ตอนที่ 129 คำเชิญงานแต่งงาน
“มีอะไรเหรอ?”
เมื่อเห็น ซูเหวิน ขมวดคิ้วขณะมองโทรศัพท์ในมือ เซี่ย ซินเหยา ก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อยแล้ว
“เป็นสายโทรมาจากเพื่อนร่วมชั้นเก่าสมัยมัธยมปลายของผม”
“ครั้งที่แล้วเคยชวนผมไปงานเลี้ยงอาหารค่ำ แต่ไม่รู้ว่าครั้งนี้ทําไมอีก”
ซูเหวิน ก็ไม่ได้ปิดบัง เขาพูดตรงๆ ออกไป
“โอ้ ฉันได้ยินคุณพูดครั้งที่แล้ว”
“แต่คุณรับสายก่อนเถอะ ไม่ดีอีกฝ่ายอาจมีอะไรบางอย่างก็ได้นะ!”
เซี่ย ซินเหยา เข้าใจอย่างรวดเร็ว ขณะกินสตรอเบอร์รี่ไปพลางก็กล่าวแนะนําเขาไปพลาง
ซูเหวิน พยักหน้าแล้วกดรับสายทันที
“ฮัลโหล นี่.. ซูเหวิน ใช่ไหม ฉันคือ หวงอิ๋ง นะ!”
ตามที่คาดไว้ ทันทีที่รับสาย
เสียงของ หวงอิ๋ง ที่พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่ง
คนที่ไม่รู้ก็คงคิดว่าพวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกันขนาดนี้!
“อา.. ผมเอง มีอะไรหรือเปล่า?”
ซูเหวิน ถามอย่างสงสัย
เมื่อเทียบกับความกระตือรือร้นของอีกฝ่าย เขาดูค่อนข้างสงบ
“ที่โทรมาหาคุณฉันจะชวนคุณไปงานแต่งงาน”
“คุณยังจำ จาง ไป๋จวิน จากชั้นเรียนของเราได้หรือไม่? เขาแต่งงานวันมะรืนนี้ และเชิญเพื่อนร่วมชั้นของเราหลายคนไปด้วย”
“ฉันบอกเขาว่าบังเอิญมีเบอร์โทรศัพท์ของคุณพอดี และเขาก็เลยขอให้ฉันโทรหาคุณด้วยเพื่อที่เราทุกคนจะได้ไปร่วมสนุกกัน”
หวงอิ๋ง ยิ้มหัวเราะ พลางบอกจุดประสงค์ที่โทรมาครั้งนี้
“จาง ไป๋จวิน?”
พอ หวงอิ๋ง พูดแบบนี้ ซูเหวิน ก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง
เขาประทับใจกับชื่อนี้มาก
คนคนนี้เคยเรียนมัธยมปลายกับเขา และเป็นคนรวยรุ่นสองในชั้นเรียน ครอบครัวของเขาเป็นเจ้าของบริษัท
อาจกล่าวได้ว่าเป็นคนที่รวยที่สุดในชั้นเรียนเลยก็ว่าได้
ในเวลานั้น จาง ไป๋จวิน สวมใส่เสื้อผ้าแบรนด์ดังไปเรียนในทุกวัน
เสื้อผ้าที่ใส่มีราคานับหมื่น รองเท้าที่ใส่ก็เป็นรุ่นลิมิเต็ด
แม้แต่กระเป๋าเป้ยังคงเป็นแบรนด์ชั้นนำ
ใบหน้าของเขามันเต็มไปด้วยความรู้สึกอิ่มเอิบใจท่ามกลางสายลมฤดูใบไม้ผลิอันแผ่วเบา
แต่เขา ซูเหวิน กลับเป็นตรงกันข้าม เขาเป็นคนที่ยากจนที่สุดในชั้นเรียน
ดังนั้นเขาจึงมักจะถูกผู้ชายคนนี้หัวเราะเยาะ
เดิมทีคิดว่าหลังจบ ม.ปลาย ทุกคนจะไม่มีปฏิสัมพันธ์กันอีก
โดยไม่คาดคิด หลายปีต่อมา เขาจะได้ยินชื่อนี้ ..อีกครั้ง
ในขณะที่ ซูเหวิน กำลังนึกถึงอดีต หวงอิ๋ง ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ เมื่อไม่ได้ยินเสียงของ ซูเหวิน และคิดว่าเขาคงไม่อยากไปเข้าร่วมงานแต่งงาน จึงอดไม่ได้ที่จะพูดเสริมว่า : “เพื่อนร่วมชั้น ซู ฉันรู้ว่าเมื่อก่อนคุณกับเพื่อนร่วมชั้น จาง ไม่ลงรอยกัน”
“แต่นี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว เรื่องเมื่อก่อนก็ช่างมันไปเถอะ อย่าคิดเล็กคิดน้อยเลย”
หวงอิ๋ง พูดช้าๆ
แน่นอนว่าเธอจะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย
และสิ่งที่เธอคิดก็ถูกต้องจริงๆ
พอนึกถึง จาง ไป๋จวิน คนนี้ ซูเหวิน ก็ไม่มีความรู้สึกที่ดี และไม่อยากไปร่วมงานแต่งงานของเขาเลย
อย่างไรก็ตาม ขณะที่เขากำลังจะปฏิเสธคำเชิญนี้
ระบบก็ได้ส่งเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นในใจ(หัว)ของเขา
“ติ๊ง!”
“ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่กระตุ้นภารกิจสำเร็จ”
“ระบบออกภารกิจ : ยอมรับคำขอของ หวงอิ๋ง และเข้าร่วมงานแต่งงานของ จาง ไป๋จวิน”
“รางวัลภารกิจ : ที่ดินรอการพัฒนาที่มีพื้นที่ประมาณกว่า 10,000 ตารางเมตรใกล้กับถนนวงแหวนรอบสามในเขตตะวันออกของเมือง”
ที่ดิน?
ซูเหวิน อึ้งไปแล้ว
รางวัลนี้พิเศษจริงๆ คาดไม่ถึงว่ามันจะเป็น ที่ดิน..
คาดว่าที่ดินนี้แปลงนี้คงจะถูกประมูลในโครงข่ายที่ดิน(กรมที่ดิน)แล้วระบบก็ชนะมาได้
เนื้อที่กว่าหมื่นตารางเมตร
อืม... ไม่ใหญ่นะ
แต่อย่าลืมว่าที่นี่คือ เมืองม่อ
ในเมืองม่อที่ดินทุกตารางนิ้วล้วนมีคุณค่า
มากกว่า 10,000 ตารางเมตรนี้ ก็โอเคแล้ว
ด้วยที่ดินแปลงนี้..
ตราบเท่าที่ได้รับอนุญาตภายใต้ขอบเขตของผังเมือง
ไม่ใช่ว่าอยากสร้างอะไรก็สร้างไปหรือ?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ซูเหวิน ก็ตอบรับทันที : “ยอมรับภารกิจ”
ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นที่ดินแปลงหนึ่งไม่เอาก็น่าเสียดายแย่!
จากนั้นเขาก็ตอบ หวงอิ๋ง ว่า : “โอเค ในเมื่อคุณโทรมาเชิญผมอย่างกระตือรือร้นแล้ว งั้นวันมะรืนนี้ผมจะไปร่วมงานแต่งงานของเขา”
“ฮ่าฮ่าๆ อย่างนี้ถึงจะถูก!”
“เราทุกคนต่างก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน ดังนั้นจะไปมีความบาดหมางต่อกัน ทะเลาะกันข้ามวันข้ามคืนไปก็ใช่เรื่องจริงไหม?”
เมื่อเห็น ซูเหวิน สัญญาว่าจะเข้าร่วมงานแต่งงาน หวงอิ๋ง ก็มีความสุขในใจมากทันที
ในความเห็นของเธอ จาง ไป๋จวิน ดูถูก ซูเหวิน เป็นพิเศษในสมัยเรียนมัธยม
คราวนี้ ซูเหวิน ไปงานแต่งงานของเขาแล้วยังไม่โดนดูถูกเหยียดหยามอย่างหนักเหรอ?
ทันที เธอบอก ซูเหวิน เกี่ยวกับเวลา และสถานที่จัดงานแต่งงาน
เวลาคือเช้าวันมะรืนนี้
สถานที่คือโรงแรมระดับ 7 ดาว โรงแรมสปริงการ์เด้น
“จริงสิ คุณมีภรรยาไม่ใช่เหรอ?”
“อย่าลืมพาเธอไปด้วยนะ ทุกคนอยากเห็นคู่ของคุณ!”
หวงอิ๋ง กล่าวต่อ
ท้ายที่สุดแล้ว ซูเหวิน คนนี้กลายเป็นลูกเขยเข้าบ้าน และแน่นอนว่าต้องให้พาคู่ของเขาไปด้วย นี่มันถึงจะเป็นหลักฐานชิ้นใหญ่
ในงานแต่งงานทุกคนจะได้มีคำพูดเป็นชุดด้วยกัน
ถึงตอนนั้นทุกคนจะได้ทราบถึงสถานการณ์ของ ซูเหวิน ว่าเป็นอย่างไร
และมันก็เป็นความคิดที่ดีที่จะให้ทุกคนได้เห็นว่า ซูเหวิน ใช้ชีวิตของเขาอย่างไรในตอนนี้
เป็นธรรมดาที่ ซูเหวิน จะไม่ทราบว่านี้เป็นแผนการที่ หวงอิ๋ง วางเอาไว้
เมื่อเห็นสิ่งที่อีกฝ่ายพูดในเวลานี้ เขาก็ตอบตกลงไปโดยไม่คิดอะไรมาก
จากนั้นเขาก็วางสายไป
“เป็นไงบ้าง ทำไมเพื่อนร่วมชั้นถึงโทรหาคุณ?”
เซี่ย ซินเหยา ถามอย่างสงสัย
“เธอบอกว่ามีเพื่อนร่วมชั้นเก่าจะแต่งงานในวันมะรืนนี้ และต้องการให้ผมไปเข้าร่วมงานแต่ง”
ซูเหวิน อธิบาย
จากนั้นเขาก็มองไปที่ เซี่ย ซินเหยา แล้วพูดต่อ : “ในความเป็นจริงแล้ว คุณเองก็เคยพบเพื่อนร่วมชั้นเก่าคนนี้ที่โทรมาหาผม”
“พวกเขาคือสามคนที่เราพบครั้งล่าสุดตอนที่ผมไปช้อปปิ้งกับคุณ และลูกพี่ลูกน้องของคุณ จากนั้นก็ไปทานอาหารกันที่ ‘เฟิงม่านโหลว’ คุณจำได้ไหมว่าหนึ่งในนั้นเป็นผู้หญิง เธอชื่อ หวงอิ๋ง”
“หวงอิ๋ง?”
เมื่อ ซูเหวิน พูดเช่นนี้ เซี่ย ซินเหยา ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
จากนั้นดวงตาของเธอก็สว่างขึ้น และจําได้ทันทีว่าเคยเห็นเธอในครั้งนั้น
ซูเหวิน กล่าวต่อว่า : “ยังไงก็ตาม เพื่อนร่วมชั้น หวง เพิ่งบอกว่าเธอหวังว่าคุณจะไปเข้าร่วมงานแต่งงานนี้ด้วย”
“อ๋า?”
“อยากให้ฉันไปด้วย?”
เซี่ย ซินเหยา เบิกตากว้าง และสงสัยว่าหูตัวเองได้ยินผิดไปหรือเปล่า
เธอพบกับ หวงอิ๋ง แค่ครั้งเดียว อีกฝ่ายต้องการเชิญเธอจริงๆ สถานการณ์นี้มันคืออะไร?
“อืมม.. เธอคิดว่าคุณเป็นภรรยาของผม ดังนั้นเธอเลยอยากให้คุณไปด้วย”
“ทั้งหมดนี้เป็นผลงานของลูกพี่ลูกน้องของคุณ ตอนนั้นเธอเรียกผมว่าพี่เขยต่อหน้าเพื่อนร่วมชั้น นั่นจึงทำให้เพื่อนร่วมชั้นเก่าของผมหลายคนเชื่อไปอย่างนั้น..”
พูดพลาง ซูเหวิน อดไม่ได้ที่จะยิ้มหัวเราะอย่างจนใจ
“ห๊ะ?”
“ภ…ภรรยา?”
เซี่ย ซินเหยา ตกตะลึงจนพูดไม่ออก
พระเจ้า.. เห็นได้ชัดว่านี่ยังเป็นคําที่ห่างไกลสําหรับเธอมาก
แต่ตอนนี้พอฟังดูแล้ว มันน่าประทับใจ และน่าฟังอย่างไม่คาดคิด
เป็นภรรยาของ ซูเหวิน…
ทันใดนั้น หัวใจของเธอก็อดไม่ได้ที่จะสั่นไหว!
นี่ควรจะเป็นสิ่งที่วิเศษมากใช่ไหม?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เซี่ย ซินเหยา พลันรู้สึกว่าใบหน้าของเธอร้อนผ่าวขึ้นมา
เมื่อเห็นเธอหน้าแดงอีกครั้ง ซูเหวิน ก็คิดไปว่าเธอมีไข้ขึ้นมาอีกครั้งแล้ว เขาจึงอดไม่ได้ที่จะถามอย่างเป็นกังวลพร้อมกับเอามือไปอังหน้าผากเธอ : “คุณยังมีอาการปวดหัวอยู่อีกไหม?”
“ไม่...ไม่มี ไม่มีไข้แล้ว”
เซี่ย ซินเหยา ใจกระตุกวูบ รีบส่ายศีรษะอย่างรวดเร็ว
“แค่กังวลนิดหน่อย” เธอพูดต่อ
“กังวล?”
“เป็นเพราะไปร่วมงานแต่งเหรอ?”
“ถ้าคุณลำบากใจก็อย่าไปเลย ถึงอย่างไรคุณเองก็ไม่สนิทกับพวกเขา ดังนั้นไม่จําเป็นต้องกังวลอะไรให้มาก”
ซูเหวิน ที่เห็นเธอพูดอย่างนั้น
และคิดว่าเธอไม่อยากเข้าร่วมงานแต่งงานครั้งนี้ จึงพูดเพื่อปลอบใจเธอ
อย่างไรก็ตาม ไม่ถึงสามวินาทีหลังจากที่เขาพูดจบ เซี่ย ซินเหยา ก็พูดทันทีว่า : “ไปสิ ทำไมจะไม่ไปล่ะ?”
“ครั้งนี้ฉันป่วย ยังคงต้องขอบคุณคุณที่คอยดูแลฉัน”
“ตอนนี้คุณต้องการความช่วยเหลือ แน่นอนว่าฉันต้องก้าวไปข้างหน้า แค่...แค่ให้ฉันเป็นภรรยาของคุณสักวัน!”
หลังจากพูดอย่างนั้นไป เธอก็วางจานผลไม้แล้วนอนคลุมโปงลงในผ้าห่มทันที
บ้าชะมัดเลยฉันพูดอะไรออกไปเนี่ย ..เป็นภรรยาของ ซูเหวิน?
นี่มันน่าอายมาก!
เมื่อได้ยินคำตอบของ เซี่ย ซินเหยา
กอปรกับเห็นปฏิกิริยานี้ของเธออีกครั้ง ซูเหวิน ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะแล้ว
หลังจากคบกันมานาน เขายิ่งพบว่า คุณหนูเซี่ย คนนี้ น่ารักมากขึ้นเรื่อยๆ
…….
ผ่านมาถึงสองวัน..
มันไม่ยาว และไม่สั้นจนเกินไป
พริบตาเดียว ก็มาถึงวันแต่งงานของเพื่อนร่วมชั้นเก่า
ต้องบอกว่า เพื่อนร่วมชั้น จาง ..คนนี้ ดูเหมือนจะอยากให้ ซูเหวิน ไปเข้าร่วมงานแต่งงานเป็นพิเศษจริงๆ
เมื่อวานนี้ แม้แต่การ์ดเชิญก็ส่งมาถึงมหาลัยด้วยซ้ำ
อีกฝ่ายใจดีชวนกันขนาดนี้แล้ว เขาเองก็สมควรมองโลกในแง่บวกหน่อยไม่ใช่หรือ?
ดังนั้นเวลาแปดโมงเช้าของวันเดียวกัน ซูเหวิน จึงอาบน้ำ และหลังจากแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็พา เซี่ย ซินเหยา ขับรถ Mercedes-Benz Maybach ไปที่โรงแรม สปริงการ์เด้น