Chapter 1461 โกงตั้งแต่เริ่ม
ช่องทางเข้าประตูโลหะเหมือนกับเปลวเพลิงที่ลุกโชน ล่อล่วงเหล่าผู้ฝนมารหลายหมื่นคน เหมือนกับแมงเม่าให้พุ่งเข้าไปด้านใน.
สำหรับพวกเขาแล้ว โอกาสในหนึ่งร้อยปี แม้นว่าต้องสละชีพก็ไม่เสียดาย.
หลิวซือหนานที่ลอยอยู่บนอากาศ เฝ้ามองเหล่าผู้ฝึกยุทธิ์มารพุ่งเข้าไปด้านใน พร้อมกับถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “ยากที่จะควบคุมความโลภของผู้คนได้.”
ใช่แล้ว.”
นับตั้งแต่ดินแดนโม่หยวนได้เปิดขึ้นมากมายนับไม่ถ้วน แต่ก็ไม่เคยมีคนได้รับสมบัติใด ๆ เลย ทุกคนส่วนมากล้วนตกตายไป สถานที่แห่งนี้เป็นเหมือนกับกองไฟล่อแมงเม่าให้เข้าไปตายอย่างแท้จริง.
“ฟิ้ว!”
“ฟิ้ว!”
ในเวลานั้น จากพื้นที่ไกลออกไป ริ้วแสงสิบกว่าเส้นพุ่งด้วยความเร็วสูงเข้าไปในประตูเหล็ก.
หลิวซือหนานที่ลอบคิดอยู่ในใจ“วังจางเยว่ส่งคนระดับสูงเข้าไปด้วยอย่างงั้นรึ?”
“ฟู่ ฟู่!”
หลังจากนั้นสิบนาที ผู้ฝึกตนมารที่ลอยอยู่รอบ ๆ หลายแสนคน ล้วนแต่บินเข้าไปด้านในเกือบหมด จากนั้นประตูโลหะที่ค่อย ๆ ปิดลงช้า ๆ พร้อมกับเสียงที่แหบเครือน่าเกรงขามดังขึ้น“สมบัติของข้าทั้งหมด อยู่ที่นี่หมดแล้ว.”
เสียงที่เย็นยะเยือบ ดุร้าย.
แม้นว่าประตูจะปิดไปแล้ว ทว่าคำพูดดังกล่าว ยังคงทำให้หลิวซือหนานหวาดกลัว พร้อมกับคิดในใจ“บรรพชนมารในอดีตแข็งแกร่งขนาดใหนกัน?”
เสียงดังกล่าวที่ดังไปทั่วพิภพเบื้องบน ทั้งเจิ้นเหรินตงกู่ เจิ้นเหรินฉีเยว่ต่างก็ได้ยิน ทั้งสองที่สัมผัสได้ คำพูดดังกล่าวแม้นว่าจะได้ยินมาหลายครั้งแล้ว ทว่าครั้งนี้กับดูแตกต่างจากทุกที.
“ถึงจะจากไปแล้วนับแสนปีแต่กับยังสัมผัสได้ถึงพลัง นี่คือพลังที่เข้าสู่พลังวิวัฒนาการที่สามสินะ.”
ทั้งสองที่เผยความคาดหวังระดับที่สูงขึ้นเช่นกัน ทว่ามันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ตลอดยุคสมัยที่ผ่านมา คนที่ก้าวไปยังระดับวิวัฒนาการที่สามได้นั้นมีอยู่น้อยมาก.
เขตแดนดังกล่าวไม่ใช่ว่ามีพรสวรรค์และเวลาก็จะสามารถก้าวไปถึง ดังนั้นทั้งสองจึงอยู่ในระดับสูงสุดของวิวัฒนาการที่สองมาเป็นเวลานาน พร้อมกับรักษาสภาพจิตใจ เล่นหมากรุกกันไปมา ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ไม่ได้คาดหวังอะไรมากมายนัก.
......
“ฟิ้ว!”
“ฟิ้ว!”
จุนซ่างเซียวและคนอื่น ๆ มีปราณมารปกคลุมร่างเอาไว้ เวลานี้พวกเขาเข้ามาในพื้นที่มืดมิดแทบมองอะไรไม่เห็น.
“เจ้านิกาย.”
เหยาเมิ่งหยิงเอ่ย “พวกเราเข้ามาแล้ว.”
จุนซ่างเซียวที่พยายามยืนให้มั่น พบว่าตัวเองและศิษย์ยืนอยู่บนดินแดนที่เป็นหญ้าเหมือนกับใบดาบ บนท้องฟ้ามีพระจันทร์เสี้ยวปรากฏอยู่ รูปลักษณ์ที่เหมือนกับที่อยู่บนหน้าผากของนาง.
“หนาวเล็กน้อยแฮะ.”ซูเซียวโม่ยกมือขึ้นกอดอก.
ความหนาวเย็นไม่เหมือนกับไอเย็นจากกายาเหมันต์ของลู่เชียนเชียน ทว่าความเย็นนี้มันกัดกร่อนไปถึงดวงวิญญาณ เป็นความเย็นจากปราณมารที่หนาแน่นและอุดมสมบูรณ์.
โชคดีแม้นว่ารอบ ๆ จะมีปราณมารหนาแน่น ทว่าก็แตกต่างจากป่าหมอกมารที่มีพิษกัดกร่อนจิตใจ แม้นที่นี่จะหนาวเย็นมาก ทว่าพวกเขาก็สามารถทนได้.
“ฟิ้ว!”
“ฟิ้ว!”
จุนซ่างเซียวและคนอื่น ๆ ที่เพิ่งเข้ามา จากนั้นบนอากาศก็ปรากฏผู้ฝึกตนมารมากมายปรากฏขึ้น เห็นชัดเจนว่าพวกเขาก็ตามเข้ามาเช่นกัน.
“พี่ชาย.”
กู่เจ้าซีเอ่ย “พวกเราจะไปทางใหนดี?”
“......”จุนซ่างเซียวถึงกับพูดไม่ออก “ข้าก็จะถามเจ้าเช่นกัน.”
กู่เจ้าซีเกาศีรษะไปมา เอ่ยออกไปว่า“ข้าเพิ่งมาเป็นครั้งแรก.”
ดินแดนโม่หยวนที่บรรพชนมารได้เตรียมสมบัติเอาไว้ เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปไม่มีใครเข้ามาร่วมสนุก เพราะว่าพวกเขานั้นยังคงเสียดายชีวิตอยู่นั่นเอง.
กล่าวได้ว่าผู้ฝึกตนมารที่ตามมา ทันทีที่ตั้งหลัก พวกเขาก็ใช้ท่าเท้าที่รวดเร็ว หายตัวไปทันที ราวกับเตรียมตัวมาเรียบร้อยแล้ว มีเพียงพวกจุนซ่างเซียวที่กำลังยืนงง ๆ อยู่ ข้าจะทำอะไรต่อ? ข้าจะไปใหน?
“เฮ้!”
กู่เจ้าซีที่จับตัวชายชราชุดดำอยู่ เอ่ยออกมาว่า“เจ้ารู้ไหม?”
“......”
เจ้าสาขาวังจางเยว่ที่เงียบไม่เอ่ยอะไร.
กล่าวได้ว่าเขาถูกทำร้ายบาดเจ็บ ถึงแม้นว่าจะรู้ก็ไม่สามารถที่จะพูดออกมาได้.
“พี่ชาย.”
เห็นอีกฝ่ายไม่พูด กู่เจ้าซีเอ่ย “เจ้านี่เป็นภาระ รีบสังหารมันเลยดีกว่า.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “เขายังจำเป็นต้องใช้.”
“ใช่ ๆ!”
กู่เจ้าซีที่ตบหน้าผากดังฉาด เอ่ยออกมาว่า“สามารถนำไปไถเงินวังจางเยว่ได้นี่นา!”
“......”
จุนซ่างเซียวหมดคำจะพูดเหมือนกัน.
ในสายตาน้องชาย ข้าเป็นเพียงคนรีดไถที่ร้ายกาจเลยอย่างงั้นรึ?
ระบบเอ่ย “แล้วไม่ใช่รึ?”
หลังจากครุ่นคิดเจ้านี่ดูเหมือนว่าจะเป็นภาระจริง ๆ ดังนั้นจุนซ่างเซียวจึงได้นำหอคอยสะกดวิญญาณเทียหยวนออกมา พร้อมกับนำเขาส่งอีกฝ่ายเข้าไปหากลุ่มคนปิศาจทั้งสาม.
“โตวโตว เสี่ยวลู่!”
อ้ายยาตะโกน “มาต้อนรับแขกสิ!”
......
ดินแดนโม่หยวนนั้นมีขนาดใหญ่มาก ยากที่จะสำรวจได้หมด.
ผู้ฝึกยุทธ์มารหลายแสนคน แต่ละคนไม่มีใครพูดคุยกัน ไม่มีใครเอ่ยกล่าวว่ามิติแยกแห่งนี้กว้างเท่าไหร่.
หลังจากเข้ามา เหล่าผู้ศรัทธาที่มุ่งไปยังเส้นทางหนึ่ง.
“เจ้านิกาย พวกเราทำอย่างไรดี?”
“ตามพวกเขาไปก่อน.”
“ตกลง.”
จุนซ่างเซียวและศิษย์ที่ตีเนียนตามผู้ฝึกยุทธ์มารไป.
“วูซซซ! วูซซซซ!”
ผ่านไปราว ๆ ครึ่งชั่วยาม ท้องฟ้าที่มืดครึ้มสั่นส่ายไปมา จากนั้นบนอากาศปรากฏประตูศิลาสิบบานขึ้น สามารถมองเข้าไปด้านในราวกับเป็นหลุมลึกไม่สิ้นสุด.
“มา มาแล้ว!”
หลาย ๆ คนที่กล่าวด้วยความตื่นเต้น “ประตูสมบัติของบรรพชนมารได้ทิ้งไว้ปรากฏแล้ว!”
ผู้ฝึกตนมารเกือบแสนคนล้อมรอบ แววตาที่เป็นประกาย ต้องการเข้าไปด้านใน.
คนมากมาย.
ประตูมีเพียงสิบบาน.
ประตูที่สามารถเข้าไปได้ทีละคน ทำให้ผู้คนเบียดแย่งชิงกัน ทำให้เกิดความวุ่นวายแม้แต่เกิดการต่อสู้ขึ้นในที่สุด.
“บิดาเข้าไม่ได้ คนอื่นก็เข้าไม่ได้!”
“ใครขวางข้า ตาย!”
“น้องชาย ฆ่ามัน!”
“ตูมมม! ตูมมม! ตูมมม!”
ในเวลาต่อมาที่ด้านหน้าประตูมีแสงเจิดจ้าจากทักษะต่อสู้ขึ้นไม่หยุดหย่อน.
จุนซ่างเซียวหมดคำจะพูด “แล้วจะสู้กันทำไม?”
“เจ้านิกาย.”
เหยาเมิ่งหยิงเอ่ย “สมบัติต้องอยู่ด้านในประตูศิลาแน่นอน พวกเราจะเข้าไปไหม?”
“เข้าไปก็ต้องเข้าไปแน่ ทว่า...”จุนซ่างเซียวที่สีคางไปมา เอ่ยออกไปว่า“ประตูศิลาทั้งสิบไม่ใช่ว่าจะมีสมบัติทั้งหมด บางทีเก้าบานอาจจะเป็นกับดักก็ได้.”
กู่เจ้าซีที่ชี้ไปยังพื้นที่หนึ่งที่ผู้ฝึกตนมารรวมตัวกันอยู่ “พวกเขายังไม่เข้าไป ดูเหมือนว่ากำลังครุ่นคิดเลือกประตูอยู่.”
“ไปให้พ้น!”
ในเวลานั้น ที่ประตูศิลาบานหนึ่ง ได้ยินเสียงคำรามที่ดังกึกก้องด้วยความโกรธเกรี้ยว.
ใครบางคนที่ขวางประตูบานนั้นอยู่ ขณะจ้องมองออกไปเป็นบุรุษที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าดูเหมือนกับมารร้ายที่น่ากลัวเป็นอย่างมาก.
ดูเหมือนว่าจะเป็นยอดฝีมือ ที่ทุกคนไม่กล้าหาเรื่อง.
ชายหน้าบากนำคนของเขาไปหยุดที่ประตูบานที่สอง เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ประตูเข้าไปแล้วก็ไม่หายไปใหน พวกเจ้าจะแย่งกันไปทำไม?”
“......”
ทุกคนที่เอ่ยในใจ“ประตูไม่หายไป หากแต่ใครเข้าไปก่อนย่อมได้สมบัติก่อนไม่ใช่รึไง แล้วคนที่เข้าไปทีหลังยังจะได้สมบัติอีกเหรอ!”
“ฟิ้ว!”
ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้านำคนของเขาเข้าไปก่อน.
ในเวลาต่อมาผู้ฝึกตนมารที่มากันเป็นกลุ่มก็เลือกประตูอื่น ๆ ไปเช่นกัน.
เพียงไม่นาน ประตูศิลาทั้งสิบบ้านก็มีคนเข้าไปจนครบทุกประตู ไม่มีใครรู้ว่าใครจะไปพบกับอะไร มีกับดักซ่อนอยู่ใหม? ใครจะได้สมบัติใหญ่ ไม่มีใครรู้?แม้แต่มีอันตรายใดซ่อนอยู่.
เพราะว่ากลุ่มอิทธิพลใหญ่ลงมือเข้าไปก่อน ผู้ฝึกยุทธ์มารคนอื่น ๆ ก็ใจเย็นลง จากนั้นก็ค่อย ๆ เข้าไปประตูอย่างเงียบ ๆ.
“เจ้านิกาย.”
เหยาเมิ่งหยิงเอ่ย “พวกเราจะเลือกประตูใหน?”
เห็นคนที่เข้าไปในประตูมากขึ้น ๆ ทำให้นางกังวลเล็กน้อย.
จุนซ่างเซียวที่ไม่รีบ ก่อนที่จะนำเข็มทิศบางอย่างออกมา พลางครุ่นคิด “ของวิเศษหาสมบัติใช้ที่นี่ได้ไหมนะ?”
ระบบเอ่ย “ไม่ลองก็ไม่รู้.”
“วูซซซซซ!”
เขาที่ถ่ายพลังจิตเข้าไปในเข็มทิศ เข็มที่ส่องสว่างเจิดจ้าหมุนอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะชี้ไปยังตำแหน่งหนึ่ง.
“จริง ๆ ด้วย.”
จุนซ่างเซียวเอ่ยด้วยความตื่นเต้น “ได้ผลจริง ๆ ด้วย!”
“......”
“เอ๊ะ?”
จุนซ่างเซียวพบว่าตำแหน่งที่เข็มทิศชี้นั่นไม่ใช่ประตูศิลาทั้งสิบบาน ดังนั้นจึงเผยท่าทางประหลาดใจ“หรือว่านี่จะเป็นกับดัก?”