บทที่ 2 เขามาแล้ว เขามาที่นี่แล้ว มาพร้อมปากอันบิดเบี้ยว
บทที่ 2 เขามาแล้ว เขามาที่นี่แล้ว มาพร้อมปากอันบิดเบี้ยว
ซูเฉียนโม่รู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก
เธอได้ยินความคิดที่อยู่ภายในใจของกู่เฉินหนานได้ยังไงกัน?
แล้วที่กู่เฉินหนานคิดอยู่นั้น ไอ้คำว่า "ผู้เขียน" "ตัวร้าย" และ "ตัวเอกหญิง” นั่นมันคืออะไรกันแน่?
แต่ซูเฉียนโมไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก เธอปล่อยผ่านมันไปทันที
เพราะสิ่งที่เธอสนใจอยู่ตอนนี้ก็คือ กู่เฉินหนานที่ดูเหมือนจะไม่มีเจตนารังแกเอาเปรียบเธอเลยแม้แต่น้อย
จากความคิดที่เธอได้ยิน และสังเกตจากมือของเขาที่ไม่ได้แตะต้องตัวเธอ มันไม่มีเจตนาที่จะเอาเปรียบเธอสักนิดเดียว
ซึ่งคำพูดของกู่เฉินหนานที่เธอรับรู้และสัมผัสได้นั้น มันได้ทำให้โครงเรื่องเดิมเปลี่ยนไป เพราะซูเฉียนโม่ไม่เข้าใจในการกระทำของกู่เฉินหนานในยามนี้
กู่เฉินหนานสบตากับซูเฉียนโม่ ภายในดวงตาคู่นั้น เธอดูสับสนยิ่ง มันทำให้กู่เฉินหนานได้แต่กระพริบตาปริบๆ
[ร้องออกมาสิ! ทำไมเธอถึงไม่ร้องออกมากันเล่า ทำไม ทำไม!]
[ระบบ แกก็เห็นแล้วนะ ฉันพยายามอย่างเต็มที่ที่จะทำตามเนื้อเรื่องเดิมแล้ว แต่ดูสิ ตัวเอกหญิงอย่างซูเฉียนกลับไม่ทำตามเนื้อเรื่องหลัก มันเป็นความผิดฉันตรงไหนกัน]
ซู เฉียนโม่ยิ่งไม่เข้าใจ
ระบบ?
เนื้อเรื่อง ?
ไอ้คำพวกนี้มันหมายความว่ายังไงกัน?
ซูเฉียนโม่เหลือบมองมือของกู่เฉินหนานที่ไม่ได้แตะต้องเธอ จากนั้นจึงได้ถามออกไปว่า "ทำไมนายถึงไม่คิดที่จะแตะต้องตัวฉันกันล่ะ?"
กู่เฉียนหนานตกใจในคำพูดของซูเฉียนโม่มาก
[นี่มันบ้าอะไรกัน?]
[ เดี๋ยวก็ทำจริงซะหรอก แต่ฉันน่ะจะไม่ยอมเปลี่ยนเนื้อเรื่องนี้เป็นอันขาด !]
[ว่าแต่ไอ้บ้าราชามังกรหลินหยู่อยู่ที่ไหน ทำไมมันถึงยังไม่มาสักที!]
"อุ๊บบ!"
เมื่อซูเฉียนโม่ได้ยินเสียงความคิดภายในใจของกู่เฉินหนานอีกครั้ง เธอก็อดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังๆ
เธอไม่คาดคิดเลยว่าเสียงความคิดภายในใจของกู่เฉินหนาน ไอ้วายร้ายจอมเจ้าเล่ห์จะน่าสนใจได้ขนาดนี้
เป็นไปได้ไหมว่าตลอดเวลามานี้ เขาแค่พยายามแสดงทำตัวให้เหมือนคนโรคจิต?
