Chapter 1422 วิถีหัวใจสับสน
เจิ้นเหรินตงกู่ที่กล้าเผชิญหน้ากับกลุ่มชาติพันธ์เพื่อศิษย์ทว่าเมื่อได้ยินว่าครั้งนี้เป็นสิบนิกายระดับเซียน ดูเหมือนว่ามันจะรุนแรงยิ่งกว่าหน้านี้อีก.
ยิ่งคิดก็ยิ่งหนักใจ.
โลกหลักพิภพเบื้องบนนั้นเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ปกครอง หากว่าเกิดการต่อสู้ภายใน ไม่ทำให้กลุ่มชาติพันธ์รุกรานดินแดนหรอกรึ?
อย่างไรก็ตาม.
เวลานี้ถึงเสียใจก็เปล่าประโยชน์แล้ว.
เพราะว่าเวลานี้เขาได้รับจุนซ่างเซียวขึ้นรถมาแล้ว ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้.
“อาวุโส.”
จักรพรรดินิหลิงเหยาเอ่ย “ผู้เยาว์ขอตัวก่อน.”
หลังจากเอ่ยเสร็จนางก็จากไป เจิ้นเหรินตงกู่ที่เอ่ยกล่าวโดยไม่มองหลัง “คู่หู เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
“เด็กสาวคนนี้ไม่ธรรมดา.”เจิ้นเหรินฉีเยว่ที่ก้าวออกมาจากที่ซ่อน การพูดคุยของทั้งสองทั้งคู่ต่างก็ได้ยินเหมือน ๆ กัน.
เจิ้นเหรินตงกู่ขมวดคิ้วไปมา “เจิ้นเหรินชิงเหว่ยรับศิษย์ที่ทะเยอทะยานจริง ๆ.”
คำพูดดังกล่าว เขาที่เชื่ออยู่เหมือนกัน.
ทว่า บางอย่างก็ไม่เชื่อ.
ยกตัวอย่างอาจารย์นางที่ยอมกลืนความอัปยศเพื่อล้มล้างโถงพิภพ มันดูไร้สาระเป็นอย่างมาก มันน่าจะมีเหตุผลอีกหลายข้อที่ซ่อนเอาไว้ด้านในแน่ ๆ.
เรื่องที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับจุนซ่างเซียวแม้นว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับแผนจักรพรรดินิหลิงเหยา ทว่ามันอาจจะเป็นหนึ่งในการเพิ่มความสำเร็จให้กับแผนการของนางก็ได้ ยิ่งหากได้รับการสนับสนุนจากเจิ้นเหรินตงกู่ที่มีชื่อเสียงในยุทธ์ภพมานาน.
“แม้นว่าโถงพิภพจะมีสิบนิกายระดับเซียนหนุนหลังอยู่ ทว่าหากเด็กนั่นต้องการโค่นล้ม บางทีอาจจะทำสำเร็จก็ได้.”เจิ้นเหรินฉีเยว่เอ่ย.
“ผายลม.”
เจิ้นเหรินตงกู่เอ่ย “องค์กรที่มีอยู่มานานขนาดนั้นจะโค่นล้มง่าย ๆได้อย่างไร.”
“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้.”
เจิ้นเหรินฉีเยว่เอ่ยกล่าวอย่างจริงจัง “แม้นจะดูเป็นไปไม่ได้ ทว่ามองอีกมุม มันก็ไม่แน่ไม่ใช่รึ?”
“.”
เจิ้นเหรินตงกู่เอ่ย “ดูเหมือนว่าเจ้าจะเอ็นดูเด็กสาวนั่นมาก?”
“ไม่.”
เจิ้นเหรินฉีเยว่เผยยิ้ม “ข้าเอ็นดูศิษย์ของเจ้า เพราะว่าเพิ่งขึ้นมายังพิภพเบื้องบน ได้ล่วงเกินกลุ่มชาติพันธ์มากมาย มีความเด็ดเดี่ยวอหังการที่คนทั่วไปยากจะทำสำเร็จได้.”
ได้ยินคำพูดดังกล่าว ก็รู้สึกแสลงหูเป็นอย่างมาก ต้องไม่ลืมว่าพวกเขาเป็นอาจารย์และศิษย์ หลังจากนี้หากอีกฝ่ายล่วงเกินสิบนิกายระดับเซียนจริง ๆ ล่ะก็ ไม่เท่ากับลากเขาลงหลุมไปด้วยรึอย่างไร!
“ในอดีตโถงพิภพได้สร้างคุกเอาไว้ในพิภพเบื้องล่าง ขังเหล่ากบฏ มีคนหลายคนที่ไม่ได้รับการยอมรับ เพราะเกรงว่าสิ่งมีชีวิตทั่วหล้าอาจจะไม่สงบสุข ทว่าเขาก็ลงมือระเบิดมันไปแล้ว เป็นสิ่งที่คนทั่วไปยากจะทำได้จริง ๆ.”เจิ้นเหรินฉีเยว่เอ่ย.
“พอแล้ว!”
เจิ้นเหรินตงกู่เอ่ย “ข้าปวดหัวจะแย่แล้ว!”
เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ แม้นว่าโถงพิภพจะไม่สืบสวน แต่ก็เป็นความเสี่ยงที่หมักหมมอยู่ หากมันปะทุเมื่อไหร่ สิบนิกายระดับเซียนจะต้องมาขอคำอธิบายกับเขา ....แล้วข้าจะจัดการอย่างไร?”
สองปีที่แล้ว อีกฝ่ายได้ลากอาจารย์ตัวเองเข้าร่วมปัญหาต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มชาติพันธ์ เกรงว่าแต่ละเรื่องที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้าจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ เกินกว่าที่จะแบกไหวได้.
“ไม่ได้ ไม่ได้การแล้ว!”
เจิ้นเหรินตงกู่เอ่ยอย่างจริงจัง ”ข้าต้องไปยังเทือกเขาเซียนเฟิงฉีแล้ว จะได้ไปเตือนเจ้านั่นไม่ให้สร้างปัญหาอีกครั้ง.
ทั่วทั้งพิภพเบื้องบนต่างก็รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นศิษย์ของเขา ไม่ว่าเรื่องอันใดที่เขาก่อขึ้นย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เขาต้องแบกหม้อก้นดำไปด้วย โดยเฉพาะเขาควรจะเตือนอีกฝ่ายไม่ให้หาเรื่องโถงพิภพด้วย!
“คู่หู.”
เจิ้นเหรินฉีเยว่เอ่ย “มีเรื่องราวมากมายที่ถูกสวรรค์กำหนดมาแล้ว ยิ่งพวกเราเข้าไปแทรกแซง บางทีอาจจะทำให้ปัญหามันลุกลามมากขึ้นไม่ใช่รึ?”
“เรื่องนี้.....”
เจิ้นเหรินตงกู่ที่กลายเป็นเงียบไปในทันที ก่อนที่จะเอ่ยออกมาอย่างขมขื่น “วิถีหัวใจของข้าวุ่นวายซะแล้ว.”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร.”
“เรื่องราวมากมายในอนาคต ในเมื่อมันจะเกิดก็ต้องเกิด พวกเราทำได้แค่ต้องระมัดระวังเท่านั้น.”
“มา พวกเรามาเล่นหมากล้อมกันดีกว่า!”
เจิ้นเหรินฉีเยว่ที่นั่งลง นำกระดาษหมากออกมาพร้อมกับเผยยิ้ม “ศิษย์ของเจ้าได้กลายเป็นหมากในเกมของพิภพเบื้องบนแล้ว ไม่ว่าจะถูกใครควบคุม ก็ต้องให้เขาเป็นคนจัดการเอง.”
เจิ้นเหรินตงกู่ที่ส่ายหน้าไปมา “แม้แต่ข้าและเจ้า บางทีก็คงเป็นหมากในนั้นเหมือนกัน.”
......
นิกายนิรันดร.
จุนซ่างเซียวที่ค่อนข้างตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก เพราะว่าหลังจากยกระดับฟังก์ชันหอคัมภีร์ วิชาต่าง ๆ จากพิภพเบื้องล่างได้ถูกยกระดับขึ้น ไม่เพียงแค่บ่มเพาะได้ดีเยี่ยมในพิภพเบื้องบน ยังทำให้ศิษย์ของเขาแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีกด้วย.
“เจ้านิกาย!”
ลี่ลั่วฉิวก้าวเข้ามารายงาน“โถงพิภพได้ประกาศต่อสาธารณะ ว่าได้ส่งจักรพรรดินิหลิงเหยาไปยังถ้ำสวรรค์จื่อเต๋าพบกับอาวุโสตงกู่เพื่อสอบถามเรื่องที่นิกายฟู่เฉียนถูกกวาดล้างแล้ว.”
“หืม?”
จุนซ่างเซียวที่ขมวดคิ้วไปมา.
องค์กรนี้ไม่เพียงไม่กลัวอาจารย์ของข้า ทว่ายังกล้าไปขอคำอธิบายด้วยงั้นรึ?
ไม่กี่วันหลังจากนั้น.
ลี่ลั่วฉิวเอ่ยรายงาน “โถงพิภพเบื้องบนได้รายงาน ว่าได้สืบสวนอย่างชัดเจนแล้ว นิกายฟู่เฉียนถูกกวาดล้างเป็นความผิดที่ต้องโทษตัวเอง.”
โกวเซิ่งที่เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย.
อาจารย์ของข้าดูเหมือนว่าจะมีอำนาจอยู่เล็กน้อย แท้จริงแล้วโถงพิภพต้องการรักษาหน้า จึงต้องจัดการไปเช่นนั้น.
ความเป็นจริง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเจิ้นเหรินตงกู่เลย เหตุผลนั้นมาจากจักรพรรดินิหลิงเหยารายงานเรื่องที่เกิดขึ้นจริงทั้งหมดต่อโถงพิภพนั่นเอง.
กล่าวได้ว่าเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด.
อย่างไรก็ตามเรื่องที่นิกายฟู่เฉียนโถงพิภพได้แจ้งออกมานั้น ก็ได้ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วหล้านำเรื่องนิกายนิรันดรมาพูดคุยกันไม่หยุด ทำให้กลายเป็นอีกเรื่องหลักให้พูดคุยกัน.
“ติ๊ง! ทำลายนิกายฟู่เฉียน เป็นที่พูดคุยของพิภพเบื้องบน ได้รับคะแนนชื่อเสียง 300 แต้ม.”
“ติ๊ง! คะแนนชื่อเสียง : 500.”
ยิ่งโลกพูดคุยเรื่องนิกายนิรันดรเท่าไหร่ ค่าชื่อเสียงที่ได้ ก็ยิ่งมากขึ้น ด้วยเหตุนี้จุนซ่างเซียวจึงได้ค่าชื่อเสียงถึง 300 แต้ม.
“ประหลาดใจ น่าประหลาดใจรึ?”ระบบเอ่ย.
“ชิ.”
จุนซ่างเซียวที่เหลือกตามองบน เอ่ยออกไปว่า“ได้สามร้อยแต้ม มีอะไรน่าประหลาดใจกัน.”
ระบบเอ่ย “แต้มชื่อเสียงห้าร้อยแล้ว ปลดล็อกสินค้าที่มีชื่อเสียงแล้ว โฮสน์ไม่ทดสอบดูรึ?”
“!”
จุนซ่างเซียวที่ด่าในใจ“เพิ่งได้คะแนนชื่อเสียงพอ ตอนนี้มันไม่มีในรายการดังกล่าวแล้ว!”
“รีเฟรชสิ!”ระบบเอ่ย.
“มีของดีตั้งหลายอย่างที่ไม่ได้ซื้อ น่าเสียดายรีเฟรชแล้วหายไปหมด!”
ก่อนหน้านี้มีดาบแยกสวรรค์ที่ต้องใช้ค่าชื่อเสียงในการซื้อ ทว่าเพราะต้องรีเฟรช มันจึงหายไปถูกทดแทนด้วยสินค้าใหม่ รีเฟรชอีกครั้งก็ใช่ว่าจะได้รายการเดิม.
กล่าวตามจริง.
โกวเซิ่งไม่มีแต้มนั่นเอง.
ไม่เช่นนั้นเขาจะต้องรีเฟรชหาสินค้าเพื่อทดลองซื้อไปแล้ว.
“รีบให้ภารกิจมาสิ!”
ระบบเอ่ย “นั่ง ๆ นอน อยู่แต่ในนิกาย แล้วภารกิจมันจะหล่นมาจากฟ้ารึไง!”
“ติ๊ง! ภารกิจสนับสนุนเปิด.”
“สัส!”
......
จุนซ่างเซียวที่นั่งอยู่ในนิกาย แต่กับมีภารกิจหล่นมาจากฟ้าจริง ๆ เนื้อหานั้นคือให้โฮสน์ไปเยี่ยมสำนักงานใหญ่โถงยาภายในหกเดือน และพูดคุยเรื่องวิถีปรุงยากับเหล่าปรมาจารย์ปรุงยา.
“เกินไป!”
“มันจะเกินไปแล้ว!”
ตามเนื้อหาของภารกิจ ให้โกวเซิ่งไปเยือนโถงยา ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากอะไร ทว่าการพูดคุยวิถีปรุงยากับเหล่าปรมาจารย์ปรุงยา เขาจะทำได้อย่างไรกัน เขาจะเอาความรู้งู ๆ ปลา ๆ เรื่องปรุงยาไปพูดได้อย่างไร?
“ไม่ได้การ ไม่ได้การแล้ว.”
จุนซ่างเซียวที่ส่ายหน้าไปมา “หากเป็นวิถียุทธ์ ข้ายังมียันต์รู้แจ้ง ที่สามารถกลายเป็นปรมาจารย์ได้ ทว่าเกี่ยวกับความรู้เรื่องปรุงยา มีที่ใหนกัน.”
น่าเศร้าจริง ๆ!
ทำไมเขาถึงไม่ศึกษาเส้นทางดังกล่าวไว้บ้าง.
ไม่ว่าจะเป็นวิถีปรุงยา วิถียันต์ เส้นทางต่าง ๆ ล้วนแต่ต้องศึกษาเป็นระยะเวลานานทั้งนั้น!
ระบบเอ่ย “ยังมีเวลาในการเดินทางไปยังสำนักงานใหญ่ โฮสน์สามารถรีเฟรชร้านค้าได้ในแต่ละเดือน บางทีอาจจะได้สินค้าที่เกี่ยวข้องกับความรู้วิถีปรุงยา?”
“คิดว่าอยากได้อะไร ก็ได้สิ่งนั้นเลยรึ?!”
“ระหว่างทาง ก็หาคนพูดคุยศึกษาหาความรู้ซะสิ!”
“เฮ้อ คงทำได้แค่นั้น.”
เพราะว่าภารกิจมีเวลาหกเดือน จุนซ่างเซียวทำได้แค่รีบเร่งเดินทางและหาคนสอนความรู้เรื่องยาไปด้วย
ระหว่างเดินทาง เป็นเรื่องเร่งด่วนจริง ๆ ที่ต้องมีความรู้วิถียา หากไม่สามารถโกงได้ ก็แค่ต้องเล่นละครไปตามเรื่อง แต่อย่างน้อยก็ต้องมีพื้นฐานสักหน่อยบ้าง.
ระบบเอ่ย “แล้วจะหาใครมาสอนเรื่องปรุงยาล่ะ?”
“เหลวไหล.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “แน่นอนจะต้องเป็นถางจู่เฟิงและถางจู่ถู!”
“.”
“ปัญหาอาจไม่ได้ร้ายแรง มีความเป็นไปได้เป็นอย่างมาก.”