บทที่ 34 การลงมือของเจิงหงเซิน
เมื่อถึงเรือน หยางเฉาและหวงอิ๋งก็หาจังหวะจะถามลูกชายตนอยู่หลายครั้งว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สุดท้ายพวกเขาก็ต้องกลืนคำถามพวกนั้นลงคอไป
ตรงกันข้าม สาวน้อยหยางหลิงเอ๋อร์กลับยังคงพรํ่าพรรณนากล่าวถึงภาพในเหตุการณ์นั้นออกมาอย่างตื่นเต้นแลสาสมใจ
ภายในวันนั้น หยางเสี่ยวเทียนและคนทั้งสาม ก็พร้อมออกจากหมู่บ้านสกุลหยางอย่างไม่คิดติดค้างต่อผู้ใด ณ ที่แห่งนี้อีก
เนื่องจำต้องออกมาอย่างไม่ทันตระเตรียมสิ่งใดไว้ก่อน เรือนใหม่ที่เพิ่งหาได้จึงยังรกร้างไปด้วยวัชพืชกับเศษใบไม้แห้ง หลังย้ายมาถึง พวกเขาก็เริ่มลงมือปัดกวาดเช็ดถูกและทำความสะอาดภายในทั่วทุกมุมของเรือนอย่างแข็งขันจนมืดค่ำ
เสร็จงานทำความสะอาด หยางเสี่ยวเทียนก็สบโอกาสลอบไปสมาคมการค้าเฟิงยวินเพื่อรับสมุนไพรที่เหลือทั้งหมด
ซึ่งเหวินจิงอวี๋แห่งสมาคมการค้าเฟิงยวินผู้กำลังเดินวนไปเวียนมา ชะเง้อคอยเขาอย่างใจจดจ่อ ก่อนหันกลับมาผงะถอยหลังทันทีที่หยางเสี่ยวเทียนปรากฏตัว ใบหน้าสะพรึงพรั่นพลันเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มยินดีในทันใด
ดั่งรู้หน้าที่ นางมอบสมุนไพรที่เหลือให้หยางเสี่ยวเทียนในกิริยานอบน้อบ ก่อนจะยื่นบัตรสิทธิพิเศษสีม่วงทองของสมาคมการค้าเฟิงยวินให้กับเขาด้วยอีกอย่าง
“บัตรสิทธิพิเศษสีม่วงทองเป็นของกำนันพิเศษจากผู้นำตระกูลของเราเพื่อมอบให้แก่ใต้เท้าเจ้าค่ะ ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าใต้เท้าจะยอมรับไว้” เหวินจิงอวี๋กล่าวอย่างระมัดระวังพร้อมท่าทางเคารพนอบน้อมเช่นเดิม
“ตั้งแต่นี้ไป ใต้เท้าสามารถเพลิดเพลินกับราคาสินค้าที่ลดลงมากถึงสองส่วนจากสมาคมของเรา”
สองส่วนงั้นหรือ…
หยางเสี่ยวเทียน ไม่ปฏิเสธและยื่นมือออกไปรับมันในทันที
ใบหน้าของเหวินจิงอวี๋มีความสุขเมื่อเห็นหยางเสี่ยวเทียนรับบัตรสิทธิพิเศษสีม่วงทองนี้ไว้ แต่ทันใดนั้น หยางเสี่ยวเทียนก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเสมือนชายวัยกลางคน
“เหวินเจียเหว่ยใช่คนตระกูลเหวินของเจ้าหรือไม่”
ทันทีที่เหวินจิงอวี๋ได้ยินน้ำเสียงของหยางเสี่ยวเทียนแปลกไปจากเดิม หัวใจของนางก็สั่นไหวไม่เป็นจังหวะดูท่าทางกังวลอย่างมาก “เหวินเจียเหว่ยเป็นลูกพี่ลูกน้องข้าเอง เขาทำให้ใต้เท้าขุ่นเคืองงั้นหรือเจ้าคะ”
“ข้าจะให้คนไปตามเขาเข้ามา ก้มหัวขอขมาใต้เท้าที่ล่วงเกินเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”
“ไม่ต้อง แค่บอกเขาว่าอย่าเข้าใกล้เจิงหงเซินแห่งตระกูลเจิงก็พอ” หยางเสี่ยวเทียนเอ่ยขัดนางผู้กำลังท่าทีกระวนกระวายใจอย่างไว
เมื่อเหวินจิงอวี๋ได้เข้าใจเจตนาของหยางเสี่ยวเทียน นางก็รู้สึกโล่งใจทันทีพร้อมกับสัญญาให้คำขาดต่อเขา
“ใต้เท้าไม่ต้องกังวลเจ้าค่ะ ข้าจะสั่งให้เขาตัดสัมพันธ์การค้าระหว่างเจิงหงเซินแห่งตระกูลเจิงทันที”
สิ้นเสียงของนาง หยางเสี่ยวเทียนผู้ยังคงอยู่ภายใต้ชุดคลุมไม่เผยตัว ได้ค่อยๆ ถอยกายไปในมุมมืดของสมาคมแล้วกลืนหายไปต่อสายตาเหวินจิงอวี๋อีกครั้ง
หลังเหวินจิงอวี๋มองดูหยางเสี่ยวเทียนอันตรธานหายไปเบื้องหน้า นางถึงค่อยสูดลมหายใจเข้าได้คลายปอด แล้วเร่งย้ายร่างไปตามเหวินเจียเหว่ย ดึงเขาออกมานอกสมาคมการค้าพร้อมกับดุด่าต่อหน้าธารกำนัลทั้งเมืองซิงเยว่
แม้เหวินเจียเหว่ยจะเป็นถึงลูกพี่ลูกน้องเหวินจิงอวี๋ แต่ฐานะในตระกูลของเขานั้นแตกต่างจากนางมาก ดังนั้นเมื่อถูกนางตำหนิเขาจึงรู้สึกหวาดกลัวยิ่ง
แต่เขากลับเข้าใจไปว่า ที่เจิงหงเซินมาตีสนิทกับเขาในตอนนั้น เพราะดันไปทำให้นักปรุงโอสถลึกลับผู้นั้นขุ่นเคือง จึงหาคนใหญ่คนโตคอยคุ้มกะลาหัว คิดได้ดังนั้น เหวินเจียเหว่ยก็แทบเดือดพล่านนึกเกลียดเจิงหงเซินเข้าไส้
เหวินเจียเหว่ยกลับถึงจวนด้วยอารมณ์ขุ่นแค้นกระแทกก้นนั่งลงอย่างฉุนเฉียว ไม่ทันไรเสียงรายงานจากผู้คุมว่าเจิงหงเซินแห่งตระกูลเจิงมาขอพบก็ดังขึ้น สุมทับความโกรธที่มีตอนนี้ได้โหมหนักยิ่ง
เหวินเจียเหว่ยลุกยืนเคลื่อนตัวออกไปในทันที
เจิงหงเซินซึ่งรออยู่หน้าประตูมิรู้ร้อนรู้หนาวก้าวไปข้างหน้าอย่างมีความสุขเมื่อเห็นเหวินเจียเหว่ยออกมา ขณะกำลังอ้าปากกล่าว เหวินเจียเหว่ยก็เตะเขาเข้าที่หน้าอกทำร่างอ้วนกลมของคนตรงหน้าปลิวออกไปเกือบร้อยฉื่อราวกับนุ่น
เจิงหงเซินยันตัวลุกขึ้นนั่งก่อนมองยังเหวินเจียเหว่ยด้วยใบหน้าสับสน “ใต้เท้า เหตุใดท่านจึงทำเช่นนี้…”
ไม่พูดพร่ำทำเพลง เหวินเจียเหว่ยก็พุ่งเข้าหาเขาแล้วเตะเต็มแรง จนทำให้ร่างหนาเจิงหงเซินไถลไปไกลกับพื้นอีกครั้ง
“เหตุใดงั้นหรือ” เหวินเจียเหว่ยจ้องไปที่เจิงหงเซินด้วยสายตาอาฆาตแค้น
“เจ้ายังกล้าถามมาอีกว่าเหตุใด นั่นเพราะเจ้าทำให้นักปรุงโอสถลึกลับขุ่นเคือง อีกทั้งเจ้ายังลากข้าประสบปัญหาไปด้วย”
นักปรุงโอสถลึกลับงั้นหรือ…
ยิ่งได้ฟัง กลับยิ่งทำให้เจิงหงเซินสับสนมากขึ้นไปอีก
เขาพยายามนึกย้อนอดีตที่ผ่านมา ก็พบว่าไม่ได้ทำให้นักปรุงโอสถคนใดขุ่นเคืองเลยสักคน
“ใต้เท้า ข้าไม่เคยทำเช่นนั้น” เจิงหงเซินรีบอธิบายอย่างเร็วรี
“ไม่เคยงั้นหรือ” เหวินเจียเหว่ยยิ้มเยาะ
“ต่อไปนี้ เจ้าไม่ต้องโผล่หน้ามาให้ข้าเห็นอีก ไม่เช่นนั้นข้าจะทุบตีเจ้าทุกคราที่ได้เห็น” ท้ายประโยคของเขาหนักแน่นขึ้น
“ไสหัวออกไปจากจวนข้า ถ้าเจ้ายังกล้ากลับอีกครั้ง ข้าจะตัดขาเจ้าแล้วโยนให้สุนัขกิน!”
เมื่อเจิงหงเซินเห็นว่าเหวินเจียเหว่ยไม่ได้ล้อเล่น ก็มิกล้าเอ่ยวาจาอันใดต่อไปอีก เขารีบลุกขึ้นด้วยความตระหนกงงงันก่อนจะวิ่งออกไปอย่างรีบร้อน
หลังกลับถึงจวน เจิงหงเซินก็โมโหแทบบ้าเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เขานึกไม่ออกจริงๆ ว่านักปรุงโอสถคนใดที่เขาทำให้ขุ่นเคือง เหวินเจียเหว่ยจึงเกรี้ยวโกรธต่อเขามากถึงเพียงนี้
“รายงานนายท่าน ครอบครัวของหยางเฉาได้ย้ายไปอยู่เรือนใหม่แล้วขอรับ” เวลานั้นเอง องครักษ์ของเขาก็เข้ามารายงานถึงศัตรูคู่แค้น
“นายท่าน เราได้เตรียมคนไว้แล้ว จะให้ลงมือคืนนี้เลยหรือไม่”
ครั้นที่เจิงหงเซินได้ยินดังนั้น เขาก็แสยะยิ้มยิงฟันจนเผยให้เห็นช่องว่างระหว่างฟันที่หายไปฉายในกระจก เมื่อครั้งถูกหยางเฉาซ้อมจนมันกระเด็นหลุด
น้ำเสียงเย็นชากล่าวออกมาอย่างเย็นยะเยือก “สั่งให้พวกเขาลงมือคืนนี้เลย จัดการเลาะฟันของหยางเฉาออกทีละซี่ จนกว่าจะหมดปาก”
“ส่วนภรรยาของหยางเฉานั่น ฮึฮึฮึ”
“ก็ปล่อยให้พวกเขาสนุกกับนางหน่อยแล้วกัน”