งั้นก็แสดงว่าทุกสิ่งที่เขาทำก่อนหน้านี้ มันเป็นเพียงการกระทำที่เสแสร้งแกล้งทำ ซึ่งอาจจะไม่ใช้ตัวตนที่แท้จริงของเขาใช่ไหม?
กู่เฉินหนานไม่ได้สงสัยและสนใจเลยถึงการกระทำที่เปลี่ยนไปของตัวเอกหญิงอย่างซูเฉียนโม่เลย
เขาได้แต่คิดว่าจะเล่นบทบาทของตัวร้ายออกมายังไงให้ดีและสมบูรณ์แบบที่สุด
[แล้วบรรทัดต่อไปคืออะไรนะ?]
[เดี๋ยวก่อนสิ ขอตรวจสอบข้อความที่ต้องพูดในเนื้อเรื่องก่อน]
ทันใดนั้น กู่เฉินหนานก็ได้เปิดข้อความต้นฉบับของนวนิยายเรื่องนี้และอ่านอย่างเงียบๆ
[ ร่องรอย ของความชั่วร้ายปรากฏขึ้นในดวงตาของกู่เฉินหนาน สีหน้าของเขาดูน่ารังเกียจขณะที่เขาหันหลังกลับและหัวเราะออกมาเสียงดัง สนั่น]
[บททดสอบของฉันได้มาถึงแล้วสินะ-ฉันอุตส่าห์เสียแต้มไปตั้งมากเพราะข้อความบรรทัดนี้ ได้เวลาทดสอบทักษะการแสดงของฉันแล้วสิ!]
ซูเฉียนโม่เมื่อได้ยินเช่นนี้ เธอก็จ้องมองไปที่กู่เฉินหนานเพื่อรอดูการแสดงของเขาด้วยความตื่นเต้น
กู่เฉินหนานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะแสดงความชั่วร้ายให้ออกมาทางสายตา เขาคิดว่านี่แหละจะเป็นวิธีที่เธอจะได้รู้ถึงความชั่วร้ายของเขาเสียที
ทว่าในความเป็นจริงแล้ว ดวงตาของเขากลับดูไม่มีอะไรเลย สายตาของเขามันเหมือนสายตาที่มองคนเป็นศัตรูเท่านั้น
ซูเฉียนโม่ดึงผ้าห่มขึ้นมาเพื่อปิดปากของเธอเอาไว้
เพราะเธอกลัวเหลือเกินว่าเธอจะเผลอหัวเราะออกมา
การแสดงของกู่เฉินหนานดูไม่ได้เลยทีเดียว สีหน้าของเขามันดูตลกมากด้วยซ้ำไป
"ฮ่า ๆ ๆ ๆ!"
กู่เฉินหนานหันหลังกลับมา และระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างดัง “เฉียนโม่ ฉันจะบอกความจริงกับเธอ ไอ้หลินหยู่อะไรของเธอนั่น ฉันไม่เห็นมันอยู่ในสายตาสักนิดเดียว!”
[ออกมาเลย ปิกาจู!]
ทันทีที่กู่เฉินหนานพูดจบ ประตูห้องนอนที่พวกเขาอยู่นั้นก็ถูกเตะเปิดออกอย่างเสียงดังปัง
เด็กหนุ่มรูปงาม ใบหน้าหล่อเหลา ผมที่ยาวปานกลางปกคลุมลงมาปิดที่ดวงตาของเขา เขาปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับกำหมัดแน่นและดูดุดันยิ่ง!
เขาเป็นพระเอกที่แสนอวดดีของนวนิยายเล่มนี้ เขาคือ หลินหยู่!
หลินหยู่ชี้นิ้วไปที่กู่เฉินหนาน มุมปากของเขายกขึ้น “กู่เฉินหนาน นายบอกไม่เห็นฉันอยู่ในสายตางั้นเหรอ?”
[เขาอยู่ที่นี่ เขาอยู่ที่นี่แล้ว มาพร้อมกับปากที่เบี้ยวด้วย]
[เขาอยู่ ที่นี่เขาอยู่ แถมยังเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่อีก ! ]
[ ยินดีต้อนรับคุณพระเอกหลินหยู่ ผู้เปิดตัวอย่างตระการตา!]
