Chapter 1436 ป่าหมอกมาร
ไม่ต้องถามว่าพิภพเบื้องบนใหญ่แค่ใหน ไม่มีใครรู้.
อย่างไรก็ตาม มีสิ่งหนึ่งที่คล้าย ๆ กับทวีปชิงหยุน คือมีเขตแดนต้องห้ามมากมาย ไม่เพียงมีอันตรายนับไม่ถ้วน ยังมีโอกาสมากมายซ่อนอยู่ด้วยเช่นกัน.
กล่าวได้ว่าในพื้นที่ลับไม่ค่อยมีคนไปเยือนนั้นมีสมบัติฟ้าดินมากมาย เหล่าชาวยุทธ์ไม่น้อยที่แสวงหา ทั้งได้รับและเอาชีวิตไปทิ้งมากมาย.
โอกาสวาสนาที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง มีทั้งคนสำเร็จและคนที่ต้องตกตายไปเป็นธรรมดา.
ห่างออกไปจากนิกายนิรันดรหลายพันลี้ บนเทือกเขาแห่งหนึ่งที่ปกคลุมด้วยหมอกหนา ในเวลานี้มีชาวยุทธ์หลายพันคนมารวมตัวกันที่ด้านหน้าทางเข้า.
ป่าหมอกมาร.
หนึ่งเขตแดนต้องห้ามของพิภพเบื้องบน.
สถานที่แห่งนี้ถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาทั้งเดือนทั้งปี ความสามารถทางจิตสัมผัสมีขีดจำกัด.
นี่คือเขตแดนต้องห้ามที่อันตรายไม่น้อย หากจัดระดับเขตแดนต้องห้าม มีระดับหนึ่ง สอง สาม จากสูงไปต่ำ ป่าหมอกมารควรถูกจัดเอาไว้ลำดับที่สาม.
เพราะว่าเป็นเขตแดนต้องห้ามระดับต่ำ ดังนั้นเหล่าคนที่มารวมตัวกันนั้น ส่วนมากจะเป็นระดับสะบั้นมิติ และมีคนที่เพิ่งก้าวไปถึงระดับหมุนแกนด้วยประปราย.
เขตแดนต้องห้ามของพิภพเบื้องบน มีการจัดระดับ ทุกคนต่างก็รู้ดี ดังนั้นจึงแบ่งแยกระดับพลังของคนเข้าร่วม.
หากป่าหมอกมารอยู่ในระดับสองละก็ เหล่าชาวยุทธ์ที่มารวมตัวกันต้องเป็นระดับหมุนแกน แม้แต่มีระดับ 5-6 แกนหมุน.
โอ้ว ใช่.
แม้นว่าถ้ำราชาอสูรรอบนอกนั้นไม่ได้ถูกจัดเป็นเขตแดนหวงห้าม ทว่าหากเข้าไปพื้นที่ลึกด้านในจะเป็นสถานที่ต้องห้ามทันที และยังเทียบได้กับเขตแดนต้องห้ามชั้นสองอีกด้วย.
หลังจากที่เซียวจุ้ยจื่อและเย่ซิงเฉินรับรู้การจัดระดับเขตแดนต้องห้าม ก็อดสวดส่งถางจู่จื่อไม่ได้เลย.
“พี่ใหญ่.”
ในเวลานั้นชาวยุทธ์หนุ่มผู้หนึ่งที่ยืนรอ อดเอ่ยออกไปไม่ได้ “พวกเราจะเข้าไปตอนใหนรึ?”
“รอให้หมอกจางลงกว่านี้หน่อย.
ชายวัยกลางคนที่เหมือนว่า จะเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์เอ่ย.
ป่าหมอกมารนั้นหมอกจะหนาและจางเป็นเวลาที่แน่นอน เหล่าชาวยุทธ์ที่มีประสบการณ์ย่อมรับรู้ช่วงเวลาที่เหมาะจะเข้าไป.
“จำเอาไว้ให้มั่น!”
ชายวัยกลางคนที่กล่าวย้ำเตือน “พวกเรามีเวลาค้นหาทรัพยากรสองชั่วยาม ไม่ว่าเจ้าจะได้รับอะไรกลับมาหรือไม่ จะต้องกลับมายังเส้นทางเดิมที่เข้าไปในทันที.”
“ทราบแล้ว!”
ผู้ฝึกยุทธ์หนุ่มที่กล่าวตอบรับอย่างว่าง่าย.
พวกเขารู้ดี หมอกที่จางลงเพียงสองชั่วยามเท่านั้น หากเลยเวลาไปหมอกจะหนาขึ้นเท่าทวีคูณ หากไม่ถอยหลับมา จะถูกปราณมารกัดกร่อนจิตใจ สูญเสียทิศทาง แม้แต่กลายเป็นผีดิบอีกด้วย.
ด้วยเหตุนี้ ป่าหมอกมาร จึงถูกจัดเป็นพื้นที่ต้องห้ามนั่นเอง.
แตกต่างจากถ้ำราชาอสูรหากไม่เข้าไปลึก ก็ยังสามารถเก็บประสบการณ์ได้ ดังนั้นจึงไม่ถูกจัดอันดับความอันตรายรอบนอกนั่นเอง.
เวลาที่ผ่านไปช้า ๆ ราว ๆ ครึ่งชั่วยาม หมอกก็เริ่มอ่อนลง แสงบนท้องฟ้าเริ่มส่องลงมาบนพื้นดินได้.
แม้นว่าหมอกจะจางลง ทว่าทัศนวิสัยก็ยังคงแย่ แต่ก็คือช่วงเวลาที่จะเข้าไป.
“ไป!”
“ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!”
ในเวลาต่อมา ผู้คนที่เริ่มเข้าไปด้านใน.
หลังจากที่ทุกคนเริ่มเคลื่อนไหว ศิษย์หลักนิกายนิรันดรก็มาถึง นำโดยลู่เชียนเชียน.
หลี่ชิงหยางที่นำแผนที่ออกมา หลังจากที่ตรวจสอบสภาพแวดล้อม เอ่ยออกมาอย่างมั่นใจ“ที่นี่คือป่าหมอกมารที่ระบุเอาไว้ในแผนที่.”
“แก๊ก แก๊ก!”
เซียวจุ้ยจื่อส่ายศีรษะยืดเส้นยืดสายขยับข้อต่อเสียงดังกึกกัก.
เย่ซิงเฉินเอ่ยออกมาเล็กน้อย “ที่นี่คือเขตแดนต้องห้ามชั้นสาม จะพอให้อุ่นเครื่องรึ?”
“ศิษย์น้องเย่.”
หลี่ชิงหยางเอ่ย “ที่นี่มีหมอกมารที่มีฤทธิ์กัดกร่อนจิตใจได้ อาจทำให้เสียสติ หลังจากพวกเราเข้าไปจะต้องระมัดระวังให้ดี.”
“ไม่ผิด.”
เหออู๋ตี้เอ่ยกล่าวอย่างจริงจัง “ในเมื่อถูกจัดให้เป็นเขตแดนหวงห้าม ก็ถือว่าเป็นพื้นที่อันตรายเป็นอย่างมาก พวกเราไม่ควรประมาท.”
“ไป.”
ลู่เชียนเชียนเอ่ย “ไป.”
ก่อนหน้านี้หลี่ชิงหยางและคนอื่น ๆ ทำภารกิจ จะเต็มไปด้วยบรรยากาศรื่นเริงสนุกสนาน ตอนนี้มีศิษย์พี่หญิงใหญ่มาด้วย ทำให้การเดินทางค่อนข้างเงียบเย็นยะเยือบ บรรยากาศดูอักอ่วน.
“ฟิ้ว!”
“ฟิ้ว!”
ทั้งห้าที่เข้าไปในป่าหมอกมารทันที ทว่าขณะเข้าไปก็พบกับใบไม้ที่แห้งเหี่ยวร่วงเต็มบนพื้น แม้แต่พบว่าหมอกนั้นผสมด้วยพลังมืด ปราณมารที่พยายามรุกรานเข้ามาในร่างกาย.
“โคจรพลัง ระงับและจัดการปราณมารไว้.”
ระหว่างที่ลู่เชียนเชียนเอ่ย ภายในร่างที่แผ่ไอเย็นออกมา ทำให้พื้นที่ใกล้เคียงกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็งขึ้นมาทันที.
หมอกที่จับตัวกลายเป็นไอน้ำ เวลานี้กลายเป็นเกล็ดน้ำแข็งไปแล้ว.
หลี่ชิงหยาง และพวกเย่ซิงเฉินต่างก็โคจรพลัง ป้องกันพลังธาตุมืดเอาไว้.
ดูเหมือนว่าเซียวจุ้ยจื่อจะร้ายกาจที่สุด ไม่ต้องปลดปล่อยพัง ทว่าปราณมารก็ไม่สามารถผ่านร่างกายที่แข็งดังเหล็กกล้าเข้าไปได้.
“ไป.”
ทั้งห้าที่ก้าวตรงเข้าไปด้านใน.
......
ป่าหมอกมารนั้นกว้างมาก ดังนั้นผู้คนมากมายที่รวมตัวกันก่อนหน้านี้เพียงไม่นานก็กระจัดกระจายออกจากกันจนแทบมองไม่เห็นกัน.
แล้วพวกเขามาหาอะไร?
สมบัติฟ้าดินมากมายหรือแร่ธรรมชาติ.
กับสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย ผู้คนไม่ค่อยมากัน ทำให้มีสมบัติธรรมชาติมากมาย.
“พี่ใหญ่!”
ผู้ฝึกยุทธ์หนุ่มชี้ไปยังศิลายักษ์เอ่ยออกมาด้วยความตื่นเต้น “เห็ดหยกดำ....”
คนที่อยู่ข้าง ๆ เร่งรีบปิดปากของเขาทันที พร้อมกับกล่าวเสียงเบา “ตะโกนเสียงดัง กลัวคนอื่นไม่ได้ยินรึยังไง?”
ภายในเขตแดนต้องห้ามนั้นไม่ใช่เพียงแค่สัตว์อสูรเท่านั้นที่น่ากลัว ทว่าเหล่าชาวยุทธ์คนอื่น ๆ เองก็น่าหวาดกลัวไม่แพ้กัน เพราะการฆ่าชิงทรัพย์นั้นเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา.
ชายวัยกลางคนที่ถูกเรียกว่าพี่ใหญ่ นำถุงมือพิเศษออกมา พร้อมกับขุดเห็ดหยกดำ กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “โชคไม่เลว เพิ่งเข้ามาก็ได้สมบัติแล้ว.”
“พี่ใหญ่ สิ่งนี้ข้าเห็นเป็นคนแรก หากขายแล้วข้าจะได้ส่วนแบ่งไหม?”ชายหนุ่มเอ่ย.
“วางใจได้.”
