ตอนที่แล้วตอนที่ 155 เมืองหมื่นดารา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 157 หวนคืน

ตอนที่ 156 ความมุ่งมั่นอันแรงกล้า (ฟรี)


ตอนที่ 156 ความมุ่งมั่นอันแรงกล้า

“สหาย เจ้าต้องการอะไร ลองมาดูที่แผงของข้าได้?”

“ข้ามีทรัพยากรบ่มเพาะสำหรับการฝึกฝนตั้งแต่ครึ่งเทพไปจนถึงเทพสวรรค์ รวมถึงวัตถุวิญญาณ และแร่คุณภาพดีทุกชนิด และราคาก็สมเหตุสมผล”

ขณะที่ซูหยางค่อยๆ ปรับตัว เขาก็ได้ยินเสียงตะโกนจากด้านข้าง

เมื่อหันกลับมา เขาก็ได้เห็นคนที่มีรูปร่างประหลาดมีจุดสีแดงบนตัว เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาจากเผ่าใด

มีเผ่าพันธุ์ต่างๆ มากมายในจักรวาล และซูหยางก็ไม่ได้สนใจจะจำ เขาจะเรียกอีกฝ่ายว่าเผ่าอมนุษย์ทั้งหมด

แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะกระตือรือร้นมาก เผ่ามนุษย์ไม่ได้เป็นที่นิยมหรอกเหรอ ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ซูหยางก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย และก้าวไปข้างหน้าเพื่อตรวจสอบสิ่งต่างๆ บนแผงลอยของอีกฝ่าย

"หินทองม่วง ( ระดับเทพยุทธ์ ) ราคา 100 ต้นกำเนิดโลก"

"ดาบทลายดาว อาวุธจิตวิญญาณระดับเทพยุทธ์ขั้นสูง ราคา 10 ต้นกำเนิดกาแล็กซี่"

"หยดวิญญาณระดับต่ำ ความบริสุทธิ์ 5 ( ความบริสุทธิ์ 1 ถึง 10 คือหยดวิญญาณระดับต่ำซึ่งมีผลเร่งความเร็วการฝึกฝนของผู้ฝึกฝนจนถึงเทพสวรรค์ขั้นต้น ) ราคา 100 ต้นกำเนิดโลก"

มีหลายสิ่งหลายอย่างบนแผงลอย รวมถึงวัสดุ อาวุธจิตวิญญาณ และทรัพยากรบ่มเพาะ

หากเป็นเช่นนี้ ผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์ควรสามารถซื้อทรัพยากรบ่มเพาะได้อย่างครบครัน

สิ่งที่เรียกว่าการปิดกั้นทรัพยากรที่เพิ่มราคาที่ขายให้กับผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์นั้นจะไม่ใช่เรื่องตลกหรอกเหรอ?

ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น

ซูหยางตระหนักดีถึงปัญหานี้

เขาจึงถามอย่างลังเลว่า "ข้าต้องจ่ายต้นกำเนิดโลกมากเท่าไหร่เพื่อซื้อหยดวิญญาณหนึ่งหยด"

เมื่อได้ยิน เจ้าของแผงลอยจึงพูดด้วยรอยยิ้ม "นี่คือราคาปกติของที่นี่"

แต่ก่อนที่ซูหยางจะถามว่านั้นหมายความว่าอย่างไร

เขาก็ได้เห็นอีกฝ่ายหยิบป้ายอันหนึ่งออกมา

[ สำหรับผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์ต้องจ่ายเป็นสิบเท่าของราคาปกติเพื่อซื้อสินค้า และจะไม่เกินสิบเท่าอย่างแน่นอน ร้านของข้ายินดีต้อนรับผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์ทุกคนที่เข้ามาจับจ่ายซื้อขาย ]

ใบหน้าของซูหยางมืดลงในทันที "ดังนั้น หากข้าต้องการซื้อหยดวิญญาณระดับต่ำหนึ่งหยด ข้าจำเป็นต้องจ่าย 1 ต้นกำเนิดกาแล็กซี่?"

เจ้าของแผงลอยยิ้มแล้วพูดว่า "ใช่ ของๆ ข้าจะขายให้กับผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์ในราคาสิบเท่าจากเดิมเท่านั้น จะไม่มีการบวกเพิ่มอีก สหาย เจ้าไม่ต้องกังวล ว่าไง เจ้าต้องการมันไหม?"

ถามมาได้ นี่ไม่ต่างจาการปล้นตอนกลางวันแสกๆ เลย?

ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจ้าของแผงลอยพวกนี้ยินดีต้อนรับเขามากขนาดนี้

สินค้าอย่างเดียวกันนี้สามารถขายให้กับเผ่าอื่นได้ในราคาปกติ

แต่ถ้าขายให้ผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์จะแพงขึ้นเป็นสิบเท่า เหมือนเชือดแกะตัวอ้วนๆ ใครจะไม่ยินดี

และเมื่อตัดสินจากคำพูดของอีกฝ่าย สิบเท่ายังคงเป็นราคาที่สมเหตุสมผล?

