Chapter 1454 แดนโม่หยวนปรากฏ
“ปรากฏการณ์ธรรมชาติ สุดยอดของวิเศษกำเนิดอย่างงั้นรึ?”
จุนซ่างเซียวภายในนิกายนิรันดร แววตาของเขาที่จ้องมองเขม็งไปยังท้องฟ้าตะวันตก พบว่าแท้จริงแล้วมันเป็นหลุมน้ำวนขนาดใหญ่ แววตาของเขาที่เป็นประกายขึ้นมา.
เป็นไปได้ว่านี่เป็นสถานที่เข้าไปค้นหาสมบัติ.
“พี่ชาย.”
กู่เจ้าซีเอ่ย “ไม่ใช่สมบัติกำเนิดแต่อย่างใด แต่เป็นเขตแดนโม่หยวนเปิดแล้ว.”
“เขตแดนโม่หยวนอย่างงั้นรึ?”
จุนซ่างเซียวที่กลายเป็นงงงวย.
กู่เจ้าซีอธิบาย “หนึ่งแสนปีที่แล้ว บรรพชนมารเผ่าโม่หวังร่วงหล่นจากสวรรค์ ได้ใช้ทักษะเทวะสร้างมิติแยกขึ้นมา และได้รวบรวมสมบัติทุกอย่างที่ตัวเองสะสมเอาไว้ตลอดชีวิตใส่เอาไว้ในนั้น มันถูกเรียกว่าเขตแดนโม่หยวน(ลิขิตมาร).”
“......”
จุนซ่างเซียวนึกขึ้นมาได้เช่นกัน ราชันย์มารในพิภพเบื้องล่างได้สร้างหุบเขาโม่เหรินเอาไว้แก่ผู้สืบทอด ดังนั้นเขาที่ลอบคิดในใจ“ก่อนที่คนวิถีมารจะตายไป ดูเหมือนว่าจะซ่อนสิ่งของที่ตัวเองเก็บเอาไว้ แล้วเปิดโอกาสให้เหล่าผู้เยาว์ไปแสวงหาอย่างงั้นรึ?”
กู่เจ้าซีเอ่ย “ทุก ๆ ร้อยปี เขตแดนโม่หยวนก็จะเปิดออก และได้ถึงดูดเหล่าผู้ฝึกยุทธ์มากมายเข้าไปตกตาย.”
“ล่อเข้าไปตายอย่างงั้นรึ?”
“เกี่ยวกับสิ่งที่โถงพิภพประกาศสู่สาธารณะชน เหล่าชาวยุทธ์ที่ออกมาได้นั้นมีน้อยมาก ดังนั้นสถานที่ดังกล่าวจึงถูกเรียกว่าสระมาร.”
“คนที่รอดกลับมา หลังจากนั้นก็เติบโตยกระดับอย่างรวดเร็วอย่างงั้นรึ?”
“ไม่.”
กู่เจ้าซีเอย “หลังจากนั้นก็ตกตายอย่างอนาถ ไม่ตายก็เสียสติไป.”
จุนซ่างเซียวถึงกับพูดไม่ออก “หมายความว่าอย่างไร?”
“ข้าได้ยินมาว่า ภายในเขตแดนโม่หยวนนั้นมีเจตจำนงของบรรพชนมาร หากสามารถได้รับการสืบทอด ก็จะสามารถได้รับพลังของเผ่าโม่หวัง สามารถบัญชาผู้ฝึกยุทธ์มารทั้งโลกได้.”กู่เจ้าซีเอ่ย.
“งั้นรึ?”
จุนซ่างเซียวที่เผยท่าทางสนใจขึ้นมาทันที.
“แน่นอน.”
กู่เจ้าซีเอ่ย “ข้าได้ยินมาอีกเรื่อง ในเขตแดนโม่หยวนนั้น บรรพชนมารสถิตอยู่ กำลังรอการคืนชีพกลับมา.”
“คนตายคืนชีพได้ด้วยรึ?”
