ตอนที่ 139 ปัญหาของ เซี่ย ซินเหยา
“เหวย.. ผู้จัดการฟู่?”
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
ซูเหวิน กล่าวถามอย่างสงสัย
พอพูดจบ ผู้จัดการที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ก็พูดด้วยความเคารพทันที
“เถ้าแก่ซู มีเรื่องหนึ่งที่ผมอยากรายงานให้คุณทราบ”
“เพื่อนคนหนึ่งที่ผมรู้จัก เขาเป็นราชาชา.. ปีนี้ไม่รู้ว่าเขาใช้วิธีใด เห็นเขาบอกกับผมว่าเขาได้ใบชาดีๆ มาบ้าง และเตรียมที่จะขายในวันมะรืนนี้ ผมคิดว่า โรงน้ำชา เซียนเฮ่อ ของเราควรต้องเข้าไปลองซื้อมาบ้างดีไหม?”
“ใบชา?”
“ใบชาอะไร?” ซูเหวิน ถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
ในฐานะผู้จัดการของโรงน้ำชา ถ้าหากเขาพบใบชาดีๆ สั่งซื้อโดยตรงก็ได้แล้ว ไม่จําเป็นต้องรายงานต่อเขาป่ะ?
ท้ายที่สุดแล้ว ‘โรงน้ำชา’ ไม่ใช่บริษัท ไม่ได้มีแผนกอื่นๆ มากนัก
เมื่อเขาที่ซึ่งเป็นเจ้านายไม่อยู่ ผู้จัดการฟู่ เขาก็เป็นผู้จัดการ
เขาสามารถโยกย้ายการเงินได้โดยตรง
“ครั้งนี้มันแตกต่างออกไปนะ เถ้าแก่ซู”
“ใบชาที่ราชาชาคนนั้นได้รับมาในครั้งนี้ไม่ใช่สินค้าธรรมดา แต่ล้วนเป็นใบชาชั้นดีทั้งหมด”
“มีแม้แต่แม่พันธุ์ต้าหงเผา(大红袍), ซีหูหลงจิ่ง(西湖龙井), จินกวาก้งฉา(金瓜贡茶) ไหนจะอื่นๆ อีก และราคาของชาเหล่านี้ก็แพงกว่าชาทั่วไปไม่รู้กี่เท่า ดังนั้น…”
ผู้จัดการฟู่ ดูเหมือนลังเลที่จะพูด แต่ความหมายนั้นมันกลับชัดเจนในตัวเอง
ซูเหวิน ตกตะลึงไปเล็กน้อย
โห.. ยอดเยี่ยม เช่นนี้ไม่แปลกใจเลยที่ผู้จัดการต้องโทรมา
แม่พันธุ์ต้าหงเผา, ซีหูหลงจิ่ง, จินกวาก้งฉา
เหล่านี้เป็นใบชาชั้นดี และมีค่าที่สุดในประเทศในปัจจุบัน!
โดยเฉพาะแม่พันธุ์ต้าหงเผา..
ที่คำนวณราคาเป็นกรัม
ตอนพีคสุด ถึงขนาดขายออกไปได้ในราคา 5.2 ล้านหยวนต่อครึ่งกิโล
คาดว่ามีเพียงมหาเศรษฐีแท้จริงเท่านั้นที่สามารถดื่มได้
“อืม ใบชาเหล่านี้ดีจริงๆ สามารถซื้อได้”
“แต่เรื่องนี้คุณอย่าเพิ่งรีบ เขาจะขายมันในวันมะรืน แล้วเดี๋ยววันมะรืนผมจะไปที่โรงน้ำชา คุณเองแค่ช่วยพาผมไปหาราชาชาที่คุณพูดถึง ผมจะดูใบชาเหล่านี้ด้วยตัวเอง”
ซูเหวิน กล่าวทันที
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจเรื่องชาก็ตาม
แม้จะไม่เคยกินเนื้อหมู แต่ก็เคยเห็นหมูวิ่งไหม?(1)
ใบชาชั้นดีเหล่านี้ เขาเคยเห็นมันบนอินเทอร์เน็ต
ตอนนี้มีช่องทางแล้ว เขาย่อมต้องการเห็นมันด้วยตาตัวเอง
“โอเค เถ้าแก่ซู วันมะรืนนี้เมื่อคุณมา ผมจะพาคุณไปดูเอง”
พอได้ยินเจ้านายอนุญาต ผู้จัดการฟู่ ก็พยักหน้ารีบตอบรับอย่างรวดเร็ว
จากนั้นทั้งสองก็วางสายไป
“มีเรื่องอะไรหรือ?”
กลับมาทางด้านนี้ ทันทีที่ ซูเหวิน เพิ่งวางโทรศัพท์
เซี่ย เฉิงตง ก็มอง และถามอย่างสงสัย
เมื่อกี้เขาได้ยินที่ ซูเหวิน คุยโทรศัพท์ ได้ยินเกี่ยวกับใบชา หรืออะไรสักอย่าง จึงอดไม่ได้ที่จะสงสัย
“เป็น ผู้จัดการฟู่ ของโรงน้ำชา เซียนเฮ่อครับ”
“เมื่อกี้เขาบอกว่ามีราชาชาได้รับใบชาดีๆ มา, ดังนั้น...”
ซูเหวิน หัวเราะแล้วพูดเรื่องที่เพิ่งพูดคุยกับ ผู้จัดการฟู่
และเซี่ย เฉิงตง, ในฐานะคนรักชา
หลังจากฟังคําพูดของ ซูเหวิน แล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความประหลาดใจออกมา
“แม่พันธุ์ต้าหงเผา?”
“นี่เป็นใบชาที่ดีที่สุด มันมีราคาแพงมาก”
ในฐานะประธานของ ฮั่วซิน กรุ๊ป และบุคคลที่มีชื่อเสียงในแวดวงสังคม เซี่ย เฉิงตง เคยดื่มใบชามามากมายนับไม่ถ้วน
แม่พันธุ์ต้าหงเผานี้.. ก็ย่อมเป็นหนึ่งในนั้น
เพียงแต่ใบชาชนิดนี้ไม่ใช่มีดีแค่ราคาแพงเท่านั้น
ผลผลิตหลักของมันยังมีน้อยมาก แม้ว่าคุณจะมีเงิน แต่บางครั้งคุณก็ไม่สามารถหาซื้อมันได้
ดังนั้นในขณะนี้เมื่อเขาได้ยินข่าวเกี่ยวกับแม่พันธุ์ต้าหงเผานี้อีกครั้ง และแน่นอนว่าเขา ..ย่อมเกิดความสนใจ
“อืมม.. ถ้า ลุงเซี่ย สนใจเรื่องนี้ด้วย ทําไมเราไม่ไปด้วยกันในวันมะรืนนี้!”
ซูเหวิน ที่เห็นว่าพ่อของ เซี่ย ซินเหยา มีงานอดิเรกในด้านนี้จึงอดไม่ได้ที่จะเสนอ
“ฮ่าฮ่าๆ โอเค ได้ ถึงตอนนั้นเราค่อยไปดูด้วยกัน”
พูดพลาง เซี่ย เฉิงตง ก็ได้หัวเราะออกมา
จากนั้น เขากับ ซูเหวิน ก็ดื่มกันไปอีกแก้วหนึ่ง…
เวลาได้ผ่านไปเร็วจริงๆ และเวลาสำหรับมื้ออาหารก็ผ่านไปในชั่วพริบตา
ในระหว่างอาหารมื้อนี้ ซูเหวิน ดื่มกับ เซี่ย เฉิงตง ไปไม่น้อย
ขณะเดียวกันตัวเขาเองก็ย่อมกินอิ่มแล้ว
จากนั้นทุกคนก็พูดคุยกันอีกครั้ง สวี่หยุน ก็จัดให้คนรับใช้เตรียมห้องไว้ให้สำหรับ ซูเหวิน ซึ่งอยู่ติดกับ เซี่ย ซินเหยา
เซี่ย ซินเหยา เองย่อมไม่คัดค้านใดๆ
ดังนั้น เมื่อคนรับใช้จัดเตรียมห้องให้เรียบร้อยเสร็จ เธอก็ดึง ซูเหวิน ขึ้นไปบนชั้นสองด้วยตัวเอง เดินไปทางห้องส่วนตัวของเธอ
ไม่นานก็มาถึงห้องที่ครอบครัวเซี่ยเตรียมไว้ให้สำหรับเขา
หลังจาก ซูเหวิน เข้าไปในห้องแล้ว เขาก็มองไปรอบๆ
