บทที่ 2 ความเข้าใจผิด (2)
บทที่ 2 ความเข้าใจผิด (2)
ไม่มีเสียงใดต่อ ในหัวเต็มไปด้วยความสับสน เขารู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขากำลังลอยอยู่กลางอากาศ ทั้งหมดนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคังวูจินตอนนี้
เขาจะอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไงดี? ตอนนี้ทุกอย่างพร่ามัว เขามีสติแต่ก็รู้สับสน ไม่รู้แน่ชัดว่าเขากำลังนอนราบหรือยืนอยู่ บรรยากาศโดยรอบยังพร่ามัว เขาหลับตาหรือเปล่า? หรือลืมตา? มีอะไรเกิดขึ้นกัน? ตอนนี้เขากําลังทําอะไรอยู่?
สิ่งเดียวที่แน่นอนคือ
‘มันรู้สึกสบายมาก’
คังวูจินที่ไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังพบเจออะไรรู้สึกสบายมาก เขาอยากใช้ชีวิตที่เหลือแบบนี้ไปตลอดแต่ชีวิต แต่ก็…
‘อ่า’
คังวูจินก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง ไม่ใช่เพราะความสมัครใจ มันเกิดจากปัจจัยภายนอก มีบางอย่างปลุกคังวูจินขึ้นมา มันคือความรู้สึกบางอย่าง
หลังจากนั้นไม่นาน
"….อึก "
คังวูจินค่อยๆ ลืมตาขึ้นและปล่อยเสียงครางแผ่วเบา ดูเหมือนเมื่อครู่เขาจะปิดตาอยู่สินะ ไม่กี่วินาทีต่อมา เขาที่แทบไม่มีสติก็ต้องตกตะลึงไปพักใหญ่
เหตุผลนั้นง่ายมาก
“ฉันอยู่ที่ไหน… ฉันอยู่ที่ไหนกันเนี่ย?”
เขาไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ที่นี่มันมีพื้นด้วยเหรอ? เขาลืมตา แต่ก็ไม่ต่างอะไรกับการหลับตา
เพราะรอบตัวเขาเป็นสีดำสนิทไปหมด
รู้สึกเหมือนถูกขังอยู่ในห้องที่ไม่มีหน้าต่างโดยไม่มีแสงแม้แต่ดวงเดียว หากบรรยากาศเป็นแบบนี้ มันคงไม่น่าแปลกใจเลยหากจู่ๆ เขาก็จะกลายเป็นโรคกลัวที่แคบ
ด้วยเหตุนี้ คังวูจินจึงรีบลุกขึ้นยืนและตะโกนออกมา
“เฮ้—คิมแดยอง !!”
แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมา
"ขอโทษนะครับ!! สวัสดีครับ"
เขาตะโกนอีกครั้ง แต่ก็ยังเงียบอยู่ดี ไม่มีแม้แต่คําตอบ ที่นี่มันอะไรกันเนี่ย? มันเป็นสีดําที่ไม่มีที่สิ้นสุด และเขาไม่สามารถวัดขนาดของมันได้เลย รู้สึกเหมือนเป็นพื้นที่แห่งอนันต์
อย่างไรก็ตาม ในยามนั้นเอง
"เฮ้ เฮ้! คิมแดยอง!! ที่นี่มันอะไรกันเนี่ย! "
ความวิตกกังวลและความกลัวมหาศาลถาโถมเข้าใส่คังวูจิน จากนั้นคังวูจินก็นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนที่เขาจะมาที่นี่
"ฉันแน่ใจว่าฉันกดอะไรแปลกๆ ไปแน่นอน"
สี่เหลี่ยมที่กำลังหมุนวนสีดําและสีเทา มันเป็นสิ่งที่ลอยอยู่ข้างกระดาษเขียนบท คังวูจินจำได้อย่างชัดเจนว่าเขาใช้นิ้วชี้จิ้มใส่มัน
"...... นี่อะไรน่ะ บทภาพยนตร์เหรอ? ฉันถูกดูดเข้าไปงั้นเหรอ?!”