หากเป็นจุนซ่างเซียวก่อนหน้าต้องประหลาดใจเป็นอย่างมาก ทว่าในเวลานี้ มีเรื่องมากมายเกิดขึ้น โลกใบนี้ไม่ค่อยจะเป็นวิทยาศาสตร์เท่าไหร่ การที่มีคนตายสามารถคืนชีพกลับมาได้นั้นก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน.
กู่เจ้าซีเอ่ย “พี่ชาย ข้าได้ยินมาว่าบรรพชนมารเผ่าโม่หวังนั้นได้ก้าวไปถึงวิวัฒนาการที่สาม การคืนชีพก็มีความเป็นไปได้.”
จุนซ่างเซียวที่เอ่ยออกมาด้วยความตกใจ“ร้ายกาจเล็กน้อยแฮะ.”
ที่เรียกว่าวิวัฒนาการที่สามคือพลังอาณาจักรสวรรค์ลึกล้ำ คือพลังบ่มเพาะขั้นสุดท้ายในพิภพเบื้องบน เมื่อก้าวไปถึงระดับนี้ ก็จะสามารถยืนอยู่เหนือความเป็นความตาย ไม่อยู่ในการควบคุมของวิถีสวรรค์.
“ไม่ใช่สิ.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ในเมื่อก้าวเข้าสู่วิวัฒนาการที่สามแล้ว ทำไมถึงถูกจัดการล่ะ?”
“เพราะว่าสิบนิกายเซียนนั้นก็มียอดฝีมือระดับสวรรค์ลึกล้ำอยู่เช่นกัน.”กู่เจ้าซีเอ่ย.
“อืม.”
จุนซ่างเซียวที่สอบถามออกไปอีก “แล้วสิบนิกายระดับเซียนจะปล่อยให้เขตแดนโม่หยวนเปิด รอให้บรรพชนมารคืนชีพเงียบ ๆ อย่างงั้นรึ?”
“ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยสงสัย หลังจากนั้นจึงรู้ว่า เขตแดนโม่หยวนที่บรรพชนมารสร้างขึ้นมานั้น ใช้แก่นพลังของพิภพเบื้องบน หากใช้พลังทำลายก็จะสะเทือนรากฐานของโลกนี้ ดังนั้นสิบนิกายระดับเซียนจึงไม่กล้ากระทำอะไร.”กู่เจ้าซีเอ่ย.
“เย็ดเข้.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “เป็นคนที่ร้ายกาจจริง ๆ!”
“ว่าแต่ น้องชาย เจ้ารู้เกี่ยวกับเผ่าโม่หวังจากที่ใหนอย่างงั้นรึ?”
“จากนักเล่าเรื่อง.”
“......”
ที่มุมปากของจุนซ่างเซียวยกขึ้น พร้อมเอ่ยออกมาว่า“ข้อมูลที่เจ้าได้มานั้น เชื่อถือได้อย่างงั้นรึ?!”
“พี่ชาย.”
กู่เจ้าซีเอ่ย “ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ได้ถามรึว่า วังจางเยว่อยู่ที่ใหน ตอนนี้ข้าบอกได้อย่างมั่นใจ ว่ากลุ่มอิทธิพลดังกล่าวจะต้องไปยังเขตแดนโม่หยวนแน่!”
“โอ้ว?”
จุนซ่างเซียวที่ดวงตาเป็นประกาย.
เหยาเมิ่งหยิงที่มีอาการผิดปรกติ ทำให้เขาบอกได้ว่า พลังงานภายในร่างของนางนั้นไม่เสถียร เพื่อความปลอดภัยของศิษย์ เขาจึงต้องหาวิธีแก้ไขให้เร็วที่สุด.
วังจางเยว่น่าจะเป็นหนึ่งสาขาของเผ่าโม่หวัง จะต้องรู้เกี่ยวกับตำแหน่งของดินแดนโม่หวังแน่ ดังนั้นเขาจึงต้องไปสอบถาม.
“ไป.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “พวกเราไปยังดินแดนโม่หยวน!”
