บทที่ 1051 (172) ความขัดแย้งของฉินซูเจี๋ย (ตอนฟรี)
บทที่ 1051 (172) ความขัดแย้งของฉินซูเจี๋ย (ตอนฟรี)
ในที่สุด จี้เฟิงก็มาส่งฉินซูเจี๋ยที่บ้านของเธอที่ตั้งอยู่ในเขตทะเลสาบ แม้ว่าการไปค้างคืนที่วิลล่าทางชานเมืองตอนใต้จะน่าสนใจมาก แต่จี้เฟิงก็ยังคงระงับความคิดนี้
เขาไม่ใช่สัตว์เดรัจฉานที่รู้วิธีคิดโดยใช้แค่ร่างกายส่วนล่างเท่านั้น!
ที่ด้านหน้าของที่พักที่ฉินซูเจี๋ยอาศัยอยู่ จี้เฟิงมองฉินซูเจี๋ยด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน เขายิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ขึ้นไปสิ เหยาเหยาน่าจะกำลังรอคุณอยู่”
“ค่ะ” ฉินซูเจี๋ยพยักหน้าและมองตาจี้เฟิงอย่างลึกซึ้งก่อนจะหันหลังกลับและเดินขึ้นไปยังชั้นบน
ใบหน้าของจี้เฟิงยังคงประดับด้วยรอยยิ้มจางๆและมองฉินซูเจี๋ยเดินขึ้นไปชั้นบน
จนกระทั่งมองไม่เห็นฉินซูเจี๋ยแล้ว จี้เฟิงจึงหันหลังกลับและเดินไปที่รถ แต่ในขณะที่เขาเตรียมที่จะขับรถออกไป อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นเอง เสียงของฉินซูเจี๋ยก็ดังขึ้น
“จี้เฟิง!”
“หืม?!”
จี้เฟิงหันหน้ากลับไปตามเสียงเรียกและเห็นฉินซูเจี๋ยยืนอยู่บนบันไดกำลังมองมาที่เขาด้วยท่าทีเขินอายเล็กน้อย “จี้เฟิง.. คุณอยากขึ้นไปนั่งดื่มอะไรสักหน่อยไหม?”
จี้เฟิงผงะไปเล็กน้อยและเงยหน้าขึ้นมองไปยังหน้าต่างชั้นบนที่มีแสงสว่างจ้า เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “มันจะเป็นการรบกวนเกินไปหรือเปล่า? ตอนนี้เหยาเหยาก็น่าจะหลับไปแล้วด้วย”
“ไม่รบกวนหรอกค่ะ อีกอย่าง โดยปกติแล้วเหยาเหยาจะไม่นอนเร็วนัก ตอนนี้ก็น่าจะกำลังเล่นอยู่” ฉินซูเจี๋ยพูดเบาๆ
“ถ้าอย่างนั้นก็... โอเค!” จี้เฟิงพยักหน้า
ในใจเขามีความกังวลอยู่บ้าง การไปบ้านของผู้หญิงโสดคนหนึ่งกลางดึกแบบนี้มันดูไม่ค่อยเหมาะสมหรือเปล่า? ยิ่งกว่านั้นพวกเขาเพิ่งจะเข้าใจผิดกันเล็กน้อยเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ค่อนข้างคลุมเครือ...
อย่างไรก็ตาม เมื่อจี้เฟิงเห็นใบหน้าที่สวยงามและมีเสน่ห์ของฉินซูเจี๋ยกำลังเขินอายรวมถึงแววตาที่แสดงออกถึงความกังวลและคาดหวังในเวลาเดียวกัน จี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าตกลง
ตราบใดที่เขาสามารถควบคุมตัวเองได้ ก็ไม่มีอะไรต้องกังวล
แม้ว่าจี้เฟิงจะไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายแสนดีที่หักห้ามใจตัวเองได้เก่งนัก แต่อย่างน้อยเขาก็เป็นคนมีความคิดและมีสติดี!
แหล่งชุมชนที่อยู่อาศัยของฉินซูเจี๋ยนั้นเรียกได้ว่าค่อนข้างดีมีคุณภาพ โดยส่วนใหญ่แล้วเป็นอาคารสูง มีตั้งแต่น้อยชั้นไปจนถึงตึกสูงหลายสิบชั้น และที่อยู่อาศัยลักษณะนี้ถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของเจียงโจว
ในขณะที่เศรษฐกิจของเจียงโจวยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ราคาอสังหาริมทรัพย์ก็เพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นที่อยู่อาศัยในแนวสูงจึงเป็นที่นิยมเพราะช่วยประหยัดที่ดินได้มาก นั่นจึงส่งผลให้อาคารที่อยู่อาศัยเช่นนี้เกิดขึ้นทั่วทุกหนทุกแห่ง!
เมื่อเดินเข้าไปในทางเข้าของอาคาร ก็จะมองเห็นล็อบบี้ทางเข้า ฉินซูเจี๋ยเดินไปกดลิฟต์
ในลิฟต์ ดวงตาของฉินซูเจี๋ยกะพริบเล็กน้อย เธอไม่ค่อยกล้ามองจี้เฟิงเท่าไหร่นัก เธอเพียงแค่ก้มหน้าลงเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่ขี้อาย สายตาของเธอจดจ่ออยู่ที่พื้นและไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
จี้เฟิงหันไปมองฉินซูเจี๋ยและก้มลงมองไปที่เท้าของฉินซูเจี๋ยตามสายตาของเธอ จากนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “รองเท้าก็ไม่ได้เปื้อนอะไรนี่นา ทำไมคุณถึงก้มดูแต่รองเท้าตลอดเวลาเลยล่ะ?”
“ไม่...”
แก้มขาวๆของฉินซูเจี๋ยเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที เธอส่ายหัวอย่างรีบร้อน “ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย... คุณจี้ ได้โปรดอย่าแซวฉัน ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่กล้ามองหน้าคุณยิ่งกว่าเดิม!”
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ ฉินซูเจี๋ยในเวลานี้ดูเขินอาย เขาไม่เคยเห็นเธอเป็นแบบนี้มาก่อน
ฉินซูเจี๋ยที่เขาเคยเจอก่อนหน้านี้เป็นผู้หญิงที่สง่างาม มีความสามารถ เป็นผู้ใหญ่และมีความกล้าหาญ ฉินซูเจี๋ยในเวลานั้นจะมีท่าทีเขินอายเหมือนกับเด็กหญิงตัวน้อยๆอย่างตอนนี้ได้อย่างไร?
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงครั้งแรกที่เขาได้พบกับฉินซูเจี๋ย ในตอนนั้นเขากำลังฝึกทหารอยู่ที่ค่ายทหารแต่มีเหตุให้เขาต้องออกมาเร็วกว่ากำหนด บังเอิญฉินซูเจี๋ยถูกคนนิสัยไม่ดีบนรถบัสลวนลาม ในตอนแรกฉินซูเจี๋ยเข้าใจผิด เธอคิดว่าจี้เฟิงคือผู้ชายโรคจิตที่ลวนลามเธอ
ต่อมาผู้ชายโรคจิตตัวจริงถูกลงโทษโดยจี้เฟิง และนั่นก็ทำให้ฉินซูเจี๋ยรู้ว่าเธอเข้าใจจี้เฟิงผิด จากนั้นทั้งสองก็รู้จักกันอย่างเป็นทางการ
ต่อมา ลูกสาวของฉินซูเจี๋ยถูกกลั่นแกล้งในโรงเรียนอนุบาล ฉินซูเจี๋ยในเวลานั้นแสดงทัศนคติที่แข็งกร้าว เธอไม่สนใจด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายคือจี้ช่าวเหลยและยืนกรานที่จะแสวงหาความยุติธรรมให้ลูกสาวของเธอ สิ่งนี้ทำให้จี้เฟิงมองเห็นภาพลักษณ์ของแม่ที่สามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อลูกสาวของเธอ
หลังจากนั้นไม่นาน จี้เฟิงได้ติดต่อกับฉินซูเจี๋ยอีกครั้ง ในเวลานั้นจี้เฟิงได้รู้ว่าเธอเป็น CEO ของบริษัทจิวเวลรี่แห่งหนึ่ง เธอดูมุ่งมั่นและเต็มไปด้วยสติปัญญา และแน่นอนว่าความสวยของเธอก็มีเสน่ห์ไม่แพ้ใคร
จนกระทั่งวันหนึ่ง ฉินซูเจี๋ยมีปัญหาที่ติดอยู่ในใจของเธอ มันทำให้เธอทุกข์และโศกเศร้าและเมามายต่อหน้าจี้เฟิง...
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นฉินซูเจี๋ยในฐานะแม่ที่สามารถทำทุกอย่างเพื่อลูกสาว หรือฉินซูเจี๋ยผู้มากความสามารถในฐานะ CEO รวมถึงเวลาที่เธอโศกเศร้าและเมามาย จี้เฟิงได้เห็นมาหมดแล้ว ดังนั้นจึงมีเพียงฉินซูเจี๋ยในตอนนี้เท่านั้นที่จี้เฟิงไม่เคยเห็นมาก่อน
วันนี้ฉินซูเจี๋ยสวมเสื้อที่เรียบง่ายมาก มันเป็นเพราะฤดูร้อนได้มาถึงแล้ว เสื้อของฉินซูเจี๋ยเป็นเพียงเสื้อเชิ้ตผู้หญิงสีขาวธรรมดาๆ มีเสื้อกั๊กสีแดงที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายสวมทับอยู่ด้านนอก และท่อนล่างเป็นกางเกงทรงดินสอ
และแม้แต่เสื้อเชิ้ตที่เรียบง่ายเช่นนี้ก็ยังแสดงให้เห็นถึงสัดส่วนที่อวบอัดของฉินซูเจี๋ยได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวนั้นมีกลิ่นหอมอ่อนๆ หน้าอกที่นูนสูงนั้นเด่นตระหง่านราวกับว่ามันจะดันให้เสื้อเชิ้ตฉีกขาดออกจากกัน ยากที่จะทำให้คนละสายตาออกไปได้
และท่อนล่างของเธอที่สวมเป็นกางเกงดินสอง่ายๆก็เต็มไปด้วยเสน่ห์ของวัยผู้ใหญ่ ภายใต้กางเกงทรงดินสอไม่มีร่องรอยเลย... ก้นอ้วนกลมเต่งตึงถูกรัดไว้แน่น ชวนให้ผู้คนอดคิดไม่ได้ว่า....
นี่มันสาวฮอตชัดๆ!
สิ่งที่เพิ่มเติมมากกว่านั้นคือหญิงสาวที่สวมชุดเรียบง่ายแต่แสดงความเซ็กซี่ได้อย่างเต็มที่นั้นมีเสน่ห์ที่สามารถกระตุ้นความปรารถนาของผู้ชายได้อย่างง่ายดาย
นี่เป็นครั้งแรกที่จี้เฟิงมองเห็นฉินซูเจี๋ยในมุมนี้!
พูดตามตรง ไม่มีผู้ชายคนใดสามารถนิ่งเฉยได้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้หญิงเช่นนี้ เว้นเสียแต่ว่าเขาไม่ได้มีรสนิยมชื่นชอบเพศตรงข้ามหรือไม่ใช่ผู้ชายปกติ!
แน่นอนว่าจี้เฟิงเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งและเขาก็ชอบผู้หญิง! ดังนั้นเขาจึงรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย
หากรูปร่างอวบอั๋นและเอวบางของฉินซูเจี๋ยได้มาอยู่ในอ้อมแขนของเขาพร้อมกับรับความรักจากเข้าจนล้นทะลัก... มันจะเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมมาก... มากจนทำให้คลั่งไคล้ได้อย่างแน่นอน!
ด้วยเหตุนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องที่น่าอึดอัดใจ จี้เฟิงจึงเปลี่ยนเรื่อง แม้ว่าเขาจะมีความมั่นใจในการควบคุมตัวเอง แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ผู้หญิงที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ชวนล่อตาต่อใจอย่างฉินซูเจี๋ย จี้เฟิงไม่กล้ารับประกันเลยว่าตัวเองจะสามารถนิ่งเฉยไม่สร้างเรื่องวุ่นวายได้หรือเปล่า
จี้เฟิงกลัวว่าถ้าเขาพูดอะไรที่บอกเป็นนัยว่าจะไปสร้างความโรแมนติกกันสองต่อสอง... เขาคงจะอับอายและไม่กล้ามองหน้าฉินซูเจี๋ยอีกต่อไป สุดท้ายแล้วไม่ว่าคำพูดก่อนหน้านี้ที่เขาบอกว่าจะพาฉินซูเจี๋ยไปส่งที่วิลล่าในเขตชานเมืองทางใต้จะเป็นความเข้าใจผิดหรือไม่ ฉินซูเจี๋ยก็ปฏิเสธไปแล้ว...
ที่สำคัญกว่านั้น ก็ใช่ว่าจี้เฟิงจะไม่รู้สึกหวั่นไหวกับฉินซูเจี๋ยเลยเสียเมื่อไหร่....
แต่ฉินซูเจี๋ยในตอนนี้กลับยิ่งรู้สึกลนลาน เธอตระหนักว่าจี้เฟิงกำลังจ้องมองเธออยู่ หัวใจของเธอเต้นตึกตัก มันเป็นความรู้สึกของความสุขของความรักอันหวานชื่นที่รอคอยมานาน และความกังวลที่เธอไม่สามารถมองทะลุหัวใจของจี้เฟิงได้ ช่างเป็นอารมณ์และความรู้สึกที่ซับซ้อนมากจริงๆ
แต่เหนือสิ่งอื่นใด เธอยังคงเขินอายอยู่
ยังไงก็ตาม ก่อนหน้านี้จี้เฟิงได้เสนอให้เธอและเขาไปที่วิลล่าชานเมืองทางตอนใต้และตอนนี้เธอกับจี้เฟิงก็อยู่กันตามลำพังในลิฟต์...
ถ้าเกิดจู่ๆจี้เฟิงแสดงความต้องการหรือกระทำการบางอย่าง เธอควรทำอย่างไร? เธอควรจะปฏิเสธหรือตอบสนองดี?
ความคิดของฉินซูเจี๋ยตีกันสับสนวุ่นวายไปหมด เธอได้ปฏิเสธจี้เฟิงไปแล้วครั้งหนึ่ง หากจี้เฟิงเคลื่อนไหวอีกครั้ง เธอจะทำอย่างไร? ถ้าเธอปฏิเสธอีกครั้ง จี้เฟิงจะคิดอย่างไร?
จี้เฟิงอาจคิดว่าเธอเป็นคนหลงตัวเอง แต่เธอไม่ได้หมายความอย่างนั้นเลย บวกกับการที่เธอปฏิเสธจี้เฟิงถึงสองครั้งติดต่อกัน มันมีความเป็นไปได้สูงว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะไม่มีทางให้ไปต่อได้อีกในอนาคต
ตัวตนของจี้เฟิงคืออะไร?
เขาเป็นคนมีเกียรติ เป็นลูกหลานตระกูลใหญ่ที่มีศักดิ์ศรีและมีหน้ามีตา ยิ่งกว่านั้นเขาเป็นผู้ชายที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นถ้าหากเขาถูกผู้หญิงปฏิเสธถึงสองครั้งติดต่อกันในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดเช่นนี้ เกรงว่าเขาคงจะไม่มาพบกับเธออีกเลยตลอดชีวิต!
แต่ถ้าเธอเลือกที่จะตอบสนองเขา...
ฉินซูเจี๋ยอดไม่ได้ที่จะคิดหนัก ‘ถ้าทำแบบนั้นมันจะดูไร้ยางอายเกินไปหรือเปล่า... ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง ฉันไม่ได้มีความกล้ามากพอที่จะแสดงความรู้สึกได้ทุกครั้งไป’
บางทีอาจเป็นเพราะเธอได้รวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เธอมีแสดงความรู้สึกของเธอออกไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่เหลือความกล้าหาญอีกต่อไป
อันที่จริง ฉินซูเจี๋ยยังมีความกังวลอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เธอไม่กล้าเข้าหาจี้เฟิงอย่างเต็มตัว
...เธอเป็นแม่หม้ายลูกติด!
หากเธอแสดงออกในเชิงรุกมากเกินไปหรือทำให้เขารู้ว่าเธอเองก็ต้องการเขาแม้เพียงเล็กน้อย มันจะเป็นการกระตุ้นความคิดในแง่ร้ายของจี้เฟิงที่มีต่อเธอหรือไม่?
“กับผู้ชายที่เพิ่งมาด้วยกันยังระริกระรี้ขนาดนี้? กับผัวเก่าจะขนาดไหนเมื่ออยู่บนเตียงด้วยกัน?... เธอคงจะจัดเต็มมากกว่านี้!” ฉินซูเจี๋ยกลัวว่านี้เฟิงอาจจะคิดแบบนี้
แต่ถ้าเธอหวงเนื้อหวงตัวเหมือนผู้หญิงหัวโบราณอนุรักษนิยม เขาจะคิดอย่างไร? ฉินซูเจี๋ยอดไม่ได้ที่จะขยี้หางตาเธอเบาๆด้วยความทุกข์ใจ
ฉันเกรงว่าเขาจะคิดว่า ‘ลูกก็มีแล้ว ทำไมถึงต้องแสร้งทำเป็นว่าตัวเองเป็นสาวบริสุทธิ์ที่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเธอไม่ต้องการพลีกายให้กับฉัน? สำหรับเธอแล้วฉันน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยเหรอ?’
ดูเหมือนว่า.... ไม่ว่าเธอจะเลือกทางไหนมันก็ไม่ดีไปเสียหมด!
อย่างไรก็ตาม เธอไม่อยากพลาดโอกาสแบบนี้เลยจริงๆ มันไม่ง่ายเลยที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะได้พบเจอผู้ชายดีๆ!
ฉินซูเจี๋ยผู้ซึ่งมีบาดแผลทางจิตใจ รู้วิธีที่จะเยียวยาหัวใจของตัวเอง แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะลังเลเล็กน้อย...
“ซูเจี๋ย เกิดอะไรขึ้น? เป็นอะไรหรือเปล่า?” จี้เฟิงไม่รู้ว่าฉินซูเจี๋ยคิดอะไรอยู่ เมื่อเขาเห็นว่าฉินซูเจี๋ยขยี้ตา เขาจึงคิดว่าเธอมีเรื่องไม่สบายใจ “ซูเจี๋ย ที่คลับเฮ้าส์นั่น มีเรื่องอะไรที่เธอยังไม่ได้บอกฉันหรือเปล่า? ใครทำอะไรเธอ? หรือมีเรื่องอะไรที่เธอกลัว?”
“ไม่.. ไม่ใช่อย่างนั้น!!” ฉินซูเจี๋ยส่ายหัวอย่างเร่งรีบ แต่เธอไม่รู้จะอธิบายอย่างไร
“ติ๊งต่อง~~!”
โชคดีที่ลิฟต์มาถึงชั้นของฉินซูเจี๋ยพอดี เธออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอกและรีบพูดว่า “ถึงแล้ว บ้านของฉันอยู่ข้างหน้า...”
เมื่อเห็นฉินซูเจี๋ยรีบจ้ำอ้าวออกจากลิฟต์ จี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างบิดเบี้ยว ดูเหมือนว่าเขาจะตัดสินใจผิดที่ตามเธอขึ้นมา บางทีฉินซูเจี๋ยอาจพูดชวนเป็นมารยาท...
หรือบางทีการกระทำบางอย่างโดยไม่ตั้งใจของเขาจะเป็นการกดดันและทำให้เธอกังวล
“เชิญค่ะ” ฉินซูเจี๋ยเปิดประตูบ้านของเธอแล้วเชิญให้จี้เฟิงเข้าไป “ขอโทษที ที่บ้านฉันไม่มีรองเท้าแตะของผู้ชายเลย.. คุณใส่ของฉันก็ได้”
จี้เฟิงพยักหน้าและเดินตามฉินซูเจี๋ยเข้าไปในบ้านของเธอ
ทันทีที่เธอผ่านประตูเข้าไป ฉินซูเจี๋ยก็หยิบรองเท้าขนาดเล็กคู่หนึ่งออกมาจากตู้รองเท้าและนั่งลงเพื่อถอดเปลี่ยนรองเท้าให้จี้เฟิง
จี้เฟิงรีบย่อตัวลงเพื่อหยุดเธอแล้วพูดว่า “ซูเจี๋ย ฉันทำเองดีกว่า”
“ใครทำก็เหมือนกันนั่นแหละ” ฉินซูเจี๋ยพูดเบาๆ พร้อมกับปลดเชือกผูกรองเท้าของจี้เฟิงอย่างช่ำชองและสวมรองเท้าแตะให้เขา จากนั้นก็เอารองเท้าของเขามาประกบกันและใส่ไว้ในตู้เก็บรองเท้า....
.....จบบทที่ 1051 ~