ไม่นานคังวูจินก็เงยหน้าขึ้นมา ความคิดของเขาหยุดลง ไม่ว่าเขาจะมองยังไงมันก็เป็นเรื่องจริง ความฝันคงไม่มีทางสดใสได้ขนาดนี้
พื้นที่นี้คืออะไรกันแน่? ไม่ว่าจะยังไงสิ่งที่ต้องทำในตอนนี้ก็ไม่ใช่การอยู่ที่สถานที่นี้แน่ แต่เป็นการหนีต่างหาก
ซึ่งในขณะนี้เอง
"หือ?"
คังวูจินหันกลับมาและหยุดกะทันหัน ในความมืดเขาพบสี่เหลี่ยมสีขาว อยู่ห่างออกไปประมาณสามก้าว มันอยู่ตั้งแต่เมื่อครู่แล้วงั้นเหรอ? เขาเริ่มไม่แน่ใจ เขาต้องไปดูโดยเร็วที่สุด
ในไม่ช้าคังวูจินก็รีบเดินไปที่สี่เหลี่ยมสีขาว
ฟุ้บ!
เขายืนยันว่ามันเป็นสีขาวจนแน่ใจ ขนาดเท่ากับกระดาษ A4 เลย มันอยู่ในตําแหน่งประมาณชิดกับหน้าอก คงไม่แปลกที่จะบอกว่ามันลอยอยู่ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ
"ตัวอักษร?"
สี่เหลี่ยมสีขาวภายในถูกพิมพ์ด้วยตัวอักษรสีขาวบางอย่าง
- [บท 1/หน้า (ชื่อเรื่อง: ไม่ทราบ) ระดับ F (ไม่สามารถตัดสินได้)]
- [*ความสมบูรณ์อยู่ในระดับต่ำมาก เป็นบทหรือฉากที่ได้รับความเสียหาย ไม่สามารถอ่านได้ 100% (สามารถดำเนินการได้เพียง 10%)]
ในเวลาเดียวกัน คังวูจินถึงกับขมวดคิ้ว
"นี่มันอะไรกัน บทเสียหาย? ฉากงั้นเหรอ?"
คําสีขาวเหล่านั้นมีข้อความมากมายที่เขาไม่เข้าใจ แต่เพียงครู่เดียว เมื่อได้ยินคำว่า ‘บท’ คังวูจินก็นึกบางอย่างได้
“...อ่า บทนั่นสินะ”
นี่มันเป็นบทสองสามหน้าที่เขาได้รับจากทีมงานหญิงคนนั้น ลองคิดดูสิ เขาถูกดูดเข้าไปในพื้นที่ลึกลับนี้ทันทีที่เขาได้รับบทมา หมายความว่า
"เป็นไปได้ไหมว่าภายในสี่เหลี่ยมจัตุรัสนี้ - มันคือบทงั้นเหรอ? "
ดูเหมือนว่าเขาจะพอเขาใจแล้ว แต่ว่า คังวูจินค่อยๆ ยกมือขึ้นและคว้าสี่เหลี่ยมสีขาว ทว่ามันกลับดูเหมือนว่ามันไม่เคลื่อนไหวเลย
นั่นเองคือตอนที่มันเกิดอะไรบางอย่างขึ้น
- ฟึบ
ทันใดนั้นตัวอักษรที่ไม่เคยมีมาก่อนก็อยู่ใต้สี่เหลี่ยมสีขาว -[1/บท (ไม่ทราบชื่อเรื่อง) ได้ถูกเลือก]
-[รายชื่อตัวละครที่มีให้อ่าน (จากประสบการณ์)]
-[A:ชายผู้หวาดกลัว B:ชายแปลกหน้า]
จนถึงเมื่อครู่มันเกิดอะไรขึ้นกัน คังวูจินกำลังสับสนและวิตกกังวล แต่ดูเหมือนว่าเขาต้องรีบทำอะไรบางอย่างกับมันโดยเร็วที่สุดแล้ว
"อ่า ฉันไม่รู้แล้วโว้ย"
เขาสุ่มกดตัวอักษรตัวหนึ่ง มันคือ ‘A:ชายผู้หวาดกลัว’ ทันใดนั้นเสียงผู้หญิงก็ดังก้องไปทั่วพื้นที่ลึกลับ
[“‘A ชายผู้หวาดกลัว'กำลังเตรียมการอ่าน...”]
