ตอนที่ 32
ตอนที่ 32
ผมเปลี่ยนเรื่องคิดแล้วลองโยนคำถามอื่นให้คาน่อนดู และคำตอบที่เธอให้มา
ในเรื่องหัวข้อ 【พิเศษ 】 ดูเหมือนจะตอบกลับมาว่า “กรุณาตัดสินใจด้วยตัวเองค่ะ ”
เป็นคำตอบที่ห้วนอะไรอย่างนี้
“คำถามต่อไปนะ : คาน่อน ตัวเธอในตอนนี้ไม่ใช่จอมมารแล้วอย่างนั้นหรือ ?” (ชิออน)
“ใช่ค่ะ ฉันเช็คแล้วตอนที่คุณไปอยู่ในโลกส่วนตัวของคุณ ชิออนซัง ณ ตอนนี้เผ่าของฉันคือ 《พิคซี่ 》 ถ้าให้อธิบายสเตตัสของฉันก็ ―” (คาน่อน)
แล้วเธอก็โชว์หน้าจอสเตตัสบนสมาร์ทโฟนให้ดู
ชื่อ: คาน่อน
คุณสมบัติ : โกลาหล
เผ่า : พิคซี่(Pixie)
เลเวล.: 3
ร่างกาย: D
มานา: D
ความรู้ : B
BP: 5
อลิบิตี้พิเศษ :
– แฟรี่
– ความจำฉับพลัน
– ควบคุมธรรมชาติ
– หอกดิน
– ภาษาภาษา (แฟรี่ )
– ภาษา (เผ่าย่อย A)
– ภาษา (เผ่าย่อย B)
– ภาษา (ปีศาจ)
– ภาษา (เทวทูต )
– ภาษา (มนุษย์)
– สื่อสารด้วยโทรจิต (สไลม์ )
– สื่อสารด้วยโทรจิต (สัตว์)
– สื่อสารด้วยโทรจิต (จิตวิญญาณ)
ดูเหมือนว่าแถม 【การสร้าง 】 และ 【แปรธาตุ 】 รวมถึง CP จะหายไปด้วยเช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้นหากจะเทียบกับตัวเธอตอนที่เป็น จอมมาร (แฟรี่ ) ดูเหมือนค่าสเตตัสรวมทั้งหมดจะลดลงไป
“อ่า ? แล้วในเมื่อตอนนี้เธอไม่ใช่จอมมารแล้ว … ก็หมายความว่าตอนนี้เธอก็ไม่ต้องกินต้องนอนแล้วเหรอ ?” (ชิออน)
ผมยังคงอยู่ได้โดยไม่ต้องดื่มกิน ไม่ต้องนอนนั่นก็เป็นผลของอบิลิตี้พิเศษ 【จอมมาร 】
ขณะที่ลูกน้องของผมยังต้องกินต้องนอนอยู่
“เป็นอย่างนี้นี่เอง …” (คาน่อน)
ที่ผ่านมาอาหารของลูกน้องผมก็เอาพวกมนุษย์ที่บุกมานั่นแหละ หรือไม่อย่างนั้นก็ใช้ศพของลูกน้องตัวอื่นที่โดนมนุษย์ฆ่า หากไม่พอจริงๆ ผมจะใช้แปรธาตุสร้างอาหารขึ้นมาให้
แต่ทว่า … ผมแอบสงสัยอยู่ว่า มันจะเป็นไอเดียที่ดีกว่าไหมหากผมจะสร้างฟาร์มเพื่อผลิตอาหารหรืออะไรคล้ายๆอย่างนั้น ?
ผมพอรู้อยู่แล้วว่ามันมีหัวข้อนั้นอยู่ แต่ผมไม่สนใจเนื่องจากมันดูน่ารำคาญ
พอผมมาคิดๆดูแล้วเราก็คุยกันเกินหนึ่งชั่วโมง คงเหลือ 【สันติชั่วคราว 】 น้อยกว่า 23 ชั่วโมงแล้ว
ผมคิดว่า ควรจะหาข้อมูลให้ดีก่อนจะทำการปรับปรุงโครงสร้างโดเมนของผม
แต่ก่อนอื่นเลย มีจะปัญหาเอาหาผมไม่รู้ว่า ควรเชื่อใจคาน่อนได้แค่ไหน
“คาน่อน, แล้วเธออยู่ในฐานะไหนกันแน่ ?” (ชิออน)
“หากจะมองว่า ฉันเป็นลูกน้องของคุณก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” (คาน่อน)
ผมจะสามารถสั่งการเธอได้เหมือนกับลูกน้องคนอื่นไหมนะในกรณีนี้ ?
