ตอนที่แล้วChapter 1441 นิกายตกเป็นเป้าหมายของผู้มีเจตนาร้าย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 1443 เจ้านี่ค่อนข้างแข็งแกร่ง

Chapter 1442 มีคนมาหาเรื่อง


ศิษย์นิกายนิรันดรยังคงออกไปทำภารกิจกันเป็นปรกติ ทว่าภารกิจที่มีระดับสูงนั้นให้หยุดลงชั่วคราวก่อน.

ด้วยเกรงว่าจะเกิดปัญหาขึ้นอีก

โดยเฉพาะเรื่องที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับราชามารหมอกทมิฬ เขาจะต้องสืบสวนให้เข้าใจแจ่มแจ้งให้เร็วที่สุด!

“แล้วจะสืบอย่างไร?”ระบบเอ่ย.

จุนซ่างเซียวที่กลายเป็นเงียบขึ้นมาทันที.

เรื่องทุกอย่างมันเป็นความลับ เขาจะสืบอย่างไร จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นใครเป็นคนอยู่เบื้องหลัง.

ในเวลาเดียวกันเขาก็นึกถึงชายผมทองที่มีพลังบ่มเพาะเก้าแกน หากไม่ได้ไม้เท้าสายฟ้าที่ชาร์จพลังเต็ม ทำให้เขาบาดเจ็บและหนีไป ก็ไม่รู้ว่าเวลานั้นเขาจะเป็นอย่างไร แต่ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าอีกฝ่ายนั้นจงใจยั่วยุให้เขากับโถงพิภพมีเรื่องกันหรือไม่?

“ทั้งหมดทั้งมวลก็เพราะข้าอ่อนแอเกินไป.”

จุนซ่างเซียวที่กำหมัดแน่น.

ระบบเอ่ย “โฮสน์เพิ่งขึ้นมายังพิภพเบื้องบนสองปีเองนะ ทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป ค่อย ๆ ยกระดับขึ้นทีละน้อย ๆ ไม่เห็นต้องเศร้าใจที่ยังอ่อนแออยู่เลย!”

ปรกติจะสาดน้ำเย็นใส น้อยครั้งนักจะให้กำลังใจ.

“ไม่ผิด.”

จุนซ่างเซียวที่แววตาเป็นประกาย “มันต้องใช้เวลา!”

หากเปลี่ยนเป็นนิกายอื่นที่ขึ้นสู่พิภพเบื้องบน อย่าว่าแต่จะยกระดับอย่างไร จะอยู่รอดยังไงยังแทบจะไม่รู้เลย แต่โกวเซิ่งนั้นยังมีแนวทาง ตอนนี้ขอเพียงมีเวลาในการพัฒนาเท่านั้น.

นิกายของเขานั้นมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่ช่วยยกระดับพลังบ่มเพาะนิกาย ขอเพียงแค่เขาพัฒนานิกายไปอย่างเงียบ ๆ ในสักวันจะต้องสั่นสะเทือนพิภพเบื้องบนได้แน่.

“ข้าจะต้องเริ่มบ่มเพาะเช่นกัน.”

มีเรื่องราวมากมายหลายเรื่องให้จัดการจึงทำให้เขาแทบไม่ว่างเลย ตอนนี้เขากำลังมุ่งมั่นที่จะยกระดับ จากนั้น....เขาได้นำยันต์ประสบการณ์ออกมา.

คนอื่นจะต้องนั่งบำเพ็ญดูดซับพลังไม่หยุดหย่อน ทว่าเขานั้นมีวิถีโกงอยู่นั่นเอง.

“แก๊ก!”

หลังจากที่บดห้ายันต์ประสบการณ์ จุนซ่างเซียวรู้สึกถึงพลังเพิ่มขึ้นไม่น้อย ทว่าก็ยังมีระดับสามแกนเช่นเดิม ยังไม่พอที่จะกระตุ้นภารกิจมหากาพย์แต่อย่างใด.

