บทที่ 15 แก้ปัญหาด้วยการดูฮวงจุ้ย
"ท่านปรมาจารย์ นี่คือหยกที่ท่านให้ผมหามา ไม่ทราบว่าตรงตามที่ท่านต้องการหรือไม่" จางอู๋ยื่นกล่องใหญ่ให้ด้วยความนอบน้อม ในกล่องบรรจุหยกห้าหกสิบชิ้น มีทั้งกำไล จี้หยก และหยกเม็ดที่เพิ่งขัดเสร็จยังไม่ได้แกะสลัก
จางอู๋รู้ว่าทรัพย์สมบัติของตระกูลกำลังจะหมดลง คราวนี้ถึงจะจ่ายเท่าไหร่เขาก็ไม่เจ็บใจ หลินชิงอิ่นบอกว่าต้องใช้หยกยี่สิบสี่ก้อนก็พอ แต่เขากลับซื้อมาเป็นเท่าตัว กลัวว่าจะมีก้อนไหนไม่ตรงเงื่อนไขแล้วทำให้เรื่องใหญ่อย่างการย้ายสุสานล่าช้าไป
หลินชิงอิ่นมองเห็นกล่องเต็มไปด้วยหยกวิญญาณ ดวงตาเป็นประกาย เธอลูบไล้หยกทีละชิ้น "ข้าช่วยเจ้าแก้ปัญหานี้โดยไม่รับค่าตอบแทนก็แล้วกัน ส่วนหยกที่เหลือเจ้าให้ข้าไปได้หรือไม่"
พออ้วนหวังได้ยินก็รู้สึกร้อนใจ รีบหลิ่วตาใส่หลินชิงอิ่น การค้าขายไม่ใช่ทำแบบนี้สิ ต้องเอาหยกไว้ด้วยแล้วยังต้องให้เขาจ่ายเงินด้วย ท่านปรมาจารย์น้อยช่างอายุน้อยเกินไป ช่วยแก้เรื่องใหญ่แบบนี้แล้วยังขอเงินอีกไม่นับว่าเยอะเกินไปเลยนะ
จางอู๋ผ่านการต่อสู้ในวงการธุรกิจมาหลายปี เพียงแค่เห็นสีหน้าของอ้วนหวังก็เข้าใจทันที จึงรีบรับปากทันที "ท่านปรมาจารย์ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ว่าจะเหลือหยกมากแค่ไหน ล้วนเป็นของท่านทั้งสิ้น ส่วนค่าจ้างท่านจะแยกจ่ายต่างหาก"
เห็นสีหน้าอ้วนหวังคลายความเคร่งเครียดลงไปมาก จางอู๋หัวเราะอย่างขมขื่น "ผมกำลังจะล้มละลายแล้ว เงินที่ใช้ไปถือว่าได้กำไรแล้ว ไม่ปิดบังท่านปรมาจารย์ทั้งสอง เมื่อวานผมรวบรวมเงินทุกบาททุกสตางค์ที่บ้านกับบริษัทที่เคลื่อนย้ายได้ ก็ติดต่อกับธนาคารเรียบร้อยแล้ว วันนี้เบิกออกมาทั้งหมด ผมตั้งใจจะซื้อประกันมูลค่ามหาศาลให้พ่อแม่ฝั่งภรรยา และเปิดบัญชีทรัสต์ฟันด์ให้ลูกสาว ถึงแม้หลังจากนี้ผมจะล้มละลาย แต่ก็ไม่ต้องเป็นห่วงอนาคตของพวกเขาแล้ว"
อ้วนหวังชื่นชมชูนิ้วโป้งให้ "คุณเก่งมากเลยที่หาช่องโหว่เจอ"
หลินชิงอิ่นหยิบหยกชิ้นหนึ่งใส่ในกระดองเต่า แล้วพูดเรียบๆ "ในโลกนี้หาผลประโยชน์ได้ไม่ง่ายหรอก ยิ่งคุณยักยอกทรัพย์สินมากเท่าไหร่ ก็ต้องเสียชีวิตตัวเองมากขึ้นเท่านั้น คุณต้องคิดให้ดีนะ"
"ผมคิดดีแล้ว!" จางอู๋ลูบหน้าผากแล้วหัวเราะเปิดเผย "ก่อนหน้านี้ผมเพ้อเจ้อไป คิดว่าขอแค่รวยก็พอ อะไรๆ ก็ยอมเสียสละได้ แต่พอลูกชายตายไป ผมถึงได้รู้ว่าผิดไป ที่ผมหาเงินมาเยอะขนาดนี้ก็เพื่ออะไร ก็เพื่อให้ครอบครัวอยู่ดีกินดีไม่ใช่เหรอ ผมจะทำตรงกันข้ามยังไง เอาสุขภาพกับความสุขของพวกเขาไปแลกเงินทองของผมได้ยังไง"
จางอู๋ถอนหายใจยาว ยกมือขึ้นลูบหน้า "พวกนี้เป็นสิ่งที่ผมติดค้างพวกเขา ก็มีแค่นี้แหละที่ผมพอจะทำให้พวกเขาได้ ถ้าพูดถึงความเสียใจ ผมเสียใจที่ไม่ได้เจอท่านปรมาจารย์เร็วกว่านี้ ไม่งั้นลูกชายผมก็คงไม่ตาย"
จางเจี้ยนกั๋วนั่งอยู่ในรถ ตาแดงก่ำ เขาหันไปมองนอกหน้าต่าง เสียงสั่นเครือเล็กน้อย "ตอนนี้พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ รีบขับรถเถอะ!"
จางอู๋รู้ว่าคนที่พ่อของเขาเกลียดที่สุดในตอนนี้ก็คือตัวเขาเอง ในเมื่อแม้แต่เขาเองก็ยังให้อภัยตัวเองไม่ได้ ก็เพราะความโลภและความหลงผิดของเขานี่แหละ ถึงได้ทำให้ลูกชายต้องมาเสียชีวิตตั้งแต่อายุสิบกว่าปี
น่าเสียดายที่ความเสียใจมันสายไปเสียแล้ว!
---
ออกจากตัวเมืองขึ้นทางด่วนใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงก็ถึงอำเภอซานโป จางเจี้ยนกั๋วนั่งอยู่เบาะหน้าเงียบๆ มองออกนอกหน้าต่าง ดูเหมือนไม่ค่อยอยากคุยอะไร ส่วนหลินชิงอิ่นดูเหมือนจะหลับตาพักผ่อนพลางกอดกระดองเต่าไว้ แต่จริงๆ แล้วกำลังช่วยให้กระดองเต่าดูดซับพลังชี่จากหยก
อ้วนหวังมองคนนั้นทีคนนี้ที ไม่รู้จะคุยกับใครดี จึงหยิบมือถือออกมาเปิดวีแชท ในวีแชทนอกจากลูกค้าใหม่ที่จองคิวดูดวงไม่กี่คนแล้ว ในกลุ่มแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมดั้งเดิมที่เขาตั้งขึ้น ก็เต็มไปด้วยเคล็ดลับการดูแลสุขภาพแปลกๆ และข่าวปลอมที่มีหัวข้อว่า "สะเทือนโลก" หรือ "รีบดู เดี๋ยวก็จะถูกลบแล้ว" จนล้นหลาม เขาเปิดดูสองข่าวแล้วก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา คิดว่ากลุ่มนี้คงจะโดนปิดในไม่ช้า ไม่ใช่เพราะเป็นลัทธิงมงายนะ แต่เพราะเผยแพร่ข่าวลือต่างหาก
ลูกค้ายุคนี้ช่างจัดการยากเสียจริง!