นี่เป็นห้องที่จัดได้อย่างประณีต และสวยงามมาก
ในความเป็นจริงก็ไม่มีอะไรต้องให้จัดเก็บ หรือทําความสะอาด
ในคฤหาสน์แบบนี้คนรับใช้จะทำความสะอาดทุกวัน
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเตียง หรือตู้เสื้อผ้าก็สะอาดเรียบร้อยเหมือนใหม่
เพียงแค่ปูผ้าปูที่นอน หยิบผ้านวมออกจากตู้เสื้อผ้าสักชุด คุณก็สามารถเข้าพักได้แล้ว
“เป็นไง โอเคไหม?”
เซี่ย ซินเหยา มองห้องไปที่จัดเก็บทำความสะอาดเรียบร้อย เธอก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“อืม เยี่ยม.. โอเคเลย”
ซูเหวิน พยักหน้าทันที
อย่างไรที่นี่ก็เป็นคฤหาสน์ระดับท็อป ห้องมันจะเลวร้ายไปได้ยังไงล่ะ?
นอกจากนี้ยังเป็นห้องถัดจาก เซี่ย ซินเหยา ยิ่งไม่น่าจะแย่เข้าไปอีก
“เอ่อ... อยากไปดูห้องฉันมั้ย?
และในเวลานี้ เซี่ย ซินเหยา กลับพูดอย่างอายๆ ขึ้นมา
ท้ายที่สุดแล้ว ซูเหวิน ก็พักอยู่ที่นี่ในคืนนี้ และยังอยู่ห้องข้างๆ เธอ
การที่ชวนอีกฝ่ายมาห้องส่วนตัวของเธอ.. เพื่อดู มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้น ถูกต้องใช่ไหม?
“ไปที่ห้องคุณ?”
ซูเหวิน อึ้งไปจริงๆ
“โอเค.. งั้นต้องขอรบกวนแล้ว”
จากนั้นเขาก็ตอบกลับ
ทันทีที่ได้ยิน เซี่ย ซินเหยา ชวนเขาไปที่ห้อง ซูเหวิน ก็สงสัย และสนใจมันมากจริงๆ
ท้ายที่สุดแล้ว นั่นเป็นห้องของ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ที่อยู่กับเขาตลอดเวลา!
การจะบอกว่าไม่สนใจเลยคงเป็นเรื่องโกหก
เมื่อเห็นเขาพยักหน้าแล้ว เซี่ย ซินเหยา ก็ดูเหมือนจะมีความสุขมาก
เธอยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพาเขาออกจากห้อง
จากนั้นเปิดประตูห้องถัดไป และพาเขาเข้าไปในห้องส่วนตัวของเธอ
ทันใดนั้น ซูเหวิน ก็ประหลาดใจกับห้องที่อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
เขาพูดได้แค่ว่าห้องนี้เป็นสีชมพูพาสเทล ออกจะไปแนวน่ารัก..
แถมห้องนี้ตกแต่งอย่างประณีตด้วยสีชมพูอ่อนดูนุ่มละมุน คงถูกใจมาก สำหรับคนที่ชอบแนวหวานๆ แบบนี้
และในขณะเดียวกัน
ในอากาศยังมีกลิ่นหอมจางๆ
คาดว่าในห้องน่าจะมีการฉีดน้ำหอม ทั้งมันยังหอมเป็นพิเศษ ไม่ฉุนเลยสักนิด
“น่ารักมาก..”