― ถลกกระโปรงขึ้น
“…เอ๋ ? เอ้ะ !? คะ -ค่ะ !?” (คาน่อน)
With a blushing face, คาน่อนม้วนชายกระโปรงขึ้นด้วยมือตัวเองทั้งที่หน้ายังแสดงความเขินอาย
อุฮุ ช่างเป็นอาหารตาเหลือเกิน
“จะ-จู่จู่ก็ให้ทำอะไรน่ะ !?” (คาน่อน)
“อ้อ ก็พอเธอบอกว่า เธอเป็นเหมือนลูกน้องของข้า ข้าก็เลยสงสัยว่าจะสามารถสั่งเธอได้ไหม และเพื่อยืนยันให้แน่ใจ ก็เลยลองดู” (ชิออน)
ผล ก็คือ : ผมสั่งเธอได้
“ถะ-ถ้าอย่างนั้น แม้แต่คำสั่งอื่นแบบ …” (คาน่อน)
คาน่อน นอนขดอยู่กับพื้นด้วยความอาย
ถึงการทำแบบนี้จะมีปัญหากับภาพลักษณ์ผมก็เถอะแต่…คราวนี้ผมคงไม่ต้องห่วงกลัวว่าเธอจะทรยศแล้วสินะ ?
“ว่าแต่จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าข้าตายล่ะ ?” (ชิออน)
“นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่า คุณตายยังไงค่ะ
หากคุณโดนมนุษย์ฆ่า ทั้งลูกน้องรวมถึงตัวฉันเองก็จะหายไปด้วย
หากคุณถูกจอมมารตนอื่นฆ่า ลูกน้องของคุณ ก็จะไปรับใช้จอมมารคนที่ฆ่าคุณได้แทน ” (คาน่อน)
“หากข้าไม่ได้ถูกจอมมารตนอื่นฆ่า มีทางเป็นไปได้ไหมที่เธอจะไปรับใช้จอมมารคนอื่น ?” (ชิออน)
“ก็ถ้าหากเป็น 《การยอมจำนน 》 ของจอมมารโอนิ
《พันธสัญญา》 ของจอมมารแวมไพร์
《เพื่อนร่วมดื่ม 》 ของจอมมารคนแคระ
《การดูดกลืน 》 ของจอมมารสไลม์ … ก็มีโอกาสที่ฉันจะกลายเป็นแฟมิเลียของจอมมารอื่น หากฉันตอบตกลงค่ะ ” (คาน่อน)
เยี่ยมเลย อะไรที่ไม่รู้จักผุดมาอีกพรึ่บ
พอผมถามเรื่องรายละเอียด ดูเหมือนแต่ละสายเผ่าจอมมารที่วิวัฒนาการจะมีวิธีการสร้างผู้สืบสายเลือดที่แตกต่างกันออกไป …
จอมมาร (มนุษย์):《ความผูกพันธ์ 》― ทำให้ผู้ติดตามเกิดความผูกพันธ์ที่แน่นแฟ้น
จอมมาร (โอนิ ):《การยอมจำนน 》― ทำให้อีกฝ่ายจิตใจแตกสลายแล้วยอมตกเป็นเบี้ยล่างด้วยการแสดงความแข็งแกร่งให้เห็น
จอมมาร (ปีศาจ ): 《บรรณาการจากนรก 》― ทำให้คนอื่นมอบเครื่องเซ่นถวายกลายเป็นปีศาจรับใช้
จอมมาร (เอลฟ์ ):《พันธะทางวิญญาณ 》― ทำให้เอลฟ์หรือภูตวิญญาณทำการสร้างพันธะสัญญาทางวิญญาณกับอีกฝ่าย
จอมมาร (คนแคระ ):《เพื่อนร่วมดื่ม 》― เปลี่ยนใครที่เคยดื่มเหล้าด้วยกันหนึ่งคืนให้กลายเป็นบัดดี้
จอมมาร (สไลม์):《การดูดกลืน 》― ทำให้บุคคลที่กลืนเข้าไปกลายเป็นร่างโคลน
จอมมาร (สัตว์ป่า ):《เห็นอกเห็นใจ 》― ทำให้คนที่คุณถูกใจกลายเป็นเพื่อน
๗อมมาร (แฟรี่ ):《 เชื่อใจ 》― ทำให้บุคคลที่คุณก็เชื่อเขา และเขาก็เชื่อคุณกลายเป็นแฟมิเลีย(ครอบครัว)
จอมมาร (แวมไพร์ ):《พันธสัญญา 》― ทำให้อีกฝ่ายที่ดื่มจอกเลือดกลายเป็นผู้สืบสายเลือด
จอมมาร (มังกร ):《เจ้านายและข้ารับใช้》― ทำให้คนที่เชื่อในตัวคุณกลายเป็นข้ารับใช้
จอมมาร (เทวทูตตกสวรรค์ ):《เข้ารีต 》― ทำให้ผู้ที่เชื่อมั่นในตัวคุณกลายเป็นผู้ศรัทธา
ดูเหมือนเงื่อนไขทั้งจะจะแตกต่างออกไปในแต่ละเผ่า
แถมCP ที่ใช้ก็ยังต่างออกไปด้วย โดยพวกแวมไพร์นั้นต้องใช้ค่า CP มากที่สุด
คำอธิบายก็สุดจะนามธรรมเกิน ทำเอาผมไม่เข้าใจมัน
“อ่า พอเข้าใจเรื่องเงื่อนไขการสร้างผู้สืบสายเลือดแล้ว
ว่าง่ายๆตราบใดที่เธอยังไม่กลายเป็นลูกน้องของจอมมารคนอื่นเธอก็ไม่อาจหักหลังข้าได้
เข้าใจแบบนั้นถือว่าถูกไหม ?” (ชิออน)
“ตราบใดที่ชิออนซังยังไม่สั่งอะไร ฉันก็ยังทำอะไรได้ตามใจแต่ …พูดแบบนั้นมันก็ถูกค่ะ ” (คาน่อน)
คาน่อนพยักหน้าเห็นด้วยอย่างจริงจัง
“ข้าเดาว่า คงพอจะไว้ใจเธอ และบอกอะไรต่อมิอะไรกับเธอได้ ต่อจากนี้ไปข้าจะบอกให้เธอรู้ถึงหลักการและทิศทางที่กำลังจะทำต่อไป” (ชิออน)
“โอเคค่ะ ” (คาน่อน)
“เมื่อเธอได้รู้แบบนั้นแล้ว ข้าก็อยากให้เธอบอกข้อมูลที่เธอเห็นว่ามันมีประโยชน์” (ชิออน)
“รับทราบค่า ” (คาน่อน)
ผมเล่าให้ คาน่อน ฟังเรื่อง แผนการที่จะกระตุ้นยั่วให้พวกมนุษย์มาที่โดเมน เพี่อความอยู่รอดของชีวิตตัวเอง
ผมยังอธิบายถึงเหตุจำเป็นต่างๆ รวมถึงโอกาสที่เหตุการณ์บางอย่างอาจเกิดขึ้นได้
“เข้าใจละค่ะ นั่นเลยเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมท่านถึงได้เอาอาวุธใส่ลงไปในหีบสมบัติสินนะคะ” (คาน่อน)
“เธอรู้เรื่องนั้นด้วยรึ ?” (ชิออน)
“ก็ถ้าลองหาในเน็ตดู ทุกอย่างก็กระจ่างชัดละค่ะ แล้วก็ …เจ้าพวกมนุษย์ที่ไล่บี้ฉันจนฉันต้องทำ 《การยอมแพ้ 》 ต่อคุณเนี่ย เป็นปาร์ตี้ผู้กล้าไร้เทียมทาน ไม่ผิดแน่ค่ะ (คาน่อน)
“อ้อ …กลุ่มคนที่บุกโดเมนของเธอสินะ , คาน่อน?” (ชิออน)
“ใช่ค่ะ ชิออน-san, หากคุณตอบรับคำขอของฉันช้ากว่านี้ ฉันว่าตัวเองต้องสลายไปแล้วแน่ๆ” (คาน่อน)
“แล้วถ้าเป็นแบบนี้ก็แปลว่า เจ้าพวกนั้นล้มเหลวที่จะปลดปล่อยโดเมน อย่างนั้นเหรอ ?” (ชิออน)
“ใช่ค่ะ เจ้าพวกนั้นจะโดนถีบออกทันที เมื่อ 《การยอมแพ้ 》 ของฉันได้รับการตอบรับ ” (คาน่อน)
