บทที่ 388 : เมล็ดพันธุ์สีดำ (10)
บทที่ 388 : เมล็ดพันธุ์สีดำ (10)
เฟรียซิสกลืนน้ำลายขณะที่มองมาที่ฉัน
"บุกไปข้างหน้าเลยงั้นเหรอ?"
ความเป็นไปได้ที่จะรอดมันต่ำเกินไป
ไม่เป็นไรถ้าฉันอยู่คนเดียว แต่ฉันมีเฟรียซิสที่ต้องปกป้อง
แล้วมีวิธีอื่นอีกไหม?
"...มีแค่นั้นเหรอ?"
ฉันหลับตาลง
ฉันจำแผนที่เกาะลอยที่จ้องมองทั้งคืนเมื่อวานนี้ได้ขึ้นใจ
ไม่นานฉันก็ได้ข้อสรุป
"ตามฉันมา"
"นายมีแผนจะไปที่ไหน?"
"หน้าผา"
"ที่นั่น..."
ฉันไม่ได้พูดอะไรต่อ
เฟรียซิสมองมาที่ฉันและพยักหน้าช้า ๆ
"ฉันเข้าใจแล้ว ฉันเชื่อใจนาย"
"อย่าเชื่อใจกันมากเกินไปสิ"
ฉันกับเฟรียซิสมุ่งหน้าไปยังหน้าผาที่อยู่ด้านหลังทันที
กองทัพของคริสตจักรก็น่าจะรู้ตำแหน่งของเราแล้วด้วย ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องซ่อนตัว
วูบ!
ลมพัดเข้ามากระทบร่างกายของฉัน
ฉันมองกลับไปโดยวางเท้าลงบนพื้นอย่างมั่นคง
เหนือหน้าผาสูงชัน ฉันเห็นดินแดนอันห่างไกลที่ฝั่งตรงข้าม
เฟรียซิสจับชายเสื้อของฉันไว้แน่น
ฉันหัวเราะและกำดาบในมือเอาไว้
ทหารหลายร้อยคนและอัศวินหลายสิบคน
สามคนนั้นเข้ามาหาฉันเช่นกัน
"...ถ้าแกจะหนี แกควรทิ้งผู้หญิงเลว ๆ นั่นไว้ข้างหลังซะ"
เพอร์แซนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
"ถ้ามีโอกาส ข้าอยากจะต่อสู้กับนักรบที่แท้จริงมากกว่า...ให้สู้กับคนแบบนี้มันเป็นความอัปยศสิ้นดี"
เกียนีกอดอกและเดินเข้ามา
และนักบุญตาบอดคนนั้นเดินเข้ามาหาฉันเช่นกัน
'นี่คือสิ่งที่ฉันต้องทำเพียงคนเดียว'
นี่เป็นภารกิจส่วนตัวที่ต้องทำคนเดียว
ระดับความยากจะเพิ่มขึ้นจนถึงจุดที่ฉันไม่สามารถข้ามผ่านได้
แต่ฉันอยู่ที่นี่ไม่ถึงหนึ่งวันหรือสองวันด้วยซ้ำ
"จัดการมันซะ"
เพอร์แซนกล่าว
"ท่านเพอร์แซน!"
"ข้าไม่อยากได้ยินเสียงแก ดังนั้นหุบปากซะ!!"
"เดี๋ยวก่อน โปรดฟัง! ฉันพูดภาษาทาวน์เนียได้..."
"บอกให้หุบปาก!"
เพอร์แซนตะโกนด้วยดวงตาแดงก่ำ
"อย่าเปิดปากสกปรกอีกแม้แต่ครั้งเดียว!"
เฟรียซิสปิดปากของเธอแน่น
เพอร์แซนมองกลับมาที่ฉันแล้วยิ้ม
"ฮีโร่คนเก่ง เรามาคุยกันอีกครั้งดีกว่า คิดว่าตัวเองจะมีโอกาสชนะไหม? จะดีกว่าไหมที่ตัดสินใจเลือกทางอื่นเพื่อรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้"
<ฝ่าบาทประทับใจทักษะการต่อสู้ของนายมาก>
นักบุญก้าวไปข้างหน้า
"นักรบที่เก่งกาจเช่นเจ้ามีคุณสมบัติที่จะร่วมต่อสู้ในศึกอันยิ่งใหญ่ด้วยกัน มอบผู้หญิงคนนั้นให้ข้าแล้วมาทางนี้เถอะนักรบ"
ราชาสัตว์ป่าอย่างเกียนีก็เข้ามาช่วยเกลี้ยกล่อมฉันอีกแรง
ฉันคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดออกมา
"ถ้าฉันยกเฟรียซิสให้พวกแก แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ?"
"แน่นอนว่า..."
เพอร์แซนยกมือขวาขึ้น
ฟุ่บ!
ลมที่พัดรุนแรงเหมือนมีดคม ๆ พันเล่มพัดผ่านหน้าฉันไป
“เราจะตอบแทนความเจ็บปวดที่เราเผชิญมาให้เธอหลายสิบเท่า เราจะทำให้เธออยู่ในสภาพที่อยู่หรือตายก็ไม่ต่างกัน เราจะทำให้เธอประสบกับความเจ็บปวดทั้งหมดในโลกนี้ เราจะทำให้เธอร้องออกมาว่าเธออยากตายและขอร้องให้ฆ่าเธอสักที”
"ผู้ทรยศสมควรได้รับการลงโทษเป็นการตอบแทน"
<ข้าเห็นด้วย>
ฉันมองย้อนกลับไป
"...ฮาน"
เฟรียซิสมองมาที่ฉันด้วยสายตาเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา
ฉันไม่รู้สึกว่าเธอเป็นเจ้าหญิงเลย
ตอนนี้มีเพียงหญิงสาวคนหนึ่งที่หวาดกลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นตรงหน้า
"มีชีวิตอยู่ต่อเถอะนะฮาน ส่งฉันไปให้..."
"อย่าพูดอะไรที่มันน่าขนลุกแบบนั้น"
ฉันดีดหน้าผากของเฟรียซิส
และฉันก็มองไปข้างหน้า
<เรามีเหตุผลของเรานั่นก็คือการช่วยทุกคนที่ทนทุกข์อยู่บนโลกนี้ นายไม่รู้หรือไงว่าโลกนี้มันผิดเพี้ยนและบิดเบี้ยวแค่ไหน? >
เสียงของนักบุญดังขึ้นในหัวของฉัน
เสียงนั้นทรงพลังมาก
"มันเป็นเหตุผลที่เราต้องทำแบบนี้ ทำลายโลกที่บิดเบี้ยวและนำสันติสุขมาสู่ทุกคน ฉันจะบอกความจริงที่นายไม่เคยรู้ให้ฟัง ว่าพวกเราผ่านอะไรมาบ้าง ทำไมเราถึงกลายเป็นแบบนี้ สิ่งที่นังนั่นทำ นังคนทรยศนั่น ความจริงอันเจ็บปวด..."
"มันแย่มาก เพราะแกคนเดียว นังทรยศ!"
ใบหน้าของเพอร์แซนแข็งทื่อในทันที
"ความจริงที่ไม่รู้? ความจริงที่เจ็บปวด?"
ฉันหัวเราะ
ฉันพยายามกลั้นเสียงหัวเราะไว้แล้วนะ แต่ฉันทนไม่ไหวจริง ๆ
ฉันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาโดยไม่สนว่าสถานการณ์ตอนนี้จะตึงเครียดแค่ไหน
ฉันเองก็ไม่รู้หรอกนะว่าที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง...แต่สำหรับตอนนี้
"ทำไมฉันต้องไปสนใจเรื่องน่าเบื่อแบบนั้นด้วยล่ะ"
"...นายกำลังพูดเรื่องอะไร?"
ฉันยิ้มยกมุมปากขึ้น
"โชคร้ายแค่พวกแกงั้นเหรอ? คิดว่าเป็นคนเดียวที่ต้องมาเจอเรื่องไร้สาระแบบนี้งั้นเหรอ?"
"..."
"บางคนต้องมาติดอยู่กับบางสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลยด้วยซ้ำ ต้องเลือดตกยางออกเกือบตายหลายต่อหลายครั้ง และยังคงดิ้นรนเอาชีวิตรอด"
ทุกวันคือการต่อสู้และเผชิญหน้ากับนรก
มันเป็นวันที่เจ็บปวดที่ต้องต่อสู้กับความเป็นและความตายหลายครั้ง
ฆ่าศัตรูนับไม่ถ้วนและเบื่อหน่ายที่เห็นเพื่อนในห้องรอตายไปทีละคน
"ฉันจะไม่ระบายความโกรธออกมาโดยไม่จำเป็น"
พวกนั้นอาจจะยังไม่รู้ว่าเทลทำอะไรไว้บ้าง
เทลหลอกเฟรียซิสและใช้เธอเป็นเครื่องมือ
'ความเจ็บปวดที่พวกมันได้รับงั้นเหรอ?'
พวกมันกำลังโกรธจนแทบบ้าเพราะควาเมจ็บปวดที่มันได้รับ
แต่ลองมองย้อนมาดูฉันสิ เพียงเพราะฉันอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย ฉันก็ไม่ได้คิดที่จะลากคนอื่นลงเหวไปด้วย
ฉันจะยุติสถานการณ์ที่โชคร้ายด้วยตัวฉันเอง
และฉันก็จะเอาชนะมันให้ได้
"บอกหัวหน้าของพวกแกให้เตรียมรับมือได้เลย"
ทั้งสามไม่ได้พูดอะไรออกมา
พวกเขามองฉันด้วยสายตาเย็นชา
ฉันยิ้ม
ฉันเข้าใจได้ว่าสาเหตุที่พวกมันพยายามอธิบายคืออะไร
"นั่นเป็นเจตจำนงของนายหรือ?"
เพอร์แซนพึมพำ
ฉันมองไปที่เธอแต่ไม่ได้ตอบ
"เฟรียซิส"
ฉันกระซิบเบา ๆ และเฟรียซิสก็พยักหน้าตอบรับเบา ๆ
"จับให้แน่น อย่าปล่อยมือเด็ดขาด"
"อืม"
เฟรียซิสจับชายเสื้อของฉันไว้แน่น
ฉันหมุนดาบไปรอบ ๆ หนึ่งครั้งและมองไปข้างหน้าอีกครั้ง
สามคนนั้นเดินเข้ามาหาฉันอย่างช้า ๆ
"ลองคิดดูเล่น ๆ สิว่าเมื่อสิ่งที่อยากได้มาก ๆ บินหนีไป พวกแกจะกรีดร้องออกมาแบบไหน?"
"ไอ้สารเลว"
เพอร์แซนยื่นมือของเธอมาทางฉัน
ฉันชูนิ้วกลางมือซ้ายขึ้นมาและจับเฟรียซิสให้แน่น แล้วฉันก็ตัดสินใจกระโดดข้ามหน้าผาทันที....