“ไปบ่มเพาะในเขตแดนลับกาลอากาศก็แล้วกัน.”

เขาที่ก้าวไปยังหลังเขา ตรงไปยังเขตแดนลับกาลอากาศทันที.

ขณะก้าวเข้ามาก็พบเหยาเมิ่งหยิงที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ ทั่วร่างเต็มไปด้วยปราณมืด ดังนั้นจึงได้เผยยิ้มออกมา “ดูดซับปราณมารมามากมาย คงได้รับผลประโยชน์เป็นอย่างมาก.”

“ปัง!”

ในเวลานั้น ราวกับอากาศที่ดำมืดจะระเบิดดังกึกก้อง.

ผมสีดำของเหยาเมิ่งหยิงที่ลอยละล่องชี้ขึ้นไปบนอากาศ หน้าผากมีรูปจันทร์เสี้ยวปรากฏขึ้น แผ่อำนาจของอสุรกายมารโลหิตที่หนักหน่วงออกมา.

“นี่คืออะไร?”จุนซ่างเซียวที่เผยท่าทางประหลาดใจออกมา.

“ฟู่ ฟู่!”

ทั่วร่างของเหยาเมิ่งหยิงที่มีปราณสีดำปรากฏแผ่คลื่นพลังออกเป็นระลอก แม้แต่เห็นเงาที่ใหญ่ยักษ์รวมตัวกันขึ้น ปราณมารที่น่าพรั่นพรึงราวกับกำลังกำเนิดเทพมารจากขุนนรก.

จุนซ่างเซียวที่ดวงตาเบิกกว้างกลมโต.

เพราะว่า ร่างเงาที่ใหญ่ยักษ์นั้นมีรูปจันทร์เสี้ยวบนหน้าผากเหมือนกับเหยาเมิ่งหยิง ทว่ารูปลักษณ์ของมันนั้นเป็นสีแดงชาติ “หากสวรรค์และปฐพียังไม่สิ้น วิถีมารจะคงอยู่ตลอดกาล!”

“สาวน้อย!”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “เจ้าเป็นอะไรหรือไม่?”

คำพูดดังกล่าวที่ดังก้องในหูของเหยาเมิ่งหยิง จากนั้นเปลือกตาของนางที่ส่ายไปมาพร้อมกับลืมขึ้น เอ่ยออกมาด้วยความตกใจ“เจ้านิกาย ท่านเข้ามาได้อย่างไร?”

ในเวลานั้นเงาที่ใหญ่ยักษ์ด้านหลังของนางสลายหายไปอย่างรวดเร็ว ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น.

จุนซ่างเซียวที่เห็นกระบวนการทุกอย่าง ได้แต่ลอบคิดในใจ“มันแปลกไปแล้ว!”

เขารู้ว่าเหยาเมิ่งหยิงได้รับกายาต้นกำเนิดมาร และร่างเงาขนาดใหญ่นั้นน่าเกรงขามและน่าหวาดกลัวนั่นคือพลังของนางอย่างงั้นรึ?!

ฟังจากน้ำเสียงของนางแล้ว ดูเหมือนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ เกี่ยวกับเงาร่างมารที่ใหญ่ยักษ์นั่น.

“หรือว่าศิษย์ของเจ้าจะมีความลับซ่อนอยู่.”ระบบเอ่ย.

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ความลับอะไร?”

“เจ้าถามข้า แล้วข้าจะไปถามใคร!”ระบบที่เอ่ยอย่างหงุดหงิด.

จุนซ่างเซียวที่กลายเป็นครุ่นคิด ลอบคิดในใจ“ฟ้าดินยังไม่สิ้น วิถีมารจะคงอยู่ตลอดกาล ราชันย์ปิมารในอดีต ตอนนี้มาถึงพิภพเบื้องบนแล้ว ทำไมไม่เห็นมีใครเอ่ยถึงเลย?”

......

แท่นบูชาที่ดำมืดแห่งหนึ่ง.