“ดูเหมือนเจ้าพวกนั้น จะรีบมาบุกทันทีหลังจากปลดปล่อยเมนในท้องที่ไปสามแห่งแล้วแต่…มันไม่เป็นอะไรจริงๆหรือหาก โดเมนของคาน่อนไม่ได้ถูกปลดปล่อยด้วยน่ะ ?” (ชิออน)
“อืมม ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนะ ในสายตาของพวกมนุษย์โดเมนของฉันก็คงจะยังเป็นเขตแดนที่เข้ามาไม่ได้อยู่ล่ะมั้งนะ ?” (คาน่อน)
“แล้วพวกนั้นใช้เวลากี่วัน กว่าจะเริ่มเข้ามาบุกโดเมนของเธอล่ะ , คาน่อน?” (ชิออน)
“เอ่อ หกวันค่ะ ” (คาน่อน)
“หา ? มันไม่เร็วเกินไปหรือยังไงกันเนี่ย ? เธอโดนไล่ต้อยจนเกือบโดนปลดปล่อยโดเมนภายในเวลา 6 วันเองเนี่ยนะ!?” (ชิออน)
ปลดปล่อยภายใน 6 วัน ; มันเร็วเกินไหมเนี่ย ?
“กะ-ก็ช่วยไม่ได้นี่คะ , จะรอดได้ยังไงกัน …? ก็ฉันบิ้ลด์พลาดแบบนั้น …” (คาน่อน)
“อ่าเข้าใจแล้ว ถ้าหากข้าประเมินไว้ก่อนแล้วว่า โดเมนของคาน่อนจะอ่อนขนาดนี้ … อย่างน้อยก็ช่วยซื้อเวลาให้มากกว่านี้สัก หน่อยสิ ?” (ชิออน)
“ฟังแล้วก็เจ็บจี๊ดนะคะเนี่ย … ถึงมันจะเป็นเรื่องจริงก็เถอะค่ะ … แต่ก็ยังพอมีโอกาสที่จะยังหลงเหลือจอมมาร เลเวล 1 อยู่นะคะ !
ถ้าหากเป็นอย่างนั้นโดเมนของฉันก็คงจะ …” (คาน่อน)
“ไม่อะ , โอกาสที่ว่านั่นแทบจะเป็น 0 เลย เลเวลขั้นต่ำของเจ้า พวกนั้น ป่านนี้ก็เลเวล 2 อยู่แล้ว” (ชิออน)
หรือผมคงจะพูดว่า จอมมารมากมายต่างเลเวล 3 กันหมดแล้วดี
“ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะคะ ?” (คาน่อน)
คาน่อนถามผมหลังจากคิดสักพัก
“เดาว่าน่าจะเป็นเพราะ … คุณสมบัตินั่น” (ชิออน)
“คุณสมบัติ ? เอ่อ , คุณหมายถึง แบบทดสอบความถนัดและคุณสมบัติในวันนั้นเหรอคะ ?” (คาน่อน)
“ใช่แล้วล่ะ บุคคลที่จะเป็นจอมมาร คือ กลุ่มที่ถูกจัดหมวดให้เป็นพวก 【โกลาหล 】 อนุมานเอาว่าเงื่อนไขการคุณสมบัติการเป็น 【โกลาหล 】 ก็คือ … เป็นบุคคลที่ไม่นิยมการร่วมมือกัน , มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง ,ไม่เข้ากับกลุ่มสังคมก่อนเกิด 【โปรเจคกู้โลก 】, และ… บุคคลที่มีคุณสมบัติพิเศษที่เหนือโลกนี้
หรือพูดอีกอย่างก็คือ เจ้าพวกนั้นมีความสามารถที่สูงมากในการปรับตัวให้เข้ากับโลกใหม่ในตอนนี้ ” (ชิออน)
“ทำไมคุณถึงคิดอย่างนั้นล่ะคะ ?” (คาน่อน)
“ก็ 【โปรเจคกอบกู้โลก 】 เป็นโปรเจคที่ตั้งใจจะช่วยโลกด้วยการให้ ฝ่าย 【โกลาหล 】 และ ฝ่าย 【กฏ 】 ห้ำหั่นกัน
ในส่วนนี้ พวก 【โกลาหล 】 น่ะค่อนข้างอยู่ในฐานะที่เสียบเปรียบ
ข้อแรกเลยก็เรื่องของจำนวนที่ต่างกันอย่างล้นหลาม
ข้อต่อมาคือ ฝ่าย 【โกลาหล 】 ไม่สามารถออกจากโดเมนจนกว่าจะเติบโตไปถึงระดับหนึ่งด้วยการกำจัดพวก 【กฏ 】 หรือพูดง่ายๆก็จนกว่าจะเลเวล 10
แถม 【โกลาหล 】 ไม่ใช่แต่ต้องกำจัดมนุษย์อย่างเดียวแต่ยังต้องกำจัดจอมมารด้วยกันเองอีกด้วย .” (ชิออน)
“พอคุณบอกอย่างนั้น มันก็ไม่แฟร์กัจริงๆแหละค่ะ
อ๊า! แต่ อบิลิตี้พื้นฐานของ พวก 【โกลาหล 】 หรือก็คือ จอมมาร นั้นสูงกว่านี่คะ แถมยังสร้างสิ่งต่างๆได้ด้วย ” (คาน่อน)
“จริงอยู่ เรื่องความได้เปรียบเรื่องนั้นมันก็ใช่ แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็ยังคิดว่า 【โกลาหล】 เสียเปรียบอยู่ดี จนกระทั่งถึงตอนนี้” (ชิออน)
“ค่ะ” (คาน่อน)
“ ฝ่าย 【โกลาหล 】 เสียเปรียบกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
หากจะเสียเปรียบขนาดนั้น จอมมารก็คงไม่อยากที่จะสู้ 『สู้ 』 อยู่แล้วถูกไหม?
เมื่อดูจากสถิติพื้นที่ที่ในเขตแดนญี่ปุ่น จำนวนจอมมารที่มีอยู่ราวๆ 16,000 คน จากข้อมูลในเน็ต
และจำนวนโดเมนที่ถูกปลดปล่อยตั้งแต่วันแรกจนถึงเมื่อวานก็คือ 124.
คำนวนคร่าวๆก็แปลว่า จอมมารที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นมีจำนวนถึง 99.225% ” (ชิออน)
“พอได้ยินแบบนั้นก็เหมือนฝ่ายจอมมารกำลังได้เปรียบอยู่เลยค่ะ ” (คาน่อน)
“ไม่เชิงเสียทีเดียว เมื่อ 17 วันก่อน อัตราการรอดชีวิตจอมมารยังอยู่ที่ 100% แต่หลังจากนั้นจำนวนจะค่อยๆลดลงเรื่อยทุกวันทุกวัน ” (ชิออน)
“อ้อ ” (คาน่อน)
“เอาล่ะ กลับมาสู่เรื่องที่ข้าอยากพูด ;
37 วันผ่านไปหลังจากเริ่มต้นการปะทะกันระหว่าง ฝ่าย【โกลาหล 】 และฝ่าย 【กฏ 】 ฝ่ายจอมมารถือว่าสู้ได้ดีมากๆแล้วฃ
แต่ถึงอย่างนั้น 29 วันหลังจากการปะทะรั้งแรกก็มีโดเมนแห่งแรกถูกปลดปล่อย
หลังจากนั้น 30 วันแล้วหันมาดูที่ญี่ปุ่นบ้าง เธอไม่เอะใจหรือไงว่า ทำไมถึงได้ปลดปล่อยโดเมนได้เร็วขนาดนั้น มันจะมีใครปรับตัวกับโลกใหม่ โดยไม่สั่นกลัวขณะที่เข้าดันเจี้ยนเลยเหรอ ?” (ชิออน)
“พอคุณพูดแบบนั้น มันก็ใช่แฮะ…” (คาน่อน)
“ผิดกับฝ่ายจอมมารเจ้าของโดเมนที่มีโดเมนตั้งอยู่เป็นเอกเทศแยกตัวทำให้คนอื่นไปหาไม่ได้ แต่จอมมารเองก็ต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับโลกใหม่นี้
สรุปแล้วก็คือ แทบไม่มีจอมมารคนไหนต้องกลัวเมื่อค้างอยู่ที่เลเวล 1 ” (ชิออน)
“สมเหตุสมผลเลยค่ะ ” (คาน่อน)
“แต่ก็สมแล้วกับที่เป็นจอมมารผู้ลงแต่ค่าความรู้น่ะนะ ” (ชิออน)
(TTL : เหน็บคาน่อนว่า ไม่เฉลียวเอะใจลงแต่ค่าความรู้ สนใจแต่ข้อมูลไม่ได้ใช้ความคิดประเมินสถานการณ์โดยรอบ ก็เลยสมแล้วที่ดันเอาแต่ไปลงค่าความรู้ไม่ลงค่าอื่นเลย)
“อึก … พอโดนบอกแบบนั้นเข้า …” (คาน่อน)
พอผมหัวเราะแหย่คาน่อน
เธอก็ลอยเซไปเซมากลางอากาศเหมือนแมลงที่โดนยาฆ่าแมลงฉีดใส่
“ถ้าหากเป็นอย่างนั้นแล้ว …หืม , มีอะไรงั้นหรือ ?” (ชิออน)
พอผมจะกลับไปพูดต่อก็เห็นคาน่อน ก็เอามือแปะหัวตัวเองแล้วขมวดคิ้วมุ่ย
“ไม่ค่ะ , ไม่มีอะไร” (คาน่อน)
หืม ? ทำเอาผมสงสัยกับพฤติกรรมของ คาน่อนเลยแฮะ
―สารภาพสิ่งที่คิดออกมาเดี๋ยวนี้
ผมออกคำสั่งหนักแน่นเพื่อบังคับให้เธอพูดออกมา
“เฮ่อ …อ่า , เจ็บใจจริงๆค่ะ …” (คาน่อน)
“เจ็บใจเหรอ ? เรื่องอะไรกัน ?” (ชิออน)
“ไม่ค่ะ, เอ่อฉันหมายถึงว่า , ชิออน-ซัง, คุณน่ะเฉลียวฉลาด ” (คาน่อน)
“อย่างนั้นเองเหรอ ?” (ชิออน)
ผมกลับคิดว่า ตัวเองน่ะคิดมากคิดเพ้อไปคนเดียวมากกว่าที่จะเป็นคนเฉลียวฉลาดอยู่ดี
“ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป แผนการของฉัน …” (คาน่อน)
“แผนอะไรหรือ ?” (ชิออน)
“แผนที่จะวางตัวฉันไว้ในตำแหน่งนักกลยุทธหรือผู้ช่วย ด้วยการใช้ค่าความรู้ของตัวเองนี่ ทั้งที่น่าจะไปได้ด้วยดีแท้ๆ แต่ …หวา หวาหวา !?” (คาน่อน)
พอเป็นลูกน้องแล้วก็ปกป้องความลับอะไรไม่ได้อีก แล้วสินะ?
แหม สะดวกดีจริงแฮะ
“นักกลยุทธ ? เธอเนี่ยนะ , คาน่อน…?” (ชิออน)
“ไม่สิ อ่า เอ่อ คือ ไม่เชิงว่าเป็นแผนหรอกค่ะ เป็นประมาณ ความปรารถนาล่ะมั้ง …” (คาน่อน)
คาน่อนตอบทั้งที่แสดงท่าทางเขินๆอยู่
“ตอนนี้นะ… ส่วนตัวนะ เธอก็ค่อนข้างมีประโยชน์ในฐานะเซิร์จเอนจิ้นเลยล่ะ ?” (ชิออน)
“คะ-คุณพูดว่า เซิร์จเอนจิ้น เหรอคะ…?” (คาน่อน)
“ก็ไม่ว่าจะนักกลยุทธหรือผู้ช่วยก็โอเคอยู่นะ แต่หากเธออยากไปถึงระดับนั้นได้จริงๆ เธอก็ควรพยายามอย่างเต็มที่และแสดงความสามารถมากกว่านี้ให้ข้าเห็นว่าเธอทำอะไรได้บ้าง” (ชิออน)
“อู… เข้าใจแล้วค่ะ ” (คาน่อน)
ผมเองก็ยังพูดคุยกับเซิร์จเอนจิ้นตัวใหม่ที่ได้มา อย่าง คาน่อน เรื่องเกี่ยวกับแผนการในอนาคต