Chapter 1458 รวมพลคนของวังจางเยว่
“หืม?”
จุนซ่างเซียวที่นำป้ายตราของอีกฝ่ายขึ้นมาดู พบว่าบนนั้นไม่มีอักขระอะไรเลย มีเพียงรูปแกะสลักเป็นรูปจันทร์เสี่ยว ดูมืดครึ้มเล็กน้อย ดังนั้นจึงเอ่ยออกมาว่า“เจ้ามั่นใจนะ?”
“วังจางเยว่นั้นเป็นศัตรูของโถงพิภพ คงไม่มีใครกล้าคัดลอกตราของพวกเขาหาเรื่องใส่ตัวหรอก.”
กู่เจ้าซีเอ่ย “นอกจากนี้ ค่ายกลวิถีมารที่ข้าเสียท่า คงมีเพียงองค์กรลึกลับนี้เท่านั้น ที่ทำได้.”
จุนซ่างเซียวที่เผยยิ้ม “หาข้อมูลมากมายแต่ไม่ได้เบาะแสเลย ตอนนี้กับเจอง่าย ๆ.”
การที่เขามายังเมืองโม่หยวนครั้งนี้ เป้าหมายก็เพื่อมาหาคนของวังจากเยว่ เพื่อที่จะค้นหาที่ตั้งเขตแดนโม่หวัง ตอนนี้ไม่เพียงแค่พบ ทว่ายังจับเจ้าสาขาได้อีก.
“วังจางเยว่?”
“ไม่แปลกใจเลยว่าน่าเกรงขามเช่นนี้!”
กู่เจ้าซีที่กล่าวเสียงดัง เหล่าชาวยุทธ์ที่ซ่อนตัวอยู่ในห้อง เผยแววตาตื่นตระหนกออกมาทันที.
วังจางเยว่เป็นหนึ่งองค์กรที่มีชื่อเสียงในหมู่ผู้ฝึกยุทธ์มารเป็นอย่างมาก พวกเขาเป็นคนสาขาของเผ่าโม่หวัง ดังนั้นจึงถือเป็นกองกำลังกำลังหลักของผู้ฝึกยุทธ์วิถีมารก็ว่าได้!
“ชิ!”
ชาวยุทธ์ชุดดำคนหนึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ในเมื่อรู้ว่าพวกข้าเป็นใคร ยังไม่รีบปล่อยเจ้าสาขาอีก!”
ในเมื่อวังจางเยว่กล้าท้าทายโถงพิภพ ย่อมเป็นหนึ่งกองกำลังที่ร้ายกาจ เหล่าผู้ฝึกตนไร้สังกัดหรือนิกายทั่วไปย่อมไม่กล้าหาเรื่อง แม้แต่หวาดกลัวพวกเขาด้วยซ้ำ.
น่าเสียดายต่อหน้าจุนซ่างเซียว หาได้สนใจอะไรไม่ ในเมื่อเขาจับเจ้าสาขาอีกฝ่ายเอาไว้ แน่นอนว่าย่อมไม่ได้หวาดกลัวใด ๆ “แล้วพวกเจ้ารู้รึ? ว่าพวกเราเป็นใคร?”
“เป็นใคร?”
“คนของจักรพรรดินิหลิงเหยา.
คำพูดที่ไม่มีช่องว่างเลยแม้แต่น้อย แม้แต่กู่เจ้าซียังเกือบเชื่อด้วยซ้ำ.
เหล่าคนชุดดำที่ใบหน้าเปลี่ยนสี เผยท่าทางอักอ่วน.
จักรพรรดินิหลิงเหยานั้นเป็นคนของโถงพิภพ ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นคนของนางก็ถือว่าเป็นคนของโถงพิภพครึ่งหนึ่ง เจ้าสาขาถูกพวกเขาจับ ก็นับว่าเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล!
สถานการณ์ไม่ค่อยดีแล้ว.
ไม่มีใครที่คิดว่าโกวเซิ่งหลอกพวกเขา.
แม้แต่เย่ซิงเฉิน หรือกู่เจ้าซี หากไม่เพราะรู้จักอีกฝ่าย คงต้องเชื่อกับการแสดงขั้นเทพของอีกฝ่ายแน่นอน.
อย่างไรก็ตาม การตบตานี้ไม่ใช่แค่ต้องการหาเรื่องให้จักรพรรดินิหลิงเหยา ทว่าจุนซ่างเซียวนั้นคิดมาดีแล้ว เป็นการแสดงให้เห็นข้ากับพวกเจ้าไม่ถูกกันตั้งแต่แรก ไม่เช่นนั้นแล้วจะมีเรื่องกับพวกเจ้าไปทำไม.
กล่าวได้ว่าการแสดงนี้ ดูสมเหตุสมผลเป็นอย่างมาก.
