนหวังก็มาปรึกษาเรื่องสำคัญกับหลินชิงอิ่น "ท่านปรมาจารย์น้อย อีกไม่กี่วันก็จะเข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้ว อีกประมาณสองเดือนอากาศก็จะเย็นลง พวกเรามาตั้งแผงในสวนแบบนี้คงไม่ใช่ทางแก้ที่ดี ไม่ลองไปเปิดร้านเล็กๆ กันดีกว่าเหรอ

หลินชิงอิ่นนึกถึงเงินสองสามหมื่นหยวนที่เหลืออยู่ในมือ รู้สึกกังวลใจอยู่บ้าง "ต้องใช้เงินเท่าไหร่ล่ะ สองแสนนั่นฉันให้แม่ไปเปิดร้านหมดแล้ว ในมือไม่มีเงินเยอะขนาดนั้นแล้ว"

อ้วนหวังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง "ผมมีอพาร์ตเมนต์อยู่ห้องหนึ่ง เป็นห้องชั้นสองติดถนน เพราะค่าน้ำค่าไฟของการใช้งานแบบอุตสาหกรรมและการค้ามันแพง ผู้เช่าเลยไม่อยากต่อสัญญาแล้ว ไม่ลองเปิดร้านที่นั่นดูไหม จะได้จดทะเบียนการค้าด้วย ถูกต้องตามกฎหมายหน่อย ส่วนเรื่องเงินไม่ต้องห่วง ห้องนั่นไม่ใหญ่มาก แถมยังอยู่ติดถนน ถ้าเอาไปให้เช่าก็คงได้แค่เดือนละสองสามพันหยวน ไม่น่าจะพอให้ผมเป็นห่วงหรอก"

หลินชิงอิ่นคิดในใจว่าสองสามพันหยวนก็ไม่ได้แพงอะไร แต่อ้วนหวังเดินตามเธอไปไหนต่อไหนมาตลอด ทั้งไม่คิดค่าใช้จ่าย จะให้เขาออกค่าเช่าให้อีกมันดูเกินไปหน่อย ไม่ค่อยให้เกียรติเขาเท่าไหร่

"งั้นฉันสอนอะไรให้นายหน่อยแล้วกัน เลือกแบบที่เรียนรู้ง่ายๆ..." หลินชิงอิ่นมองดูรูปร่างอวบอ้วนของอ้วนหวัง จู่ๆ ก็หยิบก้อนหินจากกระเป๋าแล้วเหวี่ยงออกไป หลินชิงอิ่นพุ่งตัวไปอีกฝั่งของศาลา ใต้ต้นทับทิมต้นหนึ่ง ผลทับทิมที่โดนหินกระแทกร่วงหล่นลงมา และตกลงในมือของหลินชิงอิ่นพอดิบพอดี

อ้วนหวังกลืนน้ำลาย "เอ่อ...ยังไงเรื่องค่าเช่าคุยกันอีกทีดีกว่า!"

หลินชิงอิ่นโกรธมาก โยนผลทับทิมในมือใส่เขาพร้อมพูดว่า "ไม่มีตาเลยนะ!"

อ้วนหวังรีบยกมือขึ้นป้องหน้าด้วยสีหน้าสิ้นหวัง "ท่านปรมาจารย์น้อย นี่มันไม่ใช่ของง่ายๆ นะ ผมว่ามือผมคงหักไปก่อนที่จะโยนโดนผลทับทิมนู่น ถ้าให้วิ่งเร็วขนาดนั้นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ผมไม่ชอบขยับตั้งแต่เด็กแล้ว"

หลินชิงอิ่นปัดฝุ่นละอองบนมือ มองอ้วนหวังแวบหนึ่ง "นายไม่ใช่อยากจะเรียนวางอาคมจากฉันหรอกเหรอ" เห็นอ้วนหวังพยักหน้าหงึกหงักก็หัวเราะเย็นชา "นายโยนหินยังไม่ถูกเป้าเลย จะไปวางอาคมได้ยังไง หรือนายคิดว่ามันต้องเอาทีละก้อนทีละก้อนงั้นเหรอ ที่นี่พื้นที่มันเล็ก เอาทีละก้อนนายก็วางได้ แล้วถ้าต้องวางรอบๆ ภูเขาทั้งลูกล่ะ จะทำยังไง"

อ้วนหวังเพิ่งนึกได้ว่า ทุกครั้งที่หลินชิงอิ่นวางอาคม เธอจะปาหินออกไปเบาๆ ทุกครั้งหินจะตกลงไปในตำแหน่งที่หลินชิงอิ่นต้องการอย่างแม่นยำ ไม่เพี้ยนแม้แต่นิดเดียว นี่ไม่ใช่แค่ต้องอาศัยสายตาเท่านั้น แต่ยังต้องมีความแม่นยำในฝีมือด้วย

"ได้!" อ้วนหวังกัดฟันกรอด "ผมจะทำตามที่ท่านปรมาจารย์บอกครับ"

---

หลังจากได้รับข่าวจากอ้วนหวัง พวกลุงป้าที่รอคอยมานานแล้วก็รีบคว้าเก้าอี้พับกับพัดขึ้นมา เดินออกจากบ้านกันเป็นแถว ลูกหลานบางคนที่เป็นห่วงก็ตามมาด้วย กลัวว่าพ่อแม่จะโดนหลอกเอา

ลุงหลี่ที่เจอลูกชายคนโตที่หายตัวไปนานถึงสามสิบปีก็พาครอบครัวสี่คนมาด้วย เมื่อครั้งก่อนที่ลุงหลี่จัดงานเลี้ยงฉลอง หลินชิงอิ่นติดทำการบ้านเลยไม่ได้ไป ของขวัญที่ครอบครัวลุงหลี่เตรียมไว้ก็ยังไม่ได้มอบให้ พอเห็นข้อความของอ้วนหวัง พ่อแม่ลูกทั้งสี่คนก็รีบหอบของขวัญหนักอึ้งมาทันที

ตอนนี้คนที่มาดูดวงสี่ห้าคนมาถึงกันหมดแล้ว หลินชิงอิ่นยังคุยอะไรกับพวกเขาไม่ได้มาก ครอบครัวลุงหลี่เลยวางของขวัญไว้ข้างๆ แล้วไปยืนดูท่านปรมาจารย์น้อยทำนายชะตาอยู่ด้านหลัง

คนแรกที่มาดูดวงก็คือคนที่อ้วนหวังว่าจ่ายเงินมาก่อนคิว ถ้าจะว่ากันจริงๆ เธอก็เกี่ยวข้องกับหลินชิงอิ่นอยู่เหมือนกัน

"ท่านปรมาจารย์ ดิฉันชื่อหลี่หยู่ซวน (李玉双) คุณแม่ของดิฉันเคยมาให้ท่านทำนายชะตามาก่อนค่ะ"

หลินชิงอิ่นพยักหน้า "ฉันจำได้ แม่ของเธอเคยคิดว่าตัวเองใกล้ตายแล้ว อยากตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงให้เธอ"

หลี่หยู่ซวนพยักหน้าด้วยความยินดี "ท่านปรมาจารย์น้อย ความจำของท่านดีจริงๆ"

ที่หลินชิงอิ่นรู้จักกับอ้วนหวังก็เพราะเรื่องนี้แหละ อ้วนหวังทำนายไม่แม่นก็โดนแม่ของหลี่หยู่ซวนซัดด้วยกระเป๋าไปทั้งตัว หลินชิงอิ่นเป็นคนชี้แจงประเด็นปัญหาให้ แต่ถ้าจะว่ากันจริงๆ ครอบครัวนี้ก็ถือเป็นลูกค้ารายแรกของหลินชิงอิ่น

"จริงๆ ดิฉันน่าจะมาขอบคุณท่านตั้งนานแล้ว แต่แม่ของดิฉันเพิ่งออกจากโรงพยาบาลหลังทำศัลยกรรมเล็กน้อย ดิฉันเลยไม่มีเวลาว่างมาหาท่านเลย" หลี่หยู่ซวนพูดด้วยสีหน้าเสียใจเล็กน้อย

"ไม่เป็นไร" หลินชิงอิ่นมองเธอแล้วถามว่า "ครั้งนี้จะให้ฉันดูดวงเรื่องอะไร"

"เป็นเรื่องเกี่ยวกับแม่แท้ๆ ของดิฉันค่ะ" หลี่หยู่ซวนพูดขึ้น "ครั้งก่อนท่านเคยบอกแม่ดิฉันว่า ตอนดิฉันอายุ 30 จะมีโอกาสได้เจอแม่ที่แท้จริง ปรากฏว่าวันเกิดปีนั้น ตอนกลางวันที่พวกดิฉันกำลังทานข้าว ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งมาหาถึงบ้าน บอกว่ามาตามหาลูกสาวที่ทิ้งไปเมื่อ 30 ปีก่อน"

"เพราะตอนนั้นแม่ดิฉันเคยเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ดิฉันเลยเตรียมใจไว้แล้ว แต่พอเห็นคนมาจริงๆ ในใจก็ยังไม่ยอมรับอยู่ดี เธอบอกว่าสมัยก่อนเธอท้องก่อนแต่ง ตอนนั้นกฎหมายเข้มงวดมาก อาจจะโดนจับข้อหาอนาจารขังคุกเลยก็ได้ เธอเลยหนีออกมาคลอดลูกเงียบๆ ไม่กล้าไปโรงพยาบาล เลยหาหมอตำแยสูงอายุสองคนมาช่วยทำคลอด"

"ถึงแม้เธอจะให้กำเนิดดิฉัน แต่เธอก็ไม่สามารถเลี้ยงดิฉันได้ เพราะพ่อของดิฉันแต่งงานแล้ว ไม่สามารถให้สถานภาพเป็นภรรยา หรือช่วยเลี้ยงลูกได้ ก่อนคลอด เธอสืบเสาะหาข้อมูลว่าพ่อแม่ดิฉันไม่มีลูก เธอเลยวางดิฉันไว้หน้าบ้าน แล้วหนีไปทำงานทางใต้ จริงๆ แล้วถ้าเธอจะตามหาดิฉันก็ไม่ยากหรอก ตอนที่เธอทิ้งดิฉันไป เธอก็รู้เรื่องครอบครัวดิฉันหมดแล้ว แต่เธอไม่เคยมาหาดิฉันเลยสักครั้งตลอดหลายปี จู่ๆ ผ่านไป 30 ปี เธอถึงได้มาแสดงความรักของแม่ มันยากที่ดิฉันจะยอมรับมาก ดิฉันรู้สึกว่าจุดประสงค์ของเธอไม่ได้บริสุทธิ์เท่าไหร่"

หลินชิงอิ่นพยักหน้า "เธออยากจะให้ฉันดูเรื่องอะไร"

"หลังจากที่เธอเจอดิฉัน เธอก็บอกแค่ว่าอยากมาพบญาติ อยากชดเชยความเสียใจในอดีต แต่ดิฉันไม่คิดว่านั่นเป็นเรื่องน่าเสียใจเลยสักนิด! พ่อแม่ของดิฉันรักดิฉันสุดหัวใจ อะไรที่เด็กคนอื่นมี ดิฉันก็มี ไม่ว่าดิฉันจะชอบอะไร แพงแค่ไหน พ่อแม่ก็ประหยัดอดออมเพื่อตามใจดิฉัน ตั้งแต่เด็กดิฉันก็เติบโตมาท่ามกลางความรัก ความรักปลอมๆ ของเธอ ดิฉันไม่สนใจหรอก"

หลี่หยู่ซวนหัวเราะเย็นชา "เธอพูดไม่ถูกใจก็ไปเช่าห้องพักใกล้ๆ บ้านดิฉัน ทุกวันที่ดิฉันพาลูกฝาแฝดออกไปเล่น เธอก็จะเข้ามาทักทาย ช่วงนี้แม่ดิฉันผ่าตัดนอนโรงพยาบาล เธอก็วิ่งไปวิ่งมาตุ๋นซุปให้ ดูเหมือนจะใส่ใจดูแลแม่ดิฉันดีทีเดียว แค่ช่วงเวลาสั้นๆ แม่ดิฉันก็โดนเธอหลอกจนมึนงง พูดแต่ข้อดีของเธอให้ดิฉันฟังไม่หยุด บอกให้ดิฉันปฏิบัติต่อเธอเหมือนญาติคนหนึ่ง แต่ใจดิฉันกลับรู้สึกไม่สบายใจ"

หลี่หยู่ซวนลังเลใจครู่หนึ่งก่อนพูดต่อ "ไม่ว่าเธอจะทำตัวให้ฉันเห็นว่าเธอรักฉันแค่ไหน เสียใจต่อฉันมากเพียงใด ฉันกลับไม่รู้สึกถึงความรักของเธอเลย ตรงกันข้าม ฉันกลับรู้สึกอึดอัดเสียด้วยซ้ำ ท่านปรมาจารย์ช่วยทำนายทีได้ไหมคะ ว่าที่แท้แล้วเธอมาหาฉันเพื่ออะไรกันแน่"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด