ตอนที่ 149 กำลังเสริมที่มาไม่ถึง (ฟรี)
ตอนที่ 149 กำลังเสริมที่มาไม่ถึง
กวงเทียนยืนลอยตัวอยู่กลางอากาศ ฝ่ามือของเขากางออก เปิดเผยให้เห็นเหรียญตราสีเงินที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการทำลายล้าง
เมื่อเห็นสิ่งนี้ปรากฏขึ้น เซียงหลิ่วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
จู่ๆ ความรู้สึกไม่ดีแล่นเข้าสู่หัวใจของเขา
วินาทีถัดมา ตรานี้เปล่งประกายด้วยแสงพราวภายใต้การกระตุ้นด้วยพลังปราณของกวงเทียน
แสงนั้นเปล่งพลังทำลายล้างที่รุนแรง มุ่งตรงไปที่โล่ที่ปกคลุมด้านหน้าของผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์ทุกคน
บูม!
หลังจากเสียงระเบิดดังขึ้น
ช่องว่างขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนโล่ตรงหน้าเซียงหลิ่ว และคนอื่นๆ
หลังจากที่ช่องว่างนี้ปรากฏ มันก็พยายามรักษาตัวเอง แต่ถูกระงับด้วยพลังทำลายล้าง
และด้วยพลังที่ยังคงผันผวน ช่องว่างก็ยิ่งกว้างขึ้นเรื่อยๆ
ดวงตาของเซียงหลิ่วเบิกกว้าง "แย่แล้ว"
เดิมทีเขาคิดว่าด้วยการป้องกันของอาวุธจิตวิญญาณจะสามารถถ่วงเวลาได้สักพักหนึ่ง
แต่โชคไม่ได้เข้าข้าง และความเป็นจริงนั้นช่างโหดร้าย
มันส่อเค้าพังทลายตั้งแต่แรกเริ่ม
มุมปากของกวงเทียนยกขึ้น แม้ว่าช่องว่างจะไม่กว้างนัก แต่ก็เพียงพอแล้ว
"บุกเข้าไป!"
"ฆ่า!"
ผู้ฝึกฝนเผ่าเยว่หลินจำนวนมากรีบพุ่งทะยานไปข้างหน้า
ขณะนั้น แสงแห่งความมุ่งมั่นสว่างวาบขึ้นมาในดวงตาของเซียงหลิ่ว
เสียงของเขาปกคลุมสนามรบ มันเปล่งจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้อันแรงกล้า
“เพื่อนร่วมเผ่าของข้า พวกเจ้ากล้าสู้หรือไม่?”
“เราจะสู้ให้ถึงที่สุด!”
“หากพวกมันต้องการทำลายเมืองเฮยจิ่วก็ต้องข้ามศพเราไปก่อน!”
“ยังไม่รู้ว่าใครจะชนะ เหตุใดเราจึงต้องกลัว!”
“เราจะฝังพวกมันทุกคนไว้ที่นี่!”
เผ่ามนุษย์ และเผ่าเยว่หลินมีความบาดหมางกันมานานแล้ว
สงคราม และความขัดแย้งไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นเพียงครั้งหรือสองครั้ง
ตอนนี้อีกฝ่ายต้องการทำลายเมืองเฮยจิ่ว พวกเขาจะยอมให้เป็นแบบนั้นได้อย่างไร
อยากสู้เหรอ?
งั้นก็มาสู้กัน!
มาดูกันว่าใครจะได้ยืนเป็นคนสุดท้าย!