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูเฉียนโม่ก็มองไปที่ปากของหลินหยู่ - อืม มันเบี้ยวตามที่ว่ามาไม่มีผิด!
กู่เฉินหนาน รอคอยอย่างสิ้นหวังให้พระเอกปรากฏตัว เพราะการแสดงของเขาไม่สามารถหยุดได้แล้ว
เขาต้องแสดงต่อไปด้วยการเปลี่ยนนิ้วให้ชี้ไปที่หลินหยู่ด้วยความหวาดกลัวและตกใจ "แกเข้ามาได้ยังไง? ตระกูลของฉันมีราชาทหารเป็นบอดี้การ์ดอยู่มากมาย แต่ก็ยังไม่สามารถหยุดแกได้งั้นเหรอ!”
ทำไมต้องเน้นย้ำถึงคำว่าบอดี้การ์ดราชาทหารน่ะหรอ?
เพราะนั่นคือสิ่งที่ถูกเขียนไว้ในข้อความต้นฉบับของนวนิยายยังไงล่ะ
ลองคิดดูสิ มีบอดี้การ์ดราชาทหารจำนวนมากมาย แต่กลับไม่สามารถแม้แต่จะหยุดพระเอกในเรื่องได้ คิดดูว่าสิ่งนี้จะทำให้พระเอกของเรื่องดูมีพลังมากขนาดไหน?
หลินหยู่ทำปากเบี้ยวอีกครั้ง เขายิ้มอย่างเยาะเย้ยราวกับตนกำลังได้เปรียบ
"ราชาแห่งทหารไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวเลย พวกมันก็แค่มดตัวน้อยที่อยู่ต่อหน้าฉันเท่านั้น!"
“กู่เฉินหนาน แกรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนที่มันกล้าแตะต้องผู้หญิงของฉัน?”
หลินหยู่กล่าวกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาที่ฟังแล้วดูน่าสะพรึง เขาก้าวขาเข้าไปหากู่เฉินหนานทีละก้าว
[ผู้หญิงของแกเหรอ? ผู้หญิงที่หน้าตาดีทุกคนในตงไห่คือผู้หญิงของแกหรือไงกัน!]
[น่าขัน สิ้นดี! ไอ้ผู้เขียนไร้สมองนี้ไม่มีความคิดสร้างสรรค์เอาเสียเลย ซูเฉียนโม่ สาวน้อยของตระกูลซูที่มีอำนาจมากมายจู่ๆ ก็ต้องกลับกลายเป็นสมาชิกในฮาเร็มของหลินหยูเนี่ยนะ]
[เป็นเนื้อเรื่องที่โคตรดูถูกผู้อ่านชะมัด!]
ฮาเร็ม?
ซูเฉียนโม่ที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าห่มได้ขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้
ในปัจจุบัน หลินหยู่คือคนขับรถของเธอที่เธอพึ่งจ้างให้เขาเข้ามาทำงานให้
ครั้งหนึ่งเธอได้ออกไปข้างนอกแล้วเจอพวกอันธพาลหลายคนที่เข้ามาล้อมรอบเธอ หลินหยู่ก็ปรากฎตัวขึ้นแล้วออกมาต่อสู้กับอันธพาลพวกนั้นเพื่อช่วยชีวิตเธอไว้
เธอเห็นว่าหลินหยู่เก่งมาก เธอจึงจ้างเขาเป็นคนขับรถ เพราะเธอรู้สึกขอบคุณเขา
แม้ว่าเธอจะรู้สึกขอบคุณหลินหยู่ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอผู้ซึ่งเป็นถึงคุณหนูตัวน้อยของตระกูลซูจะเข้าร่วมฮาเร็มของคนขับรถไร้อำนาจอย่างหลินหยู่เสียหน่อย!
หลินหยู่เป็นเพียงคนขับรถธรรมดา เขาจะมีคุณสมบัติอะไรให้เธอไปเป็นคนรักของเขากัน?
“ผู้หญิงของแกเหรอ? เฉียนโม่น่ะเป็นผู้หญิงของฉัน ตระกูลกู่และตระกูลซูได้มีสัญญาหมั้นหมายแต่งงานกันแล้ว!” กู่เฉินหนานยังคงแสดงต่อไป
หลินหยู่เอียงปากของเขาคล้ายกำลังเหยียดหยามอีกครั้ง
"น่าขัน!"
กู่เฉินหนานพูดต่อ “นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่แกจะออกจากบ้านของฉันไป ไม่อย่างนั้นตระกูลกู่ของฉันจะจัดการแก และแกก็จะไม่มีที่ให้ซ่อนในตงไห่อีก!”
"เหอะ!"
หลิน ยู หัวเราะ อย่างเหยียดหยาม
"ฮ่าๆๆๆๆๆ"
จากนั้นเขาก็พูดคำที่อวดดีที่สุดในนวนิยายเล่มนี้ด้วยปากอันบิดเบี้ยวน่าเกลียดของเขา
“ตระกูลกู่น่ะไม่เห็นมีอะไรเลย ฉัน หลินหยู่ ถูกลิขิตให้กลายเป็นผู้ชายที่ทุกคนในจีนล้วนต้องย่ำเกรง!”
“นี่ แกมันอวดดีเกินไปแล้ว !”
กู่เฉินหนานชี้ไปที่หลินหยู่ด้วยความโกรธ
[ในที่สุดก็จบเสียที เหนื่อยเหลือเกิน]
[มาเลย หลินหยู่ รีบต่อยฉันสิ ฉันจะได้สลบเพื่อที่เราจะได้จบฉากนี้กันเสียที]
[ฉันได้เล่นบทของฉันจบแล้ว แต่แกไม่มีแม้แต่จะเหลือบมองมาที่ฉันเลยเหรอเนี่ย...]
แต่เขาก็ไม่สนใจหรอก
เพราะการแสดงจบลงแล้ว เขาพยายามหยุดหลินหยู่ และในขณะที่เขาพาซูเฉียนโม่ออกไป เขาก็จะถูกชกด้วยหมัด
หลังจากนั้นมันคงเป็นการแสดงระหว่างพระเอกและนางเอก
หลินหยู่เดินมุ่งไปที่เตียงและเอื้อมมือไปหาซูเฉียนโม่ที่ยังคลุมตัวด้วยผ้าห่ม ปากของเขาเผยรอยยิ้มออกมาดั่งตัวโกง
“เฉียนโม่ ขอโทษที่ผมมาช้า”
ตามเนื้อเรื่องเดิม หลังจากที่หลินหยูเอื้อมมือออกไปหา ซูเฉียนโม่ก็จะโผตัวเองเข้าไปในอ้อมแขนของเขาพร้อมกล่าวด้วยความยินดีว่า “ฉันรู้อยู่แล้วว่านายจะมาช่วยฉัน”
แต่หลังจากที่เธออ่านความคิดภายในใจของกู่เฉินหนานได้แล้ว ซูเฉียนโม่ก็ตระหนักดีว่าเขาไม่ได้น่ารังเกียจอย่างที่เธอคิด
ซึ่งตรงกันข้ามกับอีกคนหนึ่ง ตอนนี้ในใจของซูเฉียนโม่กลับรู้สึกรังเกียจหลินหยู่มากกว่า
เขาเป็นแค่คนขับรถ มีดีอะไรที่จะทำให้ เธอผู้ซึ่งเป็นคุณหนูของตระกูลซูที่น่าเคารพนับถือไปเป็นคนรักของเขา?
ดังนั้นสายตาของเธอจึงได้มองข้ามหลินหยู่และมองไปที่กู่เฉินหนาน ผู้ที่อยุ่ด้านหลังเขาแทน