“ฟิ้ว!”
ชายชุดดำที่ถอนหลังออกมาสองก้าว ก่อนที่จะยกมือขึ้น เอ่ยออกมาว่า“ศรทะลวงเมฆา พลังอันยิ่งใหญ่จงมารวมกัน!”
“ฟิ้ว!”
ริ้วแสงที่ส่องสว่าง พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าสว่างเจิดจรัสทันที.
“พี่ชาย.”
กู่เจ้าซีที่เร่งรีบเอ่ย “นี่คือสัญญาณของวังจางเยว่ ข้าได้ยินมาจากนักเล่าเรื่อง เอ่ยว่าภายในรัศมีหลายพันลี้ สมาชิกของพวกเขาจะเห็นสัญญาณ และจะมารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว!”
จุนซ่างเซียวแทบทรุด กล่าวในใจ“น้องชาย นักเล่าเรื่องของเจ้าไม่ใช่รู้เรื่องราวทุกอย่างในยุทธภพเลยรึไง!”
“ฟิ้ว!”
“ฟิ้ว!”
ในเวลานั้น จากทั่วสารทิศ ริ้วแสงที่พุ่งมาอย่างรวดเร็ว.
จากในโรงแรมที่พักก็มีสองคน พวกเขาที่เหมือนกับผู้ฝึกยุทธ์ไร้สังกัด ทว่าเวลานี้แผ่ปราณมารออกมา พบว่าที่หน้าอกของพวกเขานั้นมีสัญลักษณ์จันทร์เสี้ยวด้วย.
ใช่แล้ว.
พวกเขาคือคนของวังจางเยว่!
กลุ่มอิทธิพลที่ซ่อนตัวต่อต้านโถงพิภพนั้น ผลุบ ๆ โผล่ ๆ ไม่แสดงตนออกมาง่าย ๆ หากไม่มีเรื่องหนักหนาก็ไม่มีทางที่จะเห็นพวกเขา.
“หึ หึ.”
กู่เจ้าซีที่เผยท่าทางประหลาดใจ “ในเมืองแห่งนี้มีคนของวังจางเยว่ซ่อนตัวอยู่มากขนาดนี้เลย.”
เดี๋ยวนะ!
คนหนึ่งร้อยคน คาดไม่ถึงว่า 20 คนจะดูคุ้นเป็นอย่างมาก.
“ซิซู!”
หลี่ชิงหยางเอ่ยด้วยความตกใจ “พวกเขาคือคนที่ท่านชนแล้วรีดไถ่!”
คนเหล่านี้เป็นคนของวังจางเยว่ ที่ถูกเขาชนแล้วรีดไถ ยกตัวอย่างเจ้าสองคนที่มีเพียงพันศิลาเสวียน แม้กระทั่ง....เจ้าเด็กกินลูกกวาดนั่นอีก.
แน่นอน.
เมื่อวานนี้พวกเขามองดูอ่อนแอเป็นอย่างมาก.
ในเวลานี้หลังจากเผยสถานะ ท่าทางแต่ละคนกับดูเปี่ยมล้นด้วยจิตสังหาร พลังต่ำสุดคือสะบั้นมิติขั้นกลาง.
จากที่เห็น กล่าวได้ว่าพวกเขามีทักษะการแสดงที่ร้ายกาจยิ่งนัก.
“......”
กู่เจ้าซีที่กวาดตามอง พร้อมกับร้องโอดโอย “เฮ้ย พวกมันทั้งหมด คือคนที่ข้าชนแล้วไถมานี่นา เป็นคนวังจางเยว่หมดเลยเหรอ?”
“ฟิ้ว!”
“ฟิ้ว!”
พริบตาเดียวที่อีกฝ่ายส่งสัญญาณขึ้นท้องฟ้า จุนซ่างเซียวก็ถูกคนในเมืองกว่าร้อยคนเข้าล้อมกรอบ นอกจากนี้จากนอกเมืองยังมีอีกหลายคนที่กำลังเดินทางมา.
จิตสังหารที่มากล้น ถูกปล่อยออกมาโดยไม่มีกัก!
“หึ หึ.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นงานใหญ่เช่นนี้.”
“พี่ชาย.”
กู่เจ้าซีที่สงบใจลง ส่งเสียงผ่านวิญญาณ “คนของวังจางเยว่นั้นมีทักษะที่แปลกประหลาด ไม่เป็นการฉลาดที่จะปะทะพวกเขา พวกเราถอยกันก่อนอีกกว่า.”
เพียงแค่คนไม่กี่ร้อยในเมืองไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาต้องกังวล ทว่ากำลังเสริมของฝ่ายตรงข้ามที่กำลังมาไม่หยุด เกรงว่าคงมีหลายพันคน หากพวกเขาใช้ค่ายกลปิดล้อม สถานการณ์คงจะไม่ดีนัก.
“ตกลง.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “พวกเราถอยก่อน!”
ในเมื่อจับคนได้แล้ว ก็ไม่สนใจที่จะต่อสู้ เพียงแค่เจ้าสาขาคนเดียวก็เกินพอ จากนั้นก็เพียงแค่บังคับให้อีกฝ่ายเผยที่ตั้งดินแดนโม่หวังก็พอแล้ว.
น่าเสียดาย!
ดูเหมือนว่าจะสายไปแล้ว!
เพราะว่าที่ด้านนอกเมืองโม่หยวน ริ้วแสงที่ปรากฏขึ้นมาจากทั่วสารทิศ พวกเขาที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า แววตาเย็นชามืดครึ้ม สวมชุดคลุมสีดำ.
“ฟู่ ฟู่!”
“ฟู่ ฟู่ ซูมมมมม!”
พริบตานั้นปราณมารที่มากล้นแผ่จากสี่ทิศทางก็ปรากฏออกมาปกคลุมไปทั่วเมืองทันที จากนั้นพื้นที่รอบ ๆ ที่กลายเป็นมืดลงทันที.
“พี่ชาย!”
กู่เจ้าซีที่ขมวดคิ้วแน่น พร้อมกับส่งเสียงผ่านวิญญาณ “พวกเขามีระดับเก้าแกน!”
“......”
จุนซ่างเซียวที่ลอบคิดในใจ”สมแล้วเป็นองค์กรที่ต่อต้านโถงพิภพมาหลายหมื่นปี ถึงได้มียอดฝีมือระดับหมุนแกนจำนวนมากเช่นนี้.
กลุ่มคนชุดดำที่ล้อมกรอบก่อนหน้านี้ไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก ไม่ใช่คู่มือของโกวเซิ่งและกู่เจ้าซี ทว่าสี่คนที่มีระดับเก้าแกน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเสียเปรียบขึ้นมาทันที.
“พี่ชาย ทำอย่างไรดี?”
กู่เจ้าซีที่หวาดหวั่นเล็กน้อย เขาไม่ได้ใส่ใจกับตัวเอง แต่เป็นห่วงจุนซ่างเซียวและศิษย์อาจจะไม่สามารถหนีจากที่นี่ไปได้.
“ฟิ้ว!”
โกวเซ่งที่โบกมือ พร้อมกับนำดาบหนานโชวที่มีขนาดเท่ากับมีดปลอกผลไม้ออกมา “ไม่มีทางเลือก คงมีแต่ต้องสังหารเท่านั้น.”
เขาไม่เร่งรีบ เพราะว่าตอนนี้ดูเหมือนจะถูกล้อมแล้ว หากสถานการณ์ไม่ดี เพียงแค่บดยันต์เปิดผนึก ก็ไล่ล่าสังหารคนเหล่านี้ซะ!
นอกจากนี้ หลังจากได้ศิลาวิวัฒนาการจุนซ่างเซียวก็ยังไม่ยกระดับ เพราะว่าเขายังต้องการทดสอบรูปแบบที่สามว่าจะใช้ในพิภพเบื้องบนหรือไม่?ในเมื่อมีคนให้มาลองมากมาย นี่ละเป็นโอกาสอันดี!
“หากไม่ได้ผลล่ะ?”ระบบเอ่ย.
“ไม่เป็นไร.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ข้ายังมียันต์ปกปิดร่องรอยและยังมียันต์ควบคุมการบิน ของขวัญมือใหม่ให้ใช้อยู่.”
“......”
ระบบที่กลายเป็นเงียบ.
ฟิ้ว!
ฟิ้ว!
ฟิ้ว!
คนของวังจางเยว่ที่มามากขึ้นและก็มาขึ้น บางคนก็บินมาด้วยตัวเอง บางคนก็บินโดยใช้ของวิเศษ ตอนนี้จำนวนจากหลายร้อยกลายเป็นหลายพัน กลิ่นอายมารที่มากล้นอบอวลไปทั่วเมือง จนทำให้สิ่งก่อสร้างภายในเมืองสั่นส่ายไปมาแล้ว.
เพราะข่าวเกี่ยวกับเขตแดนโม่หยวนเปิดขึ้น แน่นอนว่าพวกเขาย่อมมารวมตัวกันอยู่แล้ว แต่ใครจะคิดว่ายังไม่ได้เข้าไปด้านใน ก็ต้องเผยตัวออกมาแล้ว.
“มาให้มากกว่านี้.”
จุนซ่างเซียวที่ถือดาบหนานโชวที่ยังไม่ปลดปล่อยเอาไว้ พลางลอบคิดในใจ“จะได้ตายไปพร้อมกันเป็นฝูงทีเดียวเลย.”