ซูหยางระงับความไม่พอใจ บางทีในสายตาของอีกฝ่าย นี่อาจเป็นราคาปกติจริงๆ

“ถ้าเพิ่มขึ้นถึงสิบเท่า จะมีคนมาซื้องั้นรึ?”

เมื่อซูหยางถาม อีกฝ่ายดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้

อย่างไรก็ตาม เจ้าของแผงลอยไม่มีความคิดอื่นใด และอธิบายโดยตรง "มี"

“สหาย ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ของเผ่าตัวเองมากเท่าไรนัก”

เพราะในเมืองหมื่นดาราแห่งนี้ ทุกคนเป็นเพียงร่างอวตาร และไม่มีใครสามารถมองเห็นฐานการบ่มเพาะของคนอื่นได้

จึงไม่สามารถบอกจุดยืน และความแข็งแกร่งของใครๆ ได้ตั้งแต่แรก

พวกเขาจะเรียนรู้ได้เพิ่มผ่านการมอง และการสนทนาเท่านั้น

“เอาเป็นว่า ในตอนนี้ เผ่ามนุษย์ของเจ้าควบคุมแหล่งทรัพยากรได้น้อยมาก ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วไม่เพียงพอสำหรับทุกคนที่จะได้รับทรัพยากรมากพอ”

“ตัวอย่างเช่น สำหรับเมืองขนาดเล็กของเผ่าข้าสามารถควบคุมแหล่งทรัพยากรได้ประมาณสิบแห่ง แหล่งทรัพยากรเหล่านี้หมายถึงทรัพยากรสำคัญที่ผู้ฝีกฝนระดับเทพยุทธ์หรือสูงกว่านั้นต้องใช้ในการฝึกฝน”

"หยดวิญญาณที่เจ้าเห็นก็มาจากแหล่งทรัพยากรเหล่านั้นเช่นเดียวกัน"

“แต่เมืองมนุษย์ขนาดเล็กอาจไม่สามารถควบคุมแหล่งทรัพยากรได้แม้แต่แห่งเดียว”

“เมืองมนุษย์ขนาดกลางอาจสามารถควบคุมแหล่งทรัพยากรได้ประมาณสิบแหล่ง”

“แต่กลับกันสำหรับเมืองขนาดกลางของเผ่าข้า เราสามารถควบคุมแหล่งทรัพยากรได้ประมาณร้อยแห่ง นี่คือช่องว่าง”

“สำหรับเหตุผล ข้าคิดว่าเจ้าควรรู้ดี ดังนั้นข้าจะไม่อะไรไปพูดมากกว่านี้”

“ดังนั้น เมื่อผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์มีทรัพยากรไม่เพียงพอ พวกเขาก็ต้องหาซื้อทรัพยากรบ่มเพาะจากภายนอก”

“สิ่งต่างๆ อย่างต้นกำเนิดกาแล็กซี่นั้นเป็นสกุลเงินที่สำคัญ มันง่ายสำหรับเผ่ามนุษย์ที่จะได้มา และทุกคนก็สามารถใช้มันได้”

“แม้บางเผ่าจะมุ่งเป้าไปที่เผ่ามนุษย์ของเจ้า แต่พวกเขาก็ไม่สามารถป้องกันเจ้าจากการได้รับต้นกำเนิดกาแล็กซีได้”

“ไม่เช่นนั้นผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์จะไม่สามารถชื้อขายอะไรได้เลย”

“แม้ว่าข้าจะเห็นอกเห็นใจกับชะตากรรมของเผ่ามนุษย์ แต่ข้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้เพราะข้อตกลงพันธมิตร”

เจ้าของแผงลอยคนนี้เห็นได้ชัดว่ามาจากเผ่าพันธุ์ที่ไม่มีความเกลียดชังต่อเผ่ามนุษย์มากนัก

แม้ว่าซูหยางจะไม่เห็นความเห็นอกเห็นใจใดๆ จากใบหน้าของชายคนนี้ แต่เขาก็รู้ด้วยว่าอีกฝ่ายไม่ได้มุ่งเป้ามาที่เผ่ามนุษย์

เนื่องจากสนธิสัญญาพันธมิตร เผ่าต่างๆ จึงต้องทำตาม

แค่ไม่เพิ่มราคามากกว่านี้ นั่นก็ถือว่าดีแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้รู้เหตุผลที่ทำให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นโดยละเอียดแล้ว

เนื่องจากสงครามจักรวาล บางเผ่าจึงมุ่งเป้าไปที่เผ่ามนุษย์

แหล่งทรัพยากรเดิมที่ถูกควบคุมโดยเผ่ามนุษย์ถูกปิดล้อม และปล้นชิงไป เผ่ามนุษย์ต้องใช้กำลังคน และความแข็งแกร่งมากกว่าปกติในการปกป้องพวกมัน

เผ่าอื่นสามารถปกป้องแหล่งทรัพยากรได้ด้วยความพยายามของตนเอง

แต่เผ่ามนุษย์ต้องใช้ความแข็งแกร่งมากกว่าเดิมสิบหรือร้อยเท่า เพราะศัตรูสามารถผนึกกำลังกันได้

หลังจากเข้าใจเหตุผลแล้ว

มันยิ่งทำให้ซูหยางต้องการเปลี่ยนสถานการณ์ของเผ่ามนุษย์มากยิ่งขึ้น

หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป

เผ่ามนุษย์จะอ่อนแอลงทีละนิดจนถูกทำลายล้างไปในที่สุด

เหตุใดจึงต้องเปลี่ยนสถานการณ์ของเผ่ามนุษย์?

