Chapter 1425 ได้ยินคำพูดของเจ้านิกายจุนแล้ว ได้ประโยชน์มากมายยิ่งกว่าอ่านหนังสือพันเล่ม
หลังจากเผยเรือรบตงกู่ออกมา เหล่าผู้คุ้มกันเมืองก็กลายเป็นสุภาพ.
แม้แต่ลงไปกลิ้งบนพื้นโดยไม่อิดออดกลัวเสียหน้าแม้แต่น้อย ด้วยสถานะของเจิ้นเหรินตงกู่ที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีใครกล้าขัดขืนเลยแม้แต่น้อย.
“เฮ้อ.”
จุนซ่างเซียวที่ส่ายหน้าไปมา.
คิดถึงท่าที่ก่อนหน้านี้ จึงได้เอ่ยกล่าวออกไปเล่น ๆ ไม่คาดคิดเลยว่า ฝ่ายตรงข้ามจะทำตาม.
“เปิ่นจั้วเข้าไปในเมืองได้รึยัง?”
“ได้เลย ได้เลย!”
ผู้คุ้มกันประตูเมืองที่กลิ้งไปก่อนหน้านี้ เห็นอีกฝ่ายก้าวเข้าเมืองลับสายตาแล้ว ก็ลุกขึ้นมาปัดฝุ่นไปทั่วร่าง ก่อนที่จะเอ่ยตะโกนเสียงดัง“ทุกคนจะเข้าเมืองอู๋ซ่วง โปรดเตรียมบัตรประจำตัวให้พร้อม!”
โอ้ว สหาย เจ้าฟื้นตัวเร็วไปใหม!
“สวรรค์!”
“คาดไม่ถึงว่าคนผู้นั้นจะเป็นศิษย์เจิ้นเหรินตงกู่!”
ผู้คนต่างก็พูดคุยกันไปมาทันที.
เรื่องเกี่ยวกับนิกายนิรันดรนั้นได้กระจายไปทั่วหล้า หลัก ๆ ก็มีสองเรื่อง เรื่องแรกคือกลุ่มชาติพันธ์มากมายที่เข้าไปล้อมกรอบเทือกเขาเซียนเฟิงฉี เรื่องที่สองคือการกวาดล้างนิกายฟู่เฉียน.
“แปลก เขามายังเมืองอู๋ซวงทำอะไร?”
“ข้าได้ยินมาว่าที่เมืองหลินหยวนนั้น เขาเปิดร้านขายยานิรันดร การที่มาที่นี่ บางทีคงมาเยี่ยมโถงปรุงยา?”
เมืองอู่ซวงนั้นนับเป็นหนึ่งเมืองที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันไปทั่วเพราะที่นี่มีสำนักงานใหญ่โถงปรุงยาตั้งอยู่ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเม็ดยา สมุนไพรและทุกอย่างเกี่ยวกับยาจึงได้มารวมกันที่นี่ ถือว่าเป็นตลาดสมุนไพรและเม็ดยาที่ใหญ่ที่สุดของพิภพเบื้องบนก็ว่าได้.
หลังจากจุนซ่างเซียวเข้ามาในเมือง เขาที่ได้กลิ่นสมุนไพรรุนแรงอบอวลไปทั่ว ดังนั้นจึงยังไม่ได้ตรงไปยังโถงปรุงยาทันที เขาที่เดินทอดน่องไปรอบ ๆ ค้นหาวัตถุดิบที่น่าสนใจ“ใหนก็มาแล้ว ซื้อเมล็ดสมุนไพรเอาไว้เลยดีกว่า.”
แน่นอน.
กล่าวจบเขาก็แวะร้านสมุนไพรที่อยู่รอบ ๆ ในทันที.
......
สำนักงานใหญ่ของโถงปรุงยานั้น ตั้งอยู่ในเขตตะวันออกของเมืองอู๋ซวง จุนซ่างเซียวถามผู้คนระหว่างทางเล็กน้อย ก็มาถึง สิ่งก่อสร้างที่สร้างด้วยทองและหยก.
“ผู้มาเป็นใคร?”ผู้คุ้มกันเอ่ย.
จุนซ่างเซียวที่ยืนมือขัดหลังเอ่ยออกมาอย่างเฉิดฉาย “เจ้านิกายนิรันดร จุนซ่างเซียว.”
ผู้คุ้มกันที่เผยแววตาประหลาดใจ ก่อนที่จะเข้าไปรายงานด้านในอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะเห็นเจ้าโถง ไป่เฉาหยางที่นำคนระดับสูงออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง กล่าวด้วยรอยยิ้ม ยกมือประสานไปด้านหน้า“เจ้านิกายจุนมาเยือน พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนัก!”
สถานะศิษย์สายตาเจิ้นเหรินตงกู่ แม้แต่โถงปรุงยาก็ไม่สามารถดูแคลนได้.
จุนซ่างเซียวที่ยกมือประสาน ก่อนที่จะถูกเชิญไปยังห้องรับรองใหญ่ นั่งบนเก้าอี้ผู้ทรงเกียรติ.
กับองค์กรที่เชี่ยวชาญด้านการปรุงยา โกวเซิ่งที่ก้าวเข้ามามีกลิ่นสมุนไพรทั่วเมือง และเหล่าชายชราที่ออกมาต้อนรับ แต่ละคนต่างก็แผ่กลิ่นอายวิถียาเป็นดั่งปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญออกมา.
หากว่าสามารถรับเข้านิกายของข้าได้ทั้งหมด โถงปรุงยาของข้าจะต้องยิ่งใหญ่แน่.
“จ้าวโถงไป่.”
จุนซ่างเซียวที่ยกมือประสานไปด้านหน้า “ทั้งหมดนี้คงไม่ใช่ว่าคือปรมาจารย์ปรุงยากันหมดเลยรึ?”
ไป่เฉาหยางเอ่ย “พวกเขาคืออาวุโส รับผิดชอบเกี่ยวกับงานภายใน ส่วนปรมาจารย์ปรุงยา นอกจากมีการประชุม ก็ไม่ค่อยอยู่ในโถงปรุงยาเท่าไหร่นัก.”
เป็นองค์กรที่ไม่ได้เคร่งครัดแต่อย่างใด จุดมุ่งหมายของพวกเขาคือศึกษาวิถียา ไม่มีการจำกัดการกระทำของสมาชิกนั่นเอง.
“เป็นเช่นนี้นะเอง.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ทุกท่านมีกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดา ล้วนแต่เป็นปรมาจารย์ยากันหมดเลยสินะ.”
อาวุโสคนหนึ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พวกเราก้าวไปบนเส้นทางวิถียาด้อยกว่าหัวหน้าปรมาจารย์ปรุงยา เจ้านิกายจุนที่เอาชนะถูหงเฉินได้ ดังนั้นพวกเราจะกล้าใช้คำว่าปรมาจารย์ได้อย่างไร.”
คำพูดดังกล่าวนั้นไม่เพียงแค่ถ่อมตน ยังเป็นการกล่าวยกยอโกวเซิ่งด้วย.
“ไม่ ไม่ ไม่เลย.”
จุนซ่างเซียวที่โบกมือไปมา กล่าวออกไปว่า “เปิ่นจั้วเข้าใจวิถีปรุงยาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จะเชี่ยวชาญเท่าทุกคนได้อย่างไร.”
อย่างไรก็ตาม.
ถึงโกวเซิ่งจะกล่าวความจริง.
ทว่าเหล่าอาวุโสต่างก็คิดว่าอีกฝ่ายนั้นถ่อมตัว.
“เจ้านิกายจุน.”
ไป่เฉาหยางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่รู้ว่ามาเยือนโถงปรุงยาพวกเรามีธุระอะไรหรือไม่?”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “นิกายของข้าเพิ่งรับสองปรมาจารย์ของพวกท่านเข้านิกาย ไม่ว่าอย่างไร เปิ่นจั้วก็ต้องเดินทางมาเยี่ยมเยือนเพื่อสร้างสัมพันธ์มิตรภาพอยู่แล้ว.”
“ฟิ้ว!”
เขาที่นำแหวนมิติออกมา เอ่ยออกไปว่า“ของฝากเล็กน้อย ขอแสดงความนับถือ.”
แม้นว่าจุนซ่างเซียวจะหน้าหนา ทว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาก็ยังต้องแสดงตัวเป็นเจ้านิกายผู้ใจกว้าง.
“เรื่องนี้....”
ไป่เฉาหยางที่รับแหวนมิติมาและเก็บไป กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “เหล่าฟู่ได้ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเตรียมสุราอาหาร ไว้ตอนรับเจ้านิกายจุนเรียบร้อยแล้ว.”
“รบกวนแล้ว.”
จุนซ่างเซียวที่ภายในใจกำลังกระวนกระวาย.
เขามาถึงสำนักงานใหญ่โถงปรุงยาแล้ว ทว่าภารกิจสนับสนุนยังไม่สำเร็จ ดูเหมือนว่าจะต้องประลองวิถีปรุงยากับพวกเขาก่อนรึอย่างไร.
หลังจากเสิร์ฟอาหารเสร็จ ไป่เฉาหยางก็เอ่ยกล่าวสอบถามออกมา “เจ้านิกายจุน ระดับวิถีปรุงยาของท่านนั้นได้ไปถึงขั้นใดแล้ว?”
“เรื่องนี้....”
จุนซ่างเซียวที่เผยยิ้มออกมา “ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึงหรอก.”
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวิถีปรุงยาพิภพเบื้องบน จัดระดับกันอย่างไร ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ทำการบ้านเรื่องนี้มาด้วย
ระบบที่ใช้วิธีพิเศษตรวจสอบและเอ่ยออกมาว่า“มีระดับเสวียน เจิ้น เต๋าและเซียน.”
“......”
จุนซ่างที่เอ่ยบ่นในใจ“เฮ้ย ไม่ใช่จัดระดับเหมือนกับนิกายหรอกรึ?!”
“ไม่ต่างกัน.”
ระบบเอ่ย “ดูเหมือนคนของพิภพเบื้องบนจะขี้เกียจนะ.”
จุนซ่างเซียวไม่ได้เอ่ยระดับออกมา ทว่าไป่เฉาหยางและคนอื่นต่างก็คิดไปเองแล้ว เจ้าเด็กนี่จะต้องมีระดับวิถียาสูงแน่ ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถกำราบหัวหน้าปรมาจารย์ปรุงยาสองคนได้.
“เจ้านิกายจุน.”
อาวุโสคนหนึ่งที่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เหล่าฟู่นั้นมีปัญหาเรื่องวิถียา ไม่รู้ว่าจะขอคำแนะนำให้ท่านช่วยจักความสงสัยให้ได้หรือไม่?”
มาแล้ว!
กำลังถูกหยั่งเชิงแล้วสินะ!
จุนซ่างเซียวที่หัวใจสั่นไหวแทบทรุด กล่าวในใจ“อย่าเพิ่งถามตอนกินข้าวได้ใหม? แล้วจะเอาความรู้ที่ใหนไปตอบฟ่ะ?”
ไม่ ๆ จะตื่นตะหนกไม่ได้!
โกวเซิ่งที่ทำใจให้สงบ กล่าวอย่างสุขุม “วิถียานั้นลึกล้ำสุดหยั่ง ถึงเปิ่นจั้วจะเข้าใจในบางอย่างแต่ก็ใช่ว่าจะเข้าใจได้ทั้งหมด ดังนั้นเรื่องบางเรื่องที่ไม่เชี่ยวชาญก็เกรงว่าจะช่วยท่านไม่ได้.”
ทุกคนที่พยักหน้าสนับสนุน.
ความรู้วิถียานั้นกว้างใหญ่ไพศาล มีเรื่องใหม่ ๆ มากมายที่ยังรอคอยให้ค้นพบอยู่ ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าเอ่ยอ้างว่าตัวเองนั้นเข้าใจทุกอย่าง.
“อีกอย่าง.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “อาจารย์นั้นคอยเตือนข้าเสมอ ถึงแม้นว่าจะถูกยกให้เป็นปรมาจารย์แต่ก็ต้องมีจิตใจเป็นผู้ฝึกหัดเสมอ เป็นดั่งแก้วน้ำเปล่าที่เติมไม่เต็ม อย่าได้อวดอ้างว่าตัวเองนั้นเก่งกาจ เส้นทางแต่ละเส้นนั้นยาวไกล ยังมีเรื่องราวมากมายนับไม่ถ้วนที่รอการค้นพบ.”
ระบบเอ่ย “เรื่องโม้เหม็นนี่ จะต้องยกนิ้วให้โฮสน์เลย!”
“มีเหตุผล!”
ทุกคนที่รู้สึกได้เปิดมุมมองใหม่ แม้แต่ลอบคิดในใจ“นับเป็นปรมาจารย์ที่แท้จริง ไม่แปลกใจเอาชนะถูหงเฉินที่อหังการได้!”
“ได้ยินคำพูดของเจ้านิกายจุนแล้ว ได้ประโยชน์มากมายยิ่งกว่าอ่านหนังสือพันเล่ม!”ไป่เฉาหยางยกมือประสานไปด้านหน้า.
จุนซ่างเซียวที่กล่าวอย่างถ่อมตน“ทุกท่านวิถียาทุกคนต่างก็เชี่ยวชาญแตกต่างกัน อย่าเอ่ยว่าชี้แนะเลย พวกเรามาพูดคุยปรึกษาหารือกันดีกว่า.”
โกวเซิ่งที่มีความสามารถในการแสดงที่ไม่ธรรมดา คำพูดของเขานั้นทำให้รื่นหูเหล่าคนระดับสูงของโถงปรุงยาเป็นอย่างมาก แต่ละคนที่รู้สึกพึงพอใจอยู่ไม่น้อย.
แน่นอน.
คำพูดของเขานั้นไม่ได้โม้เหม็นอย่างเดียว ทว่าแฝงไปด้วยหลักการ.
นอกจากนี้ ขณะกล่าวโม้ จุนซ่างเซียวยังสื่อสารกับชุดการแสดง เพื่อแผ่ความน่าเกรงขามกลิ่นอายของปรมาจารย์ปรุงยาออกมาด้วย ทำให้ทั่วร่างของเขานั้นเต็มไปด้วยอำนาจวิถียา.
ไป่เฉาหยางและคนอื่น ๆ คราแรกไม่ได้สังเกต เวลานี้กลิ่นอายที่แผ่ออกมาท่วมท้นห้องโถง ทำให้พวกเขาดวงตาเบิกกว้างกลมโตขึ้นมาทันที.
โอ้วสวรรค์!
กลิ่นอายน่าเกรงขามเกินไปแล้ว!
จากกลิ่นอายวิถียาของจุนซ่างเซียวทำให้ผู้คนเริ่มคาดเดาระดับ แม้แต่ตระหนักได้ว่า วิถียาของอีกฝ่ายนั้นต้องสูงเป็นอย่างมาก!
ละอาย!
น่าละอายนัก!
อาวุโสที่ต้องการสอบถามเรื่องวิถียาเมื่อครู่ เลิกล้มความคิดไปในทันที.
ในความเห็นของพวกเขา กับปัญหาเล็ก ๆ เช่นนี้ การไปสอบถามผู้เชี่ยวชาญมันช่างเป็นอะไรที่ไร้การเคารพอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก!
“ติ๊ง! ภารกิจสนับสนุนสำเร็จ ได้รับ 600,000.”
“ติ๊ง! คะแนนสนับสนุนนิกาย 600,500.”
“ติ๊ง! ยินดีที่โฮสน์ทำภารกิจสนับสนุนสำเร็จ ได้รับรางวัลลับ ยันต์ประสบการณ์ 5.”
“สำเร็จแล้วรึ?”หลังจากได้ยินเสียงแจ้งเตือน ใบหน้าของจุนซ่างเซียวที่ยังไม่เปลี่ยนแปลง กล่าวออกมาในใจ“ข้ายังโม้ไม่พอเลย.”