บทที่ 10 – สัญญา (2)
บทที่ 10 – สัญญา (2)
“….ค่าตัวเหรอ?”
ผู้จัดการฝ่ายผลิตที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับ PDซงมันวูขมวดคิ้วอย่างแรงกับคำตอบของเขา
“คนที่มีผลงานไม่ชัดเจนสมควรได้รับค่าตัวด้วยเหรอ? มันไม่สมเหตุสมผลเลยนะที่จะมาพูดถึงค่าตัวตั้งแต่ต้นแบบนี้!”
ผู้จัดการฝ่ายผลิตเริ่มโกรธขึ้นมาทันที แน่นอนว่าปฏิกิริยาของเขาเป็นไปตามปกติ อย่าลืมว่าเขายังเป็นสมาชิกของสตูดิโอซีบลู ซึ่งเป็นบริษัทผลิตภาพยนตร์ขนาดใหญ่ในประเทศอีกด้วย จากมุมมองของเขา คังวูจินก็ไม่ต่างจากคนทั่วไปหรอก
อดีตของคังวูจินลึกลับมาก
และคนที่เป็นแบบนั้น กลับกล้ามาพูดถึงค่าตัวก่อนที่จะเริ่มต้นด้วยซ้ำ สำหรับผู้จัดการฝ่ายผลิตที่เคยคลุกคลีอยู่กับโปรดักชั่นมากมาย พฤติกรรมแบบนี้มันช่างน่ารังเกียจ เขาไม่เคยเจอนักแสดงแบบนี้มาก่อนเลย เสียงตะโกนของผู้จัดการฝ่ายผลิตจึงดังขึ้นมา
"ไม่ว่าคังวูจินคนนี้จะมีความพิเศษแค่ไหน แต่มันก็ยอมรับไม่ได้นะครับ มันไม่ควรเลย นี่มันแค่การคาดเดาของคุณ PD เท่านั้นครับ"
"ก็จริงอยู่ แต่ว่า-"
แม้แต่ PDซงมันวู ผู้มากประสบการณ์ก็รู้สึกแบบเดียวกัน การพูดถึงการเพิ่มค่าตัวมันก็เป็นแค่การคาดเดาของเขาเองเท่านั้น แต่ทว่า คังวูจินคนนี้เป็นตัวประหลาดที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วฝีมือการแสดงของเขาล่ะ?
เขาอาจจะแสดงได้เหนือชั้นกว่าแม้กระทั่งนักแสดงรุ่นใหญ่ที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ได้อย่างง่ายดาย
ยิ่งไปกว่านั้น บรรยากาศที่จริงจังที่เขาแสดงออก ความมุ่งมั่น และแม้กระทั่งออร่าของเขา เขาตอนที่ปรากฏตัวอย่างไม่เป็นทางการในรายการ 'สุดยอดนักแสดง' คิดว่าเขาคนนี้จะไม่กล้าเจรจาค่าตัวตั้งแต่แรกเหรอ?
'กระทั่งนักเขียนพัคอึนมีก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าชอบเขา'
ไม่ใช่แค่นักเขียนพัคอึนมี PDซงมันวู ฮงฮเยยอนและคนอื่น ๆ ที่เห็นคังวูจินในห้องประชุมวันนี้ต่างก็ตกตะลึงในตัวเขา ถ้าเขารู้เรื่องนี้ มันก็มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงที่เขาจะเจรจาเรื่องค่าตัว
กล่าวอีกนัยหนึ่ง...
'นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันต้องมาเจรจาต่อรองตั้งแต่เริ่มต้น ชักรู้สึกว่าค่อนข้างยากแล้วสิ'
เมื่อดูสถานการณ์แล้ว คังวูจินอยู่ในตําแหน่งที่ได้เปรียบกว่า PDซงมันวู ที่ไขว้แขนของตนอยู่ก็ครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง
-โว้ย!
เขาหันหน้าไปทางนักเขียนพัคอึนมีที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือ เธอซึ่งเคยสวมที่คาดผมกำลังมองไปที่ PDซงมันวูอยู่แล้ว ใบหน้าของเธอเคร่งขรึม ความมุ่งมั่นของนักเขียนพัคอึนมีนั้นยังคงมั่นคง
"จะเดาหรืออะไรก็ไม่รู้หรอก"
เธอประกาศอย่างรวบรัด
"ฉันจะพูดแค่อย่างเดียว ไม่จำเป็นต้องเสียดายเงินอีกต่อไปแล้ว"
เสียงของเธอหนักแน่นยิ่ง คำกล่าวสั้น ๆ ของเธอมีความหมายหลายประการ ยกตัวอย่างเช่น 'อย่าเสียเขาไปเพียงเพราะอยากประหยัดเงิน ไม่งั้นฉันจะไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปเด็ดขาด' งั้นเหรอ?
ในไม่ช้า PDซงมันวูที่ยักไหล่ก็หันไปมองผู้จัดการฝ่ายผลิต
“ผู้อำนวยการลี ผมเองก็อยากจะมีอายุยืนยาวต่อไป เพราะงั้นเราอย่าตัดสินใจเกี่ยวกับค่าตัวของคังวูจินง่าย ๆ แบบนี้เลยครับ ถึงแม้มันจะเป็นการคาดเดาของผมก็เถอะ”
ผู้จัดการฝ่ายผลิตได้แต่ถอนหายใจยาว
“อ่า – PD คุณนักเขียน บริษัทเราก็มีจุดยืนของบริษัทเองไม่ใช่เหรอ? มันก็มีมาตรฐานของวงการอยู่นะครับ ไม่ว่าคังวูจินจะมีความเก่งกาจแค่ไหน...แต่ข่าวลือเรื่องนี้มันอาจจะแพร่สะพัดไปทั่วทั้งวงการ”
“ผมรู้ ผมเข้าใจ มันอาจค่อนข้างปวดหัวไปสักหน่อย”
PDซงมันวูที่กำลังนึกถึงใบหน้าของคังวูจินอยู่ในขณะนี้ก็พูดเสริมว่า
“แต่–การมองว่าเขาเป็นแค่คนหน้าใหม่ธรรมดาหรือไม่เป็นที่รู้จัก…มันก็ออกจะแปลกอยู่นิดหน่อยนะครับ”
“ก็นั่นมัน…”
“นักแสดงหน้าใหม่หรือคนธรรมดาทั่วไปไม่มีทางที่จะสามารถทำให้ผู้กำกับและนักเขียนพอใจได้หรอก แล้วอย่าลืมสิ เขามาตัวคนเดียวโดยไม่มีสังกัดเลยนะ”
ความเงียบเข้าปกคลุมห้องพักชั่วครู่ PDซงมันวูเป็นคนแรกที่เอ่ยทำลายความเงียบนั้น
"งั้นทำแบบนี้ละกัน เพื่อหลีกเลี่ยงข่าวลือและสายตาสอดรู้สอดเห็น เราลองเสนอค่าตอบแทนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย แต่ก็ใส่เงื่อนไขการรักษาความลับลงไปในสัญญาด้วยสิ"
“เอ่อ คือว่า ไม่ได้ก้าวก่ายนะครับ แต่คุณคิดว่าค่าตอบแทนของคังวูจินควรอยู่ที่เท่าไรครับ คุณPD?”
“อืม-จริงด้วย แต่คุณเห็นเขาเมื่อวันนี้แล้วใช่ไหม? เขาฉลาดมากเลยนะ เขาเป็นคนหัวไว ผมคิดว่าเขาน่าจะไม่เรียกราคาสูงเกินไปหรอก เขาน่าจะประเมินค่าของตัวเองไว้ในขอบเขตที่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว”
PDซงมันวูเริ่มเขียนตัวเลขลงบนกระดาษแผ่นหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ
“คิดว่าประมาณนี้เป็นค่าสูงสุดที่รับไหว เห็นด้วยไหม?”
ในเวลานั้นเอง ภายในอพาร์ตเมนต์ที่ห้องนอนของคังวูจิน
เขาไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังมีการต่อรองค่าตัวของตัวเอง คังวูจินนอนพิงเบาะอย่างสบาย เขาไม่ได้นอนหลับ แต่กำลังดูซีรีย์อยู่บนโทรศัพท์มือถือ
“······”
คังวูจินอยู่อย่างสบาย ๆ แบบนี้มานานพอสมควรแล้ว ที่จริงเขากลับมาถึงบ้านราว ๆ หกโมงเย็นหลังจากประชุมเสร็จ ตอนนี้เกือบสี่ทุ่มครึ่ง ถึงแม้จะผ่านไปประมาณ 5 ชั่วโมง แต่สำหรับคังวูจิน เขารู้สึกเหมือนผ่านไปนานกว่า 15 ชั่วโมงเลยทีเดียว
ทำไมเหรอ?
ก็ทันทีที่คังวูจินกลับถึงบ้าน เขาก็เข้าสู่มิติว่างหลายครั้ง เขาเกือบจะอ่านตัวละครทั้งหมดในตอนที่ 1 ของ 'ลูกสาวผู้สง่างามองค์1' เกือบเสร็จแล้ว ยกเว้นเพียง 'บริกรชายร้านกาแฟ'
สาเหตุที่เขาทำเช่นนี้เพราะต้องการทดลองบางอย่าง
เมื่ออ่านตัวละครจบแล้ว ตอนนี้สิ่งที่เขากำลังดูอยู่คือตอนที่ 1 ของ 'ลูกสาวผู้สง่างามองค์1' เขาดูซ้ำหลายครั้ง โดยวิเคราะห์ว่านักแสดงแต่ละคนเล่นบทบาทของตนยังไง ความแตกต่างระหว่างบทและทิศทาง เปรียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นในมิติว่างเปล่า ฯลฯ
ด้วยเหตุนี้คังวูจินจึงตระหนักบางอย่างได้
"เข้าใจเลยว่าทำไมภาพยนต์เรื่องนี้ถึงล้มเหลว พอมองแบบนี้ก็รู้เลย"
นอกจากการกำกับและเรื่องอื่นแล้ว การแสดงของนักแสดงก็แย่มาก
“นักแสดงคนนี้ค่อนข้างมีชื่อเสียงไม่ใช่เหรอ?”
ตอนนี้คังวูจินได้อ่านตัวละครทุกตัวจากบทในมิติว่างเปล่าแล้ว เขาจึงสามารถประเมินพวกเขาได้อย่างชัดเจน ราวกับว่านักแสดงในละครกำลังพยายามเลียนแบบคังวูจินอยู่เลย
เพราะคังวูจินได้แสดงทุกบทบาทในบทนั่นมาแล้ว
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ จากมุมมองของวูจิน ดูเหมือนว่านักแสดงกำลังเลียนแบบเขา และจากมุมมองของเขา การแสดงของนักแสดงก็ค่อนข้างแย่มาก
“บทสนทนา มันรู้สึก…ว่างเปล่าไปนิดหน่อยไหม?”
บทพูดที่นักแสดงพูดนั้นไม่มีอารมณ์เลย ดูเหมือนว่าพวกเขาแค่พูดตามบทแบบทื่อ ๆ โดยไม่ได้ใส่ใจกับความรู้สึกของตัวละคร
"น่าเสียดาย คงจะดีถ้ามันจริงใจมากกว่านี้อีกสักหน่อย"
นี่สินะความรู้สึกที่ได้เห็นคนกำลังเลียนแบบตัวเอง? ซึ่งทางคังวูจินก็ไม่ได้รู้อะไรเลยว่าความรู้ของเขาเกี่ยวกับการแสดงเริ่มสะสมทีละน้อย การอ่านบทต่าง ๆ ซ้ำ ๆ ทำให้อารมณ์และการแสดงออกของเขาดีขึ้นอย่างยิ่งยวด
นอกจากนี้ เขายังมีวิธีการฝึกฝนที่คนอื่นไม่สามารถจินตนาการได้
ในเวลานี้เอง
-ตืดดด ตืดดด
โทรศัพท์ของคังวูจินสั่นขึ้น แสดงว่ามีสายเรียกเข้า แน่นอนว่าคนที่โทรมาคือเพื่อนของเขา คิมแดยอง คังวูจินไม่รีบรับสาย เขานอนตะแคงบนเตียงและวางโทรศัพท์ไว้ที่หูของเขา สายตาของเขามองเพดาน คิดอะไรบางอย่าง
"ทําไมนายถึงโทรมาตอนดึกแบบนี้"
จากนั้นจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ คิมแดยองก็พูดว่า
"เฮ้ พรุ่งนี้เจอกันหลังเลิกงานนะ ครั้งก่อนแกสัญญาว่าจะเลี้ยงเนื้อฉัน จำได้ไหม?"
เขาพูดขณะหาว
"เอาบทและฉากที่นายยืมมาด้วยนะโว้ย"
***
วันรุ่งขึ้น วันศุกร์ที่ 14 ช่วงเย็น
เวลาผ่านไป 8 ชั่วโมง คังวูจินกําลังเดินอยู่ใกล้สถานีจองจา ชุดของเขาประกอบด้วยแจ็คเก็ตบุนวมและกางเกงยีนส์ อย่างไรก็ตาม วันนี้เขาสวมหมวกด้วย
เพราะไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องทรงผมมากนักหรอก เวลาไปเจอเพื่อนสนิทอย่างคิมแดยอง
"น่าจะอยู่แถวนี้แหละนะ"
คังวูจินมองไปรอบ ๆ บริเวณอย่างรวดเร็ว สายตาของเขาสอดส่ายหาร้านหมูสามชั้นที่คิมแดยองเคยพูดถึงอยู่ ในจังหวะนั้นเอง โทรศัพท์ของเขาก็ส่งเสียงดังขึ้น
"ฮะ?"
คังวูจินเห็นชื่อผู้โทรแล้วเผลอยิ้มออกมาเล็กน้อย ปลายสายคือ PDซงมันวูนั่นเอง ถึงจะรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่คังวูจินก็กระแอมไอและรับโทรศัพท์
"สวัสดีครับ"
คังวูจินตอบกลับอย่างสุภาพ PDซงมันวูก็ทักทายเขาด้วยน้ำเสียงร่าเริง
"คุณคังวูจิน สบายดีไหมครับ?"
"สบายดีครับ ขอบคุณครับ"
"พอดีผมอยากรู้ว่า คุณคิดยังไงเรื่องค่าตัวสำหรับงานต่าง ๆ หน่อยน่ะ ไม่ได้จะมาต่อรองอะไร แค่อยากทราบไว้เฉย ๆ ครับ"
ค่าตัว? โทรมาหาฉันตอนนี้เพื่อถามเรื่องค่าตัวงานเหรอ? คำถามนี้คังวูจินไม่เคยคิดถึงมาก่อน เขาจึงรู้สึกสับสนพอควร
“…”
จากนั้นPDซงมันวูก็พูดต่ออีกครั้งทันทีจากปลายสายอีกด้านของโทรศัพท์
"ครับ ผมมั่นใจว่าคนส่วนใหญ่หรือทั้งหมดคงไม่มีใครคิดเรื่องค่าตัวกันตั้งแต่แรกหรอก เข้าใจใช่ไหมครับ? งั้นเรามาคุยกันตรง ๆ ดีกว่านะครับ"
"... ตรง ๆ เหรอครับ?"
"ใช่แล้วครับ ลองคิดดูสิ นักเขียนของเราพัคอึนมีได้คัดตัวกันไวเกินไป ทางผมเองก็ผิดเหมือนกัน เพราะงัน้เราควรมาพิจารณาเงื่อนไขต่าง ๆ ด้วยกันเถอะนะครับ"
“…”
"เอาอย่างนี้แล้วกันนะครับ เราไม่มีเวลามากนัก คือเราต้องคัดเลือกคนรับบท 'รองหัวหน้าพัค' ในเร็ว ๆ นี้ ลองคิดดูภายในวันนี้นะครับ แล้วค่อยมาพบกันในวันพรุ่งนี้เพื่อหารือเกี่ยวกับเงื่อนไขก่อนตัดสินใจ"
เงื่อนไขของงานยังไม่ชัดเจน แต่คังวูจินคิดว่าไม่สำคัญหรอก เพราะยังไงเขาก็คิดจะรับงานนี้โดยไม่คำนึงถึงเงื่อนไขอยู่แล้ว
"ผมเข้าใจครับ"
จากนั้นพอได้ยินคําตอบที่แน่วแน่ของคังวูจิน PDซงมันวูก็บอกรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานที่นัดพบ
“พรุ่งนี้เช้าเวลา 10.00 น. คุณสามารถมาที่สตูดิโอซีบลูที่เรานัดกันไว้ได้เลยนะครับ”
หลังจากนั้นไม่นาน
คังวูจินและคิมแดที่ยังคงกระฉับกระเฉงเช่นเดิม กำลังนั่งอยู่ด้วยกัน เพลิดเพลินกับหมูสามชั้น เนื้อร้อนฉ่าได้หายไปอย่างรวดเร็วในปากของพวกเขา และโซจูที่เคยทำให้คอชุ่มชื้นก็ถูกเทลงในแก้วของพวกเขาหลายครั้ง
และหัวข้อสนทนาในตอนนั้นคือ
“เฮ้ ฉันบอกเพื่อนร่วมงานเรื่องการได้เจอฮงฮเยยอนด้วยตัวเองแล้วล่ะรู้เปล่า? พวกเขาทุกคนน่ะอิจฉามากเลย”
เป็นเรื่องเกี่ยวกับนักแสดงชั้นนำอย่างฮงฮเยยอน ก็คงเป็นงี้อยู่แล้ว เพราะคิมแดยังเป็นแฟนตัวยงของเธอ
"ยิ่งกว่านั้น วันนั้นฉันได้สบตากับฮงฮเยยอนด้วยนะรู้ไหม? ฉันเสียใจเหลือเกินที่ไม่สามารถถ่ายรูปกับเธอได้"
เมื่อเห็นคิมแดยัง คังวูจินก็แอบเยาะเย้ย
'แค่นั้นเองเหรอ ฮงฮเยยอนเรียกฉันด้วยชื่อของฉันโดยตรงเลยนะเว้ย แบบ คังวูจิน!'
ถ้าเขาบอกเรื่องนี้กับคิมแดยอง อีกฝ่ายคงคงจะะเป็นลม อย่างไรก็ตาม คังวูจินตัดสินใจที่จะไม่พูดถึงเรื่องนี้ออกไป
ณ จุดนี้เอง
“เฮ้ คังวูจิน”
คิมแดยองที่เพิ่งยัดปากของเขาด้วยผักกาดห่อหมูสามชั้นย่างก็เปลี่ยนเรื่อง
“แล้วนายจะทำยังไงกับการเปลี่ยนงานของนายเหรอ? ตอนนี้นายลาออกและพักผ่อนมาประมาณสองสัปดาห์แล้วใช่ไหม?”
คิมแดยองได้พูดเรื่องสำคัญขึ้นมาทันที
“นายควรจะเริ่มหางานหลังจากพักมาพอแล้วใช่ไหม? หรือว่านายคิดจะพักตลอดไปจริง ๆ เหรอ? ให้ฉันถามทีมออกแบบของบริษัทฉันดีไหม?”
“นายคิดว่าบริษัทขนาดกลางของนายจะจ้างฉันไหม”
“คงไม่ ฉันไม่ได้พูดถึงการเป็นพนักงานประจำสักหน่อย คือฉันหมายความว่า อย่างน้อยนายควรหาอาชีพอะไรสักอย่างทำไปพลาง ๆ ไหม เพราะผลงานมีความสำคัญในงานด้านการออกแบบไม่ใช่เหรอ?”
“······”
เมื่อมาถึงจุดนี้เอง คังวูจินก็จ้องไปที่คิมแดยังอยู่พักหนึ่งแล้วจึงถาม
“เฮ้ สมมติว่านายเป็นนักแสดงที่ไม่มีใครรู้จัก แล้วนายได้รับคัดเลือกให้มาแสดงโดย PDหรือนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ นายจะทำยังไง?”
ทันใดนั้น สีหน้าของคิมแดยังก็แข็งกร้าวขึ้น
“ใครคือนางเอกวะ?”
"ฉันไม่รู้เกี่ยวกับพระเอกหรอก แต่สมมติว่านางเอกคือฮงฮเยยอนล่ะ?"
“มันไม่สำคัญหรอกว่าใครคือพระเอก เพราะถ้าฮงฮเยยอนเป็นนางเอก ฉันพุ่งใส่โดยไม่ถามแน่”
“ก็คือนายจะตอบรับอย่างยินดีเลยเหรอ?”
"ใช่ ฉันจะทำงั้นเลย แถมนางเอกคือฮงฮเยยอนเชียวนะ”
คิมแดยังดื่มโซจูหนึ่งอึกแล้วพูดต่อ
“นายคิดว่าPDชื่อดังหรือนักเขียนมือฉมังจะมาสนใจนักแสดงที่ไม่มีใครรู้จักหรือเปล่า? ตัวนายตอนนี้ก็คงมีตัวตนไม่ต่างจากแพลงก์ตอน แล้วนักแสดงชั้นนำอย่างฮงฮเยยอนก็มาเป็นนางเอกเนี่ยนะ? มันคงจะเป็นเรื่องมหัศจรรย์ถ้าคนที่ไม่มีใครรู้จักเลยได้รับบทบาทในงานนี้”
“เรื่องแบบนั้นมันยากมากเลยเลยเหรอ?”
"ใช่ มันไม่ใช่แค่ยากหรอกนะ แต่มันเป็นไปไม่ได้เลย ละครเรื่องใหญ่ขนาดนี้ไม่จำเป็นต้องไปยุ่งกับนักแสดงที่ไม่รู้จักเลย มีนักแสดงมากมายที่อยากรับบทแบบนี้ ต่อให้เป็นบทบาทตัวประกอบก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ ไม่ต้องพูดถึงบทบาทหลักเลย ถ้าจะเข้าไปแสดงได้ นายมีแต่ต้องเพิ่งพาเส้นสายผ่านครอบครัว เพื่อนร่วมงานและจากโรงเรียนเท่านั้นแหละ”
“ครอบครัว เพื่อนร่วมงาน และจากโรงเรียน…”
“ใช่แล้ว วงการบันเทิงก็เป็นแบบนั้น เป็นสถานที่ที่ครอบครัว เพื่อนร่วมงานและเส้นสายเป็นสิ่งจำเป็นมากที่สุด คิดว่าสถานที่แบบนี้จะให้นักแสดงที่ไม่รู้จักมาแสดงได้เหรอ? แม้ว่าฉันต้องฆ่าใครสักคน ฉันก็พร้อมจะยอมทำ แต่มันคงไม่มีทางเป็นไปได้หรอก”
“เอ่อ อืม”
ขอโทษนะ แต่เรื่องนั้นมันกำลังเกิดขึ้นกับฉันอยู่ไม่ใช่หรือไง? คังวูจินที่นิ่งเงียบกับคำอธิบายของคิมแดยองก็เหมือนมีคำถามผุดขึ้นในใจมากขึ้น
“ถ้าอย่างนั้น สมมติว่านายเป็นนักแสดงที่ไม่มีใครรู้จักและนายได้รับบทนั้น นายคาดหวังที่จะได้ค่าตัวเท่าไร?”
“ค่าตัวเหรอ? นายกำลังพูดถึงอะไรกัน? เรื่องค่าตัวฉันไม่สนใจหรอก แต่ฉันยินดีและยอมรับเงินทุกวอนที่พวกเขาเสนอมาเลยล่ะ”
“มันต้องขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ฮ่า! ก็อย่างที่ฉันบอกไงพวก มันแทบจะเป็นปาฏิหาริย์เลยล่ะที่นักแสดงที่ไม่มีใครรู้จักสามารถไปถึงขั้นนั้นได้ เป็นเรื่องมหัศจรรย์ด้วยซ้ำที่พวกเขาจะมอบบทบาทให้กับนาย แล้วนายจะไปคุยเรื่องค่าตัวได้ยังไง? พวกเขาอาจจะจ่ายอะไรสักอย่างให้อยู่หรอก แต่โดยปกติหน้าใหม่จะได้แค่ 30,000 ต่อตอน นั่นถือว่าเป็นจำนวนมากพอแล้ว”
“30,000 วอนงั้นเหรอ?”
"ใช่ แต่ต่อให้พวกเขาจะเสนอให้ตอนละ 3,000 ก็ต้องรับไว้ เพราะการได้เป็นนักแสดงถือเป็นเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตนายไปแล้ว”
จริง ๆ แล้ว คังวูจินคิดว่ามันดูน้อยมาก ไม่ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจว่าอาชีพนักแสดงเป็นฟรีแลนซ์ แต่ถึงอย่างนั้น 3,000 วอนมันก็ดูน้อยเกินไปหน่อย
ขณะนั้นเอง
“เอ่อ...เฮ้”
คิมแดยองที่กำลังเติมแก้วโซจูเปล่าของคังวูจินอยู่ จู่ ๆ ก็ยื่นมือออกไป
“พูดถึงเรื่องนั้นแล้ว นายได้เอามันมาหรือเปล่า? บทละครกับภาพยนตร์น่ะ”
คังวูจินยื่นถุงกระดาษที่เขานำมาให้คิมแดยอง แน่นอนว่าเขาได้ถ่ายสำเนาภาพยนตร์เรื่อง 'การไล่ผี' ไว้ ยกเว้นบทซีรี่ย์ เรียกว่าเผื่อไว้กระมัง? จากนั้นคิมแดยองที่กำลังควานหาในถุงกระดาษก็เริ่มพูดอีกครั้ง
“แต่นายอ่านหมดนี้แล้วใช่ไหม? จู่ ๆ นายก็ดันถามหาบทเนี่ยนะ นายคงไม่ได้ใช้มันเป็นที่รองแก้วสำหรับราเม็งของนายใช่ไหม?”
“ฉันอ่านแล้ว แต่หนังสั้นเรื่อง 'การไล่ผี' จะไม่ถูกเอาไปทำเลยเหรอ?”
“ทำสิ ฉันได้ยินมาจากเพื่อนว่าพวกเขากำลังสร้างมันขึ้นมา ฉันคิดว่ามันคงจะล้มเหลวตามสูตร แต่เพราะมีนักลงทุนเข้ามาแหละมั้งจึงเริ่มเอาไปถ่ายทำ”
"โอ้? ตอนนี้พวกเขากำลังจะไปคัดเลือกนักแสดงกันอยู่ใช่ไหม?”
"ฉันไม่รู้หรอก แต่เพื่อนของฉันพูดถึงการคัดเลือกอยู่ด้วย ดูเหมือนว่าจะมีบางบทบาทที่ต้องคัดน่ะ มันแปลกมาก เพราะโดยปกติแล้วในภาพยนตร์สั้นแบบนี้ บทบาทนักแสดงนำและนักแสดงสมทบจะถูกกำหนดไว้แล้ว”
เมื่อฟังจบประโยคนี้ คังวูจินก็กอดอกขึ้นทันที ดูเหมือนครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็กลับมาจ้องมองไปที่คิมแดยอง
“นายรู้ไหมว่าบริษัทโปรดักชั่นหรือสตูดิโอภาพยนตร์แห่งไหนกำลังสร้างภาพยนตร์เรื่อง 'การไล่ผี' ขึ้นมา?”
คิมแดยังที่กำลังพลิกเนื้อบนตะแกรงก็หรี่ตาลง
“…นายกำลังทำตัวแปลก ๆ นะ ทำไมจู่ ๆ นายถึงสนใจเรื่องแบบนี้กัน? ก่อนหน้านี้นายไม่ใช่อย่างนี้นิ”
“ไม่ ฉันแค่… ฉันอ่านมันแล้วมันก็สนุกดี ฉันก็เลยคิดว่าฉันอยากจะดูมันตอนที่มันเข้าฉาย”
“······”
คิมแดยองที่กำลังมองคังวูจินที่อยู่อีกฟากของโต๊ะด้วยความสงสัย แต่ก็ยักไหล่ตอบ
"อืม ฉันไม่รู้เกี่ยวกับบริษัทผู้ผลิตเหมือนกัน แต่ฉันจะถามเพื่อนคนนั้นให้แล้วกัน”
ไม่กี่นาทีต่อมา หลังจากโทรไปข้างนอก คิมแดยองก็นั่งลงตรงหน้าคังวูจิน
“ฉันส่งลิงค์ให้นายทางข้อความแล้ว”
เขาโบกโทรศัพท์มือถือของเขา
“นั่นคือชมรมเฉพาะภาพยนตร์ ถ้านายกดไปที่ลิงก์จะมีข้อมูลเกี่ยวกับ 'การไล่ผี' ดูเอาเองแล้วกัน”
***
เวลา 10.00 น. สตูดิโอซีบลู
บุคคลคุ้นเคยสองคนสามารถพบเห็นได้ในห้องประชุมที่สตูดิโอซีบลู PDซงมันวูสวมแจ็กเก็ตน้ำหนักเบาและอีกคนสวมแว่นตา นักเขียนพัคอึนมีไม่ได้อยู่ด้วย
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองดูค่อนข้างเคร่งเครียด
-ฟึบ
มีเอกสารแผ่นใสหลายแผ่นกระจายอยู่ข้างหน้าพวกเขา
ขณะนั้นเอง
-ครืด
ประตูกระจกของห้องประชุมที่ปิดไปก่อนหน้านี้เปิดขึ้น และผู้จัดการฝ่ายผลิตของ 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' ก็เข้ามา และด้านหลังเขา..
"สวัสดีครับ"
คังวูจินที่ทักทายด้วยเสียงต่ำก็เข้ามาเช่นกัน เมื่อเขามาถึง PDซงมันวูซึ่งมีสีหน้าจริงจังก็ยิ้มเล็กน้อย
“เข้ามานั่งตรงนี้สิ”
PDซงมันวูชี้ไปที่ที่นั่งตรงข้ามเขา ก่อนจะสำรวจคังวูจินอย่างเงียบ ๆ ในขณะที่เขาเคลื่อนไหวช้า ๆ ไม่สิ เขาคงพยายามดูอารมณ์ของอีกฝ่าย
'วันนี้เขายังคงดูไม่ยี่หระต่อสิ่งใดเช่นเคย'
ไร้ประโยชน์มาก การจะประเมินอะไรจากใบหน้าเรียบเฉยของคังวูจินเป็นสิ่งที่ยากยิ่ง เพราะคังวูจินเป็นแบบนี้มาตั้งแต่พวกเขาได้พบกัน
'เขาเก่งในการเก็บซ่อนความรู้สึกของตัวเอง พอถึงเวลาที่เขาแสดง มันก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง'
จากนั้น PDซงมันวูจึงผลักเอกสารแผ่นใสไปทางคังวูจิน ซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้าเขา
"ลองดูสิครับ มันเป็นร่างสัญญาสำหรับคุณ คุณคังวูจิน”
“ครับ”
ในไม่ช้า PDซงมันวูก็เปิดเอกสารแผ่นใสเล่มเดียวกัน แล้วก็ยิ้มแล้วพูดว่า
“มีคำที่ซับซ้อนมากมายในนี้ แต่สิ่งที่ผมอยากจะพูดคือเรื่องค่าตัวที่เราตัดสินใจให้คุณ”
คังวูจินที่อยู่อีกด้านหนึ่งมองไปยัง PDซงมันวู จากนั้น PDซงมันวูก็ชี้นิ้วไปที่จุดในสัญญาแล้วพูดว่า
“ค่าตัวของคุณคังวูจินอยู่ที่ 2,500,000 ต่อตอนครับ”
มันมากกว่า 3,000 วอน ประมาณ 900 เท่า
“ว่าไงครับ? 2,500,000 ต่อตอน”
ใบหน้าที่นิ่งเฉยของคังวูจินก็ถึงกับกระตุกไปพักใหญ่เลย
*****