บทที่ 35 คืนสังหาร
“ขอรับ”
สิ้นสุดเสียงคำสั่งเจิงหงเซิน องครักษ์เขาก็ถอยหลังหันจากไป ลงมือตามแผนดั่งได้จัดแจงไว้สำหรับหยางเฉาแลครอบครัวเขาอย่างแยบยล เมื่อครั้นไร้เงาสกุลหยางคอยคุ้มหัว
ณ เรือนน้อยหลังโทรม
หยางเสี่ยวเทียนผู้กลับจากสมาคมการค้าเฟิงยวินได้พักใหญ่ นั่งศึกษาสูตรโอสถบนเตียงไม้อย่างละเอียด เพื่อเตรียมหลอมโอสถวิญญาณสี่ประการอีกครั้งภายในเรือนแยกของตนอันได้ปิดบังเงียบเชียบปราศจากเสียงรบกวน
เมื่อเข้าใจจนลึกซึ้ง ขณะยันตัวลุกจะหลอมโอสถ เสียงผิดวิสัยภายนอกก็พลันเสียดแทรกขึ้น ทำสมาธิเขาต้องชะงัก
หยางเสี่ยวเทียนหยุดจดจ่ออยู่กับเสียงภายนอก ก่อนดวงตาจะผันเปลี่ยนลงเป็นเย็นยะเยือกทันที
ภายใต้ความมืดมิดยามเดือนดับ ปรากฏห้าร่างผู้มาเยือนมิได้เชื้อเชิญทอดเป็นเงาดำย่องผ่านลานเข้ามาอย่างเงียบสงัด ในเวลาที่เจ้าเรือนต่างหลับใหลสู่ห้วงลึกแห่งความฝันกันไปหมด
“นี่นะรึ เรือนใหม่ของหยางเฉา” เซี่ยชิง ผู้นำลงมือของแผนการเจิงหงเซิน เหลือบตามองไปยังเรือนหลังเก่าเบื้องหน้า
“ขอรับ ท่านเซี่ยชิง” คนด้านหลังก้าวไปข้างหน้าหาเขาอย่างรวดเร็ว แล้วกล่าวเสริมด้วยรอยยิ้มขณะยอบตัวลงอย่างถ่อมตน
“นายท่านสั่ง ให้เราเลาะฟันของหยางเฉาจนหมดปาก”
เซี่ยชิงแสยะยิ้มกร้าว ถลึงสายตาชั่วร้ายลงต่ำคลายโหดเหี้ยมในเงาสลัว “ฮึ เจิงหงเซินเจ้าคนขลาด ใคร่ให้เราสั่งสอนครอบครัวของหยางเฉาแต่ไม่ให้สังหารงั้นรึ ได้! เช่นนั้นข้าจะทำให้เขาสมปรารถนา”
จบประโยค เสียงฉีกขาดของอากาศก็ผลีผลามดังขึ้น ส่งสัมผัสเย็นวาบจากของมีคมระคายใกล้หูเขา
“นั่นใคร!” เซี่ยชิงร้องถามออกไปด้วยตระหนกตกใจ ในอาการหันรีหันขวางหาต้นตอต่างจากอากัปกริยาเหี้ยมเกรียมเมื่อครู่ลิบลับ
บัดนั้น แสงเย็นจากกระบี่ส่องประกายวาบท่ามกลางความดำมืด ประจักษ์ชัดต่อสายตาทุกคู่ยังมุมมืดหนึ่งภายในลาน ประดุจได้พบพานช่วงสุดท้ายของชีวิตที่คืบคลานใกล้เข้ามา
เซี่ยชิงสัมผัสถึงชะตาตนจากกลิ่นอายนั้นเพียงชั่วแล่น ก็ออกตัวจะหลบหนีก่อนทันรู้สึกชาช่วงกลางติดกับศรีษะ เขายกมือขึ้นจับต้องของเหลวเข้มยังลำคออาบโชคลงฝ่ามือพลันไหลสุดปลายศอกหยาดลงสู่พื้นไม่หยุดหย่อน
เขายืนตัวแข็งทื่อเบิกตาจ้องไปทางร่างเด็กน้อยอายุเจ็ดหรือแปดขวบ ผู้เยื้อย่างกายออกจากเงามืดแทนที่ร่างบุรุษรูปกายสูงใหญ่
“เจ้า…!” เซี่ยชิงอ้าปากนิ่งค้างกล่าวยังไม่ทันจบ กายแกร่งก็ทรุดตัวคุกเข่าทิ้งตัวลงราบไปกับพื้นทันที
เหล่าผู้ติดตามเซี่ยชิงต่างถ่างตาตื่นขวัญกระเจิงกระทั่งก้าวเดินแทบไม่ไหว กับลำดับเหตุการณ์เบื้องหน้าที่ดันชิงเกิดขึ้นกะทันหัน
“เจ้า… ลูกชายหยางเฉามิใช่หรือ” ผู้บุกรุกหนึ่งในนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเทาขณะเริ่มเห็นใบหน้าเรียบเฉยของหยางเสี่ยวเทียนเยื้องกรายพ้นออกจากเงาทะมึน
หลังติดตามเจิงหงเซินไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาก็จดจำโฉมหน้าเป้าหมายได้เป็นอย่างดี ว่าเด็กผู้กระทำการลงมืออย่างเหี้ยมโหดภายในชั่วพริบตานี้ คือหยางเสี่ยวเทียนลูกชายคนเดียวของหยางเฉา
จากแหล่งข่าว ลูกชายหยางเฉามีเพียงวิญญาณยุทธ์เต่าขยะระดับสองไม่ใช่หรือ
ทำไมตอนนี้ เขากลับสามารถสังหารเซี่ยชิงผู้อยู่ในขั้นเซียนสวรรค์ระดับสี่ได้ลงง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ
และคือวิญญาจารย์ขั้นเซียนสวรรค์ระดับสี่ตอนปลาย ผู้ได้ขึ้นชื่อว่ายากกำจัดแลอำมหิตสุดในพื้นที่แห่งนี้ จะเป็นไปได้อย่างไร!
เขาจะถูกสังหารลงได้ด้วยกระบี่เพียงกระบวนท่าเดียว ได้เยี่ยงไร!
“พวกเจ้า สมควรตาย!” น้ำเสียงเยือกเย็นและหนักแน่นในช่วงสุดท้าย ถูกหยางเสี่ยวเทียนกล่าวออกมาชัดเจนทีละคำ ส่งผ่านหูทุกคู่ราวกับเสียงพร่ำเรียกจากหลุมนรก
ทันใดนั้น พลังปราณทั่วร่างเขาก็ปลดปล่อยกลิ่นอายอนธการออกมาปกคลุมรอบตัว ก่อนชี้กระบี่ตงเทียนในมือขึ้นไปเหนือศรีษะ
ปรากฏเห็นเป็นปราณกระบี่หลายเล่มรี่พุ่งลงมาจากท้องฟ้าพร้อมเสียงแหวกผ่านอากาศ ภายใต้สายตาคนทั้งสี่ที่เผลอเงยหน้าขึ้นมองชั่วประเดี๋ยว ขณะเคลื่อนตัวหนีด้วยความแตกตื่นได้เพียงไม่กี่ก้าว ปราณกระบี่ก็เสียบทะลุเข้ากลางศรีษะในทันใด
ร่อยรองอันน่าสะพรึงของกระบี่เป็นรูเด่นชัดตกทอดยังกลางหัวจนถึงลำตัว
พอปราณกระบี่หายวับไป เลือดก็ทะลักพ่นออกจากหัวคนทั้งสี่ราวกับน้ำพุขนาดย่อม
ส่งทั้งสี่คนผู้บุกเข้ามาในคืนนี้ เหลือเพียงร่างไร้วิญญาณ ไม่เว้นแม้แต่เซี่ยชิงที่เป็นถึงวิญญาจารย์ขั้นเซียนสวรรค์เพียงผู้เดียว อันได้ไปนอนเกลือกกลั้วบนพื้นก่อนหน้าคนทั้งสี่ผู้ล้วนอยู่ในขั้นนักยุทธ์ระดับสิบตอนปลาย
ซึ่งพวกเขา จะไปสามารถหลบหลีกกระบี่ของหยางเสี่ยวเทียนในขั้นเซียนสวรรค์ได้อย่างไร
หยางเสี่ยวเทียนชำเลืองมองร่างคนทั้งห้าด้วยแววตาเยือกเย็นไร้ซึ่งความรู้สึก
ความทรงจำในชีวิตก่อนหน้าที่ไม่อาจปกป้องเจ้านายตนเอาไว้ได้ ผลักดันให้เขาตอนนี้ต้องเด็ดขาด ไม่ยอมใครทำอันตรายต่อครอบครัวตนผู้เป็นดั่งชั่วชีวิตได้อีกเป็นอันขาด
เขารีบกำจัดเศษเดนทั้งห้า แล้วทำความสะอาดสิ่งเปรอะเปื้อน ล้างของเหลวเหม็นคาวที่พวกต่ำช้านี้ทิ้งไว้ให้พ้นลาน
ส่วนคืนนี้ เขาคงต้องมุ่งหน้าเยือนหาเจิงหงเซินยังจวนเสียหน่อย
ถัดมาหาเจิงหงเซินเวลานี้ เขายังคงนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดคิดทบทวนถึงเรื่องราวของเหวินเจียเหว่ยอันได้กระทำ เกี่ยวกับตนที่ไปทำให้นักปรุงโอสถคนหนึ่งขุ่นเคือง ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นผู้ใด และก็นึกไม่ออกเลยว่าไปเผลอทำโดยไม่ตั้งใจเมื่อไรตอนไหน
“นายท่าน ตามความเห็นของข้า หากท่านไม่ตัดรากถอนโคนครอบครัวหยางเฉาให้หมดเสียตั้งแต่ยังมีโอกาส ข้าเกรงว่ามันจะมีปัญหาตามมาไม่จบสิ้น” พ่อบ้านของเจิงหงเซินกล่าวชี้แนะ
เจิงหงเซินส่ายหัว “แม้หยางไห่กับหยางเฉาจะขัดแย้งกัน แต่หากเราสังหารหยางเฉาทั้งครอบครัว ตระกูลหยางคงไม่อยู่เฉยเป็นแน่ เรื่องนี้ไว้หารือภายหลัง”
“เข้าไปดื่มข้างใน รอฟังข่าวดีจากเซี่ยชิงกันเถอะ”
ขณะที่เจิงหงเซินและพ่อบ้านกำลังเดินย่างเท้าเข้าจวนด้วยกระหยิ่มใจ ทันใดนั้น เสียงเย็นเฉียบจับขั้วหัวใจก็ดังขึ้น ผันเปลี่ยนสีหน้าคนทั้งคู่ไปโดยพลัน
“ไม่จำเป็นต้องรอ พวกเขาไม่สามารถกลับมาได้อีกแล้ว”