ตอนที่แล้วตอนที่ 2 คัดเลือก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 4 สาวแว่นนมใหญ่

ตอนที่ 3 สาวแว่นยูทูปเบอร์


ตอนที่ 3 สาวแว่นยูทูปเบอร์

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนถึงช่วงพักเที่ยง และในช่วงพักเที่ยงนักเรียนส่วนใหญ่ต่างจับกลุ่มพากันออกไปหาอะไรทานกันตามปกติ

ส่วนผมที่ไม่ค่อยชอบเข้าไปอยู่ในที่มีคนเยอะๆ จึงได้พกข้าวกล่องของมื้อกลางวันมากิน

โดยปกติแล้ว ผมมักจะนั่งกินข้าวคนเดียวในห้องเรียน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ในครั้งนี้ยัยน้องสาวตัวดี ได้บอกให้ผมเอาข้าวไปกินที่ห้องเก็บของ

บรรยากาศภายในห้องเก็บของนั้นค่อนข้างอับชื้น และเต็มไปด้วยกลิ่นที่ไม่น่าอภิรมย์ มันไม่ใช่สถานที่เหมาะแก่การรับประทานอาหารเลยแม้แต่น้อย

ผมได้แต่ถอนหายใจกับการเอาแต่ใจของเอมิ ก่อนจะนั่งลงเปิดกล่องอาหารพร้อมกับรับประทานอย่างเงียบๆ

ในระหว่างที่กำลังรับประทานอาหารโดยที่ไม่ได้พูดคุยกับเอมิอยู่นั้น ประตูห้องเก็บของก็ได้ถูกเปิดออกโดยเด็กสาวคนหนึ่ง

และนั่นก็ทำให้ทั้งผมและเธอได้จ้องตากันพร้อมกับแสดงอาการตกใจออกมา ดูจากข้าวกล่องในมือของเธอ ก็บอกได้ว่าเธอนั้นก็คงจะมาทานข้าวที่นี่เหมือนกัน

และเมื่อผมลองสังเกตดูดีๆ ก็พบว่าหญิงสาวคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เธอก็คือคุณ อาคามิ สาวแว่นยูทูปเบอร์ตัวเล็กที่น้องสาวของผมแนะนำมาให้นั่นเอง

แน่นอนว่าผมเองก็ไม่ใช่พระเอกกินผักที่จะมองดูสถานการณ์นี้ไม่ออก เมื่อน้องสาวชงมาให้ขนาดนี้แล้ว ผมจึงปฎิเสธอะไรไม่ได้นอกจากสานต่อ

“เข้ามาสิ คุณอาคามิ... คุณเองก็มาทานอาหารที่นี่เหมือนกันเหรอ” ผมพูดชักชวนเธอพร้อมกับเอ่ยถาม

เหมือนเธอจะค่อนข้างลังเลกับคำชวนของผม แต่สุดท้ายเธอก็ถอนหายใจยาว ก่อนจะเดินเข้ามา จากนั้นก็นั่งลงห่างจากผมไม่ไกลนัก

“ระ รู้จักฉันด้วยเหรอคะ?” อาคามิพูดออกมาอย่างแปลกใจเล็กน้อยที่มีคนรู้จักชื่อของเธอ

‘โดยปกติผมไม่รู้จักชื่อใครในห้องหรอก แต่เพราะเธอเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น้องสาวจัดมาให้ ผมจึงเพิ่งรู้จักชื่อของเธอเมื่อเช้านี้เอง’ แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ก็คงพูดออกไปไม่ได้

“ก็เราอยู่ห้องเดียวกันนี่นา ทำไมจะไม่รู้จักล่ะ”

“เอ๋! อยู่ห้องเดียวกันงั้นเหรอคะ เอ่อ.. คือว่า..” อาคามิแสดงท่าทีลำบากใจ เพราะดูเหมือนจะจำชื่อผมไม่ได้

“ผมชื่อว่า รุย ครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

“ฉันชื่อ อาคามิ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นเดียวกันค่ะ” อาคามิพูดแนะนำตัวพร้อมกับก้มหัวให้ผมเล็กน้อย

“แล้วปกติ คุณอาคามิ มักจะมารับประทานอาหารที่นี่เหรอครับ” ผมหาเรื่องคุย ในขณะที่ทานอาหารไปด้วย

“ก็.. ใช่ค่ะปกติฉันจะมาทานอาหารที่นี่คนเดียวตลอด..” ใบหน้าของอาคามิดูเศร้าลงทันทีเมื่อพูดถึงเรื่องนี้

ผมไม่แน่ใจว่าเธอเคยถูกกลั่นแกล้งหรือเปล่า ถึงต้องมาใช้ชีวิตโดดเดี่ยวอยู่แบบนี้

เมื่อเห็นท่าทางที่ดูเศร้าหมองของเธอ ผมก็พลอยรู้สึกแย่ตามเธอไปด้วย โดยปกติเด็กสาวอายุเท่าเธอเวลานี้สมควรจะไปทานข้าวกับเพื่อน พูดเม้าท์มอยกันตามประสาของสาววัยรุ่นทั่วไป ไม่ใช่มานั่งทานข้าวอย่างโดดเดี่ยวในห้องที่มันให้บรรยากาศอึดอัดแบบนี้

ผมนึกภาพไม่ออกเลยจริงๆ ว่าหญิงสาวที่ดูอ่อนแอคนนี้จะมีผู้ติดตามถึง 500,000 คน

“พี่อย่ามัวแต่เงียบสิ ได้เวลาทำคะแนนแล้วนะ!” เอมิที่เงียบมาตลอดก็พูดออกมา เมื่อเห็นผมไม่พูดตอบอะไรกลับไป

ตัวผมก็ไม่เคยปลอบใจผู้หญิงด้วยสิ นอกจากน้องสาวกับแม่แล้วประสบการณ์คุยกับผู้หญิงคนนี้ก็แทบจะไม่มี อยู่ๆ จะให้มาทำคะแนนแบบนี้มันก็อาจจะยากเกินไปหน่อย

‘เฮ้อ เป็นไงเป็นกัน’ ผมได้แต่คิดอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะเปิดบทสนทนาใหม่

“คุณอาคามิมาทานอาหารที่นี่ทุกวันสินะ งั้นจะเป็นอะไรหรือเปล่าถ้าผมจะมาทานอาหารที่นี่ด้วยอีกคนน่ะ”

เมื่อได้ยินสิ่งที่ผมพูดอาคามิก็ได้หันมามองทางผม ก่อนจะก้มหน้าลงอีกครั้งและพูดออกมา ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยดีนัก

“สงสารฉันงั้นเหรอคะ” น้ำเสียงที่ออกมาของอาคามิเหมือนกำลังรู้สึกสมเพชตัวเองอยู่

“ดูเหมือนพี่จะเลือกตัวเลือกผิดนะ โหลดเฟซใหม่ได้หรือเปล่า?”

‘จะทำแบบนั้นได้ยังไงเล่านี่ไม่ใช่เกมจีบสาวสักหน่อย!’ ผมได้แต่คิดอย่างปวดหัวกับความไร้สาระของน้องสาวตัวเอง

ดูเหมือนผมจะประเมินความยากของชีวิตจริงต่ำไปหน่อย นอกจากคำพูดของผมมันจะไม่ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาแล้ว มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกแย่ขึ้นไปอีก

แต่พอมาคิดดูแล้ว การที่มีใครสักคนหนึ่ง ยื่นมือมาช่วยเราเพราะรู้สึกสงสาร มันก็ชวนให้เรารู้สึกแย่จริงๆ นั่นแหละ

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก อย่าเข้าใจผิดสิ อาจจะฟังดูเห็นแก่ตัวไปสักหน่อย แต่ที่ผมพูดไปอย่างนั้นไม่ใช่เพื่อคุณอาคิมิหรอกนะ แต่เพื่อตัวผมเองต่างหากล่ะ”

อาคามิหันกลับมามองผมพร้อมทำใบหน้าไม่เข้าใจเมื่อได้ยินผมพูดแบบนั้น

“คุณ อาคามิ ก็เห็นแล้วนี่ว่าผมเองก็มาทานอาหารที่นี้คนเดียวเหมือนกัน เพราะแบบนั้นถ้าหากมีผู้หญิงสวยๆ สักคนมาทานอาหารเป็นเพื่อนด้วยก็คงดีไม่น้อยเลยน๊า~”

“แต่ก็นั่นสินะ ผมเองก็เป็นพวกที่ไม่มีอะไรดีด้วยสิ เพราะแบบนี้เลยไม่มีเพื่อนเลย..”

‘โกหกน่ะ ที่จริงผมเลือกที่จะไม่คบหาใครเองต่างหาก’ ผมแองคิดในใจ พร้อมกับพูดต่อ

“เพราะฉะนั้น ถ้ารังเกียจก็ไม่เป็นไรหรอกครับ” ผมเสแสร้งทำใบหน้าเศร้า ขณะพูดออกมา

อาคามิ ที่เห็นท่าทางของผมก็เปลี่ยนสีหน้าทันที พร้อมพยายามพูดปลอบ

“มะ ไม่ได้รังเกียจนะ! อื้ออ~ อะ โอเค ไว้พวกเรามาทานอาหารที่นี้ด้วยกันก็ได้!”

“ไม่เลวนี่พี่ อย่างน้อยเรื่องการตอแหล พี่ก็ทำได้ไม่เลวนะ”

เสียงของเอมิมันทำให้ผมหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ก็พยายามอดทนเพื่อดำเนินเกมนี้ต่อไป

“สงสารผมงั้นเหรอครับ” ผมย้อนคำพูดของเธอกลับไป

“เอ๋! เอ่อ..”

เจอคำของผมเข้าไปเธอถึงกับไปต่อไม่ถูก ผมหัวเราะออกมาพร้อมกับส่งยิ้มให้กับเธอ

“แซวเล่นน่า งั้นตั้งแต่นี้ก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” พูดเสร็จผมก็ยื่นมือไปหาเธอ

อาคามิทำหน้างอนที่ถูกผมแกล้ง ก่อนจะจับมือที่ผมยื่นออกไป

“โอเค ฝากตัวด้วยแล้วกัน”

ผมไม่แน่ใจว่าเพราะถูกผมแกล้งใส่รึเปล่า อาการพูดตะกุกตะกักและเขินอายของเธอจึงหายไป

หลังจากได้แนะนำตัวจับมือกัน พวกเราทั้งสองก็ได้นั่งกินข้าวพร้อมกับพูดคุยไปด้วย

แม้ตอนแรกเธอจะนั่งเงียบๆ ไม่ค่อยพูดอะไร พูดตอบเพียงแค่นิดหน่อยเท่าที่ผมถามเท่านั้น

แต่ด้วยความช่วยเหลือจากยัยน้องสาวตัวดี จึงทำให้ผมรู้ว่าอาคามินั้น ชอบและสนใจเรื่องอะไรบ้าง

และเพียงผมหยอดประเด็นที่เธอชอบและสนใจลงไป ริมฝีปากเล็กๆ นั้นก็ได้เริ่มขยับพูดออกมาไม่หยุด

จนกลายเป็นว่าฝ่ายที่เงียบคอยรับฟังกลายเป็นผมซะเอง ผมได้คอยรับฟังสิ่งที่เธอพูดออกมา และพูดตอบไปบ้างเป็นบางครั้ง

ท่าทางและน้ำเสียงที่เธอพูดออกมานั้น มันช่างดูน่ารักน่าเอ็นดู ต่างจากเด็กสาวเงียบๆ ที่ผมพึ่งเจอเมื่อไม่กี่นาทีนี้ลิบลับ

“แล้วก็นะ แล้วก็นะ ทีนี้พอฉันซื้อ..”

ในขณะที่อาคามิกำลังพูดคุยดับผมด้วยท่าทางสนุกสนานอยู่นั่นเอง เสียงออดบอกเวลาว่าหมดพักเที่ยงแล้วก็ได้ดังขึ้นมา

“ดูเหมือนเวลาพักเที่ยงจะหมดแล้วนะ งั้นไว้ค่อยเจอกันใหม่นะคุณอาคามิ” ผมพูดพร้อมลุกขึ้น

“เดี๋ยวสิ ขอช่องทางติดต่อหน่อยสิ..”

ผมค่อนข้างแปลกใจกับความสัมพันธ์ที่กระโดดขึ้นค่อนข้างเร็ว แต่ก็ยอมให้ช่องทางติดต่อไป

“แล้วเจอกันนะ รุย โชคดีนะ” อาคามิโบกมือให้ผมด้วยรอยยิ้ม

つづく

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด