บทที่ 31 ประลองฝีมือกับศิษย์น้องเล็กข้า
ไม่นานหลังจากนั้น หยางไห่ก็พาหยางจงลูกชายของเขาพร้อมกับเหล่าทหารองครักษ์กลุ่มหนึ่งไปยังลานของหยางเฉา
เมื่อมาถึงแล้วเห็นว่า หยางเฉา หวงอิ๋ง หยางเสี่ยวเทียนและหยางหลิงเอ๋อร์ อยู่กันพร้อมหน้า หยางไห่ก็ไม่รอช้า เขาเร่งฝีเท้าปรี่เข้าหาคนทั้งสี่ก่อนจะอธิบายความตั้งใจของตนอย่างตรงไปตรงมา
“อะไรนะ ให้ย้ายออกไปเดี๋ยวนี้!” หยางเฉา หวงอิ๋งและลูกๆ ต่างมีสีหน้าตื่นตกใจกับคำกล่าวที่ไม่ต่างจากขับไสไล่ส่ง ทำราวกับพวกตนเป็นเพียงผู้มาขออาศัยไม่ใช่คนในตระกูลนี้
หยางไห่เพียงเมินเฉยอย่างไร้ความรู้สึกเหมือนเขาไม่ใช้หน่อเนื้อเดียวกัน แล้วพลันกล่าวต่อในใบหน้าเรียบเฉย
“วันนี้องค์หญิงสี่ให้เกียรติมาเยือนเราถึงที่นี่ แล้วมีผู้ติดตามมามากมายจนที่พักไม่เพียงพอ ไม่ช้าก็เร็วอย่างไรเจ้าก็ต้องไป เช่นนั้นก็ย้ายออกเสียแต่วันนี้เลยซิ หวังว่าน้องรองจะเข้าใจความยากลำบากของหมู่บ้านสกุลหยางในตอนนี้”
หยางเฉาหัวเราะเสียงดังด้วยเจ็บช้ำน้ำใจ “ฮ่าๆๆ ให้ข้าเข้าใจความยากลำบากของหมู่บ้านสกุลหยางงั้นหรือ แล้วหมู่บ้านและคนสกุลหยางเคยเข้าใจความยากลำบากของข้าบ้างหรือไม่”
เขาสูดหายใจระงับโทสะที่กำลังร้อนรุ่มอยู่ภายใน ก่อนจะกัดฟันกล่าวอย่างอดกลั้น “ได้! เช่นนั้นข้าจะย้ายออกทันที”
เวลาเดียวกัน หยางจงได้เขม่นมองสบตากับหยางเสี่ยวเทียนพร้อมรอยยิ้มเหยียดหยามบนใบหน้าอย่างอวดภูมิ “หยางเสี่ยวเทียน เจ้ายังจำวาจาของข้าได้หรือไม่ ว่าเมื่อใดที่ข้ากลับมา จะท้าประลองกับเจ้าอีกครั้ง”
เมื่อหยางเสี่ยวเทียนได้ยินวาจาทะนงตนเช่นนี้ เขาก็เผยหัวเราะออกมาทันทีราวกับรอคอยคำนี้ไม่น้อยไปกว่าเขา
“ฮ่าๆๆ แน่นอนว่าข้าจำมันได้ เจ้าต้องการประลองตอนนี้เลยหรือไม่เล่า ข้าพร้อมจะไปกับเจ้าเสมอ” กล่าวจบเขาก็ยกยิ้มมุมปากอย่างยินดี
หลังได้ฟังคำกล่าวราวไม่เกรงกลัวเช่นนั้น หยางจงก็ถึงกับนิ่งอึ้งในใบหน้าที่ตกตะลึงทันที นั่นเพราะเขาไม่คิดว่าหยางเสี่ยวเทียนจะยอมรับคำท้าได้เร็วโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
ก่อนที่เขาจะพลันนึกคิด ว่าหยางเสี่ยวเทียนอาจยังไม่รู้ข่าวคราวที่เขาทะลวงเข้าสู่ขั้นนักยุทธ์ระดับสามแล้ว จึงไม่มีความหวาดหวั่นใดในดวงตานั้น
คิดได้เช่นนั้น หยางจงก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาข่มถ้อยคำกล้าดีของหยางเสี่ยวเทียนในทันที
“ฮ่าๆๆ ถ้าเช่นนั้นจะมัวรออะไร เราก็ไปสนามประลองวัดฝีมือให้รู้ชัดกันเลย”
หยางเสี่ยวเทียนถึงกับยินดีอย่างสุขสมภายใน เขาล่วงรู้ถึงสติปัญญาแลนิสัยของหยางจงเป็นอย่างดี ว่าคิดวางแผนจะเอาชนะเขาบนสนามประลองต่อหน้าทุกคนในหมู่บ้านสกุลหยาง เพื่อแสดงถึงความเก่งกาจของตนอย่างยโสโอหังเช่นที่เคยเป็นมา
และด้วยสติปัญญาเพียงเท่านั้น ในฐานะพี่ชาย หยางเสี่ยวเทียนจะกล้าปฏิเสธเจตนาดีของผู้เป็นน้องชายได้อย่างไร
เมื่อเห็นแววตาเขม่นจริงจังของหยางจง หยางเฉาก็เอ่ยทัดทานขึ้น “หยางจง เสี่ยวเทียนในตอนนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า ไม่จำเป็นต้องประลองกันให้เจ็บตัว”
