Chapter 1469 สมกับเป็นอาจารย์แบบอย่าง
ด้านนอกโลก.
ประตูโลหะขนาดใหญ่ไม่ส่งปราณมารออกมาอีกแล้ว ลวดลายของประตูไม่มีแสงส่องสว่างอีกต่อไป.
“ทำไมถึงเงียบแบบนี้ล่ะ?”
“ดูเหมือนว่า บรรพชนมารจะคืนชีพล้มเหลว.”
“เยี่ยม แบบนี้นะดีแล้ว!”
ขณะที่ผู้คนกำลังพูดคุยกันไปมานั้นประตูโลหะก็สั่นไปมาในทันที ก่อนที่จะค่อย ๆ เปิดขึ้นช้า ๆ.
“ประตูเปิดขึ้น!”
เหล่ายอดฝีมือเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ ที่กลายเป็นเงียบ เต็มไปด้วยความระมัดระวัง.
พวกเขาไม่รู้ว่า เกิดอะไรขึ้นที่ด้านใน หากบรรพชนมารคืนชีพกลับมาได้ โผล่ออกมาจริง ๆ ล่ะก็ พวกเขาจะต้องเตรียมตัวพร้อมสู้ในทันที.
เจิ้นเหรินตงกู่และเจิ้นเหรินฉีเยว่เองก็กลายเป็นจริงจังเช่นกัน.
ในเวลานั้น ในความเห็นของพวกเขา ประตูโลหิตที่เปิดขึ้น ก็หมายถึงหายนะที่ปรากฏขึ้นเช่นกัน!
“ฟู่ ฟู่!”
“ฟู่ ฟู่!”
ปราณมารที่แผ่ออกมาจากช่องประตูที่เปิด.
เหล่ายอดฝีมือที่เตรียมเข้าปะทะ พริบตานั้นก็กลายเป็นตะลึงขึ้นมาทันที.
มิติที่บรรพชนมารสร้างขึ้น ควรจะมีปราณมารหนาแน่น ทำไมถึงได้มีแสงสว่าง นี่ไม่ใช่พิสัยของผู้ฝึกตนมารเลย.
หรือเพราะว่าใช้พลังงานมารไปจนหมดอย่างงั้นรึ?
“ครืนนนนน!”
ในเวลานั้นประตูใหญ่โลหะที่เปิดขึ้นสมบูรณ์.
เหล่ายอดฝีมือเผ่าต่าง ๆ ที่เต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ.
อย่างไรก็ตาม เมื่อจุนซ่างเซียวนำศิษย์ก้าวออกมาจากด้านใน ใบหน้าของทุกคนกลายเป็นแข็งค้างในทันที.
พวกเขาที่ตื่นตะลึงตกใจ ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปสามารถเข้าไปและกลับออกมาได้ด้วยอย่างงั้นรึ?
“ศิษย์น้อย!” เจิ้นเหรินตงกู่ที่เผยท่าทางตื่นเต้นดีใจ.
จุนซ่างเซียวที่เพิ่งออกมาจากดินแดนโม่หยวน เผยท่าทางประหลาดใจออกมาเช่นกัน“อาจารย์ ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
“ไม่ใช่เพราะเจ้ารึไง!”เจิ้นเหรินตงกู่ตะโกนดัง.
เดี๋ยวนะ!
ผิวของเจ้านี่แปลกไป?
เจิ้นเหรินตงกู่ที่จับจ้อง ภายในใจเอ่ยด้วยความตกใจ“เผ่าศิลา?”
หนึ่งในสามเผ่ากลุ่มชาติพันธ์ที่แข็งแกร่งที่สุด หนึ่งในนั้นมีผิวหนังเคลือบศิลาเป็นเอกลักษณ์.
เหล่ายอดฝีมือรอบ ๆ ที่เผยท่าทางเหลือเชื่อเช่นกัน.
กลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปเข้าไปในดินแดนโม่หยวนได้เรื่องนี้ก็แปลกพอแล้ว หนึ่งในนั้นยังเป็นเผ่าศิลาด้วย? นอกจากนี้คาดไม่ถึงว่าจะเป็นศิษย์ของเจิ้นเหรินตงกู่?
ไม่ใช่ว่าศิษย์ของเขาคือเจ้านิกายนิรันดรไม่ใช่รึ?
เจ้านั่นเพิ่งขึ้นมาจากพิภพเบื้องล่างไม่ใช่รึ? แล้วไปเกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์ศิลาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
เพราะข้อมูลดังกล่าวนี้แปลกประหลาดเกินไป ทำให้กลุ่มอิทธิพลต่าง ๆ ตื่นตะลึงไปตาม ๆ กัน.
แน่นอน.
นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งสำคัญคือในกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ที่ตรงกลางมีเด็กสาวที่แผ่กลิ่นอายมารที่ไม่ธรรมดาออกมา ทำให้พวกเขาขมวดคิ้วไปมา.
“ไม่ใช่สิ!”เจิ้นเหรินฉีเยว่เผยท่าทางจริงจังขึ้นมา.
เจิ้นเหรินตงกู่จ้องมองไปยังเหยาเมิ่งหยิง ลอบคิดในใจ“กลิ่นอายของสตรีนางนี้ดูแปลกประหลาด บางที....นางได้รับสืบทอดสมบัติจากดินแดนโม่หยวนอย่างงั้นรึ?”
“กายาต้นกำเนิดมารศักดิ์สิทธิ์!”อาวุโสนิกายเซียวคนหนึ่งครุ่นคิด เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม“เด็กสาวคนนี้ได้รับสืบทอดกายาของบรรพชนมาร!”
“ฟู่!”
“ฟู่! ฟู่!”
ในเวลานั้น เหล่ายอดฝีมือนิกายเซียนระเบิดพลังบ่มเพาะ จ้องมองเหยาเมิ่งหยิงด้วยท่าทางระมัดระวังขั้นสุด.
บรรพชนมารคืนชีพหรือไม่ พวกเขาไม่รู้ ทว่ากายาที่นางได้รับมานี้ เป็นปัญหาใหญ่ จะต้องกำจัดทันที!
“ดูเหมือนงานจะเข้า!”
กู่เจ้าซีแทบทรุดเอ่ยในใจ.
ต่อหน้ายอดฝีมือค้นหาความจริงมากมาย หากอีกฝ่ายลงมือ เกรงว่าคงแย่แน่ ๆ.
คิดว่าออกมาจากดินแดนโม่หยวนได้ปลอดภัยทุกอย่างจะจบ ใครจะคิดว่ามียอดฝีมือรอหาเรื่องอยู่.
เหล่ายอดฝีมือที่ปะทุพลังบ่มเพาะออกมา กดทับมายังกลุ่มพวกเขาทำให้พวกหลี่ชิงหยางหายใจหอบ ๆ ทันที.
พวกเขาเพียงแค่หนึ่งแกนหมุน จะแบกรับแรงกดดันยอดฝีมือระดับค้นหาความจริงได้อย่างไร.
“พี่ชาย!”
กู่เจ้าซีที่ส่งเสียงผ่านวิญญาณ “ชาติหน้า ขอให้พวกเราได้เป็นพี่น้องร่วมสาบานกันอีก!”
ในความคิดของเขา คิดว่าคงไม่รอดแน่ ๆ เตรียมที่จะไปเกิดใหม่แล้ว ทว่าคิดถึงตัวเองที่มีจิตวิญญาณสังหารวัฏ ส่วนพี่ชายข้า....
“พวกเจ้าต้องการอะไร?”
เพราะว่าอยู่ในสภาวะเคลือบศิลา คำพูดของจุนซ่างเซียวจึงดูเด็ดเดี่ยว.
คำพูดของเขาที่คล้ายกับพร้อมจะหาเรื่องเต็มที.
“เจ้าหนู.”
ยอดฝีมือนิกายเซียวคนหนึ่งเอ่ย “เด็กสาวผู้นี้ได้รับกายาที่บรรพชนมารที่ทิ้งไว้ ในอนาคตจะต้องสร้างภัยพิบัติให้กับพิภพเบื้องบน!”
“ดังนั้น?”
“ต้องกำจัดนาง ป้องกันหายนะที่จะเกิดขึ้น!”
แววตาของจุนซ่างเซี่ยวเต็มไปด้วยความเย็นชา เอ่ยออกมาว่า“ใครกล้าแตะต้องศิษย์ข้าแม้แต่นิดเดียว ข้าจะตัดกระดูกเผามันให้เป็นเถ้า.”
“......”
กู่เจ้าซีถึงกับอ้าปากค้าง.
ต่อหน้ายอดฝีมือค้นหาความจริงชั้นยอดมากมาย ทว่ากับไม่ได้มีผลกับพี่ชายเลย คาดไม่ถึงว่าจะกล้าเอ่ยกล่าวอย่างบ้าคลั่งเช่นนั้น ช่างมีจิตใจที่น่าเกรงขามนัก.
ยอดฝีมือนิกายเซียนคนหนึ่งที่เผยท่าทางจริงจัง“เจิ้นเหรินตงกู่ ศิษย์ของเจ้ากำลังปกป้องมารร้าย?”
“.”
เจิ้นเหรินตงกู่เอ่ย “เขาเป็นเจ้านิกาย ปกป้องศิษย์แล้วมันผิดตรงใหน?”
เขาและเจิ้นเหรินฉีเยว่ที่มาปรากฏตัวที่ด้านหน้าจุนซ่างเซียว ปลดปล่อยพลังบ่มเพาะออกมาปกป้องแรงกดดันที่ฝ่ายตรงข้ามแผ่ออกมาเช่นกัน.
เห็นชัดเจน.
เจ้านิกายปกป้องศิษย์ตัวเอง อาจารย์ก็ปกป้องศิษย์ของเขาเช่นกัน.
ควรค่าที่จะเรียกว่าอาจารย์.
ร่วมเป็นร่วมตาย ไม่เสียดายชีวิต การที่จุนซ่างเซียวมีอาจารย์เช่นนี้ ช่างเป็นความโชคดีที่เหลือเชื่อ.
“เฮ้อ.”
เจิ้นเหรินฉียวีที่ได้แต่ถอนหายใจ.
ดูเหมือนว่าคงจะหนีไม่พ้นต้องเป็นศัตรูกับสิบนิกายเซียนแล้ว.
กล่าวได้ว่าความสัมพันธ์ของอาจารย์และศิษย์นั้นเหนียวแน่น ส่วนเขาก็ความสัมพันธ์ของสหายที่ลึกล้ำ ไม่มีทางที่จะปล่อยวางได้เช่นกัน.
......
เหยาเมิ่งหยิงที่ได้รับสืบทอดกายาต้นกำเนิดมารศักดิ์สิทธิ์ กำลังถูกจับจ้องจากสิบนิกายเซียน ซึ่งจุนซ่างเซียวได้ก้าวออกมาขวาง ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะใหญ่ยิ่งกว่าเหตุการณ์ขโมยไข่ซะอีก.
ไม่ต้องสงสัย.
เจิ้นเหรินตงกู่ต้องแบกรับความผิดไปด้วยอีกครั้งแล้ว.
ทั้งหมดทั้งมวลก็เพราะอีกฝ่ายต้องการปกป้องศิษย์ตัวเองเท่านั้น.
ถือว่าเขาทำหน้าที่อาจารย์ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง.
ยอดฝีมือสิบนิกายเซียนที่จ้องมองหน้ากันและกัน.
“เจิ้นเหรินตงกู่.”
ยอดฝีมือคนหนึ่งเอ่ยออกมาอย่างเคร่งขรึม“เด็กสาวคนนั้นสืบทอดกายามาจากบรรพชนมาร หลังจากเติบโต จะต้องสร้างหายนะต่อผู้บริสุทธิ์แน่นอน เจ้าและเจิ้นเหรินฉีเยว่ต้องการช่วยมารร้ายอย่างงั้นรึ?!”
“ปากก็เอ่ยอ้างผู้บริสุทธิ์ เจ้าคิดว่าตัวเองมีความสามารถมองเห็นอนาคตได้อย่างงั้นรึ?”เจิ้นเหรินตงกู่เอ่ยออกมาเล็กน้อย.
เจิ้นเหรินฉีเยว่เอ่ย “ดินแดนโม่หยวนและพิภพเบื้องบนนั้นมีต้นกำเนิดเดียวกัน กายาของบรรพชนมารที่ยังคงอยู่ ถือว่าได้รับการยอมรับจากวิถีสวรรค์ ตอนนี้มันถือว่าเป็นเพียงสมบัติอย่างหนึ่ง ทำไมพวกเจ้าถึงได้อันธพาลนัก.”
ความหมายของเขานั้น คือสมบัติในดินแดนโม่หยวนหากว่ามันเป็นภัยพิบัติ วิถีสวรรค์คงไม่ยอมให้คงอยู่มาถึงตอนนี้.
“ชิ.”
ยอดฝีมือคนหนึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา“บรรพชนมารก่อนตายได้เข้าสู่วิวัฒนาการที่สาม จะอยู่ภายใต้วิถีสวรรค์ได้อย่างไร.”
“ฮ่าฮ่าฮ่าอ่า!”
เจิ้นเหรินตงกู่หัวเราะเสียงดัง “หากเพราะเจ้านั่นเข้าสู่วิวัฒนาการที่สามได้ ทำไมเผ่าโม่หวังจึงถูกทำลายล้าง แล้วทำไมสิบนิกายเซียนถึงยังรอดอยู่ได้?”
กู่เจ้าซีที่เข้าใจได้ในทันที แท้จริงแล้วบรรพชนมารยังไม่ตัดผ่านไปถึงวิวัฒนาการที่สาม ไม่เช่นนั้นคงไม่ใช่เผ่าโม่หวังที่ถูกทำลาย แต่ต้องเป็นสิบนิกายเซียนแทน.
“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว!”
“วันนี้มารร้ายต้องตาย ไม่มีใครปกป้องนางได้!”
ยอดฝีมือของสิบนิกายเซียนที่ตัดสินใจอย่างหนักแน่น ไม่ยินยอมให้กายาของบรรพชนมารคงอยู่ได้.
แน่นอน พวกเขาไม่สามารถที่จะตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นยอดฝีมือนิกายเซียนจึงได้หันไปมองเผ่าพันธุ์อื่น ๆ เอ่ยออกมาว่า“ทุกท่าน มีความเห็นว่าอย่างไร.”
“ข้าเชื่อว่านางไม่ใช่บรรพชนมาร ปัญหานี้ไม่ได้ใหญ่โตขนาดนั้น ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องใส่ร้ายนาง.”
“ในอนาคตมีความเป็นไปได้มากมาย พวกเราไม่สามารถบอกสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้.”
“เจ้านิกายจุนและเผ่าพันธุ์จ้าวลมกรดของข้านั้นเข้าใจดี ไม่มีใครบอกได้ว่านางจะกลายเป็นมารร้ายในอนาคต!”