Chapter 1453 แสงเจ็ดสีทำลายล้างที่แข็งแกร่งขึ้น
นิกายนิรันดร ยอดเขากระดูกมังกร.
กู่เจ้าซีที่นั่งสมาธิอยู่บนเตียง ใบหน้ากลายเป็นจริงจังเล็กน้อย.
ภายในใจของเขาที่สั่นไหวเล็กน้อย กับการฝึกฝนวิชาครั้งแรก.
ในเวลานี้ ที่ด้านข้างของเขามีวิชามากมาย แสงเจ็ดสีทำลายล้าง พระสูตรหัวใจรุ่งโรจน์ ฝ่ามือข้ามสวรรค์ และวิชาแยกเงาพันร่าง.
ระหว่างนั้น เพราะว่าเขาได้ช่วยศิษย์ผ่านภารกิจ มีโอกาสได้สัมผัสกับทักษะของนิกาย ตอนนี้จุนซ่างเซียวที่ตัดผ่านระดับ เวลานี้มีการคัดเลือกภารกิจให้เหมาะสมกับศิษย์อย่างเข้มงวด ทำให้เขาว่างไม่ต้องออกไปคุ้มกัน.
“ลองดูเล่น ๆ ก็แล้วกัน.”
กู่เจ้าซีที่หลับตา เลือกแสงเจ็ดสีทำล้ายล้าง.
“คงจะเป็นวิชาธรรมดาทั่วไป”เขาที่เริ่มศึกษาเคล็ดวิชาไปทีละส่วน ก่อนที่จะค่อย ๆ นำมารวมกัน.
“เฮ้ย!”
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม กู่เจ้าซีที่ตื่นตะลึงตกใจ “วิชานี่มันร้ายกาจเล็กน้อยแฮะ!”
ไม่กี่วันหลังจากนั้น.
เขาที่ศึกษาวิชาแสงเจ็ดสีทั้งเจ็ดส่วนสมบูรณ์ ก่อนที่จะไปยังยอดเขาเพื่อทดสอบ ในเวลานั้นริ้วแสงเจ็ดสีที่ผสานพุ่งตรงไปยังภูเขา เกิดระเบิดเสียงดังสนั่นส่องแสงสว่างเจิดจ้าปกคลุมพื้นที่รอบ ๆ.
“หืม?”
หลี่ชิงหยางและคนอื่น ๆ ที่เงยหน้าขึ้นมอง เห็นริ้วแสงที่ตัดข้ามท้องฟ้า เอ่ยออกมาด้วยความตกใจ“นี่คือวิชาแสงเจ็ดสีทำลายล้างอย่างงั้นรึ?”
ทักษะนี้ คือทักษะที่พวกเขาฝึกจากพิภพเบื้องล่าง ทว่าเมื่อขึ้นมายังพิภพเบื้องบน นาน ๆ จะใช้ที เพราะว่ามีฝ่ามือข้ามสวรรค์ให้ใช้แล้วนั่นเอง.
ทว่า เมื่อพวกเขาเห็นซิซูใช้ทักษะดังกล่าวเวลานี้แล้ว คาดไม่ถึงว่ามันจะทรงพลังขนาดนี้!
“น้องชาย.”
จุนซ่างเซียวที่ก้าวเข้าไปหา เอ่ยด้วยท่าทางประหลาดใจ“ทักษะดังกล่าวที่ใช้โดยเจ้า ทรงพลังขนาดนี้เลยรึ?”
“ข้ายังไม่เข้าใจทักษะนี้ได้มากมายนัก ทรงพลังแล้วอย่างงั้นรึ?”กู่เจ้าซีเอ่ย.
จุนซ่างเซียวเอ่ย “วิชาแสงเจ็ดสีทำลายล้างนั้นเป็นวิชาที่บรรพบุรุษนิกายนิรันดรทิ้งเอาไว้ ตอนนี้มาอยู่ในมือของน้องชายกับทรงพลังขนาดนี้ นี่คือพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง!”
“พี่ชาย อย่าล้อข้า.”
กู่เจ้าซีเอ่ย “เจ้าน่าจะใช้ได้ดีกว่าข้า.”
“......”
จุนซ่างเซียวที่ส่ายหน้าไปมา พร้อมกับเรียกใช้แสงเจ็ดสีทำลายล้าง ลำแสงที่สว่างจ้า รัศมีแสงสีทั้งเจ็ดปรากฏขึ้น ส่องสว่างเจิดจรัสเป็นอย่างมาก ทำให้เขาเผยท่าทางไม่อยากเชื่อออกมาทันที.
เขาในเวลานี้ สัมผัสได้ว่าลำแสงที่รวมตัวกันขึ้นมานั้น ดูเปลี่ยนไปแตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง!
ไม่ใช่สิ!
หลายปีมานี้เขาไม่ได้ฝึกวิชาแสงเจ็ดสีทำลายล้างเลย ทำไมลำแสงถึงได้แข็งแกร่งขึ้นกัน?
หรือเพราะว่าพลังบ่มเพาะเพิ่มขึ้นอย่างงั้นรึ?
“เดี๋ยวก่อนนะ!”
จุนซ่างเซียวที่พบเข้าในทันที แกนพลังของเขาที่สั่นพ้องกับลำแสงที่รวบรวมมา ดูเหมือนว่าเพราะพลังด้านในกลายเป็นจิตวิญญาณแท้ทำให้สามารถคงสภาพและยกระดับพลังเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด เขาที่เผยท่าทางตกใจ“ก่อนหน้านี้ไม่ได้เป็นแบบนี้!”
“ฟิ้ว!”
เขาที่ชี้นิ้วออกไป ลำแสงที่ยิงออกไปทันที.
“ตูมมมมม!”
ยอดเขาที่ห่างออกไประเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว.
“รู้แล้ว.”
จุนซ่างเซียวที่ราวกับจะเข้าใจทันที“วิชาแสงเจ็ดสีทำลายล้างแข็งแกร่งขึ้น ขึ้นอยู่กับคุณภาพของพลังด้วย!”
จุดนี้ เหออู๋ตี้รู้มานานแล้ว เห็นเจ้านิกายและกู่เจ้าซีแสดงออกมา ไม่ได้ทำให้เขาตื่นตกใจแต่อย่างใด แม้แต่ลอบคิดในใจ“ควรค่ากับวิชาที่อาวุโสปราชญ์จ้าวเจ็ดสร้างขึ้นมา.”
ทักษะระดับสูงนั้นยากที่จะแสดงพลังในพิภพเบื้องล่าง ทว่าหากใช้แกนพลังที่เหมาะสมใช้พลังวิญญาณแท้เมื่อใช้แสงเจ็ดสีทำลายล้าง พลังทำลายล้างก็จะแตกต่างโดยชัดเจน.
ดังนั้น.
พลังของแต่คนย่อมแสดงออกมาได้ไม่เหมือนกัน.
......
หลังจากทดสอบแสงเจ็ดสีทำลายล้างจนหนำใจแล้ว จุนซ่างเซียวก็กลับห้องหนังสือ พร้อมกับนำเคล็ดวิชาทั้งเจ็ดออกมา.
นี่คือต้นฉบับนั่นเอง.
ศิษย์และกู่เจ้าซีนั้นบ่มเพาะฉบับคัดลอก.
ฉบับจริงและคัดลอกนั้นแตกต่างกันชัดเจน เพราะฉบับจริงมีพลังที่ลึกล้ำหมุนวนอยู่นั่นเอง.
ก่อนหน้านี้จุนซ่างเซียวที่ได้รับมา เพราะพลังของเขาต่ำจนเกินไป จึงไม่สามารถตรวจสอบความลึกล้ำได้ ตอนนี้รับรู้พลังของมันแล้ว ดังนั้นจึงวางแผนที่จะศึกษาอีกครั้ง ผลสุดท้าย...กับไม่เข้าใจเช่นเดิม.
“ไม่ได้การ ไม่ได้การ.”
“พลังในเคล็ดวิชานี้ลึกล้ำจนเกินไป จะต้องหาใครสักคนเพื่อสอบถาม!”
คนที่เข้าใจวิชาแสงเจ็ดสีทำลายล้างในเวลานี้คงจะเป็นเหออู๋ตี้ ทว่าโกวเซิ่งไม่รู้ ทว่าส่วนที่สองนั้นขโมยมาจากหัวเหม่ยกุ้ย ดังนั้นเขาจึงได้ตรงไปยังที่พักอีกฝ่าย“เคล็ดวิชาแสงเจ็ดสีทำลายล้างมีอะไรซ่อนอยู่ด้านในรึ?”
“ข้าก็ไม่รู้.”
“แล้วเจ้าได้มาอย่างไร?”
“ขณะรุกรานพิภพคนอื่น ข้าบังเอิญได้มา.”
“......”
จากนั้นจุนซ่างเซียวก็ไปพบกับยักษ์ดำและยักษ์ขาวเพื่อสอบถามเรื่องคัมภีร์แสงเจ็ดสีทำลายล้าง ท้ายที่สุดก็ไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย.
กล่าวตามจริง เขารู้สึกว่าเคล็ดวิชานั้นมีความลึกล้ำซ่อนอยู่ ทว่าก็ไม่สามารถที่จะถอดความลับออกมาได้.
“ลึกล้ำ.”
“ไม่ธรรมดา.”
จุนซ่างเซียวที่ที่จับจ้องมองเคล็ดลับวิชาแสงเจ็ดสีทำลายล้าง พลางครุ่นคิด “หวังว่าสักวัน จะสามารถพบความลับที่ยิ่งใหญ่ได้นะ.”
......
หลังจากพบว่าแสงเจ็ดสีทำลายล้างทรงพลังมากกว่าเดิม จุนซ่างเซียวก็สั่งให้ศิษย์ของตัวเอง ฝึกฝนยกระดับไม่ให้หยุด กล่าวได้ว่าหลังจากรวมจิตวิญญาณแท้ได้ วิชานี้จะทรงพลังเป็นอย่างมาก.
“เจ้านิกาย.”
วันหนึ่ง หลิวหว่านซีที่เข้ามาหา เอ่ยออกมาว่า“เมิ่งหยิงหลายวันมานี้ดูแปลกไป.”
“แปลกอย่างไร?”
“เวลาหลับก็จะบ่นพึมพำ เอ่ยว่า ตราบเท่าที่ฟ้าดินยังไม่สิ้น วิถีมารจะคงอยู่ตลอดกาล.”
จุนซ่างเซียวที่ขมวดคิ้วไปมาทันที เขาจำได้เมื่อครั้งบ่มเพาะในเขตแดนลับกลางอากาศ ที่ด้านหลังของนางนั้นมีเงายักษ์ปรากฏขึ้นและบ่นพึมพำคำพูดดังกล่าว.
หลิวหว่านซีที่เผยท่าทางเป็นกังวล“หรือว่านางจะธาตุไฟเข้าแทรก?”
“อย่าเดาสุ่ม.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “เปิ่นจั้วจะไปดูเอง.”
จากนั้น พวกเขาก็ไปยังเขตแดนลับกาลอากาศ เมื่อไปถึงพบว่าเหยาเมิ่งหยิงที่นั่งสมาธิอยู่นั้น ร่างกายของนางมีปราณมารมากมายปกคลุม จากนั้นก็รวมตัวกันเป็นเงายักษ์ และยังได้ยินเสียงสวด “ฟ้าดินไม่สิ้น วิถีมารคงอยู่ตลอดกาล....”
“ปัง!”
หมัดของจุนซ่างเซียวต่อยไปยังเงาดังกล่าว แตกสลายไปในทันที พร้อมกับตะโกนเสียงดัง“จงรีบไปจากร่างของศิษย์เปิ่นจั้วซะ!”
“เจ้านิกาย!”
เหยาเมิ่งหยิงที่ลืมตาขึ้น แววตาที่หนักแน่น “ข้าต้องการไปยังเขตแดนลับโม่หวัง!”
“ทำไม?”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
“เพราะว่า......”
เหยาเมิ่งหยิงที่หยุดชั่วขณะ เอ่ยออกมาว่า“ข้ารู้สึกว่ามีพลังที่มองไม่เห็นเรียกข้าอยู่.”
“เผ่าโม่หวังถูกทำลาย ตอนนี้ยังเหลืออยู่อีกรึ?”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
“ยังอยู่.”
กู่เจ้าซีเอ่ย.
จุนซ่างเซียวที่จ้องมองไปยังอีกฝ่าย เอ่ยด้วยความตกใจ“เข้ามาเมื่อไหร่?”
“เพิ่งเข้ามา.”
กู่เจ้าซีจ้องมองไปยังเหยาเมิ่งหยิง เอ่ยออกมาอย่างจริงจัง “พี่ชาย ข้าพบว่าศิษย์ของเจ้าผิดปรกติเล็กน้อย หากข้าเดาไม่ผิด นางน่าจะมีสายโลหิตของเผ่าโม่หวัง.”
ระบบแทบทรุด “อ้าว เฮ้ยเจ้านี่ไม่ได้โง่หรอกรึ? ทำไมตอนนี้ถึงเปลี่ยนเป็นคนละคนได้.”
“เผ่าโม่หวัง แม้นว่าจะถูกทำลายล้าง ทว่าเขตแดนลับของพวกเขายังคงอยู่ หากนางสามารถปลุกสายโลหิตได้ พลังของนางจะเพิ่มขึ้นมหาศาล.”กู่เจ้าซีเอ่ย.
จุนซ่างเซียวเอ่ย “แล้วเขตแดนลับโม่หวังอยู่ที่ใหน?”
“ในอดีตนั้นยอดฝีมือของสิบนิกายระดับเซียน ได้ใช้ทักษะเทวะผนึกเขตแดนโม่หวังเอาไว้ สำหรับตำแหน่งที่ตั้งนอกจากพวกเขาก็ไม่มีใครรู้.”กู่เจ้าซีเอ่ย.
“......”
จุนซ่างเซียวที่เหลือกตามองบน.“ก็เท่ากับไม่รู้เลยนินา.”
“.”
กู่เจ้าซีเอ่ย “มีองค์กรลับแห่งหนึ่ง น่าจะรู้ว่าเขตแดนโม่หวังถูกผนึกไว้ที่ใหน.”
“องค์กรใหน?”
“วังจางเยว่!”
“กลุ่มอิทธิพลลับที่ต่อสู้กับโถงพิภพมาเป็นเวลานานนะรึ?”
“ไม่ผิด.”
“พวกเขาอยู่ที่ใหน.”
“ไม่รู้.”
“......”
“เจ้านิกาย!”
ในเวลานั้น เสียงของหลี่ชิงหยางดังขึ้นในหูของเขา“รีบออกมาดูอะไรนี่เร็วเข้า ท้องฟ้ากำลังเปลี่ยนแปลง!”
จุนซ่างเซียวและกู่เจ้าซีก้าวออกจากเขตแดนลับทันที ก่อนที่จะจ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้าทิศตะวันตก เมฆสีดำที่มืดครึ้มกำลังรวมตัวกัน ก่อรูปเป็นดอกเบญจมาศยักษ์ขึ้น.
“ปรากฏขึ้นแล้ว.”
ที่ด้านนอกถ้ำสวรรค์จื่อเต๋า เจิ้นเหรินตงกู่ที่ยืนจ้องมองปรากฏการณ์ดังกล่าวอยู่ พลางส่ายหน้าไปมา “เจ้านั่นคิดว่าจะฟื้นคืนชีพจริง ๆ รึ?”
“เผ่าโม่หวังถูกทำลายถือว่าเป็นชะตา หากคืนกลับมาอีก ก็ไม่ต่างจากฝ่าฝืนวิถีสวรรค์.”เจิ้นเหรินฉีเยว่เอ่ย.
“ลิขิตมารปรากฏ บางทีอาจจะดึงแมงเม่าให้เข้าสู่กองไฟ.”
“ไม่ให้ศิษย์ของเจ้าเข้าร่วมรึ?”
“เจ้านั่นอ่อนแอเป็นอย่างมาก เจ้าก็รู้ ไม่ใช่ว่าเป็นการให้เขาไปตายหรอกรึ?”