ตอนที่ 31
ตอนที่ 31
ค่าสเตตัสเดียวที่ผมไม่เพิ่มเลยก็คือ ค่าความรู้
สิ่งที่ได้จากค่าความรู้ไม่ได้จำกัดแค่เรื่องภาษาอย่างเดียว
แถมความรู้นั้นไม่ได้ด้อยกว่าค่าสเตตัสอื่นเลยด้วยซ้ำ
ข้อมูลที่มีจะเป็นคีย์สำคัญที่มีอิทธิพลมากต่อแผนการทุกแผนการ
ในตอนที่ผมเป็นมนุษย์อยู่นั้น ผมเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมดาๆ ไม่มีประสบการณ์ในการต่อสู้หรือสงครามใด เว้นก็แต่ในโลกเสมือนจริง
ก็อย่างในเกมไง แม้จะเป็นเกมเดียวกันก็ตาม ความเร็วในการเล่นการจบก็ต่างกันอย่างมากระหว่างการเล่นรอบแรกกับเล่นรอบที่สอง
ข้อมูลเกี่ยวกับสกิลของตัวผู้เล่นเองก็เข้ามามีบทบาทสำคัญในตอนนี้ แต่ที่ยิ่งสำคัญกว่าคือ ระดับความชำนาญที่มีอยู่ในระบบ
คาน่อนนั้นรู้ถึงวิธีการที่มีในโลกนี้ที่เรียกว่า 《การยอมแพ้ 》
คาน่อน รู้ว่าดาร์คเอลฟ์นั้นสามารถใช้เวทย์ไฟได้
คาน่อนเข้าใจถึงผลลัพธ์ของการใช้ 《ดูดกลืน 》 ได้ดีกว่าผมที่มีอบิลิตี้นั้นด้วยซ้ำ
― หากรู้ตัวเองและรู้ข้าศึก ไม่ต้องกลัวเลยด้วยซ้ำ รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
มาจากคำพูดของซุนซื่อ ซึ่งก็หมายถึง หากรู้สภาวะของฝ่ายตัวเองและฝ่ายศัตรูได้ดีพอ รบสักร้อยครั้งก็ไม่มีวันแพ้
ผมจำคำพูดนั้นเป็นอย่างดีเลยล่ะ
แม้ผมจะสามารถก้าวผ่านสถานการณ์ได้ด้วยการคาดการณ์ คาดเดาซ้ำแล้วซ้ำเล่า รวมถึงใช้กลยุทธจากหนังสือเล่มนั้น แต่สักวันหนึ่ง ผมอาจจะทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ขึ้นมาก็ได้
ตัวอย่างก็เช่น หากผมทำการใช้ 17 BP ลงไปกับการแปรธาตุ ตั้งแต่แรกด้วยการแตะแถบหัวข้อนั้นเหมือนไอ้บ้าไอ้บอที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ค่าการแปรธาตุคงจะไปถึง แร๊ง B แต่หลังจากนั้นก็ทำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำเพราะไม่มีCP เหลือแล้ว
และตอนนี้ พอผมรู้แล้วว่า การจะยกแร๊งค่าสเตตัสจาก B ไปเป็น A ต้องใช้ถึง 50 BP
หากผมไม่รู้ผมคงจะทุ่มเท BP ของตัวเองลงไปอย่างสิ้นหวังเปล่าประโยชน์
ค่าสเตตัสที่ผมไม่เคยใส่ใจมาก่อน อย่างค่าความรู้นั้น เป็นค่าที่สำคัญ
ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ―
“เธอเลเวลเท่าไหร่ ?” (ชิออน)
ผมโยนคำถามถามคาน่อน จริงๆก็รู้กันอยู่ชัดๆแล้วอะนะว่า เธออาจจะเลเวล 3 เป็นอย่างน้อยไม่อย่างนั้นก็คงจะสร้างผู้ร่วมสายเลือดไม่ได้ แต่ทว่า …
“… 3ค่ะ” (คาน่อน)
คาน่อนหลบตาแล้วก็ตอบเสียงงึมงัม
ฟังจากที่เธอแบบนั้นมา ผมเดาว่า นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเธอจึงทำการ 《ยอมแพ้ 》
ค่าความรู้ของ คาน่อน นั้นคือ แร๊ง B จ่าย 17 BP เพื่อให้ไปถึง B หากเป็นจอมมารที่ไม่ได้รับ 10 BP เป็นโบนัส ก็ไม่มีทางที่จะเลือกทำแบบนั้นได้
– ดังนั้นจำนวน BP ที่ได้รับมาตอน เลเวล 3 รวมคือ 20 มาจากBPเริ่มต้น 10 BP และ 10 BPจากการที่เลเวลอัพ 2 ครั้ง
พูดง่ายๆ ในการที่จะทำให้ค่าความรู้ถึง แร๊ง B ก็จะเหลือแค่เพียง 3 BP เท่านั้น มันเป็นการต้อนให้เธอเองนั้นอยู่ในสถานการณ์ยกระดับค่าสเตตัสจาก E เป็น D ได้เพียงค่าเดียว จากBPที่เหลืออยู่
ไม่สำคัญแล้วว่า จะมีความรู้มากมายเพียงไหน สถานการณ์ของเธอถือว่า โดนรุกฆาตไม่มีทางไปต่อแล้ว
ต่อจะเลือกการสร้าง ลูกน้องที่แข็งแกร่งที่สุดของเธอก็คงเป็นโคโบ้ล
ผิดกับผม เธอนั้นไม่สามารถมอบอาวุธดีๆอะไรให้โคโบ้ลพวกนั้นได้
แต่หากเอาแต้มที่เหลือไปลงแปรธาตุแทนล่ะ แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรหาก ค่าสเตตัสแปรธาตุเป็นค่า D ?
ตัวอย่างเช่น ซีรี่ย์เหล็ก ยกให้กับลูกน้องที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือ ก็อบลิน และหากเพิ่มค่ามานาหรือร่างกาย ก็มีแต่จะหายนะเท่านั้
ไม่ว่าจะเลือกทางไหน เข้าสู่ทางตันอยู่ดี
เธอไม่สามารถป้องกันตัวเองได้จากการบุกเข้ามาของพวกมนุษย์อีกต่อไปแล้ว
เอาจริงๆผมก็นับถืออยู่เหมือนกันนะ ที่เธอสามารถเอาชีวิตรอดมาจวบจนถึงตอนนี้ได้
“แล้วอีกค่านอกจากค่าความรู้เธอเพิ่มค่าไหนไปล่ะ ?” (ชิออน)
ผมถามเธอเหมือนคุยเล่นเบาๆ
“อ่า … พอขึ้นเลเวล 3 นอกจากค่าความรู้แล้ว ฉัน ได้เพิ่มทุกคนให้ขึ้นเป็นแร๊ง D ถึงอย่างนั้นก็เถอะนะ…” (คาน่อน)
“เห? …อ่า, โทษทีๆ ถึงอย่างนั้นแล้วทำไมต่อนะ ? พูดต่อเลย ?” (ชิออน)
ผมเผลอหลุดแทรกเสียงขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจก็คำตอบของเธอมันผิดจากที่ผมคาดไว้ คาน่อนเลยหยุดพูดชั่วครู่ ผมเลยขอให้เธอพูดต่อ
“อ่าค่ะ ถึงอย่างไรก็ดี … ดูเหมือนผลจาก 《การยอมแพ้ 》 หัวข้อ 【การสร้าง 】 และ【แปรธาตุ 】…หายไปเลยค่ะ …อาจเพราะฉันไม่ได้เป็นจอมมารแล้วก็ได้มั้งคะ ” (คาน่อน)
คลื่นข้อมูลถาโถมใส่ผม มีเพียงหัวข้อนี้ ที่มีสองสิ่งที่สะกิดกวนใจผม
ช่วงเวลาของ 【สันติชั่วคราว 】 คือ 24 ชั่วโมงสินะ ? น่าจะพอล่ะมั้ง ?
ถ้าเวลาเท่านี้ ค่อยๆถามไปน่าจะดีกว่า
“เอ่อ ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า เธอเลเวล 3 จริงๆถูกไหม ?” (ชิออน)
“ช่ายค่ะ อืม,ท่านก็รู้แล้วนี่คะ~…” (คาน่อน)
“อืมฮึ?” (ชิออน)
“จริงๆฉันรู้นะคะว่า … ไม่ได้อยู่ในจุดที่เรียกร้องอะไรแบบนี้ได้ …” (คาน่อน)
“อะไรเหรอ ?” (ชิออน)
“หากเป็นไปได้ อย่าเรียก ฉันว่า 『เธอ 』ได้ไหมคะ…” (คาน่อน)
“อ่า …” (ชิออน)
คาน่อนขอร้องผม ซึ่งเป็นอะไรที่ยากจะพูดออกมา
พอใช้คำว่า 『เธอ 』 แล้วมันรู้สึกห่างไกลกันราวกับมีกำแพงเย็บเฉียบกั้นระหว่างเรา
ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะแล้วผมควรจะเรียกเธอยังไงดีล่ะ ? คาน่อน-ซังเหรอ? เติมคำว่า ซัง ต่อด้านคนที่มาเสนอขอ 《ยอมแพ้ 》 เองเนี่ยมันพิลึกชะมัดเลยไม่ใช่รึไง? เธอน่ารักเหมือนแฟรี่ตัวน้อยหรือจะให้เรียกว่า…คาน่อนจังด้วยเหตุนั้นน่ะเหรอ ? ไม่เอาน่า ฮ่าฮ่าฮ่า
นี่ถ้าผมสามารถ เรียกคำว่า จังต่อท้ายใครก็ที่พบกันไม่ถึงชั่วโมงได้แล้วเนี่ย ผมคงไม่เป็นนายเดียวดายแบบนี้หรอก
“เอ่อ ถ้าหากนะคะไม่รบกวนเกินไป…ท่านเรียกฉันว่า คาน่อนด้วยค่ะ…” (คาน่อน)
“คาน่อน…คาน่อน… เข้าใจละ ถ้าอย่างนั้นต่อจากนี้ไปข้าจะเรียกเธอว่า คาน่อนนะ” (ชิออน)
ผมทวนชื่อของเธอซ้ำหลายต่อหลายครั้งเพื่อยืนยันว่า จะทำตามที่เธอขอ
“ขอบคุณค่ะ !” (คาน่อน)
“เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน จะว่าไงดีล่ะ …เธอ เอ้อไม่สิ คาน่อน เธอหยุดเรียกข้าว่า ท่านชิออนได้ไหม ?” (ชิออน)
การเติมท่าน (-ซามะ) ต่อท้ายนี่เป็นอะไรสุดจะน่าอายเลยล่ะ นี่ก็เป็นโอกาสดีที่ผมจะเสนออะไรกลับไปบ้างด้วย
“ถ้าอย่างนั้นฉันควรจะเรียกคุณว่ายังไงดีล่ะ …?” (คาน่อน)
“แค่ชิออน เฉยๆก็พอ ” (ชิออน)
การที่ถูกผู้หญิงที่เพิ่งเคยพบเจอกันเป็นครั้งแรก เรียกชื่อเธอเนี่ย ผมก็ต้องทำแบบเดียวกันกลับไปด้วยเช่นกัน
สะสะ สถานการณ์แบบนี้มัน ; หรือว่า ไม่ใช่ล่ะมั้ง ?
นี่ผมข้ามขั้นจากนายมืดมนกลายเป็นนายเรียจูไปแล้วอย่างงั้นเหรอ !?
ผมซ่อนความดีใจ และแอบอายไว้ตอนที่พบว่า ตัวเอกสามารถบอกลา คุณสมบัติของนายโดดเดี่ยวที่มีมานานถึง 18 ปีได้
“ไม่ได้ค่ะ , จากรูปลักษณ์แล้ว ท่านแก่กว่าฉันค่ะ ท่านชิออน เอ่อ อ่า เอาเป็นว่า…ชิออน…ซัง?
แบบนี้แทนได้ไหมคะ ?” (คาน่อน)
อย่างน้อยความสัมพันธ์ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่นัก
“…แบบนั้นก็ดีเหมือนกัน” (ชิออน)
ผมตอบสั้นๆ
“มาคิดๆดูแล้ว คาน่อนบอกว่า ดูจากภาพลักษณ์แล้วเนี่ยข้าดูเป็นยังไงเหรอ ?” (ชิออน)
ในโดเมนผมไม่มีกระจก ผมก็เลยสร้างอะไรที่ใกล้เคียงขึ้นมาแทน แต่ถึงจะมองเข้าไปในโลกเงินเพื่อสะท้อนภาพตัวเองออกมา แต่พอผมวิวัฒนาการกลายเป็นจอมมาร(แวมไพร์) ผมก็ไม่ดูหน้าตาตัวเองอีก
ถึงอย่างนั้นผมก็พอรู้ว่า ตัวเองสูงขึ้นเล็กน้อย มีกล้ามมากขึ้นหน่อยและยังมีผมสีเงิน
แต่ … ผมสงสัยน่ะ ว่าจากมุมมองคนอื่นผมมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร
“อืม ก็ … ชิออนซังมีผลสีเงินที่สวยแล้วก็ดูเผินๆเหมือนอายุ 20 ต้นๆ
ฉันว่า คุณดูดีเลยล่ะ ” (คาน่อน)
จากรูปลักษณ์แล้วมันดูแก่กว่าอายุจริง ผมแอบสงสัย ผมควรจะดีใจไหมที่ดูเป็นผู้ใหญ่หรือควรเสียใจที่ดูแก่ล่ะเนี่ย ?
ผมดูดีอย่างนั้นเหรอ ทำเอาดีใจเลยนะเนี่ย
“แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะค่ะ … คุณดูเหมือนกำลังป่วย สีหน้าก็ดูแย่มากเลย” (คาน่อน)
“เข้าใจแล้ว ขอบใจนะ” (ชิออน)
ผมพูดขอบคุณกับคาน่อน เพราะหากผมตอบกลับไปว่า “อันที่จริงแล้วผมอายุ 18 เฟ้ย !” ผมเดาได้เลยว่า บทสนทนาของเราจะหยุดชะงักอีกครั้ง
ผมเลยกลับไปคุยเรื่องเดิมต่อ
“กลับไปเรื่องเดิมต่อนะ คาน่อน, เธอเลเวล 3, ใช่ไหม ? แล้วทำไมเธอถึงทำให้ค่าความรู้ถึงแร๊งค์ B และทำให้ทุกค่าเป็น แร๊ง Dได้ล่ะ D?” (ชิออน)
“อ๋อ! คืออย่างนี้ค่ะ …. ตอนที่เปิดแอพ 『โปรเจคช่วยโลก 』 เป็นครั้งแรก ฉันก็เข้าไปหัวข้อ 【พิเศษ 】 คุณก็มีเหมือนกัน ใช่ไหมคะ ชิออนซัง?” (คาน่อน)
“มันมีให้ตอบคำถามอะไรก็ได้หนึ่งคำตอบ แต่แค่ครั้งเดียวถูกไหม ?” (ชิออน)
“ใช่แล้วล่ะ ถูกแล้ว พอฉันเข้าไปถาม ฉันก็ได้คำตอบกลับมาว่า ยอดเยี่ยมมาก และได้รับ 10 BP มาเป็นโบนัส ” (คาน่อน)
“อ่อ เข้าใจแล้ว” (ชิออน)
นั่นมันไม่ใช่สิทธิพิเศษที่จะได้เฉพาะผมคนเดียวหรอกเหรอเนี่ย ? ทีแรกผมคิดแบบนั้นเพราะตัวเองได้รับเลือกเป็นจอมมารเสียอีก
“แล้วเธอถามคำถามแบบไหนไปล่ะ ?” (ชิออน)
“เอ่อ อืม …ก็นะ …งืออ …” (คาน่อน)
ทีแรกเหมือนเธอลังเลอยู่ แต่ก็ยอมตอบ
“ฉันถามไปว่า 『จำเป็นที่ต้องช่วยโลกนี้จริงๆเหรอ ?』 ค่ะ” (คาน่อน)
สมเหตุสมผล …
คาน่อนนี่ช่างเหมือนแฟรี่ตัวน้อยจริงๆ
ผมต้องไม่ลืมว่า ถึงตอนนี้เธอจะตอบคำถามผมอย่างว่าง่าย แต่ก่อนหน้านี้
เธอเองก็เคยเป็นจอมมารมาก่อน บุคคลที่ถูกจัดว่าเป็นพวก 【โกลาหล 】 จากการทดสอบความถนัด
ถึงเธอจะดูน่ารักและพูดจาแบบนี้ แต่เอาจริงๆแม่นี่ก็อันตรายน่าดูไม่ใช่หรือไงกัน ?
ผมเริ่มมองแฟรี่ตัวน้อยที่บินไปยิ้มไป อย่างคาน่อน อดีตจอมมารด้วยมุมมองใหม่