Chapter 1464 เหตุการณ์สำคัญ
ประตูมารที่หัวเราะออกมาเสียงดัง พลังเสียงที่เปี่ยมล้นด้วยพลังความมืด ดังก้องไปทั่วพิภพเบื้องบน.
ฝันร้ายของสิบนิกายเซียนและกลุ่มชาติพันธุ์อย่างงั้นรึ?
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์หลายคนที่ตระหนักได้ นึกถึงเรื่องราวของยอดฝีมือกลุ่มหนึ่งที่ร่วมมือกันทำลายเผ่าโม่หวังในอดีต ดังนั้นจึงพอบอกได้ว่าดินแดนโม่หยวน นั้นมีไว้เพื่อคืนชีพบรรพชนมารริง ๆ รึ?
โถงพิภพ.
เหล่าคนระดับสูงที่ยืนอยู่ด้านนอกห้องโถง พลางขมวดคิ้วไปมา.
“และแล้ววันนี้ก็มาถึง.”
“เกรงว่าพิภพเบื้องบนคงไม่สงบนับจากวันนี้.”
“แจ้งไปยังนิกายเซียนรึยัง? ให้พวกเขาส่งคนไปจัดการด้วย.”
“ดินแดนโม่หยวนนั้นเกี่ยวข้องกับต้นกำเนิดพิภพเบื้องบน หากสามารถจัดการง่าย ๆ เรื่องนี้คงไม่มีปัญหาคาราคาซังจนมาถึงตอนนี้.”
“.....”
บรรพชนมารคืนชีพ ปัญหานี้นับว่าร้ายแรงจริง ๆ.
โถงพิภพไม่สามารถที่จะจัดการได้ กล่าวได้ว่าหากอีกฝ่ายคืนชีพได้ ก็ไม่มีใครขวางได้เช่นกัน.
“จู่ซ่าง.”
ภายในตำหนักที่หรูหรา ชายชราหลังค่อมเอ่ยออกมาอย่างจริงจัง “บรรพชนมารกำลังคืนชีพอย่างงั้นรึ?”
จักรพรรดิหลิงเหยาเอ่ย “จริง ๆ ด้วย ขอเพียงสถานที่ใหนที่เจ้านั่นไป มักจะเกิดเหตุขึ้นทั้งนั้น.”
ดินแดนโม่หยวนที่คงอยู่มาหนึ่งแสนปี เปิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า และก็ปิดลงโดยที่ไม่มีปัญหาอะไร ตอนนี้จุนซ่างเซียวเดินทางเข้าไป บรรพชนมารก็คืนชีพ เรื่องนี้มันบังเอิญแน่รึ?
“ความวุ่นวายกำลังมา.”
จักรพรรดินิหลิงเหยาเอ่ย “พิภพเบื้องบนกำลังวุ่นวาย.”
“โถงพิภพคงไม่ยอม.”ชายชราหลังค่อมเอ่ย.
“มันเกินกว่าจะควบคุมได้.”
จักรพรรดินิหลิงเหยาเอ่ย “แม้แต่สิบนิกายเซียนคงไม่สามารถนั่งอยู่เฉยได้แล้ว ต้องไม่ลืมว่าบรรพชนมารคือสุดยอดฝีมือ ที่จะนำหายนะมาสู่คนทั้งโลก.”
......
เมืองโม่หยวน.
หลิวซือหนานที่ลอยอยู่บนอากาศ พลางขมวดคิ้วแน่น.
เสียงที่ได้ยินก่อนหน้านี้ ความแข็งแกร่งที่แฝงอยู่ในเสียงทำให้จิตใจเขาสั่นไหว เขาที่เอ่ยออกมาด้วยความตกใจ“บรรพชนมารก่อนตายแข็งแกร่งขนาดใหน?”
“ฟู่ ฟู่!”
“ฟู่ ฟู่!”
ประตูโลหะขนาดใหญ่บนท้องฟ้า แผ่ริ้วแสงที่สว่างเจิดจ้าขึ้นมาปราณมารที่ทวีความรุนแรงขึ้นช้า ๆ คล้ายกับจะส่งผ่านแพร่ไปทั่วโลก.
“ฟิ้ว!”
หลิวซือหนานที่ยกมือขึ้น จิตวิญาณมิติที่ปะทุขึ้นมา ก่อรูปเป็นม่านพลังป้องกันปกคลุมประตูโลหะขนาดใหญ่เอาไว้ ป้องกันไม่ให้ปราณมารรั่วออกไป.
เขาเดินทางมายังเมืองโม่หยวนด้วยเกรงว่าผู้ฝึกตนมารจะก่อปัญหา ตอนนี้บรรพชนมารกับคืนชีพ เขาที่เป็นนักล่ามาร แน่นอนว่าจะต้องป้องกัน ส่วนจะสำเร็จหรือไม่นั่น ไม่ได้คิดไว้เลย.
“ฟิ้ว!”
“ฟิ้ว!”
ม่านมิติที่ปกคลุมเอาไว้ จากนั้นจากพื้นที่ไกลออกไปปรากฏริ้วแสงที่กำลังบินพุ่งมา แผ่กลิ่นอายที่หนักหน่วงรุนแรง ความแข็งแกร่งไม่ได้ด้อยหรืออาจจะเหนือกว่าหลิวซือหนานด้วยซ้ำ.
หลังจากนั้น.
ยอดฝีมือสิบคนที่มีเครื่องแบบที่แตกต่างกันออกไป เป็นชายชราที่ดูน่าเกรงขามกำลังจ้องมองประตูโลหะ แววตาที่แหลมคมเป็นอย่างมาก.
“ทรงพลังมาก!”
ภายในใจหลิวซือหนานที่เต็มไปด้วยความตกใจ.
ความแข็งแกร่งของคนเหล่านี้ เหนือกว่าเขามาก บางทีคงมีระดับค้นหาความจริงขั้นปลาย!
“ฟิ้ว!”
“ฟิ้ว!”
ในเวลานั้น ริ้วแสงสองเส้นก็พุ่งมาด้วยความเร็วเช่นกัน.
“เจิ้นเหรินตงกุ่ เจิ้นเหรินฉีเยว่”ชายชราที่ส่งสารไปเอ่ยออกมาเล็กน้อย “เจ้าก็มาอย่างงั้นรึ?”
หลิวซือหนานที่ตกใจขึ้นมาเหมือนกัน.
“มาแล้วอย่างไร?”เจิ้นเหรินตงกู่ที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดเอ่ยออกมาว่า“ที่นี่เป็นดินแดนของนิกายเซียนทั้งสิบงั้นรึ? ถึงไม่อนุญาตให้ผู้ฝึกยุทธ์ไร้สังกัดมาได้?”
สิบนิกายเซียน?
หลิวซือหนานที่ดวงตาเบิกกว้างกลมโต.
ไม่แปลกใจเลยว่าคนทั้งสิบมีพลังบ่มเพาะที่ร้ายกาจนัก แท้จริงแล้วเป็นยอดฝีมือของสิบนิกายเซียนนี่เอง!
สุดยอดผู้ฝึกยุทธ์ไร้สังกัด และสุดยอดฝีมือนิกายเซียน.
ที่ด้านนอกเมืองโม่หยวนเล็ก ๆ แห่งนี่ ได้กลายเป็นสถานที่รวมตัวของสุดยอดฝีมือไปแล้ว.
อย่างไรก็ตาม นี่เพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น เพราะว่าอีกครึ่งชั่วยามหลังจากนั้น ยอดฝีมือมากมายจากทั่วสารทิศกำลังบินตรงมา พวกเขามาจากนิกายระดับเต๋า ความแข็งแกร่งล้วนแต่มีระดับค้นหาความจริงกันทั้งหมด.
เกี่ยวข้องกับโถงพิภพอย่างงั้นรึ?
ไม่ พวกเขาเกี่ยวข้องกับสิบสำนักเซียน.
นับตั้งแต่ดินแดนโม่หยวนคืนชีพบรรพชนมาร เพราะมันเกี่ยวข้องกับต้นกำเนิดแกนพิภพเบื้องบน ไม่มีใครสามารถทำอะไรได้ ไม่มีใครเข้าไปด้านในตอนนี้ได้ ทำให้พวกเขาได้แค่รอคอยอยู่ด้านนอก รอให้อีกฝ่ายออกมาเท่านั้น!
ใบหน้าของหลิวซือหนานกลายเป็นงงงัน.
หากคำนวณจากระดับ เขาไม่ถูกจัดลำดับในกลุ่มยอดฝีมือชั้นสองด้วยซ้ำ เจิ้นเหรินตงกู่และยอดฝีมือนิกายเซียนที่มากลุ่มแรกถูกจัดเป็นยอดฝีมือชั้นหนึ่ง จากนั้นกลุ่มที่สอง ถือว่าเป็นชั้นที่สอง ส่วนเขาแทบไม่มีระดับเมื่อเทียบกับคนเหล่านั้นเลย.
“ที่นี่ แม้นว่าจะไม่ใช่เขตแดนนิกายเซียนของข้า ทว่าในเมื่อบรรพชนมารถือกำเนิด ก็ถือเป็นความรับผิดชอบของพวกเรา.”หนึ่งในยอดฝีมือสิบนิกายเซียนเอ่ยออกมาเล็กน้อย.
“.”
เจิ้นเหรินฉีเยว่แค่นเสียง เอ่ยออกมาว่า“กังวลว่าพวกเราจะมาเพิ่มปัญหาอย่างงั้นรึ?”
เขากับเจิ้นเหรินตงกู่ แม้นว่าจะด้อยกว่าสิบนิกายเซียน ทว่าก็ไม่มีทางที่จะก้มหัวให้อีกฝ่าย แน่นอนถ้าเทียบกันเป็นคน ๆ พลังบ่มเพาะพวกเขาก็ไม่ได้อ่อนด้อยกว่าคนเหล่านี้แต่อย่างใด.
แต่กระนั้น.
พวกเขาก็มีกันเพียงแค่สองคน หากต้องปะทะกับคนของสิบนิกายเซียนและพรรคพวกก็ยากที่จะต้านได้เช่นกัน.
“ฟิ้ว!”
“ฟิ้ว!”
หลังจากนั้น ยอดฝีมือของกลุ่มชาติพันธุ์ขนาดใหญ่ก็บินมา มีทั้งเผ่าหลิงเหล่ย เผ่าฟินิกซ์เหมันต์ และอีกหลายเผ่า.
ในอดีตไม่ใช่แค่สิบนิกายเซียน ที่กำจัดเผ่าโม่หวัง ทว่ายังมีกลุ่มชาติพันธุ์อีกหลายเผ่า ดังนั้นเมื่อบรรพชนมารกำลังจะคืนชีพ พวกเขาก็ไม่สามารถอยู่เฉยได้เช่นกัน.
เทียบกับเหตุการณ์ขโมยไข่ เหล่ากลุ่มชาติพันธุ์ที่ล้อมกรอบเทือกเขาเซียนนิรันดร ไม่ได้ดูน่าเกรงขามอีกต่อไป ต้องไม่ลืมว่าในครั้งนั้นถึงจะมีคนมาก ทว่าคนส่วนมากต่างก็มีระดับเพียงหมุนแกนโคจรเท่านั้น.
ตอนนี้แม้แต่กลุ่มชาติพันธุ์ยังส่งสุดยอดฝีมือออกมา แต่ละคนมีระดับค้นหาความจริง กล่าวได้ว่าแม้แต่เพียงคน ๆ หนึ่งก็เพียงพอที่จะข่มเหงจุนซ่างเซียวได้แล้ว.
หลิวซือหนานกลายเป็นง่อยไปเลย แม้แต่เก็บม่านมิติไป พร้อมกับคิดในใจ“ข้าช่างอ่อนด้อยนัก.”
ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร.
เขาที่ร่อนลงที่เมืองโม่หยวน พร้อมกับแบกโลงศพและนำกลุ่มคนของวังจางเยว่จากไป.
ระดับของคนพวกนี้สูงเกินไป เขาไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าร่วม.
......
ดินแดนโม่หยวน ภายในตำหนักที่หรูหรา เมื่อเหยาเมิ่งหยิงหยิบกล่องขั้นมาจากบัลลังก์ ผนังรอบ ๆ ก็เปล่งแสงพร้อมกับปรากฏลวดลายอักขระมากมายปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว.
จุนซ่างเซียวต้องการป้องกัน แต่ก็ไม่มีเวลาพอ.
“กึก กึก!”
“กึก กึก!”
โลหิตมารที่ปะทุขึ้นมาจากบ่อโลหิต ก่อนที่จะพุ่งออกไปปิดล้อมบัลลังก์ที่หรูหรา ในเวลานั้นสัญลักษณ์จันทร์เสี้ยวที่หน้าผากของนางส่องประกายแสงสว่างมากขึ้นและก็มากขึ้น.
“ฟู่!”
“ฟู่!”
ในเวลานั้น กลุ่มแสงสีดำที่ผุดออกมาจากกำแพง จากนั้นก็ผสานเข้ากับบ่อโลหิต ส่องแสงสว่างสะท้อนสว่างจ้าปกคลุมไปทั่วบัลลังก์.
“โลหิตเพื่อร่างกายของข้า ดวงวิญญาณเพื่อเจตจำนงของข้า!”
เสียงที่ดังกึกก้องดังสนั่นไปทั่วตำหนักทำให้พวกหลี่ชิงหยางสั่นสะท้าน.
“พี่ชาย!”
กู่เจ้าซีที่ตกใจ เอ่ยออกมาว่า“บรรพชนมารต้องการใช้ร่างและวิญญาณคืนชีพ ด้วยกายสาวน้อยนั่น!”
“!”
จุนซ่างเซียวที่ด่าว่าในใจก่อนที่จะพุ่งไปหาเหยาเมิ่งหยิง.
บรรพชนมารคืนชีพ เขาหาได้สนใจ ทว่าหากจะใช้ร่างศิษย์ของเขาแล้วละก็ เขาจะต้องป้องกัน ไม่ยอมอย่างแน่นอน.
“ฟิ้ว!”
เสี่ยวฮั่วและเสี่ยวเซี่ยที่โคจรพลังอย่างบ้าคลั่ง สลายปราณมารให้กับบิดา จุนซ่างเซียวที่ก้าวเข้าใกล้บัลลังก์ และคว้าร่างเหยาเมิ่งหยิง ทว่าขณะกอดนางเอาไว้และเตรียมจากไป ทันใดนั้นกับพบกับพลังดูดที่น่าพรั่นพรึงปะทุขึ้น.....
“กึก!”
โกวเซิ่งไม่สามารถจากไปได้ จนต้องนั่งลงบนบัลลังก์.
“ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!”
ในเวลานั้น ภายในบ่อโลหิตที่พลุ่งพล่าน เวลานี้กำลังก่อรูปดวงวิญญาณสีแดงขึ้น ก่อนที่จะปกคลุมไปทั่วร่างจุนซ่างเซียวและเหยาเมิ่งหยิน ปกคลุมกลายเป็นบอลโลหิตขนาดใหญ่ ด้านในที่ได้ยินเสียงร้องเจ็บปวดทรมาน.
“แย่แล้ว!”
กู่เจ้าซีที่ใบหน้าเปลี่ยนสี เอ่ยออกมาว่า“พี่ชายถูกลากเข้าไปแล้ว!”
“เจ้านิกาย!”
หลี่ชิงหยางและพวกเซียวจุ้ยจื่ออุทานออกมาด้วยความตกใจ.
อย่างไรก็ตาม ภายในตำหนักมีเสียงคำรามดังลั่น “แล้วชาวยุทธ์นอกคอกมานั่งบนบัลลังก์ข้าได้อย่างไรกัน!!!”