ตอนที่แล้วบทที่ 20 ท่าทีข่มขู่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 22 คุณแม่มาตามหาญาติ

บทที่ 21 สอบไม่ดีเท่าดูดวง


"ไม้กวาดกลายเป็นผีสางงั้นเหรอ" หลินชิงอิ่นขมวดคิ้วนิดหน่อย ก็จำได้ทันทีว่าประโยคนี้มาจากไหน อันที่จริงต้องการบอกว่าเธอคือดาวไม้กวาดนั่นแหละ

หลินชิงอิ่นหัวเราะเบาๆ พลางมองไปรอบๆ ห้องเรียน "ในเมื่อพูดขนาดนี้แล้ว ฉันจะทำให้พวกนายได้สัมผัสให้ดีว่าดาวไม้กวาดเป็นยังไง"

ทุกคนคุ้นชินกับภาพลักษณ์คนขี้แพ้ของหลินชิงอิ่นมาตลอด พอเห็นเธอแสดงฝีปากแบบนี้ก็อดตกใจไม่ได้ ตอนนี้หลี่หมิงอวี่ไม่เพียงแต่จะเปื้อนน้ำสกปรกเต็มตัว ยังหัวแตกอีกต่างหาก ทุกคนเลยเลิกใจที่จะแกล้งหลินชิงอิ่น หันหน้าหนีไปคนละทาง

อาจารย์หยูเฉิงเจ๋อ (于承泽) อาจารย์ประจำชั้นถือรายชื่อนักเรียนเต็มมือเดินมาถึงห้องเรียน แค่เปิดประตูเข้ามาก็เห็นทั้งคราบน้ำเต็มพื้นและตัวหลี่หมิงอวี่กับชูจุ้นอี้ที่เปียกปอนๆ เขาถอนหายใจอย่างปวดหัวกับเหล่านักเรียนที่ไม่รู้จักโต "เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะ"

หลี่หมิงอวี่ได้รับการประคองให้ลุกขึ้นยืน เจ็บไปหมดทั้งตัว ไม่รู้ว่าควรจับหน้าผากหรือควรจับตรงกางเกงดี ทั้งอายทั้งโกรธจนหน้าแดงก่ำไปหมด ชี้นิ้วใส่หลินชิงอิ่น กำลังจะด่าออกมาก็ชะงักไป...

เขาจะพูดยังไงดีล่ะ

เขาวางถังน้ำไว้เหนือประตู หวังว่าจะสาดใส่หลินชิงอิ่นให้เปียกไปทั้งตัว แต่สุดท้ายเธอไม่ได้เข้ามา กลับกลายเป็นถังน้ำล้มใส่หัวเขาเอง เขาคิดจะคว้าผมหลินชิงอิ่น แต่กลับเหยียบน้ำลื่นจนต้องแยกขาเอง แม้กระทั่งตอนสุดท้ายที่หัวแตกเพราะแก้วก็เกิดจากเขาดึงโต๊ะเอง หลินชิงอิ่นไม่ได้แตะต้องตัวเขาสักนิดเดียว

หลี่หมิงอวี่จำต้องรับความผิดไปเอง การพูดออกไปก็เท่ากับเพิ่มเรื่องให้คนอื่นหัวเราะเยาะเขามากขึ้นเท่านั้น

เห็นหน้าหลี่หมิงอวี่เปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีแดง อาจารย์หยูก็ไม่สะดวกจะถามต่อ อย่างไรเสียนักเรียนของห้องนี้ก็ไม่เคยทำตัวให้คนสบายใจอยู่แล้ว

เขาโบกมือ เรียกนักเรียนชายสองคนให้พาหลี่หมิงอวี่ไปห้องพยาบาล ชูจุ้นอี้ก็กลับบ้านไปเลย ถึงอย่างไรวันรายงานตัวนี้ก็แค่ส่งการบ้าน รับเอกสาร ตำรา ทำความสะอาดห้องเรียน แล้วก็รับกำหนดการสอบของวันพรุ่งนี้ ไม่ได้มีอะไรสำคัญ

ระหว่างที่ทุกคนกำลังอึกทึก หลินชิงอิ่นก็เดินไปที่โต๊ะเรียนตัวเอง หยิบผ้าขนหนูมาเช็ดโต๊ะลวกๆ จริงๆ แล้วช่วงที่คนอื่นๆ ไม่ทันสังเกต เธอใช้วิชากำจัดฝุ่น ทำความสะอาดพื้นที่โดยรอบจนเอี่ยมอ่องโดยไม่มีเสียงดัง

ตามประเพณีของวันรายงานตัว ต้องส่งการบ้านกันก่อน ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมตงฟางกั๋วจี่ต้องการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน จึงกำหนดให้นักเรียนทุกคนต้องทำการบ้านให้เสร็จ ไม่อย่างนั้นจะไม่อนุญาตให้รายงานตัว ดังนั้น ถึงแม้นักเรียนจะเกลียดการเรียนแค่ไหน ก็ต้องเขียนการบ้านให้จบภายใต้แรงกดดันของผู้ปกครอง บางคนถึงกับขีดเขียนอะไรลงไปตามประสาข้อสอบ

หลินชิงอิ่นหยิบการบ้านที่ทำมาหนึ่งกระเป๋าเต็มยัดใส่มือ เธอถอนใจโล่งอก การบ้านช่วงปิดเทอมของนักเรียนมัธยมปลายช่างน่ากลัวอะไรแบบนี้!

อาจารย์หยูให้นักเรียนชายไม่กี่คนช่วยกันขนการบ้านกลับสำนักงาน พร้อมกับเรียกนักเรียนอีกส่วนให้ไปขนหนังสือเรียนเล่มใหม่ หลินชิงอิ่นเห็นว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ก็หยิบหนังสือวิชาการเมืองออกมาจากกระเป๋าพลางอ่านทบทวนอย่างรวดเร็ว วันพรุ่งนี้มีสอบแล้ว แต่เธอยังไม่ได้อ่านให้จบเลย

อาจารย์หยูยืนอยู่บนโพเดียม มองไปยังหลินชิงอิ่นที่นั่งก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่แถวที่สามอย่างตั้งใจ ในใจรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก เขายังจำได้ เมื่อปีที่แล้วตอนที่หลินชิงอิ่นเพิ่งเข้าโรงเรียนใหม่ๆ เธอเป็นคนที่ภาคภูมิใจในตัวเองมาก แต่เพียงหนึ่งปีให้หลัง เธอก็กลายเป็นสาวน้อยเงียบขรึม ผลการเรียนก็ร่วงลงไปไกล

จริงๆ แล้ว อาจารย์หยูก็รู้อยู่แล้วว่าเพื่อนร่วมชั้นมักแกล้งหลินชิงอิ่น ทุกครั้งที่เขาเห็นก็ต้องเข้าไปห้าม ในคาบโฮมรูมก็เตือนเด็กๆ ไม่ใช่น้อย แต่ต่อมาถึงแม้เผินๆ จะไม่เห็นการกลั่นแกล้ง แต่การกระทำเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังคงดำเนินอยู่อย่างไม่ขาดสาย หลินชิงอิ่นต้องใช้ชีวิตอยู่กับความหวาดกลัวไม่สบายใจทุกวัน แทบจะไม่มีสมาธิเรียนหนังสือเลย ทำให้สอบปลายภาคได้แค่อันดับ 35

อาจารย์หยูยังจำความรู้สึกตกใจและเสียใจได้ดี หลังจากที่รู้ว่าหลินชิงอิ่นได้กระโดดน้ำ เขาเสียใจที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการให้คำปรึกษานักเรียนในด้านจิตใจ เสียใจที่ไม่ได้จริงจังกับการกลั่นแกล้งที่เกิดขึ้นระหว่างนักเรียนด้วยกัน และยิ่งเสียใจที่ความประมาทของตัวเองได้ทำลายเมล็ดพันธุ์ที่ดีเม็ดนี้