เวลาผ่านไปทีละนาทีๆ หนึ่งชั่วโมงต่อมารถออฟโรดก็ลงจากทางด่วนมุ่งหน้าสู่ชานเมือง แล้วขับต่ออีกเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ กว่าจะถึงตีนเขาร้างลูกนั้น
ตอนนี้อยู่ในช่วงฤดูร้อน มองไปทางไหนก็เขียวขจีไปหมด มีเพียงภูเขาร้างลูกนี้ที่ไม่มีต้นหญ้าแม้แต่ต้นเดียว แม้แต่นกยังไม่บินผ่านที่นี่เลย อ้วนหวังตั้งแผงดูดวงมาหลายปี ถึงแม้จะไม่มีความรู้ความสามารถจริงๆ แต่หนังสือกับตำราประเภทเดียวกันอ่านมาไม่น้อย เขามองภูเขาที่เต็มไปด้วยดินทรายแล้วอดถามหลินชิงอิ่นไม่ได้ "ท่านปรมาจารย์ สถานที่แบบนี้มันเรียกว่าที่ที่ไม่เหลือชีวิตใดๆ เลยหรือเปล่า"
หลินชิงอิ่นพยักหน้า หันไปชูนิ้วโป้งให้จางอู๋ "หาที่อาถรรพ์ได้ขนาดนี้ ก็ไม่ธรรมดานะ"
จางอู๋เขินจนหน้าแดง เขาพยายามแก้ต่างให้ตัวเองอย่างอ่อนแรงต่อหน้าสายตาดุดันของจางเจี้ยนกั๋ว "ตอนนั้นอาจารย์หวังไม่ได้บอกว่านี่เป็น 'ที่ไร้ทายาท' นะครับ เขาแค่บอกว่าที่นี่อัปมงคล แค่แก้ไขนิดหน่อยก็ใช้ที่นี่รวยเหลือเฟือได้แล้ว"
หลินชิงอิ่นส่ายหน้า มองจางอู๋แล้วพูดอย่างสงสาร "จริงๆ แล้วดวงชะตาเดิมของคุณก็ไม่ได้แย่นะ ถ้าขยันทำมาหากินไปเรื่อยๆ อีกสองสามปี ถึงแม้จะไม่รวยเหมือนตอนนี้ แต่ก็ยังอยู่ดีกว่าคนทั่วไปแน่ๆ"
หลินชิงอิ่นส่ายหน้า จ้องมองใบหน้าของเขา "น่าเสียดายจริงๆ โลภมากไปก็กลายเป็นงูกินช้างซะนี่!"
จางอู๋อับอายจนหน้าแดงก่ำ ไม่กล้าพูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว เขาก้มหน้างุดๆ หยิบถุงใหญ่ออกมาจากท้ายรถ ในนั้นใส่ของไหว้ครบชุด
สุสานตระกูลจางอยู่บนยอดเขาร้างนี้ ลมพัดหนาว ไม่เหลือผู้คนสักคน แถมยังอยู่บนยอดแห่งดินแดนอัปมงคล ลูกหลานตระกูลจางไม่ช้าก็เร็วต้องเจอเคราะห์กรรมแน่ๆ ไม่เพียงแต่ลูกชายลูกสาวของจางอู๋ แม้แต่ลูกหลานของญาติพี่น้องจางเจี้ยนกั๋วก็จะโดนลูกหลงไปด้วย ก็ในเมื่อบรรพบุรุษรวมกันถูกฝังอยู่ที่นี่นี่นา
หลินชิงอิ่นเดินสำรวจรอบๆ ภูเขา เห็นมีตึกสี่หลังเหมือนกันหมดไม่ไกลจากตีนเขา บังเอิญชัดๆ ที่หลังคาของแต่ละตึกมีของตกแต่งเหมือนดาบปักอยู่ และปลายดาบทุกเล่มชี้ไปทางสุสานตระกูลจาง ยิ่งเพิ่มชี่อาถรรพ์ให้ฮวงจุ้ยที่แย่อยู่แล้วนี้ไปอีก
หลินชิงอิ่นเรียกจางอู๋เข้ามา ชี้ไปที่ของประดับบนหลังคาตึกแล้วถาม "ตอนที่พวกคุณย้ายสุสาน ตึกพวกนั้นมีอยู่แล้วเหรอ"
จางอู๋พยักหน้าอย่างน่าสงสาร "ครับ อาจารย์หวังบอกว่าตึกพวกนั้นเป็นสัญลักษณ์ของทอง สี่ทองช่วยเพิ่มโชคลาภ"
หลินชิงอิ่นถึงกับขำกับคำพูดที่ไร้สาระนี้ พอจางอู๋เห็นดังนั้นหน้าก็ยิ่งซีดลงไปอีก ถึงเขาจะโง่แค่ไหน ตอนนี้ก็รู้แล้วว่าประโยคนี้อาจารย์หวังต้องหลอกเขาแน่ๆ
ถึงอาจารย์หวังจะพูดจาเหลวไหลกับจางอู๋ แต่ความสามารถด้านฮวงจุ้ยของเขาก็ยังเหนือกว่าคนทั่วไป ฮวงจุ้ยอาถรรพ์ขนาดนี้ไม่ใช่หมอดูทั่วๆ ไปจะจัดวางได้หรอก
หลินชิงอิ่นดูฮวงจุ้ยโดยไม่ได้ใช้เครื่องมือช่วยอย่างเข็มทิศหรืออะไรทั้งนั้น ลูกศิษย์สำนักเซินสวนไม่เคยใช้ของพวกนี้ ดวงตาของพวกเขาคือเข็มทิศ ไม่ว่าจะเป็นธาตุทั้งห้า ยี่สิบสี่ภูเขา ก็ไม่เท่าความรู้สึกและการคำนวณของพวกเขาที่แม่นยำกว่า นี่จึงเป็นสาเหตุที่หลินชิงอิ่นสนใจคณิตศาสตร์มากเป็นพิเศษ
เดินวนรอบยอดเขา หลินชิงอิ่นก็เข้าใจชัดเจนแล้วว่าภูเขาลูกนี้มีฮวงจุ้ยอย่างไร และเห็นทะลุถึงวิธีการจัดวางฮวงจุ้ยของอาจารย์หวัง
ในชาติที่แล้วหลินชิงอิ่นเชี่ยวชาญศาสตร์การคำนวณ ซึ่งศาสตร์การวางฮวงจุ้ยก็เป็นหนึ่งในนั้น ครั้งนั้นในหมู่เซียนมีคนน้อยมากที่จะเทียบชั้นฮวงจุ้ยของเธอได้ ในยุคที่ศาสตร์การคำนวณกำลังเสื่อมถอยนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ฮวงจุ้ยที่อาจารย์หวังภูมิใจนักหนานั่น ในสายตาของหลินชิงอิ่นมีช่องโหว่เต็มไปหมด ยังเรียกเป็นฮวงจุ้ยขั้นต้นด้วยซ้ำไม่ได้
หลินชิงอิ่นเปิดกล่องบรรจุหยก ตั้งสมาธิเลือกหยกยี่สิบสี่ก้อนที่มีพลังชี่น้อยที่สุด แม้อย่างนั้นหลินชิงอิ่นก็ยังรู้สึกว่าเสียดายไม่น้อย ก็มันเป็นดินแดนที่ไร้ชีวิตชีวา ถึงได้ต้องใช้หยกวิญญาณมาวางฮวงจุ้ย หากเป็นที่อื่นทั่วไปสักหน่อย ใช้ก้อนกรวดก็จัดการได้แล้ว จะต้องเสียหยกวิญญาณไปทำไมกัน
ส่งหยกที่เหลือที่อุดมไปด้วยพลังชี่ให้อ้วนหวังเก็บไว้ หลินชิงอิ่นใช้สุสานเป็นจุดศูนย์กลาง แยกวางหยกวิญญาณลงไปยี่สิบสี่จุดตามทิศ นำธาตุทั้งห้าที่เสียสมดุลกลับมาอยู่ในทิศที่ถูกต้อง ขณะเดียวกันเธอใช้ก้อนกรวดที่เอามาวางฮวงจุ้ย 'โอนดวงดาวย้ายที่' บนพื้นฐานยี่สิบสี่ภูเขา โดยเลือกหยกก้อนที่มีพลังชี่มากที่สุดเป็นใจกลางฮวงจุ้ย
พร้อมกับที่หลินชิงอิ่นร้องเบาๆ ว่า "กระบวนท่าเริ่ม!" ลมบนภูเขาก็พัดกระหน่ำทันที พายุทรายและฝุ่นปลิวว่อนจนลืมตาไม่ขึ้น อ้วนหวังกับจางเจี้ยนกั๋วต่างก็ยกแขนขึ้นบังหน้าไว้พร้อมกัน หุบปากแน่นเพื่อไม่ให้ฝุ่นเหลืองเข้าปาก มีเพียงจางอู๋ที่ยืนอยู่กลางฮวงจุ้ยเท่านั้นที่รู้สึกชัดเจนเหมือนมีบางสิ่งแย่งกันทะลักเข้ามาในร่างกายเขา ก่อนจะไหลผ่านร่างกายของเขาออกไปอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เขาถึงเข้าใจความหมายที่หลินชิงอิ่นบอกว่าเขาเป็นแค่พาหนะ หลังจากทุ่มเทมาสิบปี สุดท้ายเขาก็เป็นแค่ตัวตลกเท่านั้น
ลมสงบลง หยกและก้อนกรวดแตกละเอียดกลายเป็นผงธุลี นกน้อยไม่กี่ตัวถูกพลังหยกที่เหลืออยู่ดึงดูด จึงบินร้องเจื๊ยกเจี๊ยกเข้ามา ดินแดนอัปมงคลเดิมก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงไปบ้าง อ้วนหวังเห็นต้นอ่อนเขียวจิ๋วผุดขึ้นมาข้างๆ หลุมศพโดยไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ มันดูบอบบางจนแค่ลมพัดก็เหมือนจะหักโค่นลงได้
จางเจี้ยนกั๋วใช้มือปัดฝุ่นออกจากหน้า สายตาที่มองหลินชิงอิ่นไม่ใช่แค่เชื่อมั่น แต่ยังเต็มไปด้วยความเลื่อมใสศรัทธา เพียงแค่ก้อนหยกกับก้อนหินพวกนี้ก็สร้างลมใหญ่ได้ขนาดนี้ ท่านปรมาจารย์หลินต้องเป็นผู้วิเศษที่มีฝีมือจริงๆ แน่นอน
"ท่านปรมาจารย์ เรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ" สายตาของจางเจี้ยนกั๋วก็มองไปที่ต้นอ่อนที่เพิ่งโผล่ขึ้นมาเช่นกัน "ครอบครัวเราจะรอดแล้วใช่ไหม"
หลินชิงอิ่นหยิบกระดองเต่าจากกระเป๋ามาวางลูบไล้ในมือ "เรียบร้อยแล้ว ให้คนของคุณย้ายสุสานไปก็พอ และอีกอย่าง..." หลินชิงอิ่นมองริ้วรอยที่เพิ่มมาบนตำแหน่งชะตาชีวิตของจางอู๋ "เตรียมจัดการเรื่องที่บ้านให้ดีนะ"
ถึงจางอู๋จะรู้ว่าจะได้ผลลัพธ์แบบนี้ แต่ในใจก็ยังรู้สึกหดหู่อยู่ดี เขาหัวเราะเศร้าๆ แล้วถาม "ท่านปรมาจารย์ ผมจะอยู่ได้อีกกี่ปีครับ"
หลินชิงอิ่นพูดเรียบๆ "เดิมทีดวงชะตาของคุณมีทั้งสุขภาพและอายุยืน จะจากไปอย่างสงบ แต่ฮวงจุ้ยนี่ทำบาปมากเกินไป คุณต้องเสียอายุขัยไปอย่างน้อยสามสิบปี เหลือชีวิตให้ใช้อีกสิบห้าปีเท่านั้น"
ดวงตาของจางอู๋เบิกกว้างด้วยความดีใจ "ยังเหลืออีกสิบห้าปีเลยเหรอ" เขายิ้มออกมาทันใด มุมตาเอ่อน้ำตา "ดีใจจริงๆ เลย จะได้เห็นลูกสาวโตเป็นผู้ใหญ่"
จางเจี้ยนกั๋วมองสีหน้าของจางอู๋แล้วก็อดรู้สึกเศร้าใจไม่ได้ แต่พอนึกถึงหลานชายที่ตายไปก่อนวัย ก็ไม่สามารถให้อภัยเขาได้จริงๆ ความขื่นขมเต็มอกกลายเป็นเสียงถอนหายใจยาวๆ สลายหายไปในสายลม
จางเจี้ยนกั๋วกับจางอู๋วางเครื่องสังเวย เผากระดาษจุดธูปคารวะบรรพบุรุษเพื่อขอขมา หลังจากเสร็จสิ้นแล้ว จางเจี้ยนกั๋วถามด้วยความไม่มั่นใจ "ท่านปรมาจารย์ แล้วเราจะย้ายสุสานบรรพบุรุษไปไว้ที่ไหนดีครับ"
หลินชิงอิ่นยืนอยู่ที่สูง ชี้ไปยังภูเขาที่เต็มไปด้วยป่าไม้ไม่ไกลออกไป "เมื่อกี้ฉันทำนายไพ่ไปรอบหนึ่ง จากไพ่บอกว่า ภูเขาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ลูกนั้นเข้ากันกับบ้านคุณ สามารถคุ้มครองลูกหลานรุ่นต่อๆ ไปได้"
ทุกคนเดินตามหลินชิงอิ่นลงจากภูเขา ขับรถไปสิบกว่ากิโลเมตรก็เห็นภูเขาสูงที่เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม หลินชิงอิ่นลูบกระดองเต่า คำนวณตำแหน่งอย่างรวดเร็วในหัวคิด แล้วพาทุกคนมาถึงตรงที่ราบบนเนินเขาทันที
"ตรงนี้หันไปทางทิศตะวันออก รอบๆ ก็ล้วนแต่ต้นสน เขียวชอุ่มทั้งสี่ฤดู ย้ายสุสานมาไว้ที่นี่แหละ" หลินชิงอิ่นพูด "แม้ที่นี่จะทำให้บ้านเวิ้งวังใหญ่โตมั่งคั่งไม่ได้ แต่ก็ช่วยปกป้องให้ทุกคนมีสุขภาพดี"
จางเจี้ยนกั๋วกับจางอู๋พยักหน้าหงึกหงัก หลังจากเจอเรื่องแบบนี้มา ทรัพย์สมบัติสำหรับพวกเขาก็เป็นแค่เมฆลอยไปแล้ว สุขภาพดีนี่แหละที่ทุกคนในบ้านหวังมากที่สุด
เลือกฮวงจุ้ยหลุมศพได้แล้ว จางอู๋รีบโทรไปให้คนไปจัดการเรื่องเอกสาร หลินชิงอิ่นบอกว่าไม่จำเป็นต้องเลือกวันหรอก สำหรับสุสานตระกูลจาง จะย้ายวันไหนก็ล้วนเป็นฤกษ์งามยามดี ส่วนของอาถรรพ์ที่ฝังไว้ใต้โลงศพ ตอนนี้ถูกทำลายหมดแล้ว พอถึงเวลาเผาทิ้งทีเดียวเลยก็พอ ไม่ต้องทำพิธีอะไรพิเศษอีก
ลงมาจากภูเขา ภรรยาของจางอู๋โทรมาบอกว่าได้ผู้บริจาคไขกระดูกที่เข้ากับลูกสาวได้แล้ว และจะทำการผ่าตัดปลูกถ่ายไขกระดูกเร็วๆ นี้
จางอู๋ได้ยินแบบนั้น ในที่สุดก็วางใจลงได้ เขารีบหยิบบัตรธนาคารที่เตรียมไว้ยื่นให้หลินชิงอิ่น "ท่านปรมาจารย์ ในนี้มีสองแสนหยวน ขอบคุณที่ช่วยชีวิตครอบครัวเรา"
"สองแสน!" ดวงตาหลินชิงอิ่นเป็นประกายระยิบระยับ เธออดไม่ได้ที่จะมองไปทางอ้วนหวัง สายตาเหมือนกำลังถามเขาว่า เราจะได้มากขนาดนี้เลยเหรอ
อ้วนหวังจากการได้สัมผัสกับหลินชิงอิ่นช่วงนี้ ก็เข้าใจนิสัยของเธอแล้ว ท่านปรมาจารย์น้อยถึงจะมีฝีมือสูงส่ง แต่ไม่ค่อยมีประสบการณ์เอาตัวรอดในโลก ใจก็บริสุทธิ์เสียเหลือเกิน
สองแสนสำหรับหลินชิงอิ่นถือว่ามากมายแล้ว ก็เธอดูดวงทั้งเช้าได้แค่หนึ่งหมื่น แต่เธอไม่รู้หรอกว่า ท่านปรมาจารย์ที่มีฝีมือระดับเธอหาได้ยากแค่ไหนในโลกนี้ ถ้าเผยแพร่ความสามารถออกไป อย่าแค่สองแสน แม้แต่สองล้านก็ไม่นับว่าเยอะเลย
หลินชิงอิ่นรับบัตรธนาคารที่เบาหวิวมา พร้อมยกกล่องหยกขึ้นมาด้วย เธอยิ้มหน้าบานในใจ ตั้งใจว่าพอกลับไปจะเอาหยกวิญญาณไปแกะสลักเป็นยันต์ปกป้องพ่อแม่ ส่วนอ้วนหวังที่ตามเธอมาลำบากแบบนี้ ครั้งหน้าเธอจะให้เขาไปคนนึงด้วย
สมบูรณ์แบบ!