ตอนที่ 133 เพื่อนร่วมชั้น สูญเสียการควบคุมทางอารมณ์ของพวกเขาไป
“ประธานซู คุณหนูเซี่ย ฉันต้องขอโทษด้วย ช่างน่าอายจริงๆ”
“ฉัน จาง หยุนเจี้ยน ไม่ทราบถึงตัวตนของพวกคุณ นี่ถือว่าละเลยพวกคุณทั้งสองแล้ว ต้องขออภัย ขออภัยด้วยอย่างยิ่ง”
จาง หยุนเจี้ยน ในฐานะเจ้าภาพ เขาเป็นคนแรกที่ก้าวขึ้นมา แล้วพูด
“ใช่แล้วๆ ประธานซู พูดแล้วฉันยิ่งรู้สึกละอายใจ”
“เราเคยพบเจอกันมาครั้งสองครั้งแล้ว แต่ฉันกลับไม่รู้ถึงตัวตนของ ประธานซู ฉันนี่มันแย่จริงๆ ให้ตายสิ!”
จากนั้น จ้าวหลิ่ง ก็ก้าวขึ้นมา และพูดอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจ
เมื่อพลันนึกไปถึงครั้งแรกที่เขาพบกับ ประธานซู เขาพร้อมที่ทำตามคำพูดของภรรยาของเขาที่ให้มอมเหล้า ซูเหวิน แล้วใส่ร้ายเขา
ตอนนี้พอคิดเกี่ยวกับมัน ..นั่นมันคือการรนหาที่ตายชัดๆ
โชคยังดีที่แผนการในครั้งนั้นไม่ประสบผลสำเร็จ
ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่รู้ว่าตัวเองตายอย่างไรด้วยซ้ำ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ จ้าวหลิ่ง อดไม่ได้ที่จะรู้สึกพูดไม่ออก
ที่สำคัญภรรยาของเขา หวงอิ๋ง ที่อ้างว่าเธอ กับประธานซู เป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน
เขา.. กลับไม่รู้จริงๆ ว่าเธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับเขามาได้อย่างไร
หลังจากอยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปี แต่เธอกลับไม่รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของ ประธานซู ด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับ จ้าวหลิ่ง กับจาง หยุนเจี้ยน แล้ว
เพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลายของ ซูเหวิน พวกเขากลับตกตะลึงยิ่งกว่า
ในขณะนี้ หัวใจของพวกเขามันเต็มไปด้วยความตกใจ และสับสน
หากว่าไปตามที่ ประธานเว่ย กล่าว ซูเหวิน.. เขาเป็นประธานของ Worster Group
แล้วมันเป็นไปได้ยังไง?
เห็นได้ชัดว่าครอบครัวของเขายากจนมากขนาดนั้น
แล้วเหตุใดนกกระจอกถึงกลายเป็นนกฟีนิกซ์ไปได้ในชั่วพริบตา?
(麻雀变凤凰 : จากคนธรรมดากลายมาเป็นคนที่มีความมั่งคั่ง และมีสถานะทางสังคมที่สูงขึ้น)
แต่จะว่าไป.. ถ้านี่ไม่เป็นความจริง
แล้วทำไม ประธานเว่ย ถึงต้องโกหกด้วย?
แต่เขาจะโกหกทุกคนเพื่ออะไร?
ครู่หนึ่งเพื่อนร่วมชั้นทั้งหมดก็ต่างพากันรู้สึกอึดอัด
พวกเขาต่างอยากเปิดปากพูด แต่แล้วกลับไม่สามารถพูดคำใดๆ ออกไปได้
“ซูเหวิน คุณ...คุณเป็นประธานของ Worster Group อย่างที่ ลุงเว่ย พูดจริงๆ นะเหรอ?”
ในที่สุด จาง ไป๋จวิน ก็พูดขึ้นเป็นคนแรก
เขามองไปที่ ซูเหวิน ด้วยความไม่เชื่อ และเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน
ซูเหวิน เป็นคนที่เขาดูถูกมากที่สุดในสมัยเรียนมัธยม
วันนี้ที่ได้เชิญเขามาร่วมงานแต่งงาน
ก็เพื่อถือโอกาสนี้ทำให้อีกฝ่ายอับอาย และให้ทุกคนหัวเราะเยาะเขา
ซึ่งเขาไม่อยากเชื่อจริงๆ ว่า ซูเหวิน จะมีภูมิหลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ไปได้
“ใช่ ซูเหวิน คุณ... ตัวตนที่แท้จริงของคุณมันคืออะไรกันแน่?”
“เราทุกคนเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน อย่าได้มาโกหกเราเลย”
ในเวลานี้ หวงอิ๋ง ก็พูดขึ้นแล้วเช่นกัน
เธอขัดแย้งกับ ซูเหวิน มาโดยตลอด และดูถูก ซูเหวิน มาโดยตลอด
ถ้า ซูเหวิน เป็นประธานของ Worster เธอก็คงรับมันไม่ได้จริงๆ
คนตัวเล็กๆ ที่เธอเคยดูถูกมากที่สุด ..เมื่อก่อน
ตอนนี้กลับกลายเป็นการดํารงอยู่ที่สูงเกินกว่ามือของเธอจะเอื้อมไปถึงได้…
เวลานี้ใครจะมาเข้าใจอารมณ์นี้ของเธอบ้าง?
แต่น่าเสียดายที่บางครั้ง ความจริงก็โหดร้าย..
เมื่อเผชิญกับคำถามจาก จาง ไป๋จวิน และหวงอิ๋ง ซูเหวิน ไม่ได้เลือกที่ปิดบังมันไว้โดยเจตนา แต่กลับพยักหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ โดยพูดว่า : “อืม.. ที่ ประธานเว่ย พูดถูก ฉันเป็นประธานของ Worster Group จริงๆ”
“อย่างไรก็ตาม มันเป็นเพียงแค่บริษัท ทุกคนไม่จําเป็นต้องแปลกใจ หรือสนใจอะไรกับมันมากนัก”
ซูเหวิน ยิ้มเบาๆ โดยไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้มากนัก
อย่างไรก็ตาม มันจะดีกว่าถ้าเขาไม่พูดแบบนี้ออกไป
เมื่อเขาพูดประโยคนี้ออกมา ทุกคนก็ไม่สามารถคงความสงบในใจได้อีกต่อไปแล้ว
เชี้ยเอ้ย!
แค่บริษัท.. มันหมายความว่าไง?
Worster Group นั่นเป็นผู้นำของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ
เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ติดท็อป 30 อันดับแรกในประเทศ และติด 100 อันดับแรกของโลก
องค์กรขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงเช่นนี้ ..แค่บริษัทเหรอ?
แค่ได้ยินประโยคนี้ เพื่อนร่วมชั้นต่างไม่รู้จะพูดอะไรอีกต่อไปแล้ว
“โอ้.. ประธานซู คุณล้อเล่นได้เก่งจริงๆ เราจะไม่แปลกใจได้ยังไงเมื่อรู้ถึงตัวตนของคุณ? อีกอย่าง Worster Group ซึ่งถือเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ 100 อันดับแรกของโลก ใครบ้างจะไม่ชื่นชมมัน?”
“ถูกต้อง สิ่งที่ ประธานจ้าว พูดนั้นถูกต้องอย่างยิ่ง ประธานซู ในฐานะประธานของ Worster Group เราจะไม่สนใจคุณไปได้อย่างไร?”
เมื่อเหล่าประธานเฒ่าหลายคนเห็น ซูเหวิน พูดเช่นนี้แล้ว ก็รีบพูดประจบสอพลออย่างรวดเร็วอีกครั้ง
นี่คือ โลกธุรกิจ..
หากอย่างสร้างสัมพันธ์
คุณจำต้องเรียนรู้ที่จะพูด เรียนรู้ที่จะเอาใจ
สําหรับ เพื่อนร่วมชั้นของ ซูเหวิน เหล่านั้น
ในขณะนี้พวกเขาเงียบลงทีละคน ไม่รู้จะพูดอะไรอีกต่อไปแล้ว
กลายเป็นว่าการการปรากฏตัวของ ซูเหวิน และการเปลี่ยนแปลงอัตลักษณ์ของเขาในวันนี้ทําให้เกิดผลกระทบต่อเพื่อนร่วมชั้นมากเกินไป
เวลานี้ยังไม่มีใครยอมรับมันได้เลย
และในเวลานี้ก็ไม่รู้ว่าใครที่ได้ตะโกนขึ้นว่าเจ้าสาวมาถึงแล้ว
ทุกคนจึงเปลี่ยนเรื่อง และบรรยากาศเองก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
“เอ่อ.. ประธานซู ลูกสะใภ้ของฉันมาถึงแล้ว ฉัน กับเสี่ยวจวิน คงต้องยุ่ง อาจละเลยท่านไป หากมีจุดใดดูแลไม่ทั่วถึง โปรดให้อภัยด้วย”
การมาถึงของลูกสะใภ้หมายความว่างานแต่งงานกำลังจะเริ่มขึ้น
ดังนั้น จาง หยุนเจี้ยน จึงมองไปที่ ซูเหวิน และรีบพูดขึ้นด้วยทัศนคติของเขาที่สุภาพมาก
เป็นธรรมดาที่ ซูเหวิน จะไม่มีความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ และปรารถนาที่จะให้มันเป็นเช่นนั้นอย่างมาก
เขายิ้ม แล้วพูดทันทีว่า : “ไปทำธุระของคุณเถอะ ทำสิ่งที่คุณควรทํา ไม่ต้องห่วงผม”
สิ่งที่ ซูเหวิน กลัวที่สุดคือทุกครั้งที่ตัวตนของเขาถูกเปิดเผย ทุกคนจะเข้ามาล้อมรอบเขา
เห็นได้ชัดจากทุกครั้งที่เขาเข้าร่วมพิธี(งาน)ของคนอื่น แต่สุดท้ายตัวเขาเองกลับกลายเป็นตัวเอกเสียได้
เป็นแบบนี้ก็ไม่ไหว..
ทันที เขามองไปที่ ประธานเว่ย และจ้าวหลิ่ง แล้วพูดว่า : “ประธานทั้งสอง พวกคุณควรไปทำสิ่งที่คุณควรทำเถอะ เสี่ยวเหยา กับผม เราอยากอยู่ด้วยกัน ..แค่สองคน”
ซูเหวิน สื่อความหมายที่ต้องการจะไล่คนอื่นๆ ให้ออกไป
เขาพูดเช่นนั้นแล้ว เป็นธรรมดาที่ทุกคนไม่กล้าแสดงความคิดเห็นใดๆ อีก
หลังจากทักทายกันไม่กี่คํา พวกเขาก็ตีปีกแยกย้ายกันไป
จากนั้นทุกคนก็เดินมาที่พรมแดง และเตรียมที่จะเห็นหน้าเจ้าสาว
ซึ่งรวมถึงเพื่อนร่วมชั้นเก่าของ ซูเหวิน เองด้วย
ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขายังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับตัวตนใหม่ของ ซูเหวิน ได้ในขณะนี้
“ในที่สุดพวกเขาก็จากไปหมดแล้ว..”
เมื่อเห็นทุกคนจากไปแล้ว เซี่ย ซินเหยา ที่ควงแขน ซูเหวิน อยู่ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“คุณรู้สึกอึดอัดมากมั้ย?”
เมื่อเห็น เซี่ย ซินเหยา ดูโล่งใจ
ซูเหวิน สัมผัสลูบหัวของเธอเบาๆ แล้วพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำเจือด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น
“นิดหน่อย.. ก็มันแค่รู้สึกเหมือนเราทั้งคู่กลายเป็นสัตว์ประหลาดไปแล้ว”
เซี่ย ซินเหยา เม้มริมฝีปากของเธอ และอดไม่ได้ที่จะบ่น
ซูเหวิน ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ และอดไม่ได้ที่จะเห็นด้วยกับคำพูดของ เซี่ย ซินเหยา
ทั้งสองพูดกันไปพลางในขณะเดินมาที่พรมแดงด้วยกัน
เตรียมจะดูว่าเจ้าสาวของ จาง ไป๋จวิน คนนี้หน้าตาเป็นอย่างไร
ทันใดนั้น ทุกคนก็เห็นชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินจูงผู้หญิงคนหนึ่งในชุดเจ้าสาวเข้ามาในงาน
ทันใดนั้นทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเล็กน้อย
ต้องบอกว่า จาง ไป๋จวิน คนนี้ค่อนข้างมีวิสัยทัศน์ที่ดี
เจ้าสาวของเขานั้น สวยมาก..
แม้จะเทียบไม่ได้กับรูปลักษณ์ที่ไม่อาจทำซ้ำได้อีกอย่าง เซี่ย ซินเหยา แต่เธอก็ยังคงมีความงาม และถือได้ว่าเป็นเทพธิดา
นอกจากนี้อีกฝ่ายกำลังแต่งงานในวันนี้ บวกกับเสื้อผ้าของเธอที่ขับเน้นความงดงามของเธอให้เฉิดฉายออกมาได้อย่างดียิ่ง
เธอสามารถทำให้ผู้คนรู้สึกตื่นเต้นในทีแรกที่เห็น ..ได้จริงๆ
“เธอดูดีจังเลย อย่างที่คาดไว้ เจ้าสาวคือผู้หญิงที่สวยที่สุดจริงๆ”
เซี่ย ซินเหยา ที่อยู่ข้างๆ มองไปที่ เจ้าสาว และอดไม่ได้ที่จะชื่นชมเธอ
ทั้งเธอยังเผยให้เห็นสีหน้าประหลาดใจบนใบหน้าของเธอ
“ดูดีมาก.. แต่ก็ยังห่างไกลเมื่อเปรียบเทียบกับคุณ”
ซูเหวิน พยักหน้า แต่ในที่สุดเขาก็เปลี่ยนหัวข้อ โดยก้มหน้าลงมาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำข้างหู ..ของเธอ
“อ่า?”
“ท...ทำไม จู่ๆ ถึงพูดแบบนั้นล่ะ?”
ดูเหมือนว่าเธอจะไม่คาดคิดว่า ซูเหวิน จะพูดชมตัวเองในทันทีอย่างนี้
เซี่ย ซินเหยา ที่ตกตะลึงก่อนในตอนแรก และจากนั้นใบหน้าของเธอก็ค่อยๆ แดงระเรื่อขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
แต่มุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อยนั่นดูเหมือนจะเป็นตัวบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเธอมีความสุขเพียงใดในขณะนี้…