น้ำเสียงนิ่งและไม่สบอารมณ์ มันเกือบจะเหมือนหุ่นยนต์ แต่ตอนนี้มันจะสำคัญตรงไหนกัน? มันเป็นเสียงมนุษย์เสียงแรกที่เขาได้ยินในสถานที่ลึกลับแห่งนี้ คังวูจินตะโกนอย่างสิ้นหวัง
“เฮ้ย! คุณเป็นใคร! แสดงว่ามีคนอยู่ที่นี่ด้วยสินะ!”
แต่เสียงผู้หญิงกลับไม่ได้ตอบคำถามของเขากลับมา
[“...การเตรียมการเสร็จสมบูรณ์ นี่คือบทหรือฉากที่ได้รับความเสียหาย อัตราการดําเนินการอยู่ที่ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ การอ่านจะเริ่มขึ้นแล้ว”]
ทันทีหลังจากนั้นเอง มวลสีเทาขนาดใหญ่ก็กลืนกินตัวของคังวูจินไป
มันหนาว รู้สึกประหลาด. แน่นอนว่าตอนนี้อุณหภูมิในตัวของเขายังคงรู้สึกคลุมเครือมาก แต่ตอนนี้คังวูจินรู้สึกหนาว เขาอยู่ข้างนอกงั้นเหรอ? คังวูจินจึงก้มศีรษะลง นั่นมันอะไรกัน?
“······!!”
มันเปลี่ยนไป เสื้อแจ็คเก็ตบุนวมที่เขาสวมอยู่หายไปหมด และเขากำลังสวมเสื้อโค้ทสีน้ำตาล ทันทีที่เขารู้สึกถึงความแปลกพิกล เขาก็เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว
วิสัยทัศน์ตรงหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยเช่นกัน
รอบๆ ยังมืดอยู่เลย ทว่าเขาก็สามารถมองเห็นโครงร่างจางๆ ได้ ต้นไม้งั้นเหรอ? มีต้นไม้อยู่ทั่วเลย? ทั้งยังมีใบไม้ร่วงที่เท้าของเขาด้วยเหรอ?
แสดงว่าเขาอยู่กลางป่าหรือเปล่า?
เขาส่งเสียงเรียก แต่ก็ไม่เป็นผล รู้สึกเหมือนร่างกายของเขากำลังถูกปฏิเสธ ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกถึงเสียงและความรู้สึกที่เขาไม่เคยมีมาก่อน
-ฟิ้ว
เสียงสายลมที่น่ารําคาญและลมที่กระทบกิ่งไม้ได้ดังขึ้น แค่บรรยากาศและความรู้สึกก็เพียงพอแล้วที่จะทําให้ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน
และ...
'หนี ฉันต้องหนีไปให้ได้’
เมื่อดวงตาของเขาค่อยๆ ปรับเข้ากับความมืด เขาก็รู้สึกถึงอารมณ์และความรู้สึกต่างๆ ที่ทำให้เขาขยับเท้า
เขาวิ่งหนีไปเรื่อยๆ
ในไม่ช้า คังวูจินก็เริ่มวิ่งอย่างบ้าคลั่ง เขาไม่สนใจทิศทาง เขาเหมือนกำลังวิ่งขึ้นเขา เขาไม่สนใจลมหายใจที่เหนื่อยหอบของเขา ไม่คิดสนใจกิ่งไม้ที่เป็นเพียงเงาและเกาใบหน้าปัดไล่ความรำคาญออกไป
เขาวิ่งแค่เพียงอย่างเดียว
"ฮึก! แค่ก!”
ทำไม? ทําไมตอนนี้ฉันถึงวิ่ง? ฉันไม่รู้อะไรเลย แต่ถึงจะไม่รู้ คังวูจินก็ไม่ได้หยุดก้าวเดินอย่างบ้าคลั่ง มันดูเหมือนไม่ใช่การตัดสินใจของเขาเลย หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้นและรัวขึ้น
ใช่ เขากำลังถูกไล่ล่า ตอนนี้เขากําลังถูกไล่ล่า
-แคร่ก! แคร่ก!