ทางโรงเรียนเองก็ปวดหัวกับเรื่องที่หลินชิงอิ่นกระโดดน้ำนี่มาก พวกเขาได้ทุ่มเงินทุนการศึกษาหนึ่งแสนหยวน รวมถึงมาตรการยกเว้นค่าเล่าเรียน เพื่อให้หลินชิงอิ่นเข้าเรียนที่นี่ได้ ผลสุดท้ายเรียนได้เพียงปีเดียว นอกจากผลการเรียนตกต่ำแล้ว ยังกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ถ้าหากเป็นข่าวออกไป ใครจะกล้าส่งลูกมาเรียนที่โรงเรียนมัธยมตงฟางกั๋วจี่อีก ความหวังที่จะสร้างโรงเรียนมัธยมสำหรับผู้มีความสามารถพิเศษก็จะยากขึ้นไปอีก

ผู้อำนวยการเครียดจนหัวเกือบล้าน

โชคดีที่ผู้ปกครองของหลินชิงอิ่นไม่คิดจะเปิดเผยเรื่องที่ลูกสาวกระโดดน้ำ เพียงแต่มีข้อเสนอให้ย้ายหลินชิงอิ่นไปห้องใหม่ ฝ่ายโรงเรียนเองก็วางแผนจะจัดแบ่งกลุ่มนักเรียนใหม่อยู่พอดี โดยจะรวมนักเรียนที่เรียนดีไว้ด้วยกัน หวังว่าอาจจะปั้นเด็กเก่งขึ้นมาได้สักหนึ่งสองคน

แน่นอนว่าการแบ่งชั้นเรียนตามผลการเรียนนี้ไม่สามารถพูดออกมาตรงๆ ได้ เพราะอย่างไรเสียโรงเรียนมัธยมตงฟางกั๋วจี่ก็ไม่ใช่โรงเรียนรัฐบาล นักเรียนที่มาเรียนที่นี่ล้วนเป็นลูกคุณหนู

ถึงแม้ว่าหลินชิงอิ่นจะไม่รู้ถึงแผนการของโรงเรียน แต่สัญชาตญาณบอกเธอว่าการสอบครั้งนี้สำคัญมาก ดังนั้นนอกจากฝึกวิชา เธอก็มุ่งแต่อ่านหนังสือทบทวน แม้กระทั่งตอนที่ป้าหลี่ที่พบลูกชายของตัวเองได้แล้วชวนไปทานอาหารที่ภัตตาคารแพงๆ เธอก็ไม่ไป นับว่าเสียสละมากทีเดียว

เมื่อแจกตำราเสร็จก็เลิกเรียน อาจารย์หยูกลับไปที่สำนักงานของภาควิชาคณิตศาสตร์ และเริ่มตรวจการบ้านที่นักเรียนส่ง นอกจากส่วนของการบ้านช่วงปิดเทอมเกี่ยวกับวิชาคณิตศาสตร์แล้ว ยังมีชุดข้อสอบคณิตศาสตร์ 20 ชุดที่เขามอบหมายให้ทำอีกด้วย

ข้อสอบเหล่านี้ล้วนเป็นโจทย์ที่อาจารย์หยูออกเอง ไม่เพียงแต่ครอบคลุมทุกรูปแบบโจทย์ในระดับชั้นมัธยมปลายปีที่ 1 แล้ว ระดับความยากง่ายของแต่ละชุดยังแตกต่างกันไป วัตถุประสงค์หลักก็เพื่อให้นักเรียนได้ทบทวนความรู้ที่เรียนไปแล้วในเทอมที่ผ่านมาให้แน่นอีกครั้งระหว่างช่วงปิดเทอม แต่นักเรียนหลายคนคิดว่าอาจารย์คงไม่ตรวจการบ้านช่วงปิดเทอมหรอก โจทย์ที่ทำไม่ได้ก็แค่เดาสูตรลงไปตามมั่ว บางคนขี้เกียจมากจนแค่ลอกโจทย์อย่างเดียว

แน่นอนว่าในห้องเรียนก็ไม่ได้มีแต่นักเรียนที่เรียนไม่เก่ง ทุกห้องล้วนมีนักเรียนที่เรียนดีสองสามคน เพียงแต่เมื่อเทียบกับโรงเรียนมัธยมอื่นๆ แล้ว นักเรียนโรงเรียนมัธยมตงฟางกั๋วจี่จะให้ความสำคัญกับวิชาภาษาอังกฤษและความสามารถพิเศษมากกว่า ส่วนวิชายากๆ อย่างคณิตศาสตร์ ทุกคนทำได้คะแนนตกมาตรฐานทั้งนั้น

อาจารย์หยูพลิกอ่านไปเพียงไม่กี่หน้าก็เจอข้อสอบของหลินชิงอิ่น ความสามารถพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของหลินชิงอิ่นไม่เลว สอบเข้าได้คะแนนเต็ม เพียงแต่ตอนมัธยมปลายปีที่ 1 ตามเนื้อหาไม่ทัน คะแนนสอบปลายภาคเลยได้เกินมาตรฐานมาแค่หนึ่งคะแนนเท่านั้น

อาจารย์หยูกำลังครุ่นคิดว่าจะติวเข้มหลินชิงอิ่นเป็นการส่วนตัวดีไหม พลางตรวจกระดาษคำตอบของเธอ ใบหน้าของเขาจากที่เคยเรียบเฉยกลับมีสีหน้าจดจ่อมากขึ้นเรื่อยๆ แม้กระทั่งตอนที่เพื่อนร่วมงานเรียกให้กลับบ้าน เขาก็แทบไม่ได้ยิน จนกระทั่งตรวจข้อสอบจบชุดสุดท้าย อาจารย์หยูถึงได้ถอนหายใจยาว

ไม่เพียงแต่ทำถูกหมด แต่ยังเห็นที่มาที่ไปในการหาคำตอบได้อย่างชัดเจน ช่วงปิดเทอมนี้เธอคงขยันไม่น้อย บางทีพรุ่งนี้คะแนนสอบเปิดเทอมอาจจะกลับไปอยู่อันดับที่ 1 อีกครั้งก็ได้

ไม่ผิดหวังจริงๆ ที่เป็นถึงที่หนึ่งการสอบเข้า เป็นอัจฉริยะชัดๆ!

---

การสอบเปิดเทอมไม่เหมือนกับการสอบประจำเดือน กลางภาค หรือปลายภาคที่เคร่งเครียด แต่ก็จัดให้นักเรียนแยกโต๊ะออกจากกันหมด นอกจากอาจารย์ผู้สอนประจำแล้ว อาจารย์ประจำชั้นก็ต้องคุมสอบตลอดเวลา

วิชาแรกที่สอบคือคณิตศาสตร์ อาจารย์หยูกับอาจารย์ภาษาอังกฤษยืนกอดอกอยู่บนโพเดียม เด็กๆ ที่นั่งอยู่ข้างล่างถึงอยากจะลอกข้อสอบก็ไม่มีโอกาส ได้แค่ทำท่าทางขยี้ตาล้วงหูเหมือนจะหาทางช่วยเหลือกัน

หลินชิงอิ่นนั่งเรียนอยู่ริมหน้าต่างคนเดียว ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เลย นี่เป็นการสอบครั้งแรกของเธอ แต่เพราะข้อสอบเป็นวิชาคณิตศาสตร์ เธอจึงทำได้อย่างไม่รู้สึกกดดัน ทั้งๆ ที่เวลาผ่านไปเพียงครึ่งหนึ่ง เธอก็ทำข้อสอบเสร็จแล้ว

ในความคิดของหลินชิงอิ่น ไม่มีการตรวจทานข้อสอบเลยแม้แต่นิดเดียว ตราบใดที่เธอเขียนคำตอบลงไป ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะผิด เธอมั่นใจในตัวเองมากยิ่งกว่าเฉลยที่ถูกต้องของอาจารย์อีก

เมื่อทำข้อสอบเสร็จ หลินชิงอิ่นไม่อยากนั่งเหม่ออยู่ในห้องเรียน เธอยื่นกระดาษคำตอบให้กับอาจารย์หยู แล้วหยิบกระเป๋าเดินออกจากห้องไป

อาจารย์หยูให้อาจารย์ภาษาอังกฤษคุมสอบต่อ ส่วนตัวเองก็หยิบปากกาสีแดงมาตรวจข้อสอบของหลินชิงอิ่น อาจารย์ลี่เหยียนอู่ (李彦宇) อาจารย์ภาษาอังกฤษคอยมองความเคลื่อนไหวด้านล่างไปพลาง แอบชะโงกหน้ามองคำตอบในกระดาษคำตอบไปพลาง ถึงแม้เขาจะอ่านโจทย์ไม่ออก แต่ก็พอจะเห็นสีหน้าพึงพอใจของอาจารย์หยู หลังจากผ่านไปสิบนาที อาจารย์หยูเขียนคะแนนลงบนหน้าแรกของข้อสอบ 150 คะแนน

อาจารย์ลี่เหยียนอู่ตกใจจนอ้าปากค้าง กระซิบถามเสียงเบาว่า "ทำถูกหมดเลยเหรอ"

อาจารย์หยูพยักหน้า กระซิบตอบเขาว่า "คาดว่าช่วงปิดเทอมคงอ่านหนังสือหนักมาก เด็กเรียนเก่งก็คือเด็กเรียนเก่ง พอขยันปุ๊บก็ก้าวขึ้นมาทันที"

อาจารย์ลี่เหยียนอู่นึกถึงคะแนนสอบปลายภาคครั้งก่อนของหลินชิงอิ่นที่ถือว่าพอใช้ได้ ก็อดคาดหวังไม่ได้ ปิดเทอมฤดูร้อนครั้งนี้ ถ้าภาษาอังกฤษไม่พูดถึงเต็ม 150 ก็คงได้เกิน 130 คะแนนแน่ๆ

ตอนนี้ที่ศาลาในสวนของโรงเรียน หลินชิงอิ่นกำลังมองหนังสือภาษาอังกฤษที่เต็มไปด้วยตัวหนอนๆ อยู่ตาละห้อย วิชาอื่นๆ เธอแค่พยายามหน่อยก็เก็บผลงานได้ไม่น้อย แต่วิชาภาษาอังกฤษนี่เธอช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ นี่มันอะไรกันเนี่ย

นักเรียนในโรงเรียนมัธยมตงฟางกั๋วจี่หลายคนวางแผนจะไปเรียนต่อต่างประเทศหลังจบมัธยมปลาย โรงเรียนจึงให้ความสำคัญกับวิชาภาษาอังกฤษเป็นพิเศษ นอกจากอาจารย์สอนภาษาอังกฤษที่รับผิดชอบการสอบแล้ว แต่ละห้องยังมีครูสอนพิเศษชาวต่างชาติที่รับผิดชอบด้านการพูดโดยเฉพาะ ส่วนเหล่าลูกคุณหนูในโรงเรียนก็ไปเที่ยวต่างประเทศ ไปค่ายฤดูร้อนที่ต่างประเทศกันมาไม่น้อย ทักษะการพูดของคนส่วนใหญ่จึงไม่เลว คาบเรียนภาษาอังกฤษจึงเป็นคาบเดียวที่ทำให้อาจารย์สบายใจที่สุด

อาจารย์ลี่เหยียนอู่แจกข้อสอบ เปิดเทปให้นักเรียนทำข้อสอบฟัง เขามองไปทั่วห้องสอบ ก่อนจะหันไปมองหลินชิงอิ่นด้วยสีหน้าคาดหวัง ใครจะไปคิดว่าหลิวชิงอิ่นหยิบปากกาขึ้นมาแล้ว ยังหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าอีก...

