ตอนที่ 4 สาวแว่นนมใหญ่
ตอนที่ 4 สาวแว่นนมใหญ่
หลังจากวันนั้นก็ได้ผ่านมาราว 1 อาทิตย์ ในช่วงพักเที่ยงของโรงเรียนทุกๆวัน ผมกับอาคามิจะไปนัดเจอกันที่ห้องเก็บของ
พร้อมกับพูดคุยกันถึงเรื่องต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นงานอดิเรก สิ่งที่ชอบ สิ่งที่เกลียด
แต่อาจจะเพราะเธอเป็นยูทูปเบอร์ จึงทำให้เธอค่อนข้างพูดเก่ง ส่วนใหญ่นั้นผมจะเป็นฝ่ายรับฟังซะมากกว่า
และด้วยความที่น้องสาวของผม ไปสืบมาแล้วว่าเธอนั้นชอบหรือเกลียดอะไร จึงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเธอจึงพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
“นี่ว่าก็ว่าเถอะ นายเนี่ยทั้งๆ ที่บุคลิกก็ดีหน้าตาก็ไม่เลว ทำไมถึงไม่มีเพื่อนเลยล่ะ?” อยู่ๆ อาคามิก็ถามผมออกมาด้วยท่าทางสงสัย
อาจจะเพราะความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเธอค่อนข้างสนิทกันแล้ว เธอจึงกล้าถามอะไรแบบนี้
ผมนิ่งเงียบอยู่สักพักหนึ่งก่อนจะหันไปมองหน้าอาคามิ และพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“แล้ว~ ทำไมอาคามิที่ทั้งพูดเก่งและน่ารักขนาดนี้ ถึงยังไม่มีเพื่อนเลยล่ะ?”
เหมือนอาคามิจะค่อนข้างเขินที่ผมพูดชมว่าเธอน่ารัก
“กะ ก็แค่เหตุผลส่วนตัวน่ะ” อาคามิพูดตอบพร้อมกับหลบหน้าผม
“ก็คงเหตุผลเดียวกันนั่นแหละ แต่เรื่องนั้นก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนี่ เพราะตอนนี้ผมก็มี อาคามิ อยู่ด้วยทั้งคนแล้วนี่นา~”
แม้ตอนนี้อาคามิจะหลบหน้าผม แต่ผมก็สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่าตอนนี้แก้มของเธอนั้นเริ่มแดงขึ้น
“ละ แล้วแฟนล่ะ! นายไม่คิดจะหาผู้หญิงมาคบเลยเหรอ” อาจจะเพราะความเขินอาคามิจึงพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย
“แฟนเหรอ? นั่นสินะ”
เพราะมัวแต่มาอยู่กับอาคามิ ผมจึงยังไม่มีโอกาสไปดูผู้หญิงอีก 3 คนที่น้องสาวแนะนำมาเลย
“จะ จะว่าไปฉันก็ยังไม่เคยถามเลยสินะ ว่าสเปคผู้หญิงที่นายชอบเป็นแบบไหน..” ขณะพูดอาคามิก็แอบหันมามองผม
“สเปคผู้หญิงที่ชอบเหรอ อื้มม~ ก็คงเป็นผู้หญิงที่ดูแลผมได้ รวยและ หน้าตาดี ละมั้งนะ!”
“เลว!” อาคามิหันมาว่าผมทันทีที่พูดจบ
ผมได้แต่หัวเราะออกมากับคำพูดของเธอ ก่อนจะเริ่มพูดต่อ
“และอีกอย่างหนึ่งก็คงจะเป็น.. ผู้หญิงที่มีอาชีพเป็นยูทูปเบอร์ละมั้ง”
“...”
“ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ กะล่อนจริงๆ เลยนะพี่ชายหนูเนี่ย” เอมิที่เฝ้าดูเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา
‘แน่ใจนะว่านั่นปาก!’ ผมได้แต่คิดอย่างหงุดหงิด
“ทำไมล่ะ ทำไมถึงชอบสาวยูทูปเบอร์ล่ะ!” อาคามิพูดถามผมด้วยแววตาเป็นประกาย พร้อมเริ่มขยับตัวเข้ามาใกล้ผม
“ก็.. เพราะพวกเธอดูมีเสน่ห์ละมั้ง”
โดยเรื่องที่ตัวเองเป็นยูทูปเบอร์นั้น อาคามิ ยังไม่ได้บอกผม แต่ผมก็ได้แอบเข้าไปส่องช่องที่เธอทำแล้ว
ดูเหมือนเธอจะทำเกี่ยวกับการแคสเกม แม้ขณะเล่นเกมเธอจะเปิดกล้องไปด้วย แต่เธอก็สวมใส่หน้ากากจิ้งจอกครึ่งซีก จึงทำให้มีใครรู้ตัวจริงของเธอ
“เหรอ.. งั้นเหรอ นายเนี่ยเป็นคนโลภมากเห็นแก่ตัวจริงๆ เลยนะ” อาคามิพูดด้วยท่าทางอารมณ์ดี ก่อนจะลุกขึ้นยืนและหันมายิ้มให้กับผม
“นี่ก็ใกล้จะหมดเวลาพักเที่ยงแล้วสินะ งั้นเราค่อยเจอกันใหม่นะ รุย”
ผมมองดูร่างกายของสาวแว่นตัวเล็กที่เดินออกจากห้องเก็บของไป ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับเอมิ
“ดูเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดีนะ อีกไม่นานพี่คงจะได้ขี่เธอแล้วล่ะ!”
“เธอไม่ใช่ม้าสักหน่อยจะไปขี่ได้ไงเล่า”แม้จะเข้าใจที่เธอจะสื่อ แต่ผมก็เสแสร้งทำท่าทีใสซื่อ
“หยุดตอแหลเถอะพี่” เอมิแสดงสีหน้าเหนื่อยใจ..
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนถึงช่วงเวลาเลิกเรียน แม้ตอนแรกผมจะตั้งใจกลับบ้านโดยไม่มีอะไร แต่เหมือนเอมิจะมีแผนบางอย่าง
“พี่คืนนี้ เวลาประมาณ 23:00 น. ให้มารออยู่ที่หน้าสวนสาธารณะนะ”
“ทำไมล่ะ?”ผมถามอย่างไม่เข้าใจ
“เถอะน่า” เมื่อพูดเสร็จ เอมิก็ลอยหายไป
“...”
ด้วยความที่ว่าไม่รู้จะทำอะไรต่อ ผมจึงตัดสินใจเข้าไปที่เกมเซ็นเตอร์เพื่อฆ่าเวลา
ผมมองดูเครื่องเล่นมากมายในเกมเซ็นเตอร์ด้วยท่าทีตื่นเต้นเล็กน้อย
“จะว่าไปก็ไม่ได้มานานแล้วแฮะ”
เมื่อเข้ามาแล้วผมก็ได้ตัดสินใจแลกเงินเป็นเหรียญ ก่อนจะหาเครื่องเล่นสักเครื่องเพื่อเล่นฆ่าเวลา
ในระหว่างที่สายตากำลังสอดส่องไปทั่วอยู่นั้น ก็ได้เจอกับสิ่งที่ไม่คาดฝันเข้า
สาวแว่นตัวสูงหน้าอกใหญ่ ที่กำลังเล่นตู้คีบตุ๊กตาอยู่ พร้อมกับปล่อยบรรยากาศไม่เป็นมิตรออกมา
“มิกะ..”
ในบรรดาหญิงสาวทั้ง 4 คนที่ เอมิแนะนำมา เธอเป็นคนเดียวที่ผมไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยที่สุด
‘เอาไงดีหว่า’ ผมคิดในขณะที่เฝ้าดูเธออยู่ห่างๆ
จาก 1 นาทีไป 2 นาที จนถึง 30 นาที ผมได้เฝ้ามองดูเธอไปเรื่อยๆ จนสังเกตเห็นว่าเหรียญที่เธอพกมาหยอดตู้นั้น ได้หมดลงแล้ว โดยที่ตุ๊กตาที่เธอพยายามครีบนั้นก็ยังคงอยู่ในตู้
‘น่าสงสารแท้’
เธอได้กำหมัดแน่นพร้อมกับทำสีหน้าไม่พอใจ แสดงท่าทีที่ราวกับว่าพร้อมจะต่อยตู้ได้ตลอดเวลา
จะให้เข้าไปเล่นเพื่อคีบตุ๊กตาให้เธอก็คงไม่ได้ เพราะผมเองก็ฝีมือไม่ได้เรื่องพอๆ กับเธอ
แต่จะปล่อยไปก็ยังไงอยู่ น้องสาวอุตส่าห์ไปสืบหาข้อมูลของมิกะมาให้ทั้งที
ทั้งที่ คุณน้องสาวพยายามทำเพื่อผมขนาดนั้นแล้วแท้ๆ ถ้าตอนนี้ผมปล่อยผ่านไปโดยไม่ทำอะไร มันก็คงดูน่าสมเพชไปหน่อย
ผมได้แต่ถอนหายใจพร้อมกับเดินไปหามิกะ แม้ในใจนั้นก็แอบกลัวว่า จะถูกเธอต่อยจนไปนอนโรงพยาบาลก็ตาม
เมื่อผมเดินเข้ามาใกล้ มิกะที่เห็นผมเดินเข้ามาใกล้เธอก็ได้ถอนหายใจออกมา พร้อมกับก้าวเท้าจะเดินออกจากที่นี่ไป
แต่ก่อนที่เธอจะได้ทำอย่างนั้น ผมก็ได้พูดทักออกไปก่อน
“เดี๋ยวสิ ไม่เล่นต่อแล้วหรอ?”