หยางเฉารับรู้ข่าวสารถึงความก้าวหน้าของหยางจง ที่สามารถทะลวงเข้าสู่ระดับสามแล้ว จึงไม่แปลกหากเขาจะอดห่วงผู้เป็นลูกชายไม่ได้
หยางไห่ที่เห็นเช่นนั้นถึงกับเหยียดยิ้มอย่างลำพองด้วยเวทนา “น้องรอง เจ้าจะกังวลไปไย เด็กสองคนนี้แค่อยากเล่นกันก็เท่านั้น หยางจงเพียงใคร่ทดสอบฝีมือของตน คงไม่ถึงกับทำร้ายเสี่ยวเทียนให้เจ็บตัวหรอก”
ในขณะที่หยางเฉากำลังจะอ้าปากกล่าว หยางเสี่ยวเทียนพลันได้แทรกขึ้นก่อน “เช่นนั้น เราก็ไปยังสนามประลองเลยเถอะ”
หลังจากกล่าวจบ เขาก็เดินนำไปที่สนามประลองทันที
หยางจงลอบชอบใจเอาอย่างมากที่จะได้ประลองฝีมือกับหยางเสี่ยวเทียนอีกครั้ง ก่อนออกตัวติดตามเขาไปยังสนามประลองพร้อมยิ้มระรื่น
ขณะหยางไห่ผู้เดินคล้อยหลังตามมา แอบส่งสัญญาณให้องครักษ์ของเขาไปกระจายข่าวเกี่ยวกับการประลองระหว่างหยางเสี่ยวเทียนและหยางจงในตอนนี้
ส่วนหยางเฉาและหวงอิ๋งคงทำได้เพียงชำเลืองมองตามแผ่นหลังของลูกชาย ที่กำลังมุ่งหน้าด้วยความตั้งใจไปยังสนามประลองบนใบหน้าอันเป็นกังวล
“เจ้าเด็กคนนี้ ทำตัวหุนหันพลันแล่นคล้ายพ่อเขานัก!” หวงอิ๋งกล่าวอย่างพะวงใจ
ทำราวกับไม่เห็นสีหน้าอันขมขื่นของผู้เป็นสามีที่แสดงถึงความเป็นกังวลไม่ต่างจากนาง เขาเพียงยิ้มเจื่อนๆ กับความผิดที่ไม่เชิงว่าเป็นของตน “ผู้คนก็มักประสบกับความพ่ายแพ้เสมอก่อนจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ สิ่งนี่อาจเป็นเรื่องดีสำหรับเสี่ยวเทียนก็ได้”
หวงอิ๋งหันขวับมองผู้เป็นสามีด้วยสายตางอนง้อ ก่อนสะบัดตัวสืบเท้ามุ่งไปยังสนามประลองพร้อมความฉุนโกรธ
……
ถัดมายังหยางหมิงและเฉินหยวนครั้นกำลังสนทนาเกี่ยวกับการประมูลโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสวรรค์ ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าของสมาคมการค้าเฟิงยวินอยู่
องครักษ์ประจำหมู่บ้านสกุลหยางก็พลันเข้ามารายงาน เรื่องหยางเสี่ยวเทียนกำลังจะทดสอบฝีมือกับหยางจงบนสนามประลอง
โดยตอนนี้ ทั้งสองได้สร้างแรงดึงดูดต่อผู้คนให้กรูมายังสนามประลองอย่างสนใจใคร่เห็น
ชั่วประเดี๋ยวเดียว องค์หญิงสี่เฉิงเป้ยเป้ยก็ได้ทราบข่าวเช่นกัน “ศิษย์น้องเล็กจะประลองกับเด็กที่นามว่าหยางเสี่ยวเทียนงั้นรึ”
“ขอรับ หยางเสี่ยวเทียนผู้นี้เป็นลูกพี่ลูกน้องของวิญญาจารย์น้อยหยางจง ซึ่งอายุมากกว่าวิญญาจารย์น้อยสองสามวัน”
จากนั้นเลี่ยวเฉิงเฟย องครักษ์ของนางจะอธิบายต่อ “ทว่า หยางเสี่ยวเทียนผู้นี้ กลับปลุกวิญญาณยุทธ์ได้เต่าขยะระดับสอง”
“มีเพียงวิญญาณยุทธ์เต่าขยะระดับสอง กลับกล้าจะประลองฝีมือกับศิษย์น้องเล็กของข้าบนสนามประลองงั้นหรือ” เฉิงเป้ยเป้ยกล่าวก่อนจะหัวเราะออกมาในทันที
“ฮ่าๆๆ นี่จะไม่ถูกมองเป็นการโดนรังแกอยู่ฝ่ายเดียวหรือ ว่าแต่ ข้ายังไม่เคยเห็นวิญญาณยุทธ์เต่ายักษ์มาก่อน เราไปดูกันเถอะ”
หลังกล่าวจบ นางต้องพลันออกตัวนำองครักษ์เลี่ยวเฉิงเฟยพร้อมกับคนอื่นๆ มุ่งหน้าไปที่สนามประลอง ของหมู่บ้านสกุลหยางทันที
ชั่วอึดใจ ทุกคนก็มาออรวมกันยังรอบๆ ข้างสนามประลองประจำหมู่บ้าน