ขณะเหยาเมิ่งหญิงสร้างเงายักษ์ขึ้น ที่ใจกลางบ่อแห่งหนึ่งที่มีน้ำดำเหมือนหมึกกำลังสั่นส่ายไปมา น้ำที่เกิดคลื่นกระฉอกสาดซัดกระแทกกำแพง จนเกิดลวดลายอักขระที่ซับซ้อนขึ้น.

หากจับจ้องมองให้ดี จะพบว่าบนกำแพงนั้นมีลวดลายมากมายสลักเอาไว้อยู่ เพียงแต่สีที่ซีดจางลง เพราะว่ามันอยู่มานานแสนนานแล้ว.

หากจุนซ่างเซียวมาเห็นภาพเครื่องหมายบนกำแพง จะต้องตกใจแน่ เพราะว่ารูปลักษณ์ของมันนั้นเป็นรูปจันทรเสี้ยว เหมือนกับที่ปรากฏขึ้นที่หน้าผากของเหยาเมิ่งหยิงเป็นอย่างมาก เพียงแต่ว่าที่นี่มันมีขนาดใหญ่กว่าเท่านั้นเอง.

ที่รอบ ๆ บ่อ ทิศตะวันออก ตก ใต้และเหนือสีทิศ มีชายชราในชุดดำสี่คนนั่งประจำอยู่ ในเวลานั้นพวกเขาลืมตาขึ้นมาทันที แววตาเมื่อยล้ากลายเป็นประกาย “ร่างต้นกำเนิดมารปรากฏขึ้นแล้ว ใกล้ถึงเวลาที่นายท่านจะตื่นจากนิทราแล้ว!”

......

นิกายนิรันดร.

จุนซ่างเซียวที่เรียกยักษ์ดำและยักษ์ขาวมาพบ “พี่ชายทั้งสอง พิภพเบื้องบนมีผู้ฝึกตนมารหรือไม่?”

เขาที่เป็นห่วงเหยาเมิ่งหยิง ดังนั้นจึงต้องสอบถามหาข้อมูลสักหน่อย.

“มี.”

ยักษ์ขาวเอ่ย “มากด้วย.”

“พวกเขาถูกต่อต้านเหมือนกับโลกเบื้องล่างหรือไม่?”จุนซ่างเซียวเอ่ยถาม.

“ก่อนหน้านี้อาจจะใช่.”

ยักษ์ดำเอ่ย “ตอนนี้ก็ไม่ต่างจากผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไป.”

“ก่อนหน้านี้รึ?”

จุนซ่างเซียวที่เผยท่าทางสนใจ.

ยักษ์ดำเอ่ย “เท่าที่ข้ารู้ ไม่ว่าจะเป็นพิภพเบื้องบนหรือพิภพเบื้องล่าง ขอเพียงเป็นผู้ฝึกยุทธ์วิถีมาร ล้วนแต่ถูกนับว่าเป็นคนจากเผ่าโม่หวัง.”

“เผ่าโม่หวังอย่างงั้นรึ?”

จุนซ่างเซียวที่ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับกลุ่มชาติพันธ์นี้มาก่อน.

“เผ่าโม่หวังนั้นเป็นหนึ่งในสี่จากหมื่นเผ่าของพิภพเบื้องบน รวมเผ่ามนุษย์ เผ่ามังกร เผ่าศิลา เป็นสี่เผ่าใหญ่ทรงพลัง ทว่าเมื่อหมื่นปีที่แล้วปรากฏเทพมารขึ้นทำให้เผ่าต่าง ๆ มากมายร่วมมือกันกำจัด ทำให้พวกเขาถดถอย จนแทบจะสูญพันธ์ไป.”

“เป็นแบบนี้นะเอง.”

จุนซ่างเซียวที่รับรู้ แทบจะกล่าวหยัน“เหมือนกับพิภพเบื้องล่างราชันย์มารถูกนิกายใหญ่และนิกายฝ่ายธรรมะร่วมมือกันทำลาย บนพิภพเบื้องบนเผ่าโม่หวังก็ถูกเผ่าต่าง ๆ ร่วมมือกันทำลายเพราะเกิดผู้แข็งแกร่งขึ้นนะรึ?”

ยักษ์ดำเอ่ย “เท่าที่รู้มา กลุ่มชาติพันธ์เหล่านั้นมีสิบนิกายระดับเซียนอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นตำหนักจางเยว่จึงเล็งเป้าทำลายโถงพิภพอยู่.”

จุนซ่างเซียวที่ตกใจเอ่ยออกมาว่า“โถงพิภพถูกสร้างจากสิบนิกายระดับเซียนอย่างงั้นรึ?”

“อาวุโสไท่กู่ไม่ได้บอกเจ้านิกายรึ?”ยักษ์ดำเอ่ย.

“ไม่.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ถึงข้าจะเป็นศิษย์ ทว่าข้าจะต้องยืนให้ได้ด้วยลำแข็งตัวเอง พวกเจ้าไม่รู้หรอก.”

ยักษ์ดำและยักษ์ขาวที่เผยแววตาสงสารอีกฝ่าย.

“แล้ววังจางเยว่นี่หมายความว่าอย่างไร?”จุนซ่างเซียวเอ่ยถาม.

ยักษ์ดำอธิบาย “วังจางเยว่นั้นถูกสร้างขึ้นจากเผ่าโม่หวัง พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในที่ลับ คอยต่อต้านโถงพิภพโดยเฉพาะ พวกเขาต่อสู้กันมากว่าหมื่นปีแล้ว.”

“.”

จุนซ่างเซียวที่ลอบคิดในใจ“อ้าวเฮ้ย เหมือนกับนิกายราชันย์มารอีกไม่ใช่รึ?”

เดี๋ยวนะ!

รูปจันทร์เสี้ยวที่ปรากฏขึ้นที่หน้าผากเหยาเมิ่งหยิง เกี่ยวอะไรกับวังจางเยว่หรือไม่?

“เจ้านิกาย.”

ในเวลานั้น หลี่ชิงหยางส่งเสียงผ่านวิญญาณเข้ามา“มีใครบางคนบอกอยากเข้าร่วมนิกาย!”

......

ที่เชิงเขา.

เวลานี้มีผู้เยาว์ดูรูปลักษณ์เหมือนมีอายุ 12-13 ปี จ้องมองไปยังหมอกที่ปกคลุมทั่วนิกายนิรันดร เอ่ยด้วยท่าทางเหยียดหยัน “นิกายที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก กับสร้างของเหล่านี้ได้ดีจริง ๆ.”

เขาที่สะบัดแขน เผยให้เห็นลายสักครึ่งหนึ่ง.

ใช่แล้ว!

ผู้เยาว์คนนี้คือกู่เจ้าซีนั่นเอง.

เพราะว่าเขาได้รับคำ ของจักรพรรดินิหลิงเหยา ถึงแม่นว่าจะไม่ต้องการมาที่นี่ก็ตาม ทำให้เขาต้องเดินทางมาเข้าร่วมนิกายนิรันดรง.

“โทษที.”

ลี่ซ่างเทียนเอ่ย “นิกายนิรันดรไม่รับศิษย์ชั่วคราว โปรดไว้มาวันหลัง.”

“แก๊ก!”

กู่เจ้าซีกัดแอปเปิล จ้องมองด้วยแววตาเย็นชา“เจ้ากำลังพูดอะไร?”

ไม่ได้ยินชัดงั้นรึ?

ลี่ซ่างเทียนที่ตะโกนเสียงดัง “นิกายไม่รับศิษย์ชั่วคราว โปรดมา....”

“ตูมมมม!”

กล่าวยังไม่จบลี่ซ่างเทียนกระเด็นลอยออกไปกระแทกผนังเป็นรู ในเวลานั้นศิษย์คนอื่น ๆ ที่ตะโกนดัง“เจ้านิกาย! อาวุโส! ศิษย์พี่! มีคนมาหาเรื่องแล้ว!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด