บทที่ 38 แสดงวิญญาณยุทธ์อีกครั้ง
ครั้นหาข้อยุติของปัญหามิได้ เฉินหยวนจึงแจ้งเรื่องนี้ต่อองค์หญิงสี่ ถึงข้อขัดข้องอันกลัดกลุ้มที่เขาเผชิญขณะนี้
เพียงครู่เดียว เฉิงเป้ยเป้ยก็ได้เข้าใจถึงความทุกข์ของเฉินหยวนผู้เป็นอาจารย์ นางใคร่ครวญอยู่ประเดี๋ยว จึงเอ่ยชี้แนะขึ้น
“อาจารย์มิต้องกังวลไป หากท่านมิใคร่รับเขาเป็นศิษย์ มอบของชดเชยไปก็เพียงพอแล้ว ผู้ใดจะกล้าตำหนิท่านได้”
หากหยางเสี่ยวเทียนผู้มีเพียงวิญญาณยุทธ์เต่าขยะระดับสอง กลายเป็นศิษย์ของอาจารย์ขึ้นมาจริงๆ นั่นมิเท่ากับว่าเป็นศิษย์น้องของนางไปด้วยหรือ
ในฐานะองค์หญิงสี่แห่งอาณาจักรเสินไห่ มันคงจะเป็นเรื่องน่าอับอายยิ่ง หากศิษย์น้องของนางมีเพียงวิญญาณยุทธ์ขยะ
“ของชดเชยงั้นรึ” เฉินหยวนถาม น้ำเสียงสงสัย
เฉิงเป้ยเป้ยกล่าวต่อ “พอดีข้ามีโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสูงอยู่ ซึ่งหาได้ยากมาก หากข้ามอบให้เขา หยางเสี่ยวเทียนจะต้องหลั่งน้ำตาแห่งความสุขพลันเห็นท่านเป็นผู้มีพระคุณเป็นแน่”
เฉินหยวนพยักหน้ารับเชิงยินดีกับความเห็นนาง
ไม่ช้า เขาก็เร่งส่งคนไปตามหยางเฉากับหยางเสี่ยวเทียนให้มาพบที่หมู่บ้านสกุลหยางภายในวันนี้
เมื่อหยางเฉาถึงเรือน ผู้ส่งสารก็นำข่าวมาแจ้งแก่เขาทันทีที่กลับถึง เขารีบตามหาหยางเสี่ยวเทียนแล้วพาไปยังหมู่บ้านสกุลหยางทันที
ครู่เดียวทั้งคู่ก็มาถึงยังสถานที่ ที่ไม่แม้คิดจะหวนกลับแต่จำทน
เมื่อเฉินหยวนเห็นว่าทั้งสองมาถึงแล้ว เขาได้ครุ่นคิดนึกถึงคำพูดของตนเองก่อนเปิดปากเอ่ยกับหยางเฉาพร้อมหยางเสี่ยวเทียนผู้ยังเก็บสีหน้าได้นิ่งเฉยดั่งเดิม
“เมื่อวานนี้ก่อนที่เสี่ยวเทียนและจงเอ๋อร์จะประลองฝีมือกัน ข้าเคยกล่าวเอาไว้ว่าหากเสี่ยวเทียนเป็นผู้ชนะ ข้าจะยอมรับเขาเป็นศิษย์…”
“เมื่อวานข้าเพียงพลั้งปากออกไปเพราะความสนุก หวังว่าผู้อาวุโสจะไม่ถือสา” หยางเสี่ยวเทียนกล่าวแทรก ไร้ความลังเลบนสีหน้า
หยางเสี่ยวเทียนไม่ได้ใคร่เป็นศิษย์ของเฉินหยวนตั้งแต่แรก จึงมิแปลกที่เขาจะกล่าวออกไปอย่างไม่แม้จะตริตรองให้เสียเวลาเช่นนั้น
แต่หยางเฉาผู้เป็นบิดา กลับมีสีหน้าหม่องหม่นหลังได้ยินสิ่งนี้
เวลานั้นเอง องค์หญิงสี่เฉิงเป้ยเป้ยที่นั่งฟังอยู่ด้วยมาโดยตลอด ก็หันหยิบโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสูงออกมา เอ่ยวาจาน้ำเสียงกระแทกกระทั้นขณะเพียงชำเลืองมองหยางเสี่ยวเทียน
“นี่คือโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสูง ถือเป็นค่าชดเชยที่อาจารย์ข้ามอบให้เจ้า มารับมันไปสิ”
หลังกล่าวเช่นนั้น นางก็วางโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสูงไว้บนโต๊ะข้างๆ ที่นั่งของตน พร้อมกับรอให้หยางเสี่ยวเทียนมารับมันไปด้วยกิริยาเย่อหยิ่งจองหอง
“เจ้ายังไม่รีบคุกเข่าขอบคุณอาจารย์ข้าอีก” เฉิงเป้ยเป้ยย้ำเตือนน้ำเสียงเน้นหนัก
โอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสูงงั้นหรือ
หยางเสี่ยวเทียนเพียงเลิกคิ้วเหลือบมองโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสูง ที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยหางตาราวของไร้ค่า
สำหรับเขา แม้แต่โอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสูงสุด ก็ยังเป็นเพียงขยะเท่านั้น
เฉินหยวนและเฉิงเป้ยเป้ยได้ใคร่ครวญดีจริงแล้วงั้นหรือ ว่าคนอย่างเขาจะสนใจกับโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสูงพรรค์นี้
“ไม่จำเป็น ท่านเก็บโอสถสร้างฐานวิญญาณนี้ ไว้ใช้กับตัวท่านเองเถอะ” หยางเสี่ยวเทียนกล่าวกับเฉิงเป้ยเป้ยน้ำเสียงเย็นชาตัดไมตรี
เพราะสิ่งที่ทำให้เขาไม่พอใจสุดเพลานี้ คือวิธีการมอบโอสถด้วยท่าทางหยิ่งผยองของนางที่ดูอวดภูมิ ซึ่งนางไม่มี
เดิมที เฉิงเป้ยเป้ยคิดว่าหยางเสี่ยวเทียนต้องยินดียิ่ง แล้วรับโอสถสร้างฐานวิญญาณนี้ไปด้วยความเต็มใจ แต่เมื่อนางได้ยินคำที่เขาเอื้อนเอ่ยออกมา นางก็พลันคิ้วขมวดยกมือตบโต๊ะด้วยโทสะทันที
ปัง!
“หยางเสี่ยวเทียนเจ้ามันเขลานัก โอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสูงนั้นหาซื้อได้ยากแค่ไหนเจ้ารู้หรือไม่ หากไม่ใช่เพราะเรามอบมันให้เจ้า ข้าเกรงว่าเจ้าใช้ทั้งชีวิต ก็หามาครอบครองไม่ได้ด้วยซ้ำ”
เฉินหยวนเกิดประหลาดใจอีกครั้งใหญ่ ที่หยางเสี่ยวเทียนปฏิเสธของล้ำค่าโดยไม่คิดทบทวนสักนิดเช่นนั้น
เขาไม่คิดว่าหยางเสี่ยวเทียนจะกล้าปฏิเสธโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสูงนี้
หยางเสี่ยวเทียนเมินเฉยต่ออากัปกิริยาของนาง แล้วหันไปหาหยางเฉาบิดาตน
“ท่านพ่อ เรากลับกันเถอะ”
ทันใดนั้น เฉินหยวนก็ยกมือขึ้นปรามทั้งสองทันที “ช้าก่อน..”
เขาตั้งใจมองหยางเสี่ยวเทียนด้วยรอยยิ้มโดยเฉพาะ “ลูกเอ๋ย เรามิได้คิดจะฝืนใจหรือมีเจตนาร้ายต่อเจ้า เพียงแค่อยากเห็นวิญญาณยุทธ์เจ้าอีกสักครั้งเท่านั้นเอง”
แม้หยางไห่จะปักใจเชื่อว่าความก้าวหน้าที่รวดเร็วของหยางเสี่ยวเทียน มาจากการกลืนโอสถสร้างฐานวิญญาณจำนวนมากก็ตามที
แต่เขาก็ยังสงสัยคล้ายมีปมในใจยังมิคลายออก จึงอยากเห็นวิญญาณยุทธ์ของหยางเสี่ยวเทียนอีกสักทีเพื่อยืนยันข้อข้องใจตน
“ไม่จำเป็น มันแค่ขยะเท่านั้น” หยางเสี่ยวเทียนปฏิเสธทันที
จู่ๆ หยางเฉาก็เอ่ยแทรกขึ้นมา “เสี่ยวเทียน ตอนนี้ใต้เท้าเฉินหยวนเพียงอยากเห็นวิญญาณยุทธ์เจ้าเท่านั้น ก็ปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ออกมาและแสดงให้ใต้เท้าเฉินหยวนชมอีกสักคราเถิด”
ความจริงคือหยางเฉาเอง ก็ใคร่สงสัยเช่นกันว่าทำไมเสี่ยวเทียนถึงก้าวหน้าได้รวดเร็วถึงเพียงนี้
เพราะเขารู้อยู่แก่ใจดี ว่าตนเองนั้นไม่เคยมีโอสถสร้างฐานวิญญาณให้แก่บุตรชายเลย
หยางเสี่ยวเทียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อเขาเห็นแววตาจริงจังของผู้เป็นบิดา เขาก็มิอาจปฏิเสธได้อีกต่อไป
ที่สุด เขาก็ปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์เสวียนอู่ออกมาอีกครั้ง
ทันใดนั้น กลิ่นอายทะมึนดำก็พุ่งออกจากกายเขา ทะยานขึ้นเหนือศรีษะเขาทันที