เขาเป็นมนุษย์!

นั้นเพียงพอแล้ว

“ขอบคุณสหายที่ช่วยไขข้อสงสัยของข้า” ซูหยางขอบคุณ จากนั้นเลือกซื้อหยดวิญญาณระดับต่ำหนึ่งหยด

ของชิ้นนี้ไม่ได่มีค่าอะไร เขาซื้อแทนคำขอบคุณสำหรับคำอธิบายของอีกฝ่าย

“ขอบคุณมาก คราวหน้า ถ้าเจ้าต้องการอะไรอย่าลืมกลับมาหาข้า” เจ้าของแผงลอยพูดด้วยรอยยิ้ม

เขาสามารถทำกำไรได้ถึงสิบเท่าในคราวเดียว เขาจะไม่ยินดีต้อนรับอีกฝ่ายได้อย่างไร?

ซูหยางยังคงเดินต่อไปสักพักในเมือง

เขาพบว่ามีหลายแผงลอยตั้งอยู่ แต่ไม่มีคนคอยเฝ้า

เจ้าของแผงอาจจะยุ่งอยู่ข้างนอก แต่ของก็วางขายอยู่ที่นี่ต่อไปได้ หากจำเป็น สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้โดยตรง

เมื่อนั้น อีกฝ่ายจะเข้าสู่เมืองหมื่นดาราโดยเร็วที่สุด

สะดวกมากจริงๆ

แต่ไม่มีข้อยกเว้น สินค้าใดๆ ที่ขายให้กับเผ่ามนุษย์จะถูกเรียกเก็บเป็นสิบเท่าของราคาเดิม

บางแผงเกินกว่าสิบเท่าด้วยซ้ำ

ยิ่งเขามองดูมากเท่าไร ซูหยางก็ยิ่งไม่มีความสุขมากขึ้นเท่านั้น

การปิดกั้นทรัพยากร?

เขาไม่เพียงต้องการทำลายการปิดกั้นนี้ แต่เขายังต้องการปฏิบัติต่อคนเหล่านี้ในแบบที่พวกเขาเคยทำอีกด้วย!

ซูหยางเดินบนถนน ไม่มีความปรารถนาที่จะซื้อสิ่งใด

เขาไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้

แต่ผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์คนอื่นๆ ยังต้องการมัน

หลังจากมองดูเมืองหมื่นดาราจนทั่วแล้ว ซูหยางก็รู้สึกหนักใจมากยิ่งขึ้น

ขณะที่เขากำลังจะจากไป

ผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์คนหนึ่งปรากฏที่แผงลอยด้านหน้า

อีกฝ่ายซื้อทรัพยากรพิเศษ 1 ชิ้นที่ขายในสูงกว่าราคาปกติถึง 13 เท่า

เมื่อมาถึงจุดนี้ ความสนใจของซูหยางก็ลดลง

แค่พูดเปลื่ยนแปลงอะไรไม่ได้ เขาจะแสดงให้เห็นด้วยการลงมือทำ

มาลองดูกัน

มาดูกันว่าเขาจะสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ของเผ่ามนุษย์ได้หรือไม่

จากนั้น ซูหยางก็ถอนตัวออกจากเมืองหมื่นดาราด้วยความคิด

เขาหวนกลับสู่ถ้ำสถิตมารอีกครั้งแล้วใส่ตราเมืองหมื่นดาราลงในแหวนมิติ

หากเขาจำเป็นต้องเข้าไป เขาก็สามารถเข้าไปได้ตลอดเวลา

โดยพื้นฐาน เขาไม่มีอะไรต้องทำในถ้ำสถิตมารแห่งนี้แล้ว

เวิ้งต้นกำเนิดนี้ถูกปกคลุมไปด้วยปราณขุ่น ต่อจากนี้ วิญญาณมารตนใหม่อาจเกิดขึ้นในซักวันหนึ่ง เขายังไม่สามารถขจัดที่ต้นตอของปัญหาได้ในตอนนี้

และแม้ว่านี่จะเป็นเวิ้งต้นกำเนิดปกติ ซูหยางก็ไม่มีทางจัดการกับมันได้ในขณะนี้

หากเขาต้องการครอบครองเวิ้งต้นกำเนิดเพื่อรับต้นกำเนิดกาแล็กซี่อย่างมั่นคง

จำเป็นต้องทำสองสิ่งก่อน

สิ่งแรกคือ มีเวิ้งต้นกำเนิดอยู่ในมือ

สองคือ ต้องมีสถานที่ๆ ปลอดภัย ซึ่งเป็นสถานที่ๆ เขาสามารถจัดเก็บทรัพยากรได้อย่างสบายใจ

ทางเลือกที่ดีที่สุดคือ การสร้างเมืองในแดนหงซิง

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด