Chapter 1440 เขตแดนลับขั้นสามถูกลบ
ก่อนหน้าที่จุนซ่างเซียวจะมาช่วย แม้นว่าจะจัดการราชามารหมอกทมิฬให้เข้าไปในประตูความตายได้แล้ว ทว่าก็ไม่สามารถแก้วิกฤติได้ เพราะว่าหมอกมารรุนแรงมากขึ้นเป็นอย่างมาก.
“อ๊ากก!”
เซียวจุ้ยจื่อที่คุกเข่าลงบนพื้น ใบหน้าบิดเบี้ยวไปมา.
ได้รับการโจมตีของราชามารหมอกทมิฬไป ถึงจะป้องกันพลังโจมตีกายภาพได้ ทว่าพลังโจมตีทางวิญญาณทำให้เขาเจ็บปวดไปทั่วจิตใจ.
หลี่ชิงหยาง เย่ซิงเฉินและคนอื่น ๆ ก็เช่นกัน.
ในป่าหมอกทมิฬ สิ่งที่อันตรายไม่ใช่แค่สัตว์อสูร หรือราชามาร แต่เป็นหมอกมารที่กัดกร่อนจิตใจต่างหาก.
“กึก!”
ขณะที่ทุกคนกำลังต้านทานปราณมารอย่างบ้าคลั่ง แทบสิ้นสตินั้น ลู่เชียนเชียนที่โบกมือทำสัญลักษณ์ “ผลึกน้ำแข้งคุ้มร่าง ต้านภัยพานร้อยแปด.”
“วูซซซซ!”
บนพื้นที่ปรากฏอักขระที่เหมือนกับดอกบัวผุดโผล่ขึ้นมาปกคลุมทุกคนเอาไว้อย่างรวดเร็ว.
“ฟู่ ฟู่!”
ไอเย็นที่ปะทุขึ้นมาไม่หยุด.
ถูกคนที่ถูกผนึกปกคลุมขณะรอบ ๆ ปรากฏชั้นน้ำแข็ง.
“ศิษย์พี่หญิงใหญ่......”
หลี่ชิงหยางที่ตะโกนออกมา.
“ไม่ต้องเอ่ยอะไร.”ลู่เชียนเชียนที่เอ่ยกับเขา “ข้าจะปกป้องพวกเจ้าจนกว่าหมอกจะจาง.”
ร่างของทุกคนที่ถูกชั้นน้ำแข็งปกคุลม สัมผัสรู้สึกเหมือนกับถูกโอบอุ้มด้วยสายลมใบไม้ผลิ.
“ฟิ้ว----”
ในเวลานั้น ไอเย็นที่เป็นเหมือนกับฉากกั้น กระจายไปรอบ ๆ สร้างม่านพลังที่เหมือนกับกระจกบานใหญ่ขึ้นปกคลุมทุกทิศทาง.
“แก๊ก แก๊ก แก๊ก!”
“แก๊ก แก๊ก แก๊ก!”
คนทั้งห้าอยู่ในชั้นน้ำแข็งหนายากที่ปราณมารจะทะลวงผ่าน.
พวกเขาอยู่ใต้ชั้นน้ำแข็ง ซึ่งทำให้พวกเขาปลอดภัยจากปราณมารกัดกร่อน.
อย่างไรก็ตาม ชั้นน้ำแข็งจะสามารถทนได้จนถึงหมอกจางหรือไม่?
แน่นอน.
ดูเหมือนว่าจะเป็นทักษะป้องกันที่ไม่ธรรมดา.
“คงจะทนได้สิบชั่วยามอย่างไม่มีปัญหา ทว่า...”ลู่เชียนเชียนในผนึกลอบคิดในใจ“คงต้องจ่ายไปด้วยราคามหาศาล.”
อย่างไรก็ตาม.
มีสิ่งที่นางคาดไม่ถึง เพียงแค่สองชั่วยามเท่านั้น ปราณมารก็ลดลงเรื่อย ๆ ในระดับที่ไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้ ดังนั้นนางจึงยกเลิกผลึกน้ำแข็งคุ้มภัย.
การปกป้องพวกเดียวกัน แม้นว่าจะไม่นาน ทว่าปราณมารที่โจมตีไม่หยุดหย่อน ย่อมสร้างความเสียหายให้กับลู่เชียนเชียนไม่น้อย ดังนั้นหลังจากปลดผนึก นางจึงกระอักโลหิตหมดสติไป.
“ศิษย์พี่หญิงใหญ่!”
หลิงหยวนเสวี๋ยและศิษย์สตรีคนอื่น ๆ วิ่งเข้ามารับ.
จุนซ่างเซียวที่วางใจ แม้นว่าศิษย์หญิงใหญ่จะหมดสติ ทว่าชีพจรยังคงเต้นอยู่ ดูเหมือนว่าจะบาดเจ็บไม่มากนัก.
“เจ้านิกาย......”
หลี่ชิงหยางเอ่ยอึกอัก.
เห็นศิษย์ของตัวเองอยู่ในสภาวะลำบาก ภายในใจรู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย จุนซ่างเซียวกำหมัดแน่น เอ่ยออกมาเสียงดัง“ดูดหมอกมารเหล่านี้ให้หมด แล้วเผาป่านี้ให้เปิ่นจั้วซะ!”
“รับทราบ!”
ศิษย์ทุกคนที่ลงมือทันที!
“ฮู่ ฮู่-----”
สายลมที่โบกพัดไปทั่วป่าหมอกมาร เสียงร้องโหยหวนที่ดังไม่หยุดหย่อน.
......
หลังจากผ่านไปสองชั่วยาม.
ภายใต้การทำงานอย่างแข็งขันของทุกคน ปราณมารภายในป่าหมอกมารก็หายไปทั้งหมด เวลานี้สมบัติฟ้าดินถูกเก็บไปจนเกลี้ยงเช่นกัน.
“ฟิ้ว!”
“ฟิ้ว!”
พวกหลี่ซ่างเทียนที่แยกย้ายไปเก็บสมบัติฟ้าดินและแร่ต่าง ๆ รอบ ๆ อย่างรวดเร็ว.
ภายใต้การรุกรานของโกวเซิ่ง เวลานี้เขตแดนต้องห้ามชั้นสามไม่เหลือแม้แต่หญ้าแม้แต่ต้นเดียว.
เหล่ากลุ่มชาวยุทธ์ที่มุมปากกระตุกไปตาม ๆ กัน.
หากไม่เห็นด้วยตาตัวเอง ใครจะคิดว่าที่นี่เคยเป็นเขตแดนต้องห้ามของพิภพเบื้องบน เพียงเวลาอันสั้นก็ถูกนิกายนิรันดรทำลายไป กลายเป็นประวัติศาสตร์เรียบร้อยแล้ว!
“เสี่ยวฮั่ว!”
“รับทราบ!”
จิตวิญญาณเพลิงที่พุ่งไปทั่วทิศ เปลวเพลิงที่รุนแรงลุกโชนท่วมพื้นที่ไปทั่ว.
“ฟู่ ฟู่!”
เปลวเพลิงที่ไหม้กินพื้นที่บริเวณหลายพันลี้ปกคลุมป่าหมอกมารทั้งหมด พลิงที่ลุกไหม้หนึ่งวันหนึ่งคืน จนพื้นดินกลายเป็นสีดำ.
กล้าทำร้ายศิษย์ของข้า จะต้องชดใช้ หนำซ้ำลู่เชียนเชียนที่กระอักโลหิต พวกหลี่ชิงหยางที่อยู่ในสภาพไม่สู้ดี ดังนั้นพื้นที่ต้องห้ามนี้ก็ไม่ต้องมีอีกต่อไป.
......
ภายใต้เปลวเพลิงที่รุนแรง ป่าหมอกทมิฬ พื้นที่ต้องห้ามชั้นสาม นับจากนี้ไม่มีในพิภพเบื้องบนอีกแล้ว จากนี้เป็นเพียงแค่ประวัติศาสตร์เท่านั้น.
