บทที่ 16 กรรมตามทัน
มาถึงในเมือง จางอู๋พาจางเจี้ยนกั๋ว หลินชิงอิ่น และอ้วนหวังมาส่งที่หน้าร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่ง เขาหยิบปึกเงินจากกระเป๋าให้จางเจี้ยนกั๋วเลี้ยงอาจารย์ทานอาหาร ส่วนตัวเขาขอโทษหลินชิงอิ่นแล้วก็รีบร้อนจากไป
จางอู๋มีเวลาจำกัด เขาต้องจัดการเรื่องต่างๆ ในครอบครัวให้เรียบร้อยก่อนที่พลังชะตาในตัวจะหายไปและกรรมจะส่งผลกระทบ เขาวางแผนจะไปฝากค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ของลูกสาวไว้ที่โรงพยาบาลอีกหลายหมื่นหยวนเพื่อรองรับการผ่าตัดและการรักษาต่อเนื่อง อีกทั้งเขาต้องซื้อประกันจ่ายครั้งเดียวจำนวนมากให้กับครอบครัวและกองทุนทรัสต์ของลูกสาวด้วย แม้แต่เงินย้ายสุสานบรรพบุรุษก็ต้องเตรียมไว้ล่วงหน้า เขากลัวว่าท้ายที่สุดแล้วเขาจะไม่มีแม้แต่เศษสตางค์ติดตัวจนไม่มีปัญญาจ่ายค่าใช้จ่ายเหล่านี้
ร้านอาหารส่วนตัวที่จางอู๋หาให้มามีชื่อเสียงมาก รสชาติอาหารขึ้นชื่อเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเห็นจานอาหารเลิศรสเสิร์ฟขึ้นมาเรียงราย หลินชิงอิ่นหันไปถามอ้วนหวัง "พ่อครัวพวกนี้จบจากที่ไหนกันเหรอ"
อ้วนหวังคิดอยู่ครู่หนึ่ง "ที่ผมรู้สึกว่าเป็นโรงเรียนสอนทำอาหาร มีแค่ซินตงฟางเท่านั้นแหละ อย่างอื่นผมไม่รู้จริงๆ"
หลินชิงอิ่นค้นหาความทรงจำของร่างเดิมเกี่ยวกับซินตงฟาง แต่น่าเสียดายที่นอกจากเรียน ร่างเดิมแม้แต่ดูทีวียังไม่ดู นางไม่รู้เลยว่าซินตงฟางคืออะไร นางจึงหาคำตอบจากอ้วนหวังต่อ
"ซินตงฟางนับเป็นมหาวิทยาลัยหรือเปล่า"
อ้วนหวังถูกหลินชิงอิ่นถามจนงง แทบจะคิดว่าตัวเองหูฝาด เขายังสับสนกับการคิดของหลินชิงอิ่นอยู่เลย จึงพูดออกมาตรงๆ "ที่ท่านพูดถึงคือวิทยาลัยสอนทำอาหารซินตงฟางใช่ไหมครับ" เขาอธิบายง่ายๆ "นั่นเป็นที่สอนทักษะทางอาชีพ ถ้าไม่สอนทำอาหาร ก็ไม่สอนอย่างอื่นแน่นอน เป็นมหาวิทยาลัยไม่ได้หรอกครับ"
หลินชิงอิ่นอุทานออกมา โรงเรียนดีอย่างนี้นี่เอง ไม่เพียงแต่สอนทำอาหารอร่อยๆ แล้วยังไม่ต้องทำการบ้านด้วย
น่าเสียดายนะ ความจำของร่างเดิมก็คือสอบเข้ามหาวิทยาลัย
หลินชิงอิ่นถอนหายใจด้วยความเสียดาย ไม่รู้ว่าให้แม่ไปเรียนที่ซินตงฟางได้ไหม
นางเบื่อที่จะกินบะหมี่ต้มน้ำรสเค็มจัดกับผักต้มไม่มีรสชาติแล้วจริงๆ!
---
หลังรับประทานอาหารเสร็จ เวลาก็เพิ่งจะบ่ายสองโมง จางเจี้ยนกั๋วเหนื่อยล้ามากแล้วหลังจากวุ่นวายมาครึ่งวัน เขานั่งคุยอยู่ครู่หนึ่งก็ลากลับไปก่อน
อ้วนหวังเห็นลายเวทที่หลินชิงอิ่นวางในวันนี้ก็ค่อนข้างตื่นเต้น อยากจะแบ่งปันให้คนอื่นฟังเรื่องที่น่าทึ่งนั้นมาก แต่เสียดายที่เรื่องนี้ไม่เหมาะจะเล่าให้คนอื่นฟัง มีแค่เจียงเว่ยที่ฟังได้
อ้วนหวังนึกถึงที่หลินชิงอิ่นบอกให้เจียงเว่ยรออยู่บ้านในวันนี้เพื่อรอศัตรูมาหา เขาอดเสนอขึ้นมาไม่ได้ "ท่านอาจารย์ ที่นี่ห่างจากบ้านเจียงเว่ยแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น ไปดูความวุ่นวายที่บ้านเขากันไหมครับ"
หลินชิงอิ่นมองออกนอกหน้าต่าง ส่ายหน้าทันที "อีกเดี๋ยวก็จะมีฟ้าร้องฝนตกแล้ว ถ้าจะดูความวุ่นวายก็รออยู่ตรงนี้เถอะ อาจจะส่งวิดีโอไปให้เจียงเว่ยก็ได้"
อ้วนหวังไม่เข้าใจว่าหลินชิงอิ่นหมายถึงอะไร แต่หลังจากตามหลินชิงอิ่นไปทั่วสองสามวันนี้ เขาก็สรุปได้ว่าท่านอาจารย์น้อยพูดอะไร ก็ถูกต้องทั้งหมดทั้งสิ้น แค่ทำตามอย่างว่าง่ายก็พอ
หลินชิงอิ่นบอกว่าจะมีฝนตก ฝนก็ตกลงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากเสียงฟ้าร้องดังขึ้นครั้งหนึ่ง ท้องฟ้าที่เพิ่งสดใสเมื่อกี๊ก็มืดครึ้มลงในพริบตา อ้วนหวังเกาศีรษะ ดูแอปพยากรณ์อากาศในมือถือของเขา บนนั้นปรากฏรูปพระอาทิตย์ใหญ่ เขียนไว้ว่า "สดใส"
อ้วนหวังมองหลินชิงอิ่นที่กำลังลูบไล้กระดองเต่าของเขา ครางออกมาอย่างงุนงง "ท่านอาจารย์ พวกเรากำลังรออะไรกันอยู่ล่ะครับเนี่ย"
หลินชิงอิ่นพยักเพยิดไปทางหน้าต่าง "อีกเดี๋ยวถ้าได้ยินเสียงฟ้าร้อง ก็แค่นั่งดูตรงหน้าต่างนั่นแหละ"
อ้วนหวังคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ส่งข้อความหาเจียงเว่ย "วันนี้ที่บ้านนายคึกคักดีไหม"
เจียงเว่ยตอบกลับมาด้วยข้อความเสียง น้ำเสียงตื่นเต้น "เฉินหยู่เฉิงเพิ่งหนีออกไปจากบ้านผม โคตรมันส์เลย"
---
เจียงเว่ยบอกพ่อแม่ตั้งแต่เช้าแล้วว่า ท่านอาจารย์บอกว่าห้ามออกจากบ้าน พ่อเจียงกับแม่เจียงเหมือนได้ยินพระราชโองการ พวกเขาเลยมอบหมายงานทั้งหมดให้คนอื่นไป ตั้งใจจะอยู่บ้านทั้งวัน
ช่วงเช้าทั้งหมดก็เงียบสงบ ไม่มีเรื่องอะไร กินข้าวเที่ยงเสร็จ เฉินหยู่เฉิงก็โทรมาอย่างกะทันหัน พ่อเจียงเห็นชื่อบนหน้าจอโทรศัพท์ รู้สึกหนักใจยิ่งนัก เขารอโทรศัพท์จากเฉินหยู่เฉิงตั้งแต่วันที่รู้ความจริง แต่ตอนที่โทรศัพท์เข้ามาจริงๆ ในใจเขาก็ปวดร้าวเหลือเกิน เขาไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ ว่าคนที่ทำร้ายตนเองจะเป็นเพื่อนสนิทที่คบหากันมาหลายปี
พ่อเจียงสูดหายใจลึก รับโทรศัพท์ แล้วแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรทักทายเฉินหยู่เฉิงสองสามคำ เฉินหยู่เฉิงเห็นได้ชัดว่าไม่ใส่ใจ เอ่ยขึ้นมาสองสามประโยคอย่างขอไปที แล้วก็รีบถามในประเด็นที่เขาสนใจ "พี่เจียง สร้อยจี้หยกที่ผมเคยให้พี่กับพี่สะใภ้ พวกคุณเก็บไว้ติดตัวไหม ช่วงนี้ผมเจออาจารย์ท่านนั้นอีกแล้ว เลยขอจี้ที่ศักดิ์สิทธิ์กว่าเก่ามาให้อีกคู่ ไม่เพียงแต่ปกป้องความปลอดภัย แต่ยังเพิ่มโชคลาภด้วย เดี๋ยวผมเอามาให้ที่บ้านพี่เลย"
หัวใจของพ่อเจียงเหมือนจมอยู่ในน้ำแข็ง เย็นเฉียบจนตัวสั่น "ไม่ต้องหรอก ผมกับเมียไม่เชื่ออย่างนั้น คุณเก็บไว้ใส่เองเถอะ"
"ไม่ได้!" เฉินหยู่เฉิงเสียงดังขึ้นมาทันที เหมือนรู้ตัวว่าตัวเองปรับอารมณ์ไม่ได้ เงียบไปสองวินาทีก่อนจะหัวเราะแหะๆ "พี่ ผมเป็นห่วงสภาพของพี่ตอนนี้เหลือเกิน เลยขอเครื่องรางที่มีโชคลาภติดตัวมาให้เป็นพิเศษ ถึงจะศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ก็เอาเป็นสิริมงคลแล้วกัน"
พ่อเจียงหัวเราะเยาะคำหนึ่ง "จากที่ผมเห็นในข่าว ช่วงนี้คุณก็ดูไม่ค่อยดีนัก ไม่เพียงแต่ปัญหาคุณภาพสินค้า แถมยังโดนสรรพากรจับตาดูอีก จี้หยกที่คุณถือ คุณเก็บไว้ใส่เองเถอะ ไม่แน่อาจจะพลิกวิกฤตเป็นโอกาสก็ได้นะ! เอาล่ะ ผมก็ยุ่งพอดู ไว้คุยกันใหม่" พูดจบก็วางสายไป ไม่สนใจว่าเฉินหยู่เฉิงจะพูดอะไร
แม่เจียงฟังอยู่ข้างๆ ตลอด พอเห็นพ่อเจียงแทบไม่ได้ด่าเฉินหยู่เฉิงเลย
อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธ "ก็ควรจะด่าเขาว่ามีจิตใจหรือเปล่า คุณยังไปพูดอะไรมากมายกับเขาอีก"
พ่อเจียงถอนหายใจอย่างหมดแรง พูดเสียงเบา "ด่าแล้วจะมีประโยชน์อะไร ก็แค่เสียน้ำลายเปล่าๆ ในเมื่อท่านอาจารย์บอกว่าคนแบบนี้จะมีวันกรรมตามทันเอง ก็ปล่อยให้เขารอดูผลก็แล้วกัน"
แม่เจียงได้ยินชื่อของท่านอาจารย์น้อยแล้วถึงได้ยอมไม่คิดมากกับพ่อเจียง แต่ไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงเคาะประตู พอเปิดประตูก็พบว่าเฉินหยู่เฉิงยืนอยู่หน้าประตูพร้อมผู้ชายแปลกหน้า
เจียงเว่ยเห็นหน้าหล่อเหลาจอมปลอมนั่งของเฉินหยู่เฉิง ก็เรียกเขาว่าลุงไม่ออก เขามองเฉินหยู่เฉิงเย็นชาแล้วไม่พูดอะไร
เฉินหยู่เฉิงตอนนี้มีแต่ความยุ่งยากล่าสุดอยู่ในหัว ไม่ได้สังเกตเลยว่าท่าทีของเจียงเว่ยมีอะไรแปลกไป ยื่นหมวกแฟชั่นใหม่ที่ถือมาเองให้เจียงเว่ย "ฉันเห็นหนุ่มๆ ช่วงนี้ใส่กันเยอะ เลยซื้อมาให้หนึ่งใบ"
เจียงเว่ยมองหมวกที่ยื่นเข้ามาตรงหน้า ถอยหลังไปก้าวหนึ่งอย่างไม่ปิดบัง ขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ "ผมรู้สึกว่ามันสกปรก"
เฉินหยู่เฉิงหรี่ตาทันใด ยังคงทำหน้ายิ้มแย้ม "นี่เจียงเว่ยหมายความว่าอย่างไรกัน ทำไมถึงพูดกับลุงแบบนี้ล่ะ"
"นายมีหน้ามาเป็นลุงผมด้วยเหรอ" เจียงเว่ยมองเขาอย่างเย็นชา "โชคชะตาของผมใช้ดีไหม สนุกมากใช่ไหมที่ได้รวยล้นฟ้ามาสองปี"
เฉินหยู่เฉิงมองเจียงเว่ยแล้วก็มองพ่อแม่ของเจียงเว่ยที่ยืนนิ่งอยู่ สีหน้าบิดเบี้ยวอย่างน่ากลัว "พวกคุณรู้แล้วเหรอ"
พ่อเจียงโยนจี้หยกคู่นั้นใส่อกเฉินหยู่เฉิง จ้องอีกฝ่ายด้วยสายตาลึกซึ้ง "ในตอนที่ผมตกต่ำ ทุกคนล้วนมองผมอย่างดูถูกเหยียดหยาม มีแต่คุณที่มาเยี่ยมบ่อยๆผมคิดว่าชาตินี้มีเพื่อนอย่างคุณก็เพียงพอแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าคนที่แทงข้างหลังกลับเป็นเพื่อนสนิทอย่างคุณ"
เฉินหยู่เฉิงกำจี้หยกในมือไว้ หัวเราะลั่นขึ้นมา "ถ้าคุณถือว่าผมเป็นเพื่อนสนิทจริง ก็ไม่ควรรวยเงียบๆ คนเดียว ถ้าคุณแบ่งโชคชะตาของเจียงเว่ยให้ผมได้จับจองบ้าง ผมจะต้องตกอยู่ในสภาพสิ้นหวังขนาดนั้นเหรอ" หัวเราะอยู่ครู่หนึ่งจนค่อยๆ เย็นชาลง "คุณรู้ไหมว่าทำไมผมถึงได้ไปเยี่ยมคุณบ่อยๆ ก็เพราะผมต้องง้อคุณเพื่อที่คุณจะไม่ถอดจี้หยกนั่นออกไงล่ะ!"
เมื่อเห็นท่าทีไร้ยางอายของเฉินหยู่เฉิง ความเจ็บปวดที่พ่อเจียงกดดันเอาไว้ก็สลายหายไปในพริบตา เขากล่าวว่า "ฟ้าดินมีตาแน่นอน คนทำชั่วย่อมได้รับกรรม เฉินหยู่เฉิง คุณก็ไปตามยถากรรมของคุณเองเถอะ"
เฉินหยู่เฉิงรู้ดีว่าตนเองร่ำรวยมาได้อย่างไร และเข้าใจผลที่จะตามมาเมื่ออาคมถูกทำลาย เขาพาอาจารย์ที่ใช้วิชาอาคมมาวันนี้เพราะยังหวังลึกๆ ว่าตระกูลเจียงอาจจะทำลายจี้หยกโดยบังเอิญ และเขายังมีโอกาสแก้ไขได้ แต่สถานการณ์กลับพัฒนาไปถึงจุดที่เลวร้ายที่สุด เขาจึงตัดสินใจขอโชคชะตาทั้งหมดของเจียงเว่ยมาเป็นของตัวเองให้จงได้
หลี่ชิงหลานที่มากับเฉินหยู่เฉิงก็มีจุดประสงค์เดียวกัน เขาเรียนวิชาอาคมลึกลับมาตั้งแต่เด็ก อาศัยการสะกดคนอื่นและวางคำสาปหาเงินทองมาอย่างผิดศีลธรรม คนที่ทำชั่วมากเช่นนี้ โชคชะตาก็ไม่อาจสมบูรณ์ เขาพบเฉินหยู่เฉิงในช่วงเวลาที่ทุกอย่างไม่ราบรื่น
ตอนนั้นเฉินหยู่เฉิงจ้างเขามาดูฮวงจุ้ยบ้านว่ามีจุดบกพร่องหรือไม่ แต่เผอิญเจียงเว่ยมาส่งของให้ตามคำสั่งพ่อ หลี่ชิงหลานพอเห็นเจียงเว่ยที่มีชะตาสุดรุ่งโรจน์ก็อิจฉาจนตาเขียว พอเจียงเว่ยเดินจากไป เขาก็แนะเฉินหยู่เฉิงให้ขโมยโชคชะตามาทันที เฉินหยู่เฉิงตกลงร่วมมือกับหลี่ชิงหลานโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ทั้งสองอาศัยการขโมยโชคชะตาของเจียงเว่ยจนรุ่งเรือง ในช่วงแรกเฉินหยู่เฉิงยังมีความกังวลอยู่บ้าง แต่ต่อมาเมื่อทุกอย่างราบรื่นก็เริ่มลำพองตน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ทำได้หรือทำไม่ได้ก็กล้าลงมือทำหมด คิดว่าด้วยโชคชะตาที่เข้มแข็งขนาดนี้ตนเองจะไม่มีวันเดือดร้อนแน่ สำหรับหลี่ชิงหลานยิ่งไม่ต้องพูดถึง เขามีจิตใจชั่วร้ายอยู่แล้ว เรียนวิชามารอีกต่างหาก ใช้ชะตาที่ขโมยมาทำความชั่วสารพัดจนเหลิงไปไกล
แต่แล้วในขณะที่ทั้งสองเริ่มลืมตัว บริษัทของเฉินหยู่เฉิงก็ถูกเปิดโปงว่ามีปัญหาเรื่องคุณภาพสินค้า จากนั้นเพียงหนึ่งวันเรื่องเลี่ยงภาษีก็ปิดไม่มิด ตอนนี้การระดมทุนผิดกฎหมายของเขากำลังถูกสอบสวน
และในช่วงที่เฉินหยู่เฉิงกำลังยุ่งยากอย่างหนัก หลี่ชิงหลานก็มาหาเขา บอกว่าตนอยากเสี่ยงดวงเล่นการพนันครั้งใหญ่ แต่กลับเสียเนื้อเสียตัวไปหมด ไม่เพียงแค่นั้น ยังประสบอุบัติเหตุตอนใช้วิชาอาคมทำร้ายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
ทั้งสองคุยกันแล้วคิดว่าจี้หยกที่ใช้วางอาคมน่าจะมีปัญหา จึงรีบมาที่บ้านตระกูลเจียง แต่ไม่คาดคิดว่าทางนั้นจะจ้างคนมาทำลายวิชาอาคมชั่วร้ายที่หลี่ชิงหลานใช้ก่อนแล้ว
เฉินหยู่เฉิงไม่รู้ถึงความอันตรายของอาคมนี้ แต่หลี่ชิงหลานกลับเข้าใจดี คนที่มีความสามารถขนาดนั้นไม่ใช่คนธรรมดาแน่ หากเป็นยามปกติ เขาต้องถอยแน่นอน แต่ครั้งนี้เกี่ยวพันถึงตัวเขาเอง เขาจึงมีแต่ต้องสู้ตายสุดชีวิต
เฉินหยู่เฉิงกับหลี่ชิงหลานมองตากัน แล้วผลักพ่อเจียงที่กำลังขวางทางเข้าไปข้างใน ปิดประตูตามหลัง
เฉินหยู่เฉิงมองพ่อเจียงที่เกือบจะยืนไม่อยู่อย่างใจร้าย "พี่เจียง ในเมื่อคุณไม่รับน้ำใจ งั้นผมก็ต้องขอบังคับสักหน่อยแล้ว"
พร้อมกับประโยคของเฉินหยู่เฉิง หลี่ชิงหลานหยิบกระดาษสีเหลืองออกมาจากกระเป๋า กระดาษมีเปลวไฟสีเขียวพวยพุ่งออกมาเองโดยไม่มีลม ภาพชวนขนลุกนี้ทำให้พ่อแม่เจียงตกใจไม่น้อย
ส่วนเจียงเว่ยกลับใจเย็นดึงแขนพ่อแม่เบาๆ กระซิบว่า "ท่านอาจารย์น้อยพูดไว้แล้วเมื่อวานว่า เพียงแค่มองดูก็พอ"
พอได้ยินว่าท่านอาจารย์น้อยคาดการณ์สถานการณ์นี้ไว้แล้ว พ่อแม่เจียงก็สงบลง แต่กลับทำให้หลี่ชิงหลานเห็นท่าทีไม่ตื่นตระหนกของพวกเขาแล้วใจสั่น มือที่ถือกระดาษสีเหลืองสั่นจนประกายไฟสีเขียวร่วงใส่ตัวเองกับเฉินหยู่เฉิง แล้วเปลวไฟก็ดับวูบไป
เห็นเหตุการณ์นี้ ใบหน้าของหลี่ชิงหลานซีดเผือด รีบหยิบโถจากกระเป๋าแล้วปิดฝาแน่น โถใบนั้นไม่รู้ใส่อะไรไว้ กำลังดิ้นรนจะออกมา กระแทกโถจนดังกึกก้อง
เฉินหยู่เฉิงยังไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติ ก็ยังคงแสยะยิ้มคุกคามพ่อเจียงอยู่ "พออาจารย์ทำพิธีเสร็จ ถึงคุณจะคุกเข่าอ้อนวอนผม ก็สายไปแล้ว" พูดพลางใช้ข้อศอกชนหลี่ชิงหลาน "อาจารย์ ทำให้เข็ดเลยครับ"
หลี่ชิงหลานที่เดิมทีก็ควบคุมโถใบนั้นไม่ค่อยอยู่แล้ว พอโดนเฉินหยู่เฉิงชนอีกที โถในมือก็ร่วงลงพื้นแตกละเอียดทันที
สิ่งมีชีวิตสีดำทะมึนบินออกมาทันใด ส่งเสียงหึ่งๆ ห้อมล้อมเฉินหยู่เฉิงกับหลี่ชิงหลานอย่างหนาแน่นในพริบตา
เห็นฉากสยดสยองขนหัวลุกเช่นนี้ สมาชิกตระกูลเจียงต่างก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่งพร้อมกัน จ้องมองภาพชวนสะใจตรงหน้าไม่กระพริบตา
เพียงไม่กี่วินาที หลี่ชิงหลานก็รู้สึกปวดแสบปวดร้อนทั้งใบหน้าและแขน เขาทั้งปัดไล่แมลงพิษ ทั้งร้อนรนเปิดประตูวิ่งหนีออกไปอย่างไม่คิดชีวิต เฉินหยู่เฉิงก็ถูกต่อยจนร้องห่มร้องไห้ กุมหัวตะโกนลั่น หนีตามออกไปอย่างไม่สนทิศทาง
แมลงพิษบินตามทั้งสองไปจนหมดไม่เหลือแม้แต่ตัวเดียว เจียงเว่ยตรวจดูในห้องรับแขกแล้วไม่พบแมลงพิษหลงเหลือ จึงปิดประตูห้อง แม่เจียงเพิ่งตั้งสติได้ ทิ้งตัวลงโซฟาหัวเราะลั่น "ท่านอาจารย์น้อยคาดเดาแม่นยำเหลือเกิน เห็นสองคนนั้นหนีขนาดนั้น"
ฟ้าร้องดังสนั่นทีหนึ่ง ท้องฟ้าที่แจ่มใสเมื่อครู่พลันมืดครึ้มลง ลมพายุพัดกิ่งไม้และใบไม้จนเสียงดังกึกก้อง กลิ่นดินเปียกหลังฝนตกย้อมอยู่ในอากาศ
อ้วนหวังที่กำลังนั่งส่งข้อความหาเจียงเว่ยนึกถึงที่ท่านอาจารย์น้อยสั่งไว้ว่า หลังฟ้าร้องฝนตกแล้วให้เปิดหน้าต่างดูความวุ่นวาย เขาจึงรีบกระโดดจากโซฟา เปิดหน้าต่างและกล้อง เริ่มอัดวิดีโอทันที
เฮ่อๆ ไม่รู้ว่าความวุ่นวายครั้งนี้จะตื่นเต้นขนาดไหนกันนะ
PS เอ้อออ ตอนยาว