Chapter 1459 นักล่ามาร หลิวซือหนาน
เมืองโม่หยวน เวลานี้คนของวังจางเยว่ได้มารวมตัวกันมากขึ้นและก็มากขึ้น จำนวนในเวลานี้ใกล้จะถึงหนึ่งหมื่นคนแล้ว.
ปราณมารที่ปกคลุมไปทั่วเมือง ทำให้เหล่าคนที่ไม่เกี่ยวข้องตื่นตกใจ แม้แต่หวาดผวาไปตาม ๆ กัน.
ทำอย่างไรดี!
ก็ต้องหนีออกไปอย่างแน่นอน!
ดังนั้นจึงเห็นคนของวังจางเยว่ที่บินมา และคนที่ไม่เกี่ยวข้องเร่งรีบหนีไปเช่นกัน ด้วยเกรงว่าจะได้รับหายนะโดยไม่ได้รู้เรื่องรู้ราว.
จุนซ่างเซียวที่นั่งรออยู่บนถนน มือของเขายังคงถือดาบหนานโชว.
เขาในเวลานี้ หวังว่าสมาชิกวังจางเยว่จะมามากกว่านี้ หากเรื่องเขาสังหารหมู่คนเหล่านี้กระจายไปทั่วพิภพเบื้องบน เขาจะได้ค่าชื่อเสียงมากขนาดใหน.
ดาบหนานโชวที่ใช้ได้ไม่บ่อยครั้ง จึงต้องรอคนให้มาเป็นจำนวนมาก ถึงจะทำกำไรได้!
หลี่ชิงหยางและเซียวจุ้ยจื่อที่ยืนอยู่ด้านหลัง ยืนเผชิญหน้าคนของวังจางเยว่นับหมื่น ไม่เพียงแค่ไม่หวาดกลัว ยังเผยยิ้มอย่างไม่แยแสด้วย.
“จิตใจ.”
กู่เจ้าซีที่กล่าวชมในใจ “แข็งแกร่งมาก!”
หากเขาเคยเห็นภาพจุนซ่างเซียวใช้ดาบหนานโชว ไล่สังหารหมู่มาก่อน ย่อมแสดงท่าทางได้ไม่ต่างจากพวกเขาแน่นอน.
“ฟู่ ฟู่!”
“ฟู่ ฟู่ ซูมมมม!”
ปราณมารอันบ้าคลั่งแผ่กดทับลงไปทั่วเมือง บรรยากาศที่หนักอึ้ง เตรียมที่จะรบกันในเร็ว ๆ นี้!
“เจ้าหนู.”
ยอดฝีมือเก้าแกนของวังจางเยว่ที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ปล่อยเจ้าสาขาลู่ซะ หรืออยากจะกลายเป็นศพ.”
“.”
จุนซ่างเซียวที่แค่นเสียงเย็นชา.“อยากให้ข้าปล่อย ก็คุกเข่าลงสิ.”
ยอดฝีมือเก้าแกนที่โกรธเกรี้ยวจิตสังหารที่รุนแรงระเบิดออกมา“สามหาว!”
“ฟู่ ฟู่!”
เหล่าสมาชิกวังจางเยว่ที่ปล่อยพลังบ่มเพาะ ปราณมารที่มากล้น คำรามลั่นราวกับจะกดทับให้อีกฝ่ายแบนบี้.
จำนวนคนที่มากกว่า กลิ่นอายที่หนักหน่วงรุนแรงเป็นอย่างมาก.
หากศิษย์นิกายนิรันดรหนึ่งแสนคน ร่วมพลังปลดปล่อยกลิ่นอายสะกดทับเป้าหมายเดียวกัน แน่นอนว่าพลังย่อมมากมายมหาศาลเช่นกัน.
“ชิ.”
จุนซ่างเซียวที่แค่นเสียงเหยียดหยัน.
เป็นภาพที่น่าตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก.
จุนซ่างเซียวที่มีตัวประกันในมือ แม้นว่าวังจางเยว่จะมามากกว่า ทว่าก็ไม่กล้าที่จะลงมือ ดังนั้นจึงทำได้แค่กล่าวข่มขู่อีกฝ่าย.
อย่างไรก็ตาม.
การพูดคุยดูเหมือนว่าจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้.
ยอดฝีมือเก้าแกนที่จ้องมองหน้ากันและกัน พร้อมกับตกลงกันในใจ ให้คนหนึ่งโจมตี อีกคนรับผิดชอบในการแย่งชิงคน.
ในขณะที่ พวกเขากำลังจะลงมือ จุนซ่างเซียวก็เตรียมที่จะบดยันต์เปิดผนึก ที่หน้าประตูเมืองก็เกิดระเบิดเสียงดังสนั่น.
ปราณมารที่หนาแน่นถูกสายลมที่หนักหน่วงพัดออกไป ทำให้ปราณที่หนาแน่นเบาบางลงอย่างง่ายดาย.
ทุกคนที่หันหน้าไปมองตามสัญชาตญาณ.
“กึก!”
“กึก!”
เสียงของการก้าวเท้าที่กำลังดังขึ้นเรื่อย ๆ.
ในเวลาต่อมา ชายวัยกลางคนที่สวมชุดที่โทรมโปเก เผ้าผมกระเซอะกระเซิงเดินเข้ามา.
ชายผู้นี้ใบหน้าซีดขาว นอกจากนี้ยังแบกโลงศพบนหลัง ดูน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก.
“คนหามศพ!”
กู่เจ้าซีที่จ้องมองด้วยความจริงจัง “หลิวซือหนาน!”
ในเวลานั้น เหล่าสมาชิกวังจางเยว่ที่ใบหน้าเปลี่ยนสี แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ไม่เว้นแม้แต่ยอดฝีมือเก้าแกนทั้งสี่!
“แค๊ก ๆ!”
ชายวัยกลางคนที่ซีดขาวไอสองสามครั้ง พร้อมกับยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นเช็ดปาก เอ่ยกล่าวเสียงแหบเครือ “ปราณมารหนาแน่นดี.”
ผ้าเช็ดหน้าของเขาลวดลายดูเหมือนกับผ้าเช็ดหน้าที่ผู้หญิงใช้.
จุนซ่างเซียวที่หัวใจเย็นยะเยือบขึ้นมา เอ่ยออกไปว่า“คนผู้นี้มีอะไรเป็นพิเศษอย่างงั้นรึ?”
“ข้าได้ยินมาจากนักเล่าเรื่อง.”กู่เจ้าซีเอ่ย “ผ้าเช็ดหน้าที่หลิวซือหนานใช้นั่น คือของดูต่างหน้าจากภรรยาที่ตายไป.”
จุนซ่างเซียวที่เผยท่าทางประหลาดใจ.“เขาเป็นม่ายอย่างงั้นรึ?”
“ภรรยาของเขา.”
กู่เจ้าซีที่จ้องมองไปยังโลงศพอย่างจริงจัง “ไม่รู้ว่าตกตายไปได้อย่างไร ได้ยินมาว่าเขาได้สร้างโลงศพขึ้นจากวัตถุดิบพิเศษแล้วผนึกนางเอาไว้ พร้อมกับแบกมันไปทั่วทุกสารทิศ ดังนั้นจึงมีได้ฉายา คนแบกศพ.”
“เย็ดเข้!”
จุนซ่างเซียวที่ดวงตาเบิกกว้างกลมโต “เจ้านี่มีงานอดิเรกที่พิเศษจริง ๆ!”
“สหายน้อย.”
หลิวซือหนานที่ก้าวเข้ามาในเมือง เอ่ยออกมาว่า“ภรรยารักของข้ายังมีชีวิตอยู่ ทว่านางแค่หลับชั่วคราวเท่านั้น ในสักวันหนึ่งก็จะตื่นขึ้นมาและอยู่กับข้าตลอดกาล.”
“......”
กู่เจ้าซีที่กลายเป็นเงียบไปในทันที.
ภรรยาของเขาเห็นชัดเจนว่าตายไปแล้ว ไม่หายใจชัด ๆ ช่างเป็นคนที่ลุ่มหลงจนหน้ามืดตามัวจริง ๆ.
“น้องชาย.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “แล้วทำไมคนของวังจางเยว่ถึงได้หวาดกลัวเขาจัง.”
“นั่นเพราะเขามีอีกสถานะหนึ่ง.”
“สถานะอะไร?”
“เขาคือคนที่ชาวยุทธ์วิถีมารไม่อยากเจอกที่สุด หนึ่งในสุดยอดนักล่ามารของโถงพิภพ.”
“นักล่ามารอย่างงั้นรึ?”
“นี่คือตำแหน่งพิเศษของโถงพิภพ พวกเขาไม่จำเป็นต้องรับคำสั่งเจ้าโถง พวกเขามีหน้าที่และภารกิจอย่างเดียวเท่านั้น คือไล่ล่าเหล่าผู้ฝึกยุทธ์มารนอกคอกให้สิ้นซาก จัดการความมืดมิดทั้งมวล.”
จุนซ่างเซียวที่เข้าใจได้ทันที.
“พี่ชาย.”
กู่เจ้าซีเอ่ย “ได้ยินมาว่าเขานั้นก้าวถึงระดับค้นหาความจริงแล้ว.”
“แข็งแกร่งขนาดนั้นเลย?”จุนซ่างเซียวที่เผยท่าทางประหลาดใจ.
ก่อนหน้านี้เมื่อครั้งที่กลุ่มชาติพันธ์ล้อมกรอบเทือกเขาเซียนนิรันดร คนของโถงพิภพที่ปรากฏขึ้นนั้น แต่คนเหล่านั้นกับดูขลาดเขลาต่อหน้าอาจารย์ของเขามาก ทำให้เขาคิดว่าพวกเขาก็ไม่เท่าไหร่ ท้ายที่สุดพวกเขากับมีนักล่ามารที่มีระดับค้นหาความจริงด้วย!
ระบบเอ่ย “โถงพิภพควบคุมดูแลความสงบพิภพเบื้องบน หากไม่มีกำกองกำลังที่น่าเกรงขาม เป็นไปได้รึ?ที่จะคงอยู่ได้นานเพียงนี้.”
“ก็ใช่.”
จุนซ่างเซียวไม่ค่อยประทับใจคนของโถงพิภพเท่าใดนัก.
“เด็ก ๆ.”
หลิวซือหนานที่จ้องมองไปยังเขา เอ่ยออกมาว่า“ในเมื่อพวกเจ้าเป็นคนของจักรพรรดินิหลิงเหยา ข้าย่อมไม่ปล่อยให้พวกเจ้าถูกรังแก.”
“เอ่อ......”
จุนซ่างเซียวที่โง่งมไปเล็กน้อย.
เขาที่กล่าวไปหลอก ๆ คนผู้นี้กับเชื่ออย่างงั้นรึ?
โกวเซิ่งที่พลิกลิ้นอย่างเร็วไว ยืดอกเอ่ยออกมาว่า“แดนโม่หยวนกำลังเปิด โถงพิภพกังวลว่าคนของวิถีมารจะกระทำตัวไร้เหตุผล ดังนั้นจึงให้ข้ามาควบคุมสถานการณ์!”
“เป็นเช่นนี้นะเอง.”
หลิวซือหนานที่ราวกับตระหนักได้.
แม้นว่าเขาจะเป็นคนของโถงพิภพ ทว่ามีหน้าทีเดียวคือจัดการผู้ฝึกยุทธ์มารที่ก่อความเดือดร้อน แน่นอนว่าย่อมไม่สามารถบอกสถานะที่แท้จริงของจุนซ่างเซียวได้.
อีกอย่าง.
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใครก็หาได้สำคัญ การที่เด็กกลุ่มหนึ่งถูกคนวังจางเยว่ล้อมกรอบเช่นนี้ เขาที่มีหน้าที่จัดการผู้ฝึกยุทธ์มารจะอยู่เฉยได้อย่างไร เป็นธรรมดาที่เขาต้องช่วยเด็ก ๆ เหล่านี้แหวกวงล้อมออกมา.
“ตูมมมมม!”
โลงศพโลหะที่ถูกวางลงบนพื้น อักขระผู้กล้าที่ปักไว้ที่เสื้อคลุมด้านหลัง ดูเด่นเป็นสง่า เผ้าผมที่กระเซอะกระเซิงถูกสายลมพัดโกรก ใบหน้าซีดขาวแววตาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้.
“นักล่ามารหลิวซือหนานปรากฏแล้ว ผู้ฝึกตนมารรีบแยกย้ายหลบหนีเร็วเข้า!”
นิ่ง.
ทุกคนนิ่งไปกันหมด.
พริบตานั้น สมาชิกวังจางเยว่ แม้แต่ยอดฝีมือเก้าแกนทั้งสี่ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย.
“......”
จุนซ่างเซียวถึงกับหมดคำจะพูด.
โหยพี่ชาย ทำแผนการของข้าเสียหมด!
“คิดว่าจะหนีรอดอย่างงั้นรึ?”
หลิวซือหนานที่เผยยิ้มเย็นชา มือของเขาที่ยกขึ้นพร้อมกับต่อยไปในอากาศ ได้ยินเพียงเสียงดัง ตูมมมม ห้วงอากาศที่สั่นส่ายเป็นระลอกคลื่น ทั่วทั้งเมืองโม่หยวน ราวกับว่ามีม่านพลังป้องกันเหมือนกับหม้อใบใหญ่หล่นลงมาปิดกั้นทุกอย่างเอาไว้.
“เฮ้ย!”
จุนซ่างเซียวที่ดวงตาเบิกกว้างกลมโต.
“ข้าได้ยินจากนักเล่าเรื่องอยู่เหมือนกัน!”กู่เจ้าซีที่เอ่ยด้วยความประหลาดใจ“คนผู้นี้มีจิตวิญญาณมิติ สามารถผนึกท้องฟ้าได้อย่างรวดเร็ว!”
“......”
จุนซ่างเซียวที่เอ่ยในใจ“น้องชาย คนเล่าเรื่องนี่เป็นใครว่ะ นี่เขารู้ระเอียดขนาดนั้นเลยเหรอ!”
“ฟิ้ว!”
หลิวซือหนานที่ยกมือ พร้อมกับกวาดมือไปมาเป็นสัญลักษณ์ ม่านพลังที่ปกคลุมเมืองย่นบีบเข้ามา คนของวังจางเยว่หลายพันคนที่กำลังหนีต้องหยุดชะงักถูกห้วงมิติบีบสะกดให้หยุดนิ่ง.
จุนซ่างเซียวถึงกับอุทานออกมาด้วยความตกใจ “ร้ายกาจเกินไปแล้ว!”