แม้จะเหยียบใบไม้ที่ร่วงหล่นเหมือนคนบ้า แต่คังวูจินยังคงมองย้อนกลับไป โชคดีที่ทิวทัศน์ข้างหลังเขาเหมือนกันไปหมด เป็นป่าที่ถูกปกคลุมไปด้วยความมืด
ตอนนั้นเอง
“ไง”
ทันใดนั้นเสียงผู้ชายที่ทุ้มลึกก็ดังมาจากด้านข้างของคังวูจิน เขามองย้อนกลับไปทันที
“หยุดวิ่งได้แล้ว มันน่ารำคาญนะ”
ตุ้บ!
ก่อนที่คังวูจินจะรู้ตัว ขาของเขาสะดุดและเขาก็นอนราบกับพื้น โอ๊ยเจ็บ มันรู้สึกเจ็บอย่างไม่น่าเชื่อเลย ทำไมมันถึงรู้สึกเจ็บได้กัน? เป็นความรู้สึกเจ็บจริงๆ ความเจ็บปวดของแก้มที่ถูกับพื้นและเลือดที่ไหลลงมาก็ดูเป็นของจริงเช่นกัน
แล้วตอนนั้นเอง
"เฮ้อ ฉันหิวก็เพราะนายแท้ๆ เลยนะ"
เสียงของผู้ชายดังจากด้านหลังเขาขณะที่เขานอนราบอยู่ ไม่จริงน่า ไอ้คนที่อยู่ตรงหน้าเขาก็เป็นของจริงงั้นเหรอ? อย่างเดียวที่คังวูจินทำได้ตอนนี้คือการต่อสู้ เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เพราะเขาไม่เคยพบเจออะไรแบบนี้มาก่อน
ใครมันจะเคยถูกชายแปลกหน้าไล่ล่าบ้างล่ะ?
เขาจะตาย เขารู้สึกเหมือนกําลังจะตายด้วยเหตุผลบางอย่าง คังวูจินดิ้นรนอย่างสิ้นหวังแต่ก็ไม่เป็นผล ชายแปลกหน้าที่อยู่ข้างหลังเขากําลังเหยียบย่ำวูจินเอาไว้
"อ๊าก! แฮ่ก-"
ถึงกระนั้น การต่อต้านของคังวูจินก็ยังไม่หยุด เขาดิ้นรนครั้งแล้วครั้งเล่า ขายังอยู่กับที่ แต่เขายังคงพยายามต่อไป สิ่งสกปรกบนพื้นยังคงถูกสูดดมเข้าไปในจมูกของเขา น้ำกลับไหลออกจากตาและจมูกของเขา
ฉันจะตาย ฉันจะตาย แต่ฉันอยากมีชีวิตอยู่
ความรู้สึกสิ้นหวังได้ทำให้เขาพยายามกวาดใบไม้ที่ร่วงหล่นและสิ่งสกปรกบนพื้นออกไปด้วยความสยดสยอง ความรู้สึกของการถูกกดลงบนหลัง น้ำมูกไหลและน้ำตา การที่หายใจลำบาก ทุกอย่างเป็นของจริง
แล้วก็...
“อืมฉันตัดสินใจแล้ว ลงไปกินพิซซ่าคงจะดีกว่า”
ชายแปลกหน้าที่บ่นพึมพำมีตัวตนอยู่จริง ในเวลานี้คังวูจินที่ล้มลงอยู่ก็ถูกพลิกร่าง ชายแปลกหน้าทำแบบนั้น ด้วยเหตุนี้วูจินที่ตัวสั่นจึงได้เห็นชายแปลกหน้าคนนี้
“······?”
ไม่มีใบหน้า พูดให้ถูกคือมีใบหน้าตาแต่เป็นสีดำ อีกฝ่ายมีใบหน้ากลมสีดำห้อยอยู่เหนือคอ แต่โครงร่างของร่างกายชายแปลกหน้านั้นกลับมองเห็นได้ชัดเจน แม้ว่าจะดูเลือนลางก็ตาม
ในยามนั้นเอง
-ซวบ
ร่างของคังวูจินซึ่งนอนอยู่บนพื้นได้ถูกแทง
"อ๊ากกกก"
ไม่มีเวลาเข้าใจว่าถูกแทงด้วยอะไร มันเจ็บปวดมาก ความเจ็บปวดรู้สึกเหมือนอวัยวะทั้งหมดของเขาถูกตัดขาดในครั้งเดียว มันเป็นความเจ็บปวดที่อธิบายไม่ได้
สั่นกลัว
คังวูจินตัวสั่นโดยไม่รู้ตัว ขาของเขาสั่น แขนและใบหน้าของเขากระตุก นี่มันความรู้สึกแบบไหนกัน? มันเจ็บมาก มันเป็นความจริงแน่ๆ
ขอร้องเถอะนะ…ใช่สิ ต้องร้องขอชีวิต
มือของคังวูจินสั่นเทา ขอร้องด้วยความสิ้นหวัง เขามองใบหน้าดำทะมึนตรงหน้าและขอร้องอย่างสิ้นหวัง เขาบอกว่าจะทำทุกอย่างขอแค่ไว้ชีวิต แม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นใบหน้าของคนแปลกหน้าคนนี้ แต่อีกฝ่ายก็คงเป็นคนใช่ไหม?
ชายแปลกหน้าคนนี้หัวเราะออกมา
แม้ว่าสิ่งที่เขาเห็นคือใบหน้าสีดํา แต่อีกฝ่ายต้องกำลังหัวเราะอยู่เป็นแน่ อาจเป็นเพราะความหวังในภาพลวงตา วูจินจึงเห็นแบบนั้น วูจินจึงฝืนยิ้ม แต่แล้วก็มีบางอย่างแทงเข้าที่ร่างของเขาอีกครั้ง
"ตุ้บ"
"อ๊ะ! อ๊ากกกก!
ตอนนั้นเอง
[“การอ่าน 'A:’ชายผู้หวาดกลัว’ สิ้นสุดลงแล้ว”]
เสียงของผู้หญิงราวกับหุ่นยนต์ได้ดังก้องกังวาน
เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว?
คังวูจินที่มึนงงได้ยินเสียงของใครบางคนดังในหูของเขาอย่างแผ่วเบา
"…เฮ้! โทษทีนะ!!"
ในเวลาเดียวกัน คังวูจินที่วางโทรศัพท์มือถือไว้ข้างหูก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น เขาเห็นคนสามคนนั่งอยู่ที่โต๊ะตรงหน้า ชายวัยสามสิบ ชายวัยห้าสิบไว้หนวดและหญิงสาวสวย ดูเหมือนว่าชายวัยสามสิบจะเป็นคนที่เพิ่งเรียกคังวูจิน
ในไม่ช้านั้นเอง
‘อ่า - นี่มันที่ที่ฉันเคยอยู่ อา ฉันกลับมาแล้ว’
คังวูจินค่อยๆ ลดโทรศัพท์ลงจากหู แต่สีหน้าของคังวูจินกลับดูแปลกไปหน่อย คังวูจินมองไปหน้าจอโทรศัพท์ของเขา ประมาณหนึ่งนาทีผ่านไปแล้ว มันแปลกมากเพราะตอนที่อยู่ในป่ามันน่าจะผ่านไปประมาณ 30 นาทีสิ
แต่ช่างเถอะ
“······”
คังวูจินแสดงสีหน้าราวกับว่าเขาไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ราวกับหลงลืมทุกสิ่งไปอย่างสิ้นเชิง สมองของเขาดูเหมือนจะทำงานช้าลงไปมาก ซึ่งตอนนั้นเอง
"ว่าไง คุณจะไม่แสดงอย่างนั้นเหรอ? แต่เราไม่สามารถติดต่อคุณคิมแดยองได้แล้วนะ"
ชายวัยสามสิบที่โต๊ะตรงหน้าเขาเขย่าบทพลางถามคังวูจินที่กำลังนั่งนิ่งอยู่ตรงหน้า
‘….บท อ่า จริงสิ ฉันเพิ่งได้ผ่านมันมาเมื่อครู่นี้เอง พวกเขาอยากให้ฉันแสดงมันให้ดูงั้นเหรอ? ’
เขาค่อยๆ ลุกขึ้นจากที่นั่ง
วู้บบ!
ชายวัยสามสิบกว่าดูประหลาดใจมาก
"โอ้? คุณจะแสดงแทนงั้นเหรอ? แหม คุณต้องมีมิตรภาพที่แน่นแฟ้นกันมากเลยสินะครับ”
จากนั้นคังวูจินก็ยืนอยู่ตรงหน้าทั้งสามคนที่นั่งอยู่ในโต๊ะตรงกลาง ระยะห่างประมาณสองก้าว ทำไมเหรอ? ก็ไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่ยามนั้นเอง คังวูจินรู้สึกว่าเขาต้องแสดงอะไรบางอย่างออกไป
แสดงทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับเขาเมื่อครู่ สิ่งที่เกิดขึ้นในสถานที่ที่เขาเองก็ยังไม่รู้จัก
ประสบการณ์ที่เคยเผชิญเมื่อครู่นี้ได้หล่อหลอมคังวูจินไปอย่างช้าๆ
ฟึบ!
ทุกอย่างยังคงแจ่มชัด เพราะเขาได้มีประสบการณ์ผ่านมันมาโดยตรง
ประมาณ 10 นาทีต่อมา
คังวูจินที่แสดงทุกอย่างในบทกำลังนอนอยู่บนพื้น มือของเขาหันไปทางท้องฟ้า ทำไมเหรอ? เพราะเขากำลังร้องขอชีวิตอยู่ไงล่ะ
จากนั้นเอง
“อา”
จิตใจของเขาที่ลอยอยู่ได้ชัดเจนขึ้น อันที่จริงสติสัมปชัญญะของเขาชัดเจนมาตลอด แต่ตอนนี้การแสดงจบลงแล้ว มันเหมือนสมองของเขากำลังทำงานได้เร็วขึ้นกระมัง?
แต่ช่างเรื่องนั้นเถอะ
ควับ!
คังวูจินค่อยๆ ลดแขนที่ยกขึ้นลง และสิ่งแรกที่เขารู้สึกคือ
‘อ่า แม่งเอ๊ย ฉันเพิ่งทําอะไรลงไปเนี่ย?’
คลื่นความอับอายครั้งใหญ่ถาโถมเข้ามา
สิ่งถัดไปที่เข้ามาในสมองของเขาก็…
"หา- เกิดอะไรขึ้นกัน? สมองของฉันมันผิดปกติตรงไหนหรือเปล่าเนี่ย?”
เมื่อทำความเข้าใจกับสถานการณ์แล้ว มันก็ราวกับว่าบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เกิดขึ้นเช่นกัน ทุกอย่างผิดแปลกไปหมด จิตใจของเขาคล้ายอยู่ในวังวน ซึ่งไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น คังวูจินคงมีแต่ต้องแสดงให้ทุกคนได้เห็น
การแสดงของเขาราวกับถูกดึงออกมาจากประสบการณ์จริง ไม่ว่าผู้ใดที่เห็นต่างต้องตะลึง
หลังจากนั้นไม่นาน คังวูจินซึ่งนอนราบอยู่ก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนและจับคอของเขา อะแฮ่ม…ในที่สุดเขาก็แสดงจบเสียที
‘แสร้งทําเป็นว่ามันไม่ได้เกิดขึ้น ทำตัวให้เป็นปกติ แล้วเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง’
มันน่าอับอายและน่าขายหน้ามาก แต่เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ดูจริงจัง เพื่อทำทุกอย่างให้มันจบลงเสียที
‘ฉันมั่นใจ ฉันเจ๋ง คังวูจิน ตอนนี้นายไม่ได้น่าอายสักนิดเดียว’
เขาพยายามทำตัวให้นิ่งเข้าไว้
ในขณะนั้นเอง
"….คือว่าคุณคะ"
เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังเข้ามา ในบรรดาสามคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะตรงนั้น เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก เดี๋ยวก่อนนะ ผู้หญิงคนนี้มัน…?
‘หา? บ้าไปแล้ว นี่ฮงเฮยอนงั้นเหรอ?!"
ด้วยผมยาวสลวยและผิวที่ละเอียดอ่อน เบื้องหน้าของคังวูจินคือ ฮงฮเยยอน นักแสดงหญิงชั้นแนวหน้าที่ได้รับการยอมรับจากทุกคน ทําไมเมื่อครู่เขาถึงไม่รู้ว่าเป็นเธอกันล่ะ? เป็นเพราะเธอดูแปลกไปจากปกติงั้นเหรอ? เปล่าเลย เพราะเธอเป็นเทพธิดาต่างหาก ถ้าเทพธิดามีอยู่จริง คงจะต้องเป็นเหมือนเธออย่างแน่นอน อาจเป็นเพราะเธอดูงดงามจนไม่เหมือนมนุษย์กระมัง เขาจึงจำเธอไม่ได้
ด้วยเหตุนี้ คังวูจินจึงคล้ายดั่งต้องมนต์สะกด
‘ว้าว ไม่รู้เลยจะพูดคำไหนได้อีก ว้าว-‘
เขาเลิกปัดฝุ่นกางเกงของเขา แล้วมารู้สึกทึ่งกับฮงฮเยยอนผู้ที่นั่งอยู่ข้างหน้าเขาสองก้าว ซึ่งตอนนั้นเอง เธอก็ได้ชำเลืองตามองและถามคําถามออกมา
"คุณจบการศึกษาสาขาการแสดงจากมหาวิทยาลัยอะไรงั้นเหรอ? ชุงอัง? หานหยาง?”
เธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่น่ะ? คังวูจินตอนนี้อยากจะพูดออกมาดังๆ ทันทีว่าเขาเป็นแฟนคลับของเธอ ทว่าเนื่องจากการแสดงอันน่าอายกับที่เพิ่งเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เขาจึงต้องพยายามห้ามใจตัวเองเอาไว้
ด้วยเหตุนี้ ความอายภายในใจที่คุกรุ่นจึงถูกระงับลงไป
จากนั้นคังวูจินก็ขยับมือที่ปัดฝุ่นกางเกงไปมาและกระแอมในลำคอ ให้หนักแน่นที่สุด เพื่อที่จะได้ทำตัวเป็นปกติ
เมื่อเขาทำเช่นนั้น น้ำเสียงของคังวูจินก็ต่ำลงอย่างน่าประหลาดใจ
"ไม่ครับ ผมจบการศึกษาจากสาขาออกแบบของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในย่านคยองกี ผมเก่งเรื่องการออกแบบ”
บ้าไปแล้ว ทำไมเขาถึงเพิ่มคำว่า "ผมเก่งเรื่องการออกแบบ" ในตอนท้ายของประโยคกัน? เขาตระหนักดีถึงความผิดพลาดของเขา แต่คังวูจินก็ยังคงทำตัวแน่วแน่ ช่างน่าตลกเสียนี่กระไร
“สาขา…ออกแบบงั้นเหรอ?”
ใบหน้าของทั้งสามคน รวมถึงนักแสดงหญิงชั้นนำ ฮงเฮยอน ที่นั่งอยู่ตรงหน้าล้วนมีรอยย่นอย่างไม่ทราบสาเหตุ แต่ดูก็รู้ว่าพวกเขาคงประหลาดใจ
"แล้วคุณไปเรียนการแสดงที่ไหนเหรอ?"
เรียนการแสดงบ้าอะไรกัน มันเป็นเรื่องที่เขาไม่คิดสนใจด้วยซ้ำ แต่คังวูจินก็หลบเลี่ยงคำถามนี้ไป เพราะเขาต้องการที่จะหนีไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
"ผมเรียนรู้ด้วยตัวเองครับ ทีละเล็กทีละน้อยในวันหยุดสุดสัปดาห์"
".......อะไรนะ?"
คำพูดนี้ยิ่งทำให้คังวูจินองอาจมากกว่าเดิม ซึ่งเขาเองก็คงไม่รู้ด้วยซ้ำ
ไม่นานหลังจากนั้น
"แล้ว…"
ชายวัยห้าสิบที่มีหนวดเครานั่งอยู่กลางโต๊ะ เบิกตากว้างและถามออกมาทันที
“เมื่อกี้คุณทำได้ยังไง? นี่เป็นครั้งแรกของคุณใช่ไหม? แต่คุณทําได้ยังไงกันเนี่ย......คุณแสดงแบบนั้นด้วยการเพียงแค่ปรายตามองบทงั้นเหรอ?”
เมื่อกี้? เงียบไปเถอะน่า อย่ามาทำให้ฉันอายอีกสิ คังวูจินที่กำลังเตรียมตัวหลบหนีอย่างช้าๆ ได้หันหลังไป ก่อนจะตอบออกมา แน่นอนว่าคราวนี้เขาตอบกลับไปด้วยความจริงจัง
“มันก็ไม่ได้ยากอะไรเป็นพิเศษนะครับ”
หลังจากคังวูจินพูดจบ เขาก็ทักทายทั้งสามคนตรงหน้าเขาอย่างคลุมเครือราวกับกล่าวคําอําลา
"ถ้างั้นผมขอตัวนะครับ”
แม้ว่าตอนเข้ามาเขาจะรีบมาก แต่เขาในตอนนี้กลับกำลังเดินไปที่ประตูด้านหลังอย่างใจเย็น พลางย้ำในใจว่าอย่าเรียกฉันนะ ซึ่งในไม่ช้า คังวูจินก็ยืนอยู่ต่อหน้าพนักงานที่ประตู เขาพูดเตือนออกมาเลยในทันที
"คือขอโทษด้วยนะครับ แต่อย่าใช้ภาพที่ผมเพิ่งแสดงไปนะครับ ถ้าคุณเอาไปใช้ ผมฟ้องแน่"
มันเป็นเพียงการกล่าวขู่อันเลื่อนลอย เพราะเขาต้องการหนีจากนรกนี่ให้เร็วที่สุด ซึ่งก็โชคดีที่คังวูจินสามารถออกจากห้องไปได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ
ยังมีผู้เข้าร่วมจำนวนหนึ่งรออยู่ด้านนอก
คังวูจินที่ไม่แสดงสีหน้าใดๆ เริ่มเดินเร็วขึ้นทันทีที่เขาเดินผ่านพวกเขาไป เขาวิ่งราวกับกำลังจ๊อกกิ้งเบาๆ
-แป๊ะ
หลังจากเดินมาไกล เขาก็เอามือปิดหน้าและถอนหายใจลึกๆ
"ให้ตายเถอะ นั่นมัน...น่าอายชะมัด"
ในขณะเดียวกันกลับ ภายในห้องส่งที่คังวูจินเพิ่งออกไป
“...คุณพีดี นี่เขาเพิ่งบอกว่ามันก็ไม่ได้ยากเท่าไรงั้นเหรอ? หลังจากแสดงออกมาได้สุดยอดขนาดนั้นเนี่ยนะ??”
นักแสดงชั้นนำอย่างฮงฮเยยอนตกใจมาก ไม่ใช่เพียงแค่เธอ แต่คนอื่นๆ ที่นี่เองก็เช่นเดียวกัน จากนั้นเอง ชายวัย 50 ปีที่นั่งอยู่ตรงกลางก็ได้ตอบคําถามของเธอ
"สาขาออกแบบ? บอกว่าเก่งเรื่องการออกแบบเหรอ? ช่างเป็นผู้ชายที่แปลกประหลาดอะไรขนาดนี้”
"เรียนรู้ด้วยตัวเอง? ไม่มีทางหรอก! เขาต้องไปเรียนรู้จากที่ไหนสักแห่งแน่ ไม่งั้น..."
"หากเขาเรียนรู้ด้วยตัวเองจริงๆ หากว่ามันเป็นเรื่องจริง จะบอกว่าเขาไม่ได้เรียนสาขาแสดงและงานหลักของเขาคือการออกแบบงั้นเหรอ? คิดว่าการแสดงมันเรียนรู้ได้ง่ายขนาดนั้นหรือไง? ผมกำกับมา 20 ปีแล้ว และผมคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด”
“…ก็จริง”
"แต่เขาตอบอย่างมั่นใจและนิ่งมากเลยนะ ถ้าหากมันเป็นเรื่องจริง ทำไมเขาถึงแสดงได้ดีขนาดนี้กัน ทั้งยังสามารถแสดงหลังจากอ่านบทเพียงแค่หนึ่งนาทีอีก นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้เห็นคนที่มองออกได้ยากขนาดนี้”
ในไม่ช้า ชายวัยกลางคนที่มีหนวดเคราก็มองไปยังประตูที่คังวูจินออกไปและหัวเราะออกมา
“เป็นอัจฉริยะที่หายาก นานแล้วสินะที่มีสัตว์ประหลาดแบบนี้โผล่ออกมา”
ดูเหมือนก้อนหิมะแห่งความเข้าใจผิดกำลังเริ่มกลิ้งไถลเสียแล้ว