Chapter 1484 นี่มันอสูรอะไรกัน
การผลิตเดียโบลเหมือนกับไฟที่โหมกระหน่ำ ศิษย์ของเขาแทบไม่ว่าง คนที่ไม่มีส่วนร่วมก็ออกไปทำภารกิจหรือบ่มเพาะอย่างจริงจัง.
“มอบหุ่นกลให้กับใครดี?”จุนซ่างเซียวที่เริ่มคิดใครควร.
หลี่ชิงหยางและศิษย์หลักคนอื่น ๆ มีพลังหนึ่งแกนแล้ว การมอบให้พวกเขาไม่มีประโยชน์ ดังนั้นจึงต้องพิจารณาเรื่องนี้ให้ดี.
“เจ้านิกาย.”
เสวียนเหรินกุยเอ่ย “หอสัตว์ขี่สงครามของข้าต้องการหุ่นกล!”
“ชิ.”
ราชาสัตว์จื่อหลินเอ่ยออกมาเล็กน้อย “ไม่คิดว่าหอสัตว์วิญญาณก็ต้องการรึ?”
“ถางจู่จื่อ.”เสวี๋ยเหรินกุยหมดคำจะพูด “ท่านวางแผนที่จะให้สัตว์อสูรใช้อุปกรณ์อย่างงั้นรึ?”
“แล้วอย่างไร?”
ราชาสัตว์จื่อหลินเอ่ย “เจ้ากำลังดูแคลนเผ่าสัตว์ของข้าอย่างงั้นรึ?”
สองถางจู่ ที่กำลังโต้เถียงกัน ต้องไม่ลืมว่าเดียโบวนั้นมีจำนวนน้อย ไม่สามารถที่จะแจกจ่ายทุกคนได้.
“ไม่ได้ดูแคลน.”
เสวี๋ยเหรินกุยเอ่ย “ทว่าหอสัตว์ขี่สงครามของพวกเราเหมาะสมที่สุด!”
“ผายลม!”
ถางจู่จื่อเอ่ย “สมาชิกหอสัตว์วิญญาณของข้าภายใต้การฝึกฝนมาหลายปี มีความสามารถไม่ได้ด้อยกว่าหอสัตว์ขี่สงครามของเจ้า!”
“ถางจู่จื่อ ท่านอย่าเงินน้อย”
( 钱掉 เงินน้อย อุปมา ใจแคบ)
“ตรงใหน ๆ!”
อาจื่อที่ยังไม่ยอมแพ้ คิดว่าอีกฝ่ายหาว่าตัวเองมีเงินน้อย“เจ้ากำลังดูแคลนข้า!”
“เจ้านิกาย.”
เสวี๋ยเหรินกุยยกมือประสานไปด้านหน้า“ด้วยเชาว์ปัญญาของถางจู่จื่อ ข้ารับรองเลยหากให้หุ่นกลหอสัตว์วิญญาณ เพียงไม่กี่วันก็คงพังราบเรียบ!”
“เจ้า......”
ราชาจื่อหลินที่เตรียมถอยเสื้อเพื่อโต้เถียง.
เชาว์ปัญญาของข้าอาจจะน้อย แต่ก็สามารถฟาดเจ้าลงไปนอนกับพื้นได้ล่ะ.
จุนซ่างเซียวที่ยกชาขึ้นดื่ม เอ่ยอย่างไม่แยแส “พวกเจ้ารับไปคนล่ะห้าเครื่อง ใครควบคุมหุ่นกลได้ดีกว่า คนนั้นได้ไป.”
ในเมื่อทั้งสองโถงไม่มีใครยอมใคร จึงต้องพิสูจน์ฝีมือกัน.
“ตกลง!”
เสวี๋ยเหรินกุยและถางจู่จื่อที่ตอบรับทันที.
ในวันเดียวกัน.
ทั้งสองโถงรับเดียโบลไปคนล่ะห้าเครื่อง.
โถงค่ายกลที่ส่งผู้เชี่ยวชาญมาให้คำแนะนำ เกี่ยวกับการควบคุมทั้งการโจมตี ป้องกันและบิน.