หลังจาก ซูเหวิน ชื่นชมห้องส่วนตัวของ เซี่ย ซินเหยา แล้ว เขาก็อดจะชื่นชมมันไม่ได้
ต้องบอกว่าห้องนี้เข้ากันได้ดีกับสไตล์ของ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย มากจริงๆ
“ขอบคุณ”
เมื่อเห็น ซูเหวิน ชมห้องของตัวเอง เซี่ย ซินเหยา อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มออกมา
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เธอเพิ่งพูดจบ
ในใจของเธอ.. มันกลับเริ่มยุ่งเหยิงขึ้นมา
และปัญหาที่ว่านี้ แน่นอนว่ามันเป็นเพราะเมื่อกี้ที่ ซูเหวิน ให้สัญญาต่อหน้าพ่อแม่ของเธอว่าจะไล่ตาม ..เธอ
ในขณะนี้ เธออยากจะถามมันกับ ซูเหวิน มาก
ถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดไปเมื่อกี้ว่ามัน.. จริงหรือไม่?
แต่เธอเกิดอายเกินกว่าที่จะพูดถามมันออกไป ดังนั้นคําถามนี้จึงถูกระงับไว้ในใจของเธอ
จากนั้น ซูเหวิน และเซี่ย ซินเหยา ก็ได้พูดคุยกันมากขึ้น ก่อนที่จะกลับไปนอนที่ห้องของตัวเอง…
และแล้วเวลาก็มาถึงวันจันทร์อย่างรวดเร็ว
“เป็นอะไรไป เสี่ยวเหยา? ตั้งแต่เช้าที่เธอมาเรียน ฉันก็เห็นเธอเอาแต่นั่งขมวดคิ้วเป็นครั้งคราวอยู่แบบนี้”
“อ่า ใช่! หรือนี่เธอป่วยอีกแล้วงั้นเหรอ?”
มหาวิทยาลัยเทียนเวย ช่วงพักเบรค(ระหว่างเรียน)
จี้หยวี่ และวัง ซิ่วซิ่ว มองใบหน้า เซี่ย ซินเหยา ที่ออกจะดูยุ่งเหยิง ก่อนจะอดไม่ได้ที่จะถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
“อะแฮ่ม เปล่า ไม่… ฉันไม่ได้เป็นไร”
เซี่ย ซินเหยา กลับส่ายศีรษะ แต่เธอกลับยิ้มขึ้นอย่างเคอะเขินเล็กน้อย
“ไม่เป็นไร? แต่ฉันไม่เห็นว่าเธอจะเป็นอย่างนั้นนะ”
“นั่นก็คือเธอต้องมีอะไรบางอย่าง งั้นเร็วเข้า รีบบอกกับพวกเรามาเร็วๆ บางทีเราอาจจะช่วยเธอได้นะ!”
ความอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนสนิทเพิ่มขึ้นทันที พวกเธอจึงรีบถามด้วยความอยากรู้
เมื่อเห็นเพื่อนสนิทอยากรู้อยากเห็นขนาดนี้ เซี่ย ซินเหยา ก็รู้ตัวดีว่าถ้าเธอไม่พูดอะไรไป วันนี้คงได้ถามเธอตลอดเวลาเป็นแน่
ดังนั้นเธอจึงถอนหายใจ และพูดช้าๆ ไปว่า : “มันเกี่ยวกับ ซูเหวิน..”
“สองคืนก่อน ซูเหวิน พูดกับพ่อแม่ของฉันว่า…”
จากนั้นเธอก็เล่าเรื่องที่ ซูเหวิน ให้สัญญากับพ่อแม่ของเธอเมื่อวานนี้ที่ว่าจะไล่ตามเธอ…
(1)[แม้จะไม่เคยกินเนื้อหมู แต่ก็เคยเห็นหมูวิ่ง (没吃过猪肉, 也见过猪跑)] - แม้เราอาจจะไม่เคยประสบสิ่งนั้นมาด้วยตนเอง แต่เคยได้ยินหรือเห็นมาก่อน อย่างไรก็ต้องรู้มาบ้าง