ยกเว้นเทพสวรรค์ ผู้ฝึกฝนคนอื่นๆ ไม่สามารถบินในแดนหงซิงได้
เพื่อปกป้องผู้ฝึกฝนที่ต่อสู้กันบนพื้นดิน
เซียงหลิ่วจึงนำเทพสวรรค์ออกไปกว่า 50 คนเพื่อสกัดกั้นเทพสวรรค์ฝ่ายศัตรู
แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังเสียเปรียบเนื่องจากต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่มีจำนวนมากกว่าสองเท่า
เมื่อโล่ป้องกันถูกทำลาย และเกิดช่องว่างขึ้น
หลี่เหวินก็ได้รับข่าวผ่านตราเมืองเฮยจิ่วในเวลาเดียวกันจะต้องมีการส่งกำลังเสริมมาช่วยเหลือที่นี่อย่างแน่นอน
อีกสองแนวรบน่าจะถูกสกัดกั้นไว้ได้ด้วยความช่วยเหลือของอาวุธจิตวิญญาณของเซียงหลิ่ว ระฆังจักรพรรดิขาว
หากทนไม่ไหว พวกเขาสามารถถอยกลับไปด้านหลังโล่ป่องกันแล้วปล่อยให้ระฆังจักรพรรดิขาวรับหน้าที่ปิดกั้นศัตรูไว้ครู่หนึ่ง
มันแค่ต้องใช้ต้นกำเนิดกาแล็กซี่เป็นการแลกเปลี่ยน
แต่แรงกดดันจะไม่สูงเท่าที่นี่อย่างแน่นอน
หากแนวป้องกันทางด้านนี้ถูกทะลวงผ่าน เผ่าเย่วหลินจะตรงไปยังเมืองเฮยจิ่วได้โดยไร้อุปสรรค
เมื่อนั้นจะเป็นปัญหาใหญ่
ณ ใจกลางเมืองเฮยจิ่ว หลี่เหวินก็ได้รับข่าวในทันที
เดิมทีเขาต้องการรอดูสถานการณ์ในสามแนวรบก่อน แล้วค่อยสนับสนุนด้านใดด้านหนึ่งที่มีความเสี่ยง
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าไม่จำเป็นต้องคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นแล้ว
เขาจึงนำกองทัพกลุ่มสุดท้ายออกไปสนับสนุนในทันที
เทพสวรรค์ 30 คน และเทพปฐพี 100 คน
นี่คือ จุดแข็งสุดท้ายของเมืองเฮยจิ่ว
หลี่เหวินมองดูตราบนเอว และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
“เฮ้อ ข้าหวังว่าเมืองอื่นๆ จะส่งกำลังเสริมมาได้ทันเวลา”
พวกเขาไม่ใช่เมืองมนุษย์เพียงเมืองเดียวในแดนหงซิง
ในแดนหงซิงยังมีเมืองมนุษย์อยู่ค่อนข้างมาก
อย่างน้อยที่สุดในแดนหงซิงของกาแล็กซี่ซวนปี่ ก็ยังมีเมืองมนุษย์ขนาดใหญ่ 1 เมือง เมืองมนุษย์ขนาดกลาง 5 เมือง และเมืองมนุษย์ขนาดเล็กอีกหลายร้อยเมือง
เมืองเฮยจิ่วของพวกเขาเป็นเมืองมนุษย์ขนาดเล็ก
อย่างไรก็ตาม เมืองของเผ่าอื่นนั้นใหญ่กว่าเมืองของพวกเขามากกว่า 10 เท่า!
แม้ว่าจะมีเพียงบางเผ่าที่มีเจตนาร้ายต่อเผ่ามนุษย์ แต่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้พวกเขาอยู่อย่างยากลำบาก
ทั้งหมดนี้เป็นผลพวงมาจากสงครามจักรวาลที่เริ่มต้นโดยจักรพรรดิมนุษย์เมื่อล้านปีก่อน
แต่จักรพรรดิมนุษย์ควรถูกตำหนิสำหรับเรื่องทั้งหมดนี้หรือไม่? ก็ไม่
หากสงครามครั้งนั้นได้รับชัยชนะ เผ่ามนุษย์จะได้ยืนบนจุดสูงสุดของจักรวาล
พวกเขาจะได้ต้อนรับยุคทองที่ไม่เคยมีมาก่อน
แต่น่าเสียดายที่จักรพรรดิมนุษย์ และคนอื่นๆ ล้มเหลว
ผลก็คือ เผ่ามนุษย์ตกเป็นเป้าหมายของหลายเผ่าพันธุ์ในจักรวาล
เผ่ามนุษย์ได้ตกต่ำลงจากเผ่าพันธุ์ระดับสูงจนกลายเป็นเผ่าพันธุ์ระดับกลาง
กาแล็กซี่หลายแห่งถูกรุกราน และถูกยึดครองไป
อารมณ์ของหลี่เหวินซับซ้อน เขาไม่ได้ตำหนิจักรพรรดิมนุษย์ที่เลือกเส้นทางนี้
อีกฝ่ายมีความตั้งใจดีที่จะนำพาเผ่ามนุษย์ไปสู่ระดับที่สูงขึ้น
แต่น่าเสียดายที่มันล้มเหลว และทุกอย่างก็เลวร้ายลงนับตั้งแต่นั้นมา
…
เมืองมนุษย์ขนาดเล็ก เมืองพฤกษา
คนๆ หนึ่งที่ร่างถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีแดงสดลอยอยู่ในอากาศเบื้องหน้าเมืองแห่งนี้
คนๆ นี้คือเจ้าเมืองเกล็ดเพลิง ซึ่งเป็นสมาชิกเผ่าฮั่วหลิน
จุดประสงค์ของการมาที่นี่ของเขานั้นง่ายมากคือ การหยุดยั้งให้เมืองพฤกษาส่งคนไปช่วยเมืองเฮยจิ่ว
จู้หยาน เจ้าเมืองพฤกษาก็เข้าใจสถานการณ์ที่เป็นอยู่โดยธรรมชาติ
เขาทำได้เพียงถอนหายใจในใจ
“หลี่เหวิน ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากไป แต่ไปไม่ได้ต่างหาก”
ที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากสถานการณ์เดียวกัน มีเมืองมนุษย์อีกแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กับเมืองเฮยจิ่ว
นั้นคือ เมืองเย่หลิว
ด้านหน้าของเมือง พวกเขาถูกผู้ฝึกฝนต่างเผ่าขวางทางเช่นเดียวกัน อีกฝ่ายเป็นสมาชิกคนหนึ่งของเผ่าฮั่วเย่
คนๆ นั้นมีผิวสีเขียวอ่อน แต่หัวมีสีแดงสดดูแปลกตา
มีเพียงคนเดียวที่ขวางทาง แต่ก็เป็นถึงเทพสวรรค์ นี่แสดงให้เห็นถึงทัศนคติของพวกเขาแล้ว
หากเจ้าคิดจะไปสนับสนุน เราจะหยุดยั้งให้ถึงที่สุด
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ทั้งเมืองพฤกษา และเมืองเย่หลิวที่เลือกที่จะส่งกำลังสริมออกไปก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก
ไมนับรวมสองเมืองนี้ ยังมีอีกเมืองหนึ่งที่ค่อนข้างอยู่ใกล้เมืองเฮยจิ่ว นั้นคือ เมืองเจ็ดดารา
หลี่เหวินได้ส่งข้อความขอความช่วยเหลือไปที่เมืองแห่งนี้ด้วย
ซุนซิง เจ้าเมืองเจ็ดดารากำลังจัดกำลังคนเพื่อออกไปช่วยสู้
แต่เมื่อเตรียมตัวได้ครึ่งทาง ลูกน้องคนหนึ่งของเขาก็มารายงานว่ามีเทพสวรรค์ต่างเผ่าคนหนึ่งมาปิดกั้นประตูเมือง
เมื่อได้ยิน ความโกรธของซุนซิงปะทุขึ้นในทันที
“บัดซบ พวกมันจะหยิ่งเกินไปแล้ว”
ซุนซิงโกรธมาก และขอให้คนของเขาเตรียมตัวต่อไป ในขณะที่เขาก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า และมุ่งไปที่ประตูเมือง
เมื่อไปถึง เขาก็ได้เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใคร นั้นคือเทพสวรรค์จากเมืองหงหยานที่เต็มไปด้วยทัศนคติที่หยิ่งผยอง
แค่คนเดียวกล้ามาปิดกั้นประตูเมืองของเขา
ซุนซิงผู้นี้จะอดกลั้นได้อย่างไร?
เขาเปิดการโจมตีในทันที
ดาบเพลิงพวยพุ่งออกมา และตัดผ่านท้องฟ้า
เทพสวรรค์จากเมืองหงหยานยังคงไม่เปลี่ยนสีหน้า และร่างกายของเขาเปล่งออร่าสีแดงออกมา
เขาโต้กลับ และปะทะเข้ากับการโจมตีของซุนซิง
การโจมตีของทั้งสองปะทะกันกลางอากาศ ระเบิด แล้วกลายเป็นความว่างเปล่า
“เจ้าเมืองซุน เจ้าอารมณ์ร้อนเสียจริง เมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็ขอตัวก่อน”
“แต่มีสิ่งเดียวที่เจ้าต้องจำเอาไว้ ถ้าเจ้าส่งคนไปช่วยเมืองเฮยจิ่ว ในอนาคตก็อย่าหาว่าเราหยาบคาย”
"ฮ่าๆๆ"
หลังจากที่พูดจบ เขาก็บินจากไป เพราะไม่อยากเข้าไปพัวพันกับซุนซิงมากเกินไปกว่านี้
แม้ซุนซิงขะแข็งแกร่ง แต่เขาทำได้เพียงเฝ้าดูอีกฝ่ายจากไป และทำอะไรไม่ได้มาก
สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกโกรธ และไม่มีหนทางใดที่จะระบายความโกรธนี้ได้
"บ้าเอ๊ย!"
"คอยดูเถอะ ข้าจะให้เจ้าต้องชดใช้สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้อย่างสาสม"
ซุนซิงไม่เต็มใจ แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่น
ในการต่อสู้เมื่อล้านปีก่อน เผ่ามนุษย์ไม่เพียงแต่สูญเสียพันธมิตรทั้งหมดเท่านั้น แต่แหล่งทรัพยากรจำนวนมากก็ถูกแย่งชิงไป
ผลกระทบนั้นใหญ่หลวงมากจนเผ่ามนุษย์ตกต่ำลงนับจากนั้น
ดวงตาของซุนซิงลุกเป็นไฟ
เขาไม่ได้ตำหนิจักรพรรดิมนุษย์ เขาแค่โทษตัวเองที่อ่อนแอเกินไป
เขาเชื่อว่าเผ่ามนุษย์จะต้องผงาดขึ้นอีกครั้งได้อย่างแน่นอน