หอสัตว์ขี่สงคราม.
หลังจากจงอี้รับฟังอย่างตั้งใจ จากนั้นก็เข้าสู่ห้องควบคุม มือทั้งสองข้างแตะไปยังค่ายกล เริ่มควบคุมอย่างราบรื่น.
“ถางจู่.”
เขาเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม “ง่ายมาก.”
สำหรับหอสัตว์ขี่สงครามเป็นเรื่องง่าย ๆ ทว่าสำหรับหอสัตว์วิญญาณถือเป็นฝันร้าย เพราะว่าถางจู่จื่อ เหลาหนิวและคนอื่น ๆ ที่ถือคู่มือเล็ก ๆไม่ว่าง พลางฟังคำอธิบาย เดี๋ยวเกาหูเดี๋ยวเกาผมไม่หยุด เอ่ยออกไปว่า“พูดอะไร ข้าไม่เห็นเข้าใจเลย”
“......”
เหล่าศิษย์ที่ถูกส่งมาอธิบายรู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างมาก.
ข้าพูดย้ำไปหลายรอบแล้ว พวกเจ้ากับไม่เข้าใจอะไรเลย ซ้ำยังกับทะลุหูซ้ายออกหูขวา!
กล่าวถึงความแข็งแกร่ง พวกเขาอาจจะไม่ธรรมดา.
กล่าวถึงเชาว์ปัญญา พวกเขาไม่ได้เรื่องแม้แต่น้อย.
โดยเฉพาะการควบคุมหุ่นกลที่ค่อนข้างระเอียดอ่อน จำเป็นต้องมีความรู้อย่างแท้จริง.
“ยากเกินไปแล้ว!”
สมาชิกหอสัตว์วิญญาณเรียนไปวันหนึ่ง เมื่อไม่สามารถควบคุมหุ่นกลได้จึงทำได้แค่ยอมแพ้ ท้ายที่สุดก็มอบเดียโบลให้กับหอสัตว์ขี่สงครามทั้งหมด แต่ละคนที่ได้แต่ยืนชะเง้อมองไปยังอีกฝ่ายที่กำลังขับเคลื่อนหุ่นกลต่อสู้ บินไปรอบ ๆ ด้วยแววตาอิจฉาและเกลียดชัง.
......
“ซา ซา ซา!”
“ซา ซา ซา!”
ภายในป่าทึบที่มืดครึ้ม เหล่าผู้ฝึกยุทธ์หลายสิบคนที่กำลังเคลื่อนที่อย่างคล่องแคล่ว เห็นชัดเจนว่าฝึกมาอย่างดี.
“พี่ใหญ่.”
ในเวลาต่อมา ผู้ฝึกยุทธ์ด้านหน้าที่หยุดลง เอ่ยออกไปว่า“ที่นี่ควรจะมีหมาป่าเพลิงหลิงเหยี่ยน รวมตัวกันอยู่.”
ชายวัยกลางคนที่เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม “หากจัดการพวกมันได้ทั้งหมด พวกเราก็จะเก็บเกี่ยวได้มากมาย.”
ความแข็งแกร่งของคนผู้นี้มีระดับสะบั้นมิติขั้นสูง ส่วนผู้ใต้บังคับบัญชามีระดับสะบั้นมิติขั้นกลางและต่ำ พวกเขาเป็นทหารรับจ้าง ในแต่ละปีนั้นหารายได้กำไรจากการล่าสังหารสัตว์อสูรและเก็บเกี่ยวทรัพยากรฝึกฝนเป็นจำนวนมาก.
“โบ้ว!”
“โบ้ว!”
ในเวลาเดียวกัน ในป่าลึกเสียงของหมาป่าที่ดังขึ้นในทันที.
“พี่ใหญ่ พวกเราพบแล้ว!”ผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่งที่ยกมือให้สัญญา.
“ทุกคน!”
ชายวัยกลางคนที่ชักอาวุธออกมาเอ่ยออกมาด้วยความตื่นเต้น “เตรียมตัวลงมือ!”
“เคร้ง เคร้ง เคร้ง!”
ผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนที่ชักดาบ กระบี่ออกมา พร้อมกับรวมพลัง แววตาเปี่ยมล้นด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้.
“โบ้ว!”
“โบ้ว!”
เสียงหมาป่าที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเคลื่อนที่เข้าหาพวกเขา.
“ตึก ตึก ตึก!”
พริบตาเดียว หมาป่าเพลิงหลิงเหยียนที่ปรากฏขึ้นมาจากสิบตัวก่อนกลายเป็นร้อยตน!
“พี่ใหญ่ มันมากเกินไปแล้ว!”
เมื่อทุกคนเห็นหมาป่าเพลิงหลิงเหยี่ยนที่มีมากถึงหนึ่งร้อยและยังมากขึ้นเรื่อย ๆ กลายเป็นตกใจและเซ่อไปเลย!
“บัดซบ!”
ชายวัยกลางคนที่ตะโกนเสียงดัง “ถอย!”
หากจัดการหลายสิบตัวด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่นับเป็นปัญหา ทว่าหลายร้อยตัวนั้นคงถูกพวกมันกัดกินไม่เหลือซากแน่.
“ฟิ้ว! ฟิ้ว!”
ขณะเหล่าชาวยุทธ์หลายสิบคนกำลังวิ่งหนีออกมาจากภายในป่า.
เวลานั้นพวกเขาพบว่ามีผู้เยาว์สามคนที่สวมชุดคลุมสีดำที่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุก.
!
เสียงดังมากมายด้านใน พวกเขาไม่ได้ยินอย่างงั้นรึ?
“ศิษย์พี่ พวกเขาหนีแล้ว?”
“ท่าทางน่าตลกจริง ๆ.”
“นั่นไม่ใช่แค่ฝูงหมาป่าเพลิงหลิงเหยี่ยนหรอกรึ?”
ได้ยินเสียงของคนสองสามคนที่กำลังนินทาตัวเอง ชายวัยกลางคนแทบกระอักโลหิต ทว่าก็กล่าวหยันในใจ“ในเมื่อพวกเจ้าใจกล้าปานนั้น ก็เป็นตัวล่อถ่วงเวลาให้พวกเราซะ!”
“ทุกคน!”
“วิ่งผ่านตำแหน่งที่พวกนั้นอยู่เลย!”
“รับทราบ!”
“ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!”
เหล่ากลุ่มคนที่หนีมา จงใจนำหมาป่าเพลิงหลิงเหยียน วิ่งไปยังกลุ่มคนที่กำลังดูนินทาพวกเขาทันที.
“ฟู่ ฟู่!”
“ฟู่ ฟู่ ซูมมมม!”
ขณะกลุ่มหลายสิบคนที่วิ่งผ่านคนชุดคลุมดำทั้งสาม ไม่ลืมแอบสบถด่าในใจ“เจ้าพวกบ้านนอก!”
“ศิษย์พี่ หมาป่าเพลิงหลิงเหยียนกำลังวิ่งเข้าหาพวกเราแล้ว.”
ขณะกลุ่มทหารรับจ้างวิ่งผ่าน หมาป่าเพลิงหลิงเหยียนก็จับจ้องมองไปยังอีกฝ่ายทันที.
“เป็นไปตามแผน.”
ผู้นำที่ได้ยินคำพูดดังกล่าว อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา.
คนเหล่านั้นมีระดับสะบั้นมิติขั้นต่ำและกลาง จะต้องถูกหมาป่าเพลิงหลิงเหยียนเคี้ยวอร่อยเหาะแน่นอน.
“พี่ใหญ่ ดูนั่นเร็วเข้า!”
ในเวลานั้น พวกเขาที่ส่งจิตสัมผัสจับจ้องมองไปยังผู้เยาว์ทั้งสาม พวกเขาที่ถอดชุดคลุมสีดำออก เผยให้เห็นชุดนิกายที่ปักอักขระ“นิรันดร” และป้ายห้อยที่เอวว่า“โถงสัตว์ขี่สงคราม”เอาไว้ด้วย.
“นิกายนิรันดร?”
“คนเหล่านี้เป็นคนของนิกายนิรันดร!”
ขณะที่ทุกคนอุทานออกมา ผู้เยาว์ทั้งสาม ได้นำเดียโบลออกมาวางด้านหน้าเสียงดัง ก่อนที่พวกเขาจะกระโดดเข้าไปในห้องโดยสาม พร้อมกับเปิดการใช้ง่ายค่ายกลทันที.
“วูซซซซซซ!”
หุ่นกลที่สร้างขึ้นมาจากโลหะ ลวดลายอักขระรอบ ๆ ร่างกายส่องแสง ดวงตาสีแดงส่องสว่าง แขนที่ยกขึ้นถือกระบี่พุ่งออกไป ฟาดฟันศัตรูด้านหน้าทันที.
“นี่มันอะไรกันว่ะ?”
ชายวัยกลางคนผู้นำกลุ่มทหารรับจ้างและลูกน้องหวาดผวาไปตาม ๆ กัน.
จะสิ่งใดก็ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญเมื่อสมาชิกหอสัตว์ขี่สงครามนิกายนิรันดรเริ่มควบคุมหุ่นกล ก็เริ่มไล่ล่าสังหารศัตรูด้านหน้าทันที!
“ฟู่!”
“ฟู่!”
ริ้วแสงกระบี่ที่ส่องสว่างแสบตา สายลมที่รุนแรงกวาดม้วนออกมารอบ ๆ.
“พรึด ซี! พรึด ซี่!”
ในเวลานั้น โลหิตที่สาดกระจาย ชิ้นส่วนของหมาป่าที่ลอยเคว้งไปทั่วอากาศ.
“เคร้ง!”
ผ่านไปเพียงแค่นาทีกว่า ดาบที่มีอักขระฟ่านก็ถูกเก็บเข้าฝักช้า ๆ ยืนเด่นเป็นสง่า หมาป่าเพลิงหลิงเหยียนได้กลายเป็นศพนอนกระจัดกระจายไปทั่วทุกที่.
ชายวัยกลางคนหัวหน้าทหารรับจ้างสั่นสะท้านขาอ่อนทรุดลงกับพื้น ภายในใจที่ร้องโหยหวน “ใครก็ได้บอกข้าที นี่มันอสูรอะไรกัน!”
“ฟิ้ว!”
ศิษย์ทั้งสามของนิกายนิรันดรกระโดดออกมาจากห้องโดยสาร พร้อมกับเก็บกวาดสนามรบ.
แกนผลึก หนังและกระดูก ต่างก็ถูกเก็บไปทั้งหมด.
“หืม?”
ในเวลานั้น มีใครบางคนใช้วิชาส่งเสียงผ่านวิญญาณมา “มีศิษย์น้องที่ออกมาทำภารกิจพบปัญหา ต้องการให้พวกเราไปนับสนุน.”
“ไป.”
ทั้งสามที่กลับไปยังห้องควบคุมอีกครั้ง เปิดการใช้งาน พร้อมกับบินขึ้นสู่ท้องฟ้าหายไปลับตา.
ชายวัยกลางคนที่ยิ้มไม่ออก ก่อนที่จะเริ่มหัวเราะเบา ๆ.
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
ข้าจะต้องฝันอยู่อย่างแน่นอน!
......
นิกายนิรันดรที่ส่งศิษย์ออกหาประสบการณ์ ขณะที่ผู้คนเห็นร่างสีดำที่แปลกประหลาด บินอยู่บนท้องฟ้า.
แต่ละคนที่ขวัญผวา.
กล่าวได้ว่าคนที่บินได้จะต้องมีพลังระดับหมุนแกนเป็นอย่างต่ำ.
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ไร้สังกัดที่จ้องมองไปยังเขตแดนต้องห้ามใกล้ ๆ แทบทรุดไปตาม ๆ กัน.
พวกเขาที่ยังไปไม่ถึงด้วยซ้ำ สิบนาทีต่อมาอสุรกายสีดำที่ถูกควบคุมก็บินกลับออกมา.
จบกันแล้ว.
เขตแดนต้องห้ามจะต้องเกิดเหตุอย่างแน่นอน!