ชายที่ถูกเรียกว่าพี่ใหญ่เอ่ย “คนที่ติดตามข้าย่อมได้กินเนื้อกันทุกคน.”ค้นหารอบ ๆ ให้ดี เห็นอะไรแล้วแจ้งมา!”
“รับทราบ!”
ผู้คนที่แยกย้ายออกไปอย่างรวดเร็ว เพื่อค้นหารอบ ๆ ต้นไม้ใหญ่และซอกศิลา.
“หืม?”
ผู้ฝึกยุทธ์หนุ่มที่พบว่าที่ศิลาก้อนยักษ์นั้นมีเงา ๆ หนึ่งอยู่ ดังนั้นจึงวิ่งเข้าไป ทว่าเมื่อเข้าใกล้ เงาดังกล่าวก็พุ่งเข้ามาทันที ก่อนที่จะอ้าปากกัดไปที่แขนขวาของเขาอย่างดุร้าย.
“อ๊ากกกกก!”
เสียงร้องเจ็บปวดทรมาน ที่ดังก้องไปทั่วป่า.
“แย่แล้ว!”
“มิ้งพิษเกล็ดดำ!”
“ฟิ้ว!”
บุรุษที่ถูกเรียกว่าพี่ใหญ่ยิงลูกศรออกไป ยิงทะลุหลังของมิงค์พิษทันที.
“อ๊ากกกก!”
แม้นว่ามิ้งค์พิษเกล็ดดำจะถูกสังหารไปแล้ว ทว่าพิษกัดกร่อนจิตใจ ยังคงรุกเร้าแผ่ออกไปทั่วร่างของชาวยุทธ์หนุ่มอย่างรวดเร็ว.
เหล่าเพื่อนร่วมทีมคนอื่น ๆ ที่หลบเลี่ยง เผยแววตาหวาดกลัวออกมา.
มิงค์พิษเกล็ดดำนั้นไม่ได้แข็งแกร่งนัก ทว่าเพราะมันอาศัยอยู่ในป่าหมอกมารมาหลายปี น้ำลายของมันจึงเต็มไปด้วยพิษที่รุนแรง เมื่อมันกัดทะลุผิวหนังผสมกับโลหิตของเป้าหมายแล้ว ย่อมกัดกร่อนไปทั่วร่างกายและจิตใจ.
“พี่...พี่ใหญ่...ช่วยข้า...”เสียงของชาวยุทธ์หนุ่มที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดดิ้นทุรนทุราย.
“จบแล้ว!”
บางคนที่เอ่ยด้วยความเจ็บปวด “ช่วยไม่ได้แล้ว.”
ชายวัยกลางคนที่เข้ามายังป่าหมอกมารมาหลายครั้งแล้ว รับรู้ความรุนแรงของพิษดี หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง แววตาของเขาที่กลายเป็นตัดสินใจเด็ดขาด“น้องชาย ข้าขอโทษด้วย!”
“ฟิ้ว!”
ริ้วแสงกระบี่ที่สว่างวาบ พุ่งออกไปทันที.
ชายหนุ่มที่ถูกพิษมิ้งพิษเกล็ดดำที่ดิ้นไปมาอย่างบ้าคลั่ง ทว่าพิษยังไม่ทำลายจิตใจของเขาไปอย่างสมบูรณ์ เวลานี้กำลังถูกสังหารเขาที่ดิ้นรนอย่างหนัก.
“ไม่....”
ชาวยุทธ์หนุ่มที่ตะโกนด้วยความหดหู่สิ้นหวัง.
“ติ๊ง!”
ในเวลานั้น มือข้างหนึ่งที่ยื่นออกมา คว้าคมกระบี่ของอีกฝ่ายไว้ทันที.
บุรุษที่ถูกเรียกว่าพี่ใหญ่ใบหน้าเปลี่ยนสีด้วยความตกใจ.
ใช้มือเปล่ารับคมกระบี่.
ทว่าเขาที่สัมผัสได้ว่า กระบี่ในมือของเขานั้นราวกับฟันเข้ากับอาวุธที่มีความแข็งแกร่งไม่ต่างกัน.
“เขา.”
เซียวจุ้ยจื่อที่ยืนขวาง มือที่แข็งแกร่งคว้าคมกระบี่เอาไว้ เอ่ยออกมาเล็กน้อย “ยังสามารถช่วยได้.”
จากนั้น เขาที่เดินไปยังร่างของผู้ฝึกยุทธ์หนุ่ม พร้อมกับกุมที่แก้ม พร้อมกับส่งยาเข้าไปในปาก.
ในเวลานั้นชายที่ถูกเรียกว่าพี่ใหญ่และคนอื่น ๆ ต่างก็อ้าปากค้างด้วยความตื่นตะลึง.
พิษของมิ้งพิษเกล็ดดำนั้นรุนแรงมาก นี่ยังกล้าบอกว่าแก้พิษได้อีกรึ?!
“ฟู่ ฟู่!”
ในเวลานั้น หลังจากชายหนุ่มกินยาแก้พิษไปแล้ว ร่างกายที่พ่นไอสีดำออกมา แม้แต่บาดแผลของเขาก็ถูกฟื้นฟูลบโลหิตและสลายส่วนสีดำบนแผลไปจนสิ้น.
“พี่ใหญ่!”
ใครบางคนที่อุทานด้วยความตกใจ “พิษสลายไปแล้ว!”
“เหลือเชื่อ เหลื่อเชื่อเกินไปแล้ว!”ชายวัยกลางคนที่ดวงตาแทบหลุดจากเบ้า.
เขาที่เข้าป่าต้องห้ามมาตั้งแต่สมัยหนุ่ม ๆ แน่นอนว่าย่อมคุ้นเคยกับยาแก้พิษนับไม่ถ้วน.
สำหรับ พิษของมิ้งค์พิษเกล็ดดำนั่น มีเพียงแค่คนที่มีพลังบ่มเพาะสูงเท่านั้น จึงจะสามารถขจัดพิษได้ ตอนนี้เพียงแค่กินยาก็แก้พิษได้แล้ว มันจะลึกล้ำเกินไปหรือไม่!
“อักก!”
ชายหนุ่มที่กระอั๊กโลหิตสีดำออก พิษทั้งร่างกายได้หายไปแล้ว ใบหน้าที่ฟื้นคืนสีโลหิต ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยความหวาดกลัว “ข้า....ข้ายังมีชีวิตอยู่.....ข้ายังไม่ตาย....”
ชายวัยกลางคนที่ยกมือประสาน เอ่ย“ขอบคุณ สหายน้อยที่ช่วยเหลือ.”
“ช่วยเหลือผู้คน เป็นเป้าหมายนิกายข้า.”คำพูดของเซียวจุ้ยจื่อที่ราวกับเปล่งรัศมีพระแม่มารี ทว่า วินาทีถัดมา “ยาเม็ดนี้ราคาหนึ่งแสนศิลาเสวียน โปรดจ่ายมา.”
“เอิ่ม....”
ชายที่ถูกเรียกว่าพี่ใหญ่ถึงกับกลายเป็นเหรอหราขึ้นมาทันที.
“แน่นอน.”
เซียวจุ้ยจื่อเอ่ย “หากเจ้าไม่จ่าย ต้องยอมรับผลหลังจากนี้.”
“กึก!”
“กึก!”
เย่ซิงเฉินและเหออู๋ตี้ก้าวออกมา.
ทั้งสองคนที่ยืนประจันหน้าผู้ฝึกยุทธ์อีกสิบคน แววตาเต็มไปด้วยเจตจำนงแห่งการสังหารที่รุนแรง!
“!”
“ข้าจ่าย!”
ชายที่ถูกเรียกว่าพี่ใหญ่เอ่ยออกมาทันที พร้อมกับโบกมือจ่ายศิลาเสวียนหนึ่งแสนออกไป.
แม้นว่าจะเป็นจำนวนไม่น้อย ทว่าเทียบกับชีวิตที่เหลืออยู่อีกฝ่าย ก็ไม่ถือว่าขาดทุน อาจเรียกได้ว่ากำไรด้วยซ้ำ.
หลังจากเก็บเงิน เซียวจุ้ยจื่อเอ่ยออกมาว่า“ข้ามียาแก้พิษอีกสิบเม็ด สามารถแก้พิษได้มากกว่าสองพันชนิด หากเจ้าซื้อทั้งหมด ข้าจะลดให้สิบเปอเซ็น.”
“......”
ชายวัยกลางคนแทบทรุดไปกับพื้น.
“แน่นอน.”
เซียวจุ้ยจื่อเอ่ย “ข้าไม่บังคับเจ้าซื้อแต่อย่างใด.”
จากนั้น ก็หันหลังเตรียมจากไป.
“ช้าก่อน!”
ชายที่ถูกเรียกว่าพี่ใหญ่เอ่ย “เม็ดยาของเจ้าสามารถแก้พิษได้หลายพันชนิดจริง ๆ รึ?”
เซียวจุ้ยจื่อหยุดและหันกลับมา พร้อมกับนำตรานิกายออกมาแสดง เอ่ยออกมาว่า“เจ้าคิดว่าข้าต้องการหลอกลวงเจ้ารึไง?”
ชายที่ถูกเรียกว่าพี่ใหญ่ที่อุทานด้วยความตกใจ“ศิษย์นิกายนิรันดร!”
แน่นอนว่าเขาเองได้ยินมาบ้าง เกี่ยวกับนิกายนิรันดร ดูเหมือนว่าจะเปิดร้านขายยานิรันดรในหลายเมืองขนาดใหญ่ เป็นหนึ่งในนิกายที่มีชื่อเสียงไม่น้อย.
รู้แล้ว!
เม็ดยาถอนพิษที่น้องชายเขากินก่อนหน้านี้ จะต้องเป็นเม็ดยาจากร้ายขายยานิรันดรอย่างแน่นอน.
ผิดแล้ว.
เม็ดยาที่สามารถถอนพิษได้หลายพันชนิดนี้ไม่ได้มาจากร้านขายยานิรันดร ทว่ามาจากโถงพิษ โดยถางจู่เหมียวไซเฟิงต่างหาก.
แม้นว่าสตรีนางนี้จะไม่ค่อยปรากฏตัว ทว่าหลายสิบปีมานี้ นางได้ศึกษาวิถีพิษอย่างจริงจัง เข้าใจเกี่ยวกับพิษอย่างลึกซึ้ง แม้แต่สร้างยาถอนพิษพิเศษนี้ขึ้นมาได้.
หลี่ชิงหยางเป็นคนระมัดระวัง ก่อนที่จะออกจากนิกาย จึงได้เดินทางไปยังหอพิษ และนำยาถอนพิษออกมาเป็นจำนวนไม่น้อย.
“ตกลง!”
บุรุษที่ถูกเรียกว่าพี่ใหญ่เอ่ย “ข้าซื้อห้าเม็ด!”
“ห้าเม็ดไม่ลดนะ.”
“......”
ชายวัยกลางคนที่นำศิลาเสวียนห้าแสนออกมา ซื้อเม็ดยาถอนพิษห้าเม็ด.
เขาที่ไม่สงสัยในประสิทธิผลของเม็ดยาแน่นอน อย่างแรก น้องชายลูกพี่ลูกน้องของเขาหายเป็นปลิดทิ้ง อย่างที่สอง เบื้องหลังนิกายนิรันดรคือเจิ้นเหรินตงกู่ ไม่ควรจะเป็นคนหลอกลวง!
“ขอลา!”
เซียวจุ้ยจื่อที่หันหลังและเดินจากไป.
เย่ซิงเฉินและเหออู๋ตี้ทื่คืนร่างสภาพมนุษย์จากสภาวะปิศาจก่อนหน้านี้.
“ศิษย์พี่หญิงใหญ่.”
ระหว่างทาง เซียวจุ้ยจื่อเผยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ขายเม็ดยาถอนพิษได้จริง ๆ ด้วย!”
ในเวลานั้น เขาไม่ได้คิดที่จะเข้าไปช่วยเหลือแต่อย่างใด ต้องไม่ลืมว่าภายในเขตแดนต้องห้าม ทุกคนก็พร้อมที่จะตกตายตลอดเวลา ทว่าเขารับคำสั่งจากลู่เชียนเชียนให้ออกไปช่วย จากนั้นก็ฉวยโอกาสขายเม็ดยาถอนพิษ.
“กำไรน้อยเกินไป.”
ลู่เชียนเชียนเอ่ย “ครั้งหน้าให้ขายเม็ดล่ะ 200,000”
“......”
หลี่ชิงหยางและคนอื่นลอบคิดในใจ“นี่ยังน้อยอีกเหรอ!”
......
“อ๊ากกกก!”
“ข้าถูกมิงค์พิษกัด!”
ทีมสำรวจทีมอื่น มีคนโชคร้ายถูกมิ้งค์พิษเกล็ดดำกัด พิษเข้าสู่ร่าง เขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก.
ในสถานการณ์เช่นนั้น เพื่อนร่วมทีมทำได้เพียงแค่ทำใจหินสังหาร เพื่อให้อีกฝ่ายหลุดพ้นความเจ็บปวด ทว่าขณะจะลงมือ เซียวจุ้ยจื่อก็จะเผยตัวออกมาเป็นพระแม่มารี จัดการพิษ จากนั้น....ก็ไถเงิน.
หัวหน้าทีมนี่แทบร้องไห้.
เพื่อนร่วมทีมหายไปส่วนแบ่งก็น้อยลง ตอนนี้ถูกช่วยแล้วยังถูกรีดไถอีก.
“ไม่ให้รึ?”
เซียวจุ้ยจื่อที่ขมวดคิ้วไปมา.
“ฟู่ ฟู่!”
เย่ซิงเฉินและเหออู๋ตี้ที่ออกมาจากที่ซ่อน ข่มขู่จนหัวหน้าทีมจะต้องจ่ายสองแสนในทันที ขณะนั้นอีกฝ่ายที่ได้แต่ร้องโอดครวญ“บิดาเพิ่งเคยเห็นนี่ล่ะ ว่ามีคนมาทำธุรกิจในเขตแดนต้องห้าม!”
“กำไร 200,000.”
เซียวจุ้ยจื่อที่เผยยิ้ม “หากเจ้านิกายรู้จะต้องดีใจแน่ ๆ.”
หากจุนซ่างเซียวรู้ ไม่เพียงแค่ดีใจ ทว่าต้องรู้สึกซาบซึ้ง ที่ศิษย์สามารถคิดวิธีหาเงินได้ด้วยตัวเองแล้ว.
“ไป.”
ลู่เชียนเชียนเอ่ย “ด้านในมีคนมากมายรอให้พวกเราไปช่วย.”
“......”
หลี่ชิงหยางที่มุมปากกระตุก.
เขาที่นึกได้ ในอดีตที่เพิ่งเข้าร่วมสำนัก เมื่อครั้งที่จะช่วยเซียวจุ้ยจื่อศิษย์พี่หญิงใหญ่แตกต่างออกไปกับตอนนี้อย่างสิ้นเชิง แม้นว่าจะหาเงินจากการช่วยคนอื่น ทว่าอย่างน้อยจุดประสงค์ก็เหมือนกัน.
......
มิ้งค์พิษเกล็ดดำในป่าหมอกมารนั้นมีมากมาย เพราะว่ามันตัวเล็ก ดังนั้นผู้ฝึกยุทธ์จึงถูกลอบโจมตีได้ง่าย ๆ.
รอให้ผู้คนถูกกัด?
ไม่ต้องรีบ.
เซียวจุ้ยจื่อที่รอคอย เป็นเหมือนกับหมอผู้เปี่ยมล้นด้วยความเมตตา คอยช่วยเหลือผู้คนคน จากนั้น...ก็รีดไถค่ายาซะ หากใครไม่จ่ายก็ใช้กำลัง หลังจากได้รับเงินมาสองแสนศิลาเสวียนแล้วก็จากไปเงียบ ๆ .
หากซื้อยาถอนพิษจากร้านยา ราคาขายย่อมไม่มากนัก ทว่าที่นี่คือเขตแดนต้องห้ามที่มีพิษกระจายไปทุกที ชีวิตที่แขวนบนเส้นด้าย ดังนั้นจึงไม่มีใครปฏิเสธ เวลานี้พวกเขาสามารถหาเงินได้กว่าสามล้านศิลาเสวียนแล้ว.
หากโกวเซิ่งรู้ บางทีคงสั่งให้ศิษย์เตรียมยาแก้พิษ พร้อมตะเวนออกขายตามเขตแดนต้องห้ามต่าง ๆ ไปแล้ว.
แน่นอน.
พวกเขาไม่ได้คอยหาเงินอย่างเดียว ไม่ได้ลืมภารกิจ พวกเขาจะต้องเข้ามาสังหารสัตว์อสูรหมอกมารจำนวนหนึ่งร้อยตนนั่นเอง.
“แปลก.”
หลี่ชิงหยางเอ่ย “พวกเราเข้ามานานแล้ว ทำไมยังไม่พบเป้าหมาย?”
“ควรจะอยู่ในพื้นที่ลึกกว่านี้.”เหออู๋ตี้คาดเดา.
“กึก!”
เซียวจุ้ยจื่อที่ไปหยุดที่เห็นหยกดำที่มีขนาดเท่ากับลูกแตงโมยักษ์ “เจ้านี่ดูเหมือนว่าจะมีพิษ ถางจู่เหมียวจะชอบหรือไม่?”
เซียวจุ้ยจื่อที่เก็บเห็ดหยกดำเข้าไปในแหวนมิติ ในเวลานั้นพบว่าที่ฝ่ามือทั้งสองข้างมีสีดำเปื้อนอยู่.
ติดพิษไปแล้ว!
ไม่มีการป้องกัน เก็บเห็ดหยกดำด้วยมือเปล่า ไม่ติดพิษย่อมแปลก!
ทีมสำรวจทีมหนึ่งที่มองเห็นเซียวจุ้ยจื่อเก็บเห็ดด้วยมือเปล่า ถึงกับดวงตาเบิกกว้างขึ้นมาทันที.
“ศิษย์น้อง.”
หลี่ชิงหยางเอ่ย “เจ้าถูกพิษนะ.”
“อืม.”
เซียวจุ้ยจื่อที่พยักหน้ารับ.
“.....”
ผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ไกลออกไปแทบทรุดไปกับพื้น.
โหยพี่ชาย ในเมื่อรู้ว่าตัวเองติดพิษ ช่วยแสดงท่าทางทุกข์ร้อนหน่อยเถอะ! อ๊ากกก.
“ฟิ้ว!”
ในเวลานั้น เซียวจุ้ยจื่อที่สะบัดมือ พิษที่เคลือบผิวอยู่หลุดลอยออกไปทันที หล่นลงไปบนใบไม้ กัดกร่อนจนกลายเป็นควันสีดำขึ้นมา..
“เย้ดเข้!”
สายตาของผู้ฝึกยุทธ์ที่ลอบมองอยู่ แทบหลุดออกจากเบ้า.
พิษของเห็ดหยกดำนั้น สามารถแก้ได้ด้วยการสลัดมือเท่านั้น มันเกินจริงไปแล้ว!
อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่รู้ว่าพิษนั้นไม่สามารถซึมแพร่ผ่านกายเนื้อของเซียวจุ้ยจื่อได้ มันแค่ตกค้างบนผิวเท่านั้น ไม่สามารถชอนไชผ่านผิวกำพร้าได้เลยแม้แต่น้อย!
“ฟิ้ว!”
ในเวลานั้น มิ้งค์พิษเกล็ดดำที่พุ่งมาจากด้านหลัง ตัวหนึ่งกัดแขน ตัวหนึ่งกัดไปที่ขา.
“แก๊ก แก๊ก!”
ฟันของมันที่แทบหักลงไปในทันที เมื่อมันสัมผัสกับผิวที่เหมือนกับเหล็กกล้า.
“ฟิ้ว!”
เซียวจุ้ยจื่อที่ถูกมิ้งค์พิษสองตัวพุ่งเข้ามากัด พบว่าชุดของเขากลายเป็นรู ทำให้เขาโกรธเกรี้ยวยกเท้ากระทืบมิ้งพิษเกล็ดดำอย่างบ้าคลั่ง.
นิกายนิรันดรเวลานี้ ทุกคนต่างก็รัดเข็มขัด ชุดไม่สามารถทำให้เสียหายได้ เพราะว่านายน้อยหยวนนั้นตระหนี่มาก การจะขอชุดเครื่องแบบใหม่ ไม่เพียงแค่ทรัพยากรที่ได้รับลดลง ยังต้องบันทึกลงในสมุนบันทึกเล็กซื้อขายอีกด้วย.
“เกือบดี.”เย่ซิงเฉินที่กล่าว
“ฟิ้ว!”
ในเวลานั้น มิ้งค์พิษเกล็ดดำพุ่งมาจากที่ซ่อน ตรงไปยังก้นของอาหนิวทันที.
“ปัง!”
เย่ซิงเฉินที่หมุนตัวพร้อมกับยกเท้าเตะไปยังอีกฝ่าย ก่อนพุ่งออกไป ปลดปล่อยอาวุธเทวะประจำตัว โจมตีสวนอย่างดุร้ายทารุณ!
......
ชาวยุทธ์ที่เข้ามามากกว่าพันคน มองหาสมบัติฟ้าดินทั่วทุกทิศ ทว่าพวกเขาไม่กล้าเข้าใกล้พื้นที่ลึกเข้าไป ดังนั้นจึงมีเพียงแค่กลุ่มหลี่ชิงหยางที่กำลังขยับเข้าไปยังใจกลาง.
เพราะว่าไม่ได้เข้ามาหาสมบัติ ทั้งห้าจึงมุ่งหน้าผ่านเข้าไปอย่างรวดเร็ว เว้นแต่จะพบกับสมบัติฟ้าดินโดยบังเอิญ.
“ศิษย์พี่รอง.”
เซียวจุ้ยจื่อที่ใช้มือเปล่าขุดเห็นยักษ์ เผยยิ้มออกมา “ที่นี่มีของดีมากจริง ๆ!”
หลี่ชิงหยางขมวดคิ้ว “เวลานี้เหลือเวลาเพียงครึ่งชั่วยาม หากไม่สามารถหาเป้าหมายได้ จะต้องรอให้ถึงพรุ่งนี้ค่อยเข้ามาอีกครั้ง.”
“เฮ้.”
เย่ซิงเฉินที่จ้องมองไปยังชาวยุทธ์หลายคนที่ตามหลังมา กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา“เจ้ารู้ที่อยู่ของสัตว์อสูรหมอกมารหรือไม่?”
“สัตว์อสูรหมอกมาร?”
ผู้คนที่ใบหน้าเปลี่ยนสี.
ผู้ฝึกยุทธ์ที่เอ่ยออกมาว่า“สัตว์อสูรนั่นจะปรากฏออกมาตอนหมอกหนาเท่านั้น!”
“.....”
หลี่ชิงหยางที่ตบกบาลตัวเอง“ไม่แปลกใจเลยว่าหาไม่เจอ!”
“เช่นนั้น.”
ลู่เชียนเชียนเอ่ย “ก็รอให้หมอกหนา.”
“ศิษย์พี่หญิงใหญ่.”หลี่ชิงหยางที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นซับซ้อนเอ่ยด้วยท่าทางจริงจัง “หลังจากหมอกหนาแล้ว ปราณมารจะยิ่งหนาขึ้น บางทีพวกเรา....”ทว่าพวกเขาเห็นเย่ซิงเฉินและเหออู๋ตี้ขึ้นไปนั่งบนศิลายักษ์แล้ว จึงหยุดไม่เอ่ยอะไรต่อไป.
พวกเขาที่ต้องการรออย่างแน่นอน!
“เฮ้อ.”
หลี่ชิงหยางถอนหายใจ จากนั้นก็ไปหาศิลายักษ์นั่ง กล่าวในใจ“ไว้หมอกหนา แม้นว่าจะอันตราย ทว่าหากรีบจัดการ เมื่อสัตว์อสูรหมอกมารปรากฏ สังหารให้ครบร้อยอย่างรวดเร็ว ค่อยเร่งรีบหนีออกไปก็แล้วกัน.”
“ฟู่ ฟู่!”
ในเวลานั้น อากาศหนาวที่โบกพัดสภาพแวดล้อมที่เย็นขึ้นทุกขณะ.
“หมอกเริ่มหนาแล้ว!”
“ทุกคนอพยพด่วน!”
เหล่านักสำรวจที่หาสมบัติ ตอนนี้รู้สึกถึงอากาศที่เปลี่ยนไป พวกเขาเร่งรีบถอยกลับเส้นทางเดิมอย่างรวดเร็ว เห็นชัดเจนว่าแต่ละคนนั้นกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก.
ในเวลานั้นกลุ่มคนที่ซื้อเม็ดยาถอนพิษห้าเม็ดได้ผ่านมา เห็นกลุ่มหลี่ชิงหยางนั่งอย่างสบายใจ จึงเร่งรีบเอ่ยถามออกไป “ทั้งห้าอากาศเริ่มเปลี่ยนแล้ว ไม่รีบออกไปรึ?”
“ไม่รีบ.”
หลี่ชิงหยางเอ่ย “รออีกสักหน่อย.”
ชายวัยกลางคนหมดคำจะพูดไปเหมือนกัน “ที่นี่ห่างออกไปจากทางออกมาก หากไม่รีบไปตอนนี้ เมื่อหมอกหนาอาจจะหลงทางหาทางออกไปเจอได้!”
หลี่ชิงหยางที่เผยยิ้มตอบรับอย่างสุภาพ.
“พี่ใหญ่ รีบไปเร็วเข้า!”
เมื่อเพื่อนร่วมทีมเตือน ชายวัยกลางคนยกมือประสานเอ่ยออกมาว่า“ทั้งห้า ดูแลตัวเองด้วย!”
จากนั้น ชายวัยกลางคนก็เร่งรีบนำคนของเขาออกไปอย่างรวดเร็ว ระหว่างทางเพื่อนร่วมทีมเอ่ยออกมาด้วยความสงสัย“พี่ใหญ่ อีกสิบห้านาทีก็หมอกหนาแล้ว พวกเขายังนั่งสบายใจแบบนั้น แส่หาความตายชัด ๆ!”
“เลิกพูดไร้สาระ รีบไปเร็วเข้า!”
ในเวลาต่อมา เหล่าทีมสำรวจต่าง ๆ ก็กลับออกมา ตอนนี้เหลือเพียงกลุ่มของหลี่ชิงหยางที่ยังคงนั่งเป็นพระพุทธรูปไม่รู้ร้อนรู้หนาว.
“เอ๊ะ? กลุ่มขายยาแก้พิษไม่ออกมาอย่างงั้นรึ?”
“ข้าเห็นพวกเขานั่งนิ่งบนก้อนศิลา ดูท่าไม่คิดจะออกมาด้วยซ้ำ!”
“เย็ดเข้ นี่พวกเขาต้องการตกตายไปอย่างงั้นรึ?”
“คงจะคิดว่ายาแก้พิษ สามารถลดพิษจากหมอกหนาได้ละมั้ง?”
“เป็นไปไม่ได้ นั่นเป็นพลังธาตุที่แปลกประหลาด ไม่ใช่พิษ ถึงกินยาแก้พิษก็ไม่ได้ผลอะไร!”
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน ท้องฟ้าก็มืดลง หมอกที่หนาขึ้นช้า ๆ พริบตาเดียวหมอกก็ปกคลุมปกปิดแสงปิดบังป่าจนดำมืดอีกครั้งแล้ว.
“เฮ้ย พวกเขาไม่คิดจะออกมาจริง ๆ ด้วย!”
“พวกเขาทั้งห้าใจกล้าเกินไปแล้ว!”
“หมดหวัง เกรงว่าคงจะไม่รอดออกมาแน่.”
“โฮกกก!”
“โฮกกก!”
ในเวลานั้น หมอกหนาที่ปกคลุมป่าหมอกมาร เสียงคำรามของสัตว์ดังหวีดหวิวเย็นยะเยือบ.
เหล่าชาวยุทธ์ที่มีประสบการณ์ เมื่อหมอกหนาปกคลุมป่าแล้ว ด้านในนั้นจะมีสัตว์อสูรหมอกมารระดับหนึ่งแกนหมุนมากมายไร้สิ้นสุด.
“ทั้งห้าคน ถึงจะมียาแก้พิษปราณมาร ไม่ให้เข้าร่างกายได้ ทว่าในนั้นมีสัตว์อสูรหมอกมารที่บ้าคลั่ง เกรงว่าจากนี้คงตกตายกลายเป็นผีดิบแน่ ๆ!”
“อย่ามองโลกในแง่ร้าย อาจจะไม่ได้แย่ขนาดนั้น!”
......
ป่าหมอกมาร.
ในเวลานี้หมอกหนาปกคลุม แทบจะมองไม่เห็นเกินระยะ 2-3 เมตร.
“โฮกกก!”
“โฮกกก!”
สัตว์อสูรหมอกมารที่คำรามดังกึกก้องไปทั่วป่า กำลังเคลื่อนคล้อยปรากฏตัวออกมา.
“ฟิ้ว!”
“ฟิ้ว!”
เซียวจุ้ยจื่อที่กระโดดออกมา เริ่มทำกายบริหาร.
เพียงไม่นานที่หมอกหนา ปราณมารก็เพิ่มขึ้น พริบตาเดียวก็ยกระดับหลายเท่าแล้ว นอกจากนี้ยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ไม่หยุด.
“อึก อึก.”
หลี่ชิงหยางที่กลืนเม็ดยาถอนพิษ หลังจากนั้นพบว่ามันไม่ได้ผล แทบทรุดไปกับที่ “ไม่สามารถจัดการปราณมารได้!”
ลู่เชียนเชียนเอ่ย “2 แสนศิลาเสวียนเสียเปล่า.”
“......”
หลี่ชิงหยางมุมปากกระตุก เอ่ยออกมาอย่างจริงจัง “หมอกมารเริ่มหนาขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว พวกเรารีบสังหารเป้าหมายให้เร็วเถอะ จะได้รีบจากไป!”
“ฟู่ ฟู่!”
“ฟู่ ฟู่ ซูมมมม!”
ในเวลานั้น เหล่าสัตว์ร้ายตาสีแดง สัตว์อสูรหมอกมารที่ลอยอยู่บนอากาศ ล้อมรอบพวกเขาทั้งห้า จากริ้วแสง มากมายกว่าร้อยหัวซะอีก!
“แก๊ก.”
เย่ซิงเฉินที่เปิดขวดน้ำเต้าสุรา พร้อมกับยกขึ้นดื่ม ใบหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เอ่ยออกมาว่า“เริ่มล่า!”
“ตูมมมม!”
“ตูมมมม!”
สิ้นเสียง เหออู่ตี้ที่กระโดดออกไป เท้าที่เตะกวาดสัตว์อสูรหมอกมาร “เป้าหมายปรากฏ รีบจัดการ!”
“ฟิ้ว!”
มือขวาของเซียวจุ้ยจื่อที่ประทับหน้าอกซ้าย อักขระ“โล่”ปรากฏขึ้น แววตาของเขาเปลี่ยนไป “กันดั้ม แปลงร่าง!”
รูปแบบและท่าทางที่หน้าอายนี่ ไม่ต้องเดา เป็นโกวเซิ่งสอนเขานั่นเอง!
“วูซซซซซซ!”
ในเวลาต่อมาโล่บนมือของเขาที่ส่องแสงวับวาว ลวดลายอักขระที่ปกคลุมไปทั่วร่างอย่างรวดเร็ว กลายเป็นชุดเกราะจักรกลปกคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้าเซียวจุ้ยจื่อ.
“กึก!”
ในเวลาต่อมา ขาที่ยื่นมั่นแขนที่ยื่นไปด้านหน้า ก้มลงบนพื้น ปืนกลใหญ่ด้านหลังที่ชี้ไปด้านหน้า “ศิษย์น้องเย่ ขอทาง!”
“ปัง ปัง ปัง!”
“ปัง ปัง ปัง!”
กระสุนที่ยิงออกไปเป็นริ้วแสงสีน้ำเงิน ปลิวว่อน ยิงออกไปทั่วทุกสารทิศ.
เย่ซิงเฉินที่หลบออกมาจดจ้องมองด้วยท่าทางประหลาดใจ“ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ปืนสไนเปอร์หรอกรึ?”