มิกะได้หยุดเคลื่อนไหวก่อนจะหันมาตอบผม
“เหรียญฉันหมดแล้ว” มิกะพูดตอบออกมาอย่างเย็นชา
สายตาของเธอมันช่างดูน่ากลัว จนผมแทบอยากจะวิ่งหนี แต่ถึงแม้ภายในใจของผมจะหวาดกลัวเพียงใด แต่ภายนอกนั้นกลับแสดงท่าทีปกติ
“งั้น เอาเหรียญของผมไปเล่นสิ” ผมพูดพร้อมกับหยิบเหรียญออกมายื่นให้กับเธอ
มิกะมองดูผมอย่างแปลกใจ ก่อนจะหยิบเหรียญจากมือผมไปเล่นต่อ โดยไม่มีท่าทีเกรงใจ
เห็นอย่างนั้นผมก็ขยับตัวออกมานิดหน่อยเพื่อที่จะไม่ให้รบกวนสมาธิของเธอ พร้อมมองดูเธอพยายามคีบตุ๊กตาหมีในตู้
เหรียญที่ 1 เหรียญที่ 2 จนถึงเหรียญที่ 7 เธอก็ยังคงล้มเหลวและในขณะที่หยอดเหรียญที่ 8 ลงตู้ มิกะก็พูดขึ้นมา
“ทำไมถึงช่วยฉันล่ะ”
“ก็.. พอมองดูคุณที่พยายามขนาดนั้นแล้ว ก็เลยรู้สึกอยากจะช่วยขึ้นมาละมั้ง”
“เหรอ”
“แถมอีกอย่างหนึ่งเห็นเพื่อนร่วมห้องกำลังลำบากอยู่ก็ต้องช่วยเหลือกันสิ ถูกไหม?”
“หืม? นี่นายอยู่ห้องเดียวกับฉันงั้นเหรอ” มิกะพูดขึ้นอย่างแปลกใจขณะหันมามองผม
“จำไม่ได้สินะ ผมมีชื่อว่า รุย ยินดีที่ได้รู้จักนะ คุณ มิกะ”
“...”
“อื้ม ยินดีที่ได้รู้จัก” พูดแล้วเธอก็หันไปเล่นตู้คีบตุ๊กตาต่อ
‘เย็นชาจังเลยนะ~’
พอได้พูดคุยกับเธอผมก็รู้ว่าข่าวลือเกี่ยวกับตัวมิกะนั้น เกินจริงไปหน่อย
ถึงท่าทางของมิกะจะดูเย็นชาและน่ากลัวไปสักหน่อย แต่มองดูแล้วเธอไม่ใช่คนที่ไร้เหตุผล และเธอไม่ใช่คนที่จะไปหาเรื่องใครก่อน เว้นไว้แต่จะถูกคนอื่นเข้ามาหาเรื่องก่อน
เมื่อรู้อย่างนั้นแล้วความกลัวของผมที่มีต่อเธอก็ค่อยๆ ลดน้อยลง ก่อนจะเริ่มชวนเธอคุย
“นี่ๆ จะเอาคุณตุ๊กตาหมีนี้ไปให้ใครเหรอ?”
ที่ผมถามไปอย่างนั้นก็เพราะว่าในข้อมูลที่น้องสาวให้มา ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ชอบพวกตุ๊กตาอะไรเป็นพิเศษ
“น้องสาวน่ะ ดูเหมือนเธอจะชอบตุ๊กตาตัวนี้มาก และพรุ่งนี้ก็จะเป็นวันเกิดของน้องสาวฉันแล้วด้วย”
แม้สีหน้านั้นจะไม่เปลี่ยนแปลงขณะพูด แต่ผมก็สัมผัสได้ถึงน้ำเสียงที่ดูอ่อนโยนขึ้น ขณะที่เธอพูดถึงน้องสาว
‘งั้นเหรอ.. เป็นคนดีเหมือนที่เอมิบอกมาเลยสินะ’
“งั้นเหรอ เป็นคุณพี่สาวที่ดีจังเลยนะครับ พยายามเข้านะ” ผมพูดออกมาด้วยความรู้สึกชื่นชมเธอจากใจจริง
หลังจากนั้นพวกเราก็ไม่ได้พูดอะไรอีก จนกระทั่งตอนที่เธอเล่นจนเหรียญของผมใกล้จะหมดแล้ว
และในที่สุดความพยายามของเธอก็สำเร็จผล มิกะอุ้มตุ๊กตาหมีขึ้นมามองด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ก่อนจะหันมามองหน้าผม
“ขอบคุณนะ ฉันจะไม่ลืมบุญคุณของนายในครั้งนี้เลย”
“ไม่เป็นไรน่า เรื่องแค่นี้เอง ไม่ต้องคิดมากหรอก”
“ชื่อ รุย สินะ งั้น.. รุย ยังพอมีเวลาอยู่ ไปเดินเที่ยวด้วยกันหน่อยไหม” มิกะพูดชวนออกมาโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง
‘เขินแฮะ เป็นครั้งแรกเลยที่มีผู้หญิงชวนแบบนี้’ ใบหน้าของผมแดงขึ้นเล็กน้อยก่อนจะตอบรับคำชวนของเธอ
เมื่อตอบรับคำชวนนั้นแล้ว ผมกับเธอจึงได้เดินเที่ยวเล่นกันภายใน เกมเซ็นเตอร์แห่งนี้
และอาจจะเพราะเหลือเหรียญอยู่ไม่เยอะกิจกรรมส่วนใหญ่ของพวกเราจะเน้นไปที่การพูดคุยกัน
และแน่นอนว่าการที่ผมมีข้อมูลเรื่องที่เธอชอบอะไร หรือเกลียดอะไร และงานอดิเรกของเธอคืออะไร
นั่นจึงทำให้ผมสามารถพูดคุยกับเธอไปได้ด้วยดีเลยทีเดียว จากใบหน้าที่เย็นชานั้นก็ค่อยๆมีรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
“นายเป็นผู้ชายคนแรกเลยนะ ที่ฉันคุยด้วยได้นานขนาดนี้”
“เพราะส่วนใหญ่ คุณมิกะ จะส่งพวกเขาไปนอนโรงพยาบาลก่อนสินะ”
“หืม รู้ด้วยเหรอ?”
“ข่าวดังมากเลยนะ”
“เหรอ แต่ทั้งที่รู้แบบนั้นแล้วก็ยังเข้ามาคุยกับฉันอีกนะ.. แปลกคน”
“คนหน้าตาดีก็แบบนี้แหละ!”
ผมพูดด้วยท่าทางหลงตัวเองเล็กน้อย ก่อนจะโดนมิกะเขกหัว ด้วยความหมั่นไส้
“เบามือหน่อยสิ ตัวผมค่อนข้างบอบบางเลยนะ” ผมพูดด้วยท่าทางสำออย
“โทษที นายมันน่าหมั่นไส้ ก็เลยเผลอตัวไปหน่อย”
“เหมือนจะได้เวลาแล้วสิ งั้นฉันต้องขอตัวไปก่อนละ แล้วไว้เจอกันใหม่นะ รุย”
“ครับ โชคดีนะ”
มิกะยิ้มให้ผมเล็กน้อยก่อนจะหันหลังเดินจากไป
‘คนเราเนี่ยมองดูจากภายนอกอย่างเดียวไม่ได้จริงๆสินะ’ ผมคิดในใจ ขณะที่มองดูแผ่นหลังของมิกะ
‘เอาเถอะกลับบ้านดีกว่า.. แต่เหมือนจะลืมอะไรไปเลยแฮะ อื้มม คงไม่สำคัญหรอกมั้ง?’ ผมคิดอย่างไม่ใส่ใจพร้อมกับเดินกลับบ้าน ด้วยท่าทางอารมณ์ดีที่ได้คุยกับสาวแว่นหน้าอกใหญ่
つづく