ซึ่งสร้างทั้งความสุขและทุกข์ให้กับชาวยุทธ์ คนที่สุขก็คือคนที่ได้รับความสูญเสีย ส่วนคนที่ทุกข์ก็คือคนที่เศร้า ว่าหลังจากนี้ไม่มีสถานที่ให้ทำมาหากินแล้ว.
ไม่ว่าอย่างไร จุนซ่างเซียวที่ลงมือจัดการและนำทรัพยากรที่มีทั้งหมดกลับไป พวกเขาไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้เลย.
“เฮ้อ.”
ชาวยุทธ์ที่อยู่รอบ ๆ ได้แต่ส่ายหน้าไปมา เอ่ยออกไปว่า“พวกเราไป.”
ป่าหมอกมารไม่มีแล้ว ดูเหมือนว่าคงจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้ว.
อย่างไรก็ตาม พวกเขาต้องจดจำเอาไว้ นิกายนิรันดรสามารถดูดซับปราณมารได้ แม้แต่เผาไม้ทำลายป่าไปจนสิ้น ภายในใจยังคงตื่นตะลึงอยู่ไม่หาย.
“ช้าก่อน.”
หลี่ต้าตานที่กำลังจากไป จุนซ่างเซียวที่ได้เรียกเขาเอาไว้.
ในเมื่ออีกฝ่ายถึงกับกล้าเข้าไปในป่ากับเขาก่อนหน้านี้ แน่นอนเขาย่อมไม่ปฏิบัติกับอีกฝ่ายโดยไร้ความยุติธรรมได้ ดังนั้นจึงมอบ 20 ยาแก้พิษให้.
“ขอบคุณเจ้านิกายจุน!”
หลี่ต้าตานที่รู้สึกยินดีอย่างที่สุด ก่อนที่จะนำพรรคพวกจากไป.
ก่อนหน้านี้เขาต้องจ่ายไปถึงหกแสนศิลาเสวียนเพื่อเม็ดยาแก้พิษหกเม็ด ตอนนี้ได้มาถึง 20 เม็ด นี่มันโคตร ๆ กำไรเลยนี่นา เขาที่ต้องใช้ชีวิตบุกเข้าไปในเขตแดนลับตลอดหลายปี ย่อมเข้าใจถึงความสำคัญของเม็ดยาแก้พิษเป็นอย่างมาก.
“กลับนิกาย.”
“ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!”
ศิษย์ของเขาที่เรียกปีกแสงเจ็ดสีอำไพบินกลับนิกายนิรันดรทันที ทิ้งไว้เพียงแค่พื้นที่สีดำที่เต็มไปด้วยควันลอยขโมง.
......
ข่าวป่าหมอกมารถูกทำลาย ได้กระจายไปทั่วพิภพเบื้องบน สั่นสะเทือนไปทั่วหล้าอีกครั้ง.
เขตแดนต้องห้ามระดับสาม ถึงจะไม่ได้สูง ทว่าก็คงอยู่มาหลายปีแล้ว คาดไม่ถึงแม้แต่น้อยจะถูกนิกายนิรันดรทำลายไป เรื่องนี้เหลือเชื่อจริง ๆ!
โถงพิภพได้รับข่าวเช่นกัน ทว่ากับไม่ได้สนใจอะไรนัก.
เรื่องที่โกวเซิ่งทำลายหนึ่งนิกายไป พวกเขายังทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้ทำลายเขตแดนต้องห้ามไป จะเอ่ยอะไรออกไปล่ะ นอกจากนี้ยังไม่มีข้อห้ามไม่ให้ทำลายอีกด้วย.
ถ้ำสวรรค์จื่อเต๋า.
เจิ้นเหรินตงกู่นั่งอยู่ที่ด้านหน้ากระดานหมอก หัวเราะออกมาเสียงดัง“ศิษย์ข้ามีความสามารถเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าจะสามารถทำลายเขตแดนต้องห้ามชั้นสามได้.”
“กึก.”
เจิ้นเหรินฉีเยว่ที่วางหมากลงบนกระดาน ส่ายหน้าไปมา “ศิษย์ของเจ้ากล้าทำลายเขตแดนต้องห้ามวันนี้ พรุ่งนี้อาจจะกล้าทำลายโถงพิภพอีกก็ได้ ไม่รู้ว่าเจ้าจะยังหัวเราะได้ใหม.”
“......”
เจิ้นเหรินตงกู่ถึงกับหัวเราะค้างไปในทันที.
เจิ้นเหรินฉีเยว่เอ่ย “เท่าที่ข้ารู้ ศิษย์ทั้งห้าของเขาเข้าไปหาประสบการณ์ในป่าหมอกมาร พบเข้ากับราชามารหมอกทมิฬ.”
“หืม?”
เจิ้นเหรินตงกู่ที่ค่อนข้างประหลาดใจ“มารนั่นไม่ได้ถูกผนึกเอาไว้แล้วหรอกรึ?”
“ในเมื่อสามารถผนึกได้ แน่นอนว่าย่อมมีคนคลายได้เช่นกัน.”เจิ้นเหรินฉีเยว่ที่วางหมากอีกตัวลงบนกระดาษ จ้องมองอีกฝ่ายส่งสัญญาณเป็นนัย.
ทั้งสองที่เป็นคนที่รู้จักกันมาหลายปี เพียงแค่อีกฝ่ายจ้องมองมาก็เข้าใจแล้ว ดังนั้นใบหน้าของอีกฝ่ายจึงกลายเป็นมืดครึ้ม “เจ้าบอกว่าศิษย์ของข้ากำลังถูกพวกเขาจับจ้องอยู่งั้นรึ?”
“ราชาหมอกมารใครเป็นคนผนึกล่ะ?”เจิ้นเหรินฉีเยว่เอ่ย.
“โถงพิภพไงล่ะ!”
เจิ้นเหรินตงกู่ที่วางหมากลงบนกระดานเสียงดัง เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ดีมาก คาดไม่ถึงจะกล้าวางแผนร้ายกับศิษย์ข้า!”
“หากข้าคาดเดาไม่ผิด น่าจะมีใครบางคนขุดหลุมพลางเอาไว้”เจิ้นเหรินฉีเยว่เอ่ย.
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
“ง่าย ๆ มีใครบางคนต้องการให้เจ้าโกรธเกรี้ยวโถงพิภพ.”
“......”
เจิ้นเหรินตงกู่ที่ยกมือตบหน้าผากเอ่ยออกมาว่า“ไม่ไหว ไม่ไหว เจ้าพูดจนทำให้ข้ามึนไปหมดแล้ว.”
“ดูเหมือนว่าโถงพิภพก็เป็นแค่หมากเท่านั้น มีอะไรมากมายซ่อนอยู่.”เจิ้นเหรินฉีเยว่ที่สะบัดมือวางหมากขาวกินหมากดำไปในทันที “ดูเหมือนว่ามีใครบางคนกำลังค่อย ๆ ขับเคลื่อนให้เกิดความวุ่นวาย.”
“ควรค่าเป็นยอดฝีมือวิถีหมาก.”เจิ้นเหรินตงกู่เอ่ย “คำพูดเจ้าลึกล้ำ จนทำให้ข้าคิดไม่ถึง.”
“เจ้าไม่เข้าใจรึ?”
“ไม่เข้าใจ.”
“หมากเกมนี้ยังต้องรอดูกันอีกยาว.”
“แล้วเจ้าจะไม่อธิบายหน่อยรึ?”
“ข้าก็ยังมองไม่เห็นชัดนัก แล้วจะอธิบายยังไง ตาเจ้าแล้ว!”
“เดี๋ยวนะ ไม่ใช่สิ ก่อนหน้านี้มันไม่ได้เป็นแบบนี้ เจ้าถอยคืนไปตาหนึ่ง!”
“ผายลม มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้ว!”