ระบบหมดคำจะพูด “ใหนบอกว่าจะอยู่อย่างพอเพียงไง ท้ายที่สุดก็ทนไม่ไหว ไม่รู้ว่าเจิ้นเหรินตงกู่จะกลายเป็นแพะอีกหรือไม่?”
“พวกเราไปไม่ได้.”
“ทำไม?”
“พวกเราไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์มาร.”
“......”
“หากมีผู้ฝึกยุทธ์มารสายโลหิตบริสุทธ์ ควรจะแฝงตัวเข้าไปได้นะ.”
“เจ้านิกาย.”
ในเวลานั้น เหยาเมิ่งหยิงที่ก้าวออกมาจากเขตแดนลับกาลอวกาศ จ้องมองไปยังหลุมน้ำวนรูปดอกเบญจมาศ เอ่ยออกมาว่า“ศิษย์ต้องการไปดูที่นั่น.”
จุนซ่างเซียวที่ครุ่นคิด “ตกลง!”
......
“ฟู่ ฟู่!”
“ฟู่ ฟู่ ซูมมมมม!”
บนเมฆครึ้มที่มารวมตัวกันเป็นหลุมน้ำวน กำลังหมุนวนช้า ๆ ปราณมารที่แผ่ออกไปรอบ ๆ ชี้นำเหล่าผู้ฝึกยุทธ์มาร.
ภายในแท่นบูชาที่มืดมิด.
ชายชราในชุดสีดำ ดวงตาที่เต็มไปด้วยเส้นโลหิตจากหนึ่งในสี่ทิศทาง เอ่ยออกมาว่า“เปิดเขตแดนโม่หยวน บางทีครั้งนี้อาจจะคืนชีพบรรพชนของพวกเราได้!”
ใครบางคนที่เอ่ยด้วยความกังวล “เกรงว่าโถงพิภพจะไม่ยอมง่าย ๆ.”
“ชิ.”
อีกคนที่กล่าวหยัน “ที่ตั้งแห่งนี้เชื่อมต่อกับต้นกำเนิดพิภพเบื้องบน หากพวกเขาไม่ระวังอาจจะเป็นผู้ร้ายทำลายคนบริสุทธิ์จำนวนมหาศาล และยังเป็นการช่วยให้บรรพชนของพวกเราปรากฏตัวเร็วขึ้นด้วย!”
“ใช่แล้ว.”
“ร่างต้นกำเนิดมาร ยังหาไม่เจออีกรึ?”
“กำลังหาอยู่.”
“ข้าได้สั่งการไปแล้ว คนที่เข้ามายังเขตแดนโม่หยวน จะต้องมีสักคนแน่.”
“ใช่!”
......
เมฆดำที่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ปราณมารที่แผ่ออกไปรอบ ๆ ทำให้พื้นที่รอบ ๆ นั้นกลายเป็นมืดครึ้มเย็นยะเยือบ.
เหล่านิกายต่าง ๆ ที่แจ้งเตือนคนของตัวเอง ทุกครั้งที่เขตแดนโม่หยวนเปิด ก็เท่ากับเป็นงานชุมนุมใหญ่ของผู้ฝึกยุทธ์มาร ทุกคนจะต้องหลีกเลี่ยงพื้นที่ดังกล่าว.
โถงพิภพที่ส่งยอดฝีมือออกไปเป็นจำนวนมาก คอยเฝ้ามองเหล่าผู้ฝึกยุทธ์มารเคลื่อนไหว เกรงว่าจะมีใครในพวกเขาสร้างปัญหา.
เขตแดนลับโม่หยวนสร้างขึ้นโดยบรรพชนมาร แม้นว่าจะเหมาะสำหรับผู้ฝึกยุทธ์วิถีมาร ทว่าก็เป็นที่สนใจต่อผู้ฝึกยุทธ์ไร้สังกัดให้เข้าไปแสวงหาเรื่องสนุกเช่นกัน เหมือนกับเมื่อครั้งอดีต เวลานี้กลายเป็นเรื่องที่ผู้คนพูดถึงไปทั่วทั้งโลก.
......
เมืองโม่หยวน.
นับจากเกิดปรากฏการเมื่อเร็ว ๆ นี้.
สถานที่แห่งนี้เป็นเมืองธรรมดาทั่วไป ทว่าเมื่อแสนปีที่แล้วบรรพชนมารได้ใช้ทักษะเทวะสร้างมิติแยกขึ้นมาที่นี่ ทำให้มันกลายเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ของผู้ฝึกยุทธ์มาร และเมืองแห่งนี้ก็เปลี่ยนชื่อเป็นเมืองโม่หยวน.
เมืองโม่หยวนแห่งนี้ 80% เป็นผู้ฝึกยุทธ์มาร.
ธุรกิจต่าง ๆ ล้วนแต่เป็นของผู้ฝึกยุทธ์มาร สิ่งของวัสดุสินค้าทุกอย่างแม้แต่ตำราก็เกี่ยวข้องกับวิถีมารทั้งนั้น.
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์มาร ค่อนข้างโมโหร้าย เพียงแค่มองหน้ากัน ก็สามารถเข้าต่อสู้เอาชีวิตกันได้แล้ว.
ในเวลานั้นที่ถนนใหญ่ เหล่าผู้ฝึกยุทธ์มารได้ต่อสู้กัน โดยมีคนมุงที่คอยปรบมือส่งเสียงเชียร์.
“เจ้านิกาย.”
หลี่ชิงหยางที่ส่งเสียงผ่านวิญญาณ เอ่ยออกมาว่า“เมืองโม่หยวนค่อนข้างวุ่นวาย.”
“เป็นเรื่องทั่วไป.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “อย่าลืมว่าพวกเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มาร.”
ปรากฏการที่เกิดขึ้นเมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว พวกเขาก็นำคนมายังเมืองโม่หยวนแห่งนี้.
เพื่อนร่วมทางครั้งนี้มีกู่เจ้าซี และเหล่าศิษย์หลัก หลี่ชิงหยาง ซูเซียวโม่ เซียวจุ้ยจื่อ เย่ซิงเฉินและเหออู๋ตี้.
แน่นอน.
เหยาเมิ่งหยิงด้วย.
นี่คือศิษย์หญิงเล็กของพวกเขา เหล่าศิษย์พี่ที่คอยปกป้องดูแลเป็นอย่างดี.
“พี่ชาย.”
กู่เจ้าซีเอ่ย “เขตแดนโม่หยวนยังต้องรอเวลาอีกหน่อยถึงจะเปิดให้เข้า พวกเราไปหาที่พักกันก่อน.”
จุนซ่างเซียวพยักหน้า ก่อนนำคนของเขาตรงไปยังถนนด้านหน้า ทว่ากับถูกผู้ฝึกยุทธ์ร่างใหญ่ที่ดูแข็งแกร่งสองสามคนขวางทางอยู่เอ่ยออกมาว่า“สถานที่แห่งนี่ปิดแล้ว พวกเจ้าจะรีบไสหัวไป.”
“ตูมมมมม!”
ในเวลาต่อมา เกิดระเบิดเสียงดังกึกก้อง.
เห็นเพียงชายร่างใหญ่สองสามคนลอยกระเด็นออกไป ล่วงห่างไกลออกไปหนึ่งร้อยจั้ง พร้อมกับกุมท้องด้วยความเจ็บปวด.
“ฟู่ ฟู่!”
กู่เจ้าซีที่ชักหมัดกลับ ดวงตาเต็มไปด้วยความเย็นชา“จำเอาไว้ จะพูดกับพี่ชายของข้า จะต้องสุภาพให้มาก!”
“......”
จุนซ่างเซียวที่มุมปากกระตุก แทบทรุดกับที่ กล่าวในใจ“เจ้านี่ทักษะเรียกปัญหาดีกว่าข้าอีก!”