อาจารย์ลี่เหยียนอู่กระพริบตาสองสามทีถึงเห็นชัดว่า สิ่งที่อยู่ในมือหลินชิงอิ่นคือเปลือกเต่า

มันมีไว้ทำอะไรในการสอบกัน

ยังไม่ทันจะคิดออก ก็เห็นหลินชิงอิ่นหยิบเหรียญโบราณสามเหรียญออกมาจากกระเป๋าอีก วางในเปลือกเต่าเขย่าๆ แล้วโยนบนโต๊ะ ไม่รู้ทำไม เหรียญพวกนั้นตกลงบนโต๊ะแล้วไม่มีเสียงใดๆ เลย ไม่ได้รบกวนสมาธิของเพื่อนๆ ที่กำลังทำข้อสอบฟังแม้แต่น้อย

หลินชิงอิ่นมองเหรียญแวบหนึ่ง รีบเขียนคำตอบลงในข้อสอบอย่างเร็ว อาจารย์ลี่เหยียนอู่มองอึ้งไปนานกว่าจะทนไม่ไหว สะกิดอาจารย์หยูที่กำลังตรวจข้อสอบคณิตศาสตร์อยู่ข้างๆ กระซิบถามว่า "คุณดูสิ หลินชิงอิ่นกำลังทำอะไรอยู่"

อาจารย์หยูเลิกคิ้วมองผ่านแว่น รอจนกระทั่งมองเห็นชัดเจนว่าหลินชิงอิ่นทำท่าทางอะไร ก็ชะงักไปด้วยความงุนงง ...

นักเรียนเรียนเก่งที่ว่าไปไหนแล้ว

รูปลักษณ์พังทลายเร็วขนาดนี้ จริงเหรอเนี่ย!!!

อาจารย์ลี่เหยียนอู่ที่เป็นพวกมีประสบการณ์ ดูเหมือนจะเข้าใจการกระทำของหลินชิงอิ่นไปโดยปริยาย เขาลูบคางอย่างประหลาดใจ "เธอโยนเหรียญเดาคำตอบเหรอ เหรียญหนึ่งเหรียญคือตัวเลือกหนึ่งข้อ แต่ว่ามีแค่สามเหรียญนี่ แล้วถ้าเจอข้อที่ตอบ D จะทำยังไงล่ะ"

อาจารย์หยูมองอาจารย์ลี่เหยียนอู่ที่ไม่จริงจังด้วยสายตาดุดัน รอจนกระทั่งการสอบฟังจบแล้ว เขาจึงเดินลงจากโพเดียมโดยตรง ใช้นิ้วชี้เคาะเบาๆ ที่โต๊ะของหลินชิงอิ่น พยักเพยิดไปทางเปลือกเต่าในมือเธอ "เอาของที่ไม่เกี่ยวกับการสอบออกไปนะ"

หลินชิงอิ่นเงยหน้ามองอาจารย์หยูอย่างไร้เดียงสา "มันเกี่ยวกับการสอบนะคะ ฉันกำลังโยนเพื่อตอบคำถามอยู่นี่ไง"

อาจารย์หยูได้ยินคำพูดที่ฟังดูมีเหตุผลของหลินชิงอิ่น เกือบจะติดคอตาย กลืนอากาศไม่ลงไม่ขึ้น กับนักเรียนคนอื่นเขาคงไม่เสียเวลาถามอะไรมาก เก็บข้อสอบไปเลยแน่ๆ แต่สำหรับหลินชิงอิ่นแล้ว เขาอดใจไม่ไหวที่จะใจเย็นกับเธอสักนิด

เพื่อนร่วมชั้นที่นั่งข้างๆ เห็นอาจารย์หยูมายืนอยู่ข้างโต๊ะหลินชิงอิ่น ก็อดที่จะชะเง้อมองไม่ได้ อาจารย์หยูไม่อยากรบกวนการสอบปกติ เขาจึงกระซิบคุยกับหลินชิงอิ่น "ลองมองโจทย์ให้มากขึ้น บางทีอาจจะตอบถูกก็ได้ อย่าทำอะไรมั่วๆ สิ"

หลินชิงอิ่นพยักหน้า รอจนอาจารย์หยูเดินกลับขึ้นโพเดียม เธอก็เริ่มโยนเหรียญต่ออีกครั้ง อาจารย์หยูลูบหน้าผากอย่างปวดหัว กำลังจะลงไปอีกรอบ แต่อาจารย์ลี่เหยียนอู่ดึงเขาไว้ "ปล่อยให้เธอโยนไปเถอะ พอคะแนนออกมาแล้ว เธอต้องรู้ตัวเองแน่ๆ ว่าดีหรือไม่ดี ตอนนั้นไม่ต้องห้ามให้เธอโยนหรอก เธอเองก็คงไม่โยนแล้ว"

อาจารย์หยูได้ยินแล้วก็คิดว่าใช่ ตอนพวกเขายังเรียนอยู่ ก็มีเพื่อนที่โยนเหรียญ โยนลูกเต๋าตอบข้อสอบเหมือนกัน สำหรับคนที่ดวงไม่ดีก็แทบไม่เคยตอบถูกเลย สู้หลับตาเดาไปเองยังจะดีกว่า

ข้อสอบภาษาอังกฤษยังคงเต็ม 150 คะแนน มีข้อฟัง 30 คะแนน ข้ออ่านเชิงวิเคราะห์ 40 คะแนน ข้อเติมความรู้ทางภาษา 45 คะแนน ซึ่งล้วนเป็นข้อเลือกตอบ มีเพียงข้อเขียนเรียงความที่ต้องเขียนคำศัพท์ มีแค่ 35 คะแนนเท่านั้น

อาจารย์ลี่เหยียนอู่มองหลินชิงอิ่นที่มือข้างหนึ่งเขย่าเปลือกเต่า มืออีกข้างกาคำตอบด้วยความเร็วสูง ในขณะที่เพื่อนคนอื่นๆ กำลังอ่านข้อความเพื่อวิเคราะห์ เธอกลับข้ามไปสองหน้าแล้ว พอนักเรียนคนอื่นทำถึงหน้าที่สอง หลินชิงอิ่นก็เดินมาส่งข้อสอบแล้ว

อาจารย์ลี่เหยียนอู่รับข้อสอบจากหลินชิงอิ่นแล้ว เปิดไปที่หน้าสุดท้ายของข้อสอบทันที ข้อเขียนเรียงความปล่าวเปล่า ไม่มีแม้แต่คำเดียวให้เห็น

เวลาสอบยังเหลืออีกกว่าหนึ่งชั่วโมง อาจารย์ลี่เหยียนอู่หยิบเฉลยมาจากซองเอกสาร เพื่อตรวจคำตอบของหลินชิงอิ่น เขาอยากรู้ว่าการใช้เปลือกเต่าช่วยตอบข้อสอบนั้น จะได้คำตอบถูกมากแค่ไหน

ข้อฟัง ถูกหมด!

ข้ออ่านเชิงวิเคราะห์ ถูกหมด!

ข้อเติมคำศัพท์ ถูกหมด!

หักลบข้อเขียนเรียงความ หลินชิงอิ่นได้คะแนนภาษาอังกฤษ 115 คะแนน ถึงจะไม่ถือว่าดีมากนัก แต่ก็ไม่ได้แย่จนเกินไป แค่ว่า...

คะแนนนี้มาจากการใช้เปลือกเต่าโยนเหรียญนะเนี่ย!

อาจารย์ลี่เหยียนอู่รู้สึกหงุดหงิดใจยิ่งนัก เขาจึงปล่อยให้หลินชิงอิ่นโยนเหรียญในครั้งนี้ เพื่อปรับทัศนคติของเธอ แต่สุดท้ายผลที่ได้กลับไม่อาจจินตนาการได้...

นี่มันดวงอะไรกัน! ถ้ามีดวงขนาดนี้ไปซื้อหวยดีกว่ามั้ย ใช้ตอบข้อสอบเนี่ยนะมันสิ้นเปลืองเกินไปแล้ว

อาจารย์ลี่เหยียนอู่เขียนคะแนนด้วยความหงุดหงิด ทนไม่ไหวต้องบอกกับอาจารย์หยู "ตอนบ่ายนี้อย่าปล่อยให้เธอโยนเหรียญอีกเลยนะ ดวงของเธอนี่มันขั้นโกงเลยนะ!"

อาจารย์หยูพยักหน้า ก่อนสอบตอนบ่าย เขาเรียกหลินชิงอิ่นออกมานอกห้องเรียนก่อน "ต่อไปนี้บนโต๊ะสอบห้ามวางอะไรนอกจากข้อสอบกับปากกาเด็ดขาด" เขามองหลินชิงอิ่นแล้วเน้นย้ำ "โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้ามโยนเหรียญเพื่อเดาคำตอบ! นี่ก็เพราะเป็นแค่การสอบเล็กๆ น้อยๆ ในโรงเรียนเท่านั้น การคุมสอบถึงไม่เข้มงวด ถ้าเป็นการสอบเข้ามหาวิทยาลัย หากเธอทำแบบนี้ถือเป็นการโกงข้อสอบได้เลย"

หลินชิงอิ่นพยักหน้าอย่างเสียดายเล็กน้อย เมื่อแจกข้อสอบเคมีมาแล้ว เธอก็อ่านทั้งฉบับอย่างคร่าวๆ ข้อเลือกตอบกับข้อเขียนตอบมีคะแนนฝั่งละ 50 คะแนนพอดี

จริงๆ แล้วถึงไม่มีเปลือกเต่ากับเหรียญ เธอก็ตอบข้อเลือกตอบตามสัญชาตญาณได้อยู่แล้ว เพียงแต่จะช้ากว่าการโยนเหรียญเท่านั้นเอง

หลินชิงอิ่นเขียนคำตอบเป็น A ในข้อแรก พอจบประโยคเธอก็รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เธอเปลี่ยนคำตอบเป็น B แต่พอเขียนเสร็จแล้วก็ยังรู้สึกไม่ถูกตา หลินชิงอิ่นเลยขีดฆ่า B ออก แล้วเขียนเป็น C แทน...

ก็บอกแล้วไงว่าการตอบตามสัญชาตญาณมันช้า ไหนจะสู้ความแม่นยำของเปลือกเต่าได้

---

การสอบวันนี้จบลงแล้ว หลินชิงอิ่นออกจากโรงเรียนมาด้วยอาการมึนหัวตาลาย รู้สึกจะเหนื่อยมากกว่าตอนที่ต้องไขหมากรุกฟ้าดินเมื่อชาติที่แล้วเสียอีก

เธอนวดขมับ วันพรุ่งนี้ก็ยังต้องสอบอีกวันหนึ่ง แต่เธอไม่มีแรงที่จะอ่านหนังสือแล้ว ช่วงนี้ไม่อยากอ่านด้วย เธออยากพักผ่อนจริงๆ เอาเป็นดูดวงผ่อนคลายดีกว่า

หลินชิงอิ่นหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาอ้วนหวัง "ถามคนที่อยากดูดวงหน่อย จัดมาให้ห้าคน ฉันรออยู่ที่สวนสาธารณะนะ!"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด