ตอนที่ 130 เข้าร่วมงานแต่งงาน
ย่านอี้หวน ถนนหมีหลิน
โรงแรม สปริงการ์เด้น
โรงแรม สปริงการ์เด้น มีชื่อเสียงมากในเมืองม่อ
เป็นโรงแรมแห่งเดียวที่มีสวนดอกไม้ และมีพื้นที่กว้างใหญ่มาก
ทั้งนี้ที่นี่ยังเป็นโรงแรมยอดนิยมที่เหล่าคนรวยจำนวนมากในเมืองม่อชอบจองเมื่อต้องการจัดงานแต่งงาน
และในวันนี้หน้าโรงแรมก็ได้ถูกประดับประดาด้วยผ้า และโคมไฟสวยงาม
เห็นได้ชัดว่าใครบางคนกําลังจัดงานแต่งงานขึ้นในวันนี้
ไม่นานนักก็มีผู้พบเห็นรถยนต์สีดำสุดหรูคันหนึ่งขับมาทางนี้ แล้วเข้าจอดที่ลานจอดรถ
ทันทีหลังจากนั้น ก็เห็น ซูเหวิน และเซี่ย ซินเหยา เดินลงมาจากรถ
ซึ่งแตกต่างจากเมื่อสองวันก่อน
เซี่ย ซินเหยา เธอได้รับการดูแลจาก ซูเหวิน รวมถึงได้พักผ่อนมาเป็นเวลาสองวัน ในปัจจุบันอาการป่วยของเธอจึงหายดีแล้ว
จากที่รู้สึกเวียนหัวไม่มีเรี่ยวแรง และเต็มไปด้วยความอึดอัดจากอาการป่วย
ในเวลานี้เธอกลับมาเป็น ดอกไม้งาม เซี่ย ผู้สง่างาม และน่าหลงใหลอีกครั้ง
“เข้าไปกันเถอะ!”
หลังจากลงจากรถแล้ว เซี่ย ซินเหยา ก็เดินไปหา ซูเหวิน ทันที และกล่าวด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นเธอก็เข้าควงแขนของ ซูเหวิน อย่างเคยชิน
แหะแหะ!
กับคนที่เราชอบ ก็ต้องอยากอยู่ใกล้ชิดอยู่แล้ว..
ซูเหวิน ที่เห็นเข้า เขาเพียงยิ้ม และจัดปอยผมข้างหูให้เธอ
จากนั้นเขาก็พาเธอไปที่ทางเข้าของโรงแรม
“ยินดีต้อนรับค่ะ”
ทันทีที่เข้าไปในล็อบบี้ของโรงแรม
เสียงทักทายจากหญิงสาวที่รอต้อนรับทั้งสองฝั่งประตูทั้งด้านซ้าย และขวาก็ดังขึ้น
ซูเหวิน และเซี่ย ซินเหยา เคยเห็นฉากใหญ่เช่นนี้จนพวกเขาคุ้นเคยกับมันมานานแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงพากันเดินตรงไปที่แผนกตอนรับของทางโรงแรมทันที
ซูเหวิน เตรียมจะถามแผนกต้อนรับถึงสถานที่จัดงานแต่งงานของ จาง ไป๋จวิน
“ซูเหวิน มาถึงแล้ว เป็นยังไงบ้าง?”
“อา ใช่! นายมาร่วมงานแต่งงานด้วยเหรอ?”
ในเวลานี้เสียงที่คุ้นเคยสองเสียงดังขึ้น และดึงดูดความสนใจของ ซูเหวิน
ซูเหวิน ที่มองย้อนกลับไป ก็เห็นว่าเป็น ติงอวี่ และซุน จื่อเซียน เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะแล้วพูดว่า : “เป็นพวกนายสองคนเอง”
จะว่าไปครั้งสุดท้ายที่ ซูเหวิน ได้พบกับพวกเขาก็หลังจากไปร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำกันที่โรงแรม เดอะ ซี แซนด์ โฮเทล และหลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกับพวกเขาอีกเลย
ไม่คิดว่าวันนี้ทั้งคู่จะมาด้วย
“แน่นอน จะเป็นใครได้อีกถ้าไม่ใช่เรา”
“นั่นสิ วันนี้เป็นวันแต่งงานของ คุณชายจาง ในฐานะเพื่อนร่วมชั้นเก่า เราจะไม่มาได้ยังไง?”
ติงอวี่ และซุน จื่อเซียน พูดด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเทียบกับครั้งที่แล้ว ทัศนคติของทั้งสองที่มีต่อ ซูเหวิน ในครั้งนี้ไม่ได้เยาะเย้ยเหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว
ไม่มีทาง ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาไปงานเลี้ยงอาหารค่ำกันที่โรงแรม ซี แซนด์ โฮเทล พวกเขาตกใจ และหวาดกลัวจริงๆ กับการดื่มของ ซูเหวิน
เดิมทีพวกเขาได้รับคําสั่งจาก หวงอิ๋ง
เตรียมมอมเหล้าให้ ซูเหวิน เมา และใส่ร้ายป้ายสีเขา
ซึ่งไม่มีอะไรมากไปกว่า ขโมยไก่ไม่ได้ ยังเสียข้าวสารอีกกำมือ(1)..
พวกเขาเล่นดื่มเหล้ากับ ซูเหวิน โดยไม่หยุดแต่กลับกลายเป็นพวกเขาทั้งสองเองที่เมาไปเสียก่อนได้
วันนั้นพวกเขาดื่มไปหนักมากจนรู้เวียนหัว และอาเจียนออกมาไม่หยุด
ด้วยเหตุนี้ ท้องของพวกเขาจึงรู้สึกทรมานไปอีกหลายวัน
แม้แต่คิดเกี่ยวกับมันตอนนี้ก็ทำให้พวกเขารู้สึกสั่นกลัวขึ้นมา
แต่ในไม่ช้า พวกเขาก็มองไปที่ เซี่ย ซินเหยา ที่ยืนอยู่ข้างๆ ซูเหวิน อีกครั้ง และอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าประหลาดใจ
แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นผู้หญิงคนนี้
แต่อีกฝ่ายดูสวยมาก.. ซึ่งมันยากเกินไปที่จะไม่ทำให้ผู้คนรู้สึกหลงใหลได้
ซุน จื่อเซียน อดไม่ได้ที่จะถามว่า : “ซูเหวิน ผู้หญิงคนนี้ดูสวยมาก เรายังไม่ทราบเลยว่าเธอชื่ออะไร แล้วนี่เธอเป็นภรรยาของนายหรือเปล่า?”
“อ่า.. นามสกุลของเธอคือ เซี่ย และเธอชื่อ เซี่ย ซินเหยา เธอกับฉัน...”
“ฉันเป็นภรรยาของเขา”
ซูเหวิน ที่กำลังจะเปิดปากบอกว่า เซี่ย ซินเหยา เธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเขา
แต่ก็กลับถูก เซี่ย ซินเหยา ชิงพูดตัดหน้าไปเสียก่อนแล้ว
พูดจบ ใบหน้าของ เซี่ย ชินเหยา ก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย
แต่พอคิดถึงเรื่องที่เธอได้ตกลงกับ ซูเหวิน ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเป็นภรรยาของเขาหนึ่งวัน เธอเองก็เพียงแค่ทำตามคำพูดของเธอเท่านั้น จริงไหม?
อย่างไรก็ตาม เธอจะไม่ยอมรับว่าเธอกำลังปรับตัวให้เข้ากับบทบาทนี้ก่อนล่วงหน้า
และเห็นได้ชัดว่า ซูเหวิน เองก็ไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะพูดแบบนี้ ..ออกไป
ซึ่งมันทำให้เขาตกตะลึงไปอยู่พักหนึ่งจริงๆ
ซุน จื่อเซียน และติงอวี่ กลับตกตะลึงยิ่งกว่า
เมื่อพวกเขาได้ยินอีกฝ่ายยอมรับแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น คุณเซี่ยคนนี้ยังยอมรับด้วยตนเองว่า เธอ ..เป็นภรรยาของ ซูเหวิน
ในใจพวกเขาตอนนี้ราวกับมี ‘ม้าโคลนหญ้า (เช่าหนี่มา)’ นับหมื่นตัววิ่งพล่านไปมา
ความอิจฉา และความรู้สึกหงุดหงิดในใจนั่นแทบไม่ต้องพูดถึง!
และซูเหวิน เป็นธรรมดาที่ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ
เมื่อเห็นทั้งสองคนในตอนนี้ เขาคาดเดาว่าอีกฝ่ายคงต้องรู้สถานที่จัดงานแต่งงานจึงถามไปว่า : “พวกนายน่าจะรู้สถานที่จัดงานใช่ไหม?”
“อืม ฉันเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่งแล้ว ไปด้วยกันเถอะ!”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายถามคำถามนี้ ซุน จื่อเซียน จึงรีบระงับความอิจฉาในใจของเขาไว้ชั่วคราวก่อน
จากนั้นเขาก็พา ซูเหวิน และคนอื่นๆ ไปที่สวนด้านหลังของโรงแรมที่เป็นสถานที่ไว้ใช้สำหรับจัดงานแต่งงาน
สวนที่ว่านี้อยู่ด้านหลังของโรงแรม เพียงแค่เดินตรงไปข้างหน้าก็พอ
ไม่นานนัก ทุกคนก็เดินผ่านห้องโถงอันหรูหรา และมาถึงสวนด้านหลัง
ทันทีที่เดินเข้ามาถึงสวนด้านหลัง
แม้แต่ ซูเหวิน ที่เคยชินกับสถานที่ที่หรูหราต่างๆ มาแล้ว ก็อดจะพยักหน้า และแอบชื่นชมความสวยงามของสถานที่แห่งนี้ไม่ได้
ดอกไม้ ต้นไม้ดูเขียวชอุ่ม มันถูกจัดแต่งอย่างเป็นระเบียบ
ซึ่งโดยรวมๆ มันดูดี สะอาด และเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก
ดูเหมือนว่าที่นี่จะมีพนักงานคอยดูแลตัดแต่งอยู่ตลอดทุกวัน
เพียงแค่สวนด้านหลังนี้ มันก็ทำให้ ซูเหวิน รู้สึกดีได้แล้ว
โรงแรมนี้ไม่ได้เลวร้ายไปกว่า โรงแรม ฮิลส์ ของเขา
แต่พอมาลองคิดดูแล้ว
ทั้งคู่ก็ถูกจัดว่าเป็นโรงแรมระดับ 7 ดาว มันจะดูแย่ไปได้ยังไง?
ในระหว่างเดินมองไปมาโดยรอบๆ ซูเหวิน และคนอื่นๆ ก็ได้เดินมาถึงพื้นที่ส่วนกลางซึ่งใช้เป็นสถานที่สำหรับจัดงานแต่งงานแล้ว
ซูเหวิน และเซี่ย ชินเหยา พบว่ามีคนอยู่ที่นี่เยอะมาก
มีทั้งชาย และหญิง ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่
แต่ละคนแต่งกายสุภาพ ดูดีสดใส และสง่างาม
หากมองดูเผินๆ จะเห็นได้เลยว่าคนส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นี่เป็นคนรวย
หลังจากที่ ซูเหวิน และคนอื่นๆ มาถึงก็ส่งการ์ดเชิญ แล้วพวกเขาก็ก้าวเดินเข้าไปรวมเข้ากับผู้คนที่อยู่ในงาน
“อ๊ะ นั่น ซูเหวิน ไม่ใช่เหรอ เพื่อนร่วมชั้น ซู มาถึงแล้ว”
“ฮ่าฮ่า ซูเหวิน ไม่เจอกันนาน เราไม่ได้เจอกันนานเลยนะ!”
“ยอดเยี่ยมจริงๆ เสมือนจากกันไปเพียง 3 วัน แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วเราไม่ได้เจอกันมานานหลายปี ดูสิ พี่น้องซู ของเรายังคงมุ่งมั่น และกระตือรือร้นมาก!”
“เฮ้ ซูเหวิน สาวสวยที่อยู่ข้างๆ คุณเป็นใคร เธอสวยมาก...”
ไม่นานหลังจากที่ ซูเหวิน และคนอื่นๆ มาถึงสถานที่จัดงานแต่งงาน
คนหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งพากันเดินเข้ามามองดู ซูเหวิน และพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข
คนเหล่านี้แต่งตัวสวย และดูดีกันทุกคน
ดูเหมือนว่าพวกเขาแต่ละคนจะมีชีวิตที่ดี
แต่แล้วพวกเขาก็ถูกดึงดูดโดยสาวสวยที่อยู่ข้างๆ ซูเหวิน เมื่อนั้นการแสดงออกของพวกเขาก็น่าทึ่งอย่างยิ่ง
สวยมากเลย พวกเขาไม่เคยเห็นผู้หญิงที่สวยขนาดนี้มาก่อนเลยจริงๆ
ทุกคนตกใจอยู่พักใหญ่
และในขณะที่พวกเขาตกใจ ซูเหวิน ก็ประหลาดใจไม่น้อยเช่นกัน
เมื่อมองดูคนเหล่านี้ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมปลายของเขา
ซุนฮุ่ย, เฝิง ซือหยี่ร์, เฉิน อวี้ถิง, เฮ่อหยาง, โจวเซียง… และคนอื่นๆ
ถ้าเพิ่ม หวงอิ๋ง, ซุน จื่อเซียน, ติงอวี่ อีกสามคนไป เกรงว่าจะมีเพื่อนร่วมชั้นเก่าอยู่ที่นี่ไม่น้อยกว่าสิบคนแล้ว
นี่หากไม่ดูก็ไม่รู้จนกว่าจะได้เห็น แต่พอเห็นแล้วคุณก็ต้องประหลาดใจ
“โห สุดยอด นี่ปรากฎว่าทุกคนมาอยู่ที่เมืองม่อกันแล้ว”
ซูเหวิน อดไม่ได้ที่จะโพล่งเสียงออกมา
สมกับเป็นมหานครระดับนานาชาติ ดึงดูดผู้คนมาได้ไม่น้อยจริงๆ
“ฮ่าฮ่าๆ! นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว”
“เมืองม่อเป็นสถานที่ที่ดี ใครล่ะจะไม่อยากมา”
“นอกจากนี้ เราทุกคนอยู่ที่นี่ก็เรื่อยๆ ซูเหวิน แล้วคุณล่ะเป็นยังไงบ้าง?”
เป็นจังหวะเดียวกับที่ทุกคนกำลังตกตะลึง
ทันใดนั้นก็มีชายอีกคนสวมชุดสูทสีขาวผูกเน็คไทเดินเข้ามา
ชายคนนี้มีบรรยากาศแบบชนชั้นสูงรอบตัวเขา
มีความภูมิใจ และมีจิตใจฮึกเหิม
ดวงตาของเขาเผยให้เห็นถึงความมั่นใจ และฉายประกายประหลาดวาบออกมาเป็นครั้งคราวขณะจ้องมองมาที่เขา แล้วเขาจะเป็นใครไปได้อีก ถ้าไม่ใช่ จาง ไป๋จวิน?
(1)[ขโมยไก่ไม่ได้ ยังเสียข้าวสารอีกกำมือ (偷鸡不成蚀把米)] - ฉวยโอกาสผู้อื่นไม่สำเร็จยังขาดทุนอีกต่างหาก