Chapter 1418 ต้องชดใช้
ถูหงเฉินที่พ่ายแพ้เดิมพันต้องจำใจเข้าร่วมนิกายนิรันดร ไม่ต้องสงสัยว่าการปรุงยาของนิกายนิรันดรได้เพิ่มขึ้นอีก.
จุนซ่างเซียวที่ยังไม่พอใจ เขายังคงต้องการดึงหกปรมาจารย์ปรุงยาเข้ามาอีก แม้แต่คิดที่จะให้แปดแกนหลักของโถงยา เข้ารวมนิกายนิรันดรทั้งหมดด้วยซ้ำ.
ด้วยเหตุนี้ เขาจำเป็นต้องวางแผนสักหน่อย.
ห้องโถงหลัก สำนักงานใหญ่โถงยา.
ชายชราหนวดยาวที่นั่งอยู่ตำแหน่งแรก “ตาซ้ายของข้ากำลังเต้นตุ๊บ ๆ รุนแรงมากขึ้นและมากขึ้นอีกแล้ว.”
“รายงาน!”
ในเวลานั้น ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเร่งรีบวิ่งเข้ามา เอ่ยออกไปว่า“มีข่าวจากเมืองหลินหยวน หัวหน้าปรมาจารย์ปรุงยาถูหงเฉินได้เข้าร่วมนิกายนิรันดรแล้ว.”
“อะไรนะ?”
ชายชราหนวดยาวเผยความประหลาดใจออกมาทันที.
เฟิงกุ้ยเฉินที่เข้าร่วมนิกายนิรันดรไปก่อนแล้ว ตอนนี้ยังมีหัวหน้าปรมาจารย์อีกคนเข้าร่วมอีก นอกจากนี้พวกเขาทั้งสองไม่กินเส้นกันมาก่อนไม่ใช่รึ? เรื่องแบบนี้เหลือเชื่อเกินไปแล้ว.
“แปลก.”
คนระดับสูงเอ่ยด้วยความสงสัย “นิกายนิรันดรมีดีอะไร ทำให้ทั้งเฟิงกุ้ยเฉินและถูหงเฉินเข้าร่วม?”
พวกเขารู้ว่าอาจารย์จุนซ่างเซียวคือเจิ้นเหรินตงกู่ ทว่าวิถียุทธ์และวิถียานั้นแตกต่างกัน หนำซ้ำ นิกายดังกล่าวเพิ่งขึ้นมาจากเบื้องล่าง ถึงวิถีปรุงยาจะยอดเยี่ยม แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะเหนือกว่าสองปรมาจารย์!
“เกี่ยวกับข่าวที่ได้รับมา ปรมาจารย์ถูและเจ้านิกายนิรันดรประลองปรุงยา สุดท้ายแล้วพ่ายแพ้.”ผู้ใต้บังคับบัญชารายงาน.
“พ่ายแพ้อย่างงั้นรึ?”
ชายชราหนวดยาวและคนระดับสูงเผยท่าทางประหลาดใจ.
การพ่ายแพ้หมายถึงอีกฝ่ายมีความสามารถมากกว่านั่นเอง.
“หึ หึ.”ชายชราหนวดยาวหัวเราะเบา ๆ“ศิษย์ของเจิ้นเหรินตงกู่ มีความสามารถวิถีปรุงยาสูงขนาดนั้นเลยรึ?”
“ไม่ใช่สิ.”
เจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่งที่เผยท่าทางสงสัย“ไม่เคยได้ยินว่าอาวุโสตงกู่จะก้าวไปบนวิถีปรุงยาเลย แล้วเขาจะสอนศิษย์ได้อย่างไร?”
“รายงาน!”
ในเวลานั้น ผู้ใต้บังคับบัญชายกมือประสานเอ่ยออกมาว่า“ถางจู่เฟิงส่งข้อความมาว่า เจ้านิกายนิรันดรจะขอมาเยี่ยมโถงยาด้วยตัวเอง.”
คำพูดดังกล่าวทำให้ชายชราหนวดยาวตาซ้ายที่เต้นไปมาอย่างบ้าคลั่ง ถึงกับสะดุ้งตกใจทีเดียว.
“จ้าวโถง!”
ชายชราเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หากข้าคาดเดาไม่ผิด การที่เจ้านิกายนิรันดรมาเยี่ยม จะต้องนำโชคมาให้กับโถงยาแน่ ๆ!”
“ข้าก็คิดแบบนั้น!”
ขวาร้ายซ้ายดี เอ่ยถึงจุนซ่างเซียว ตาซ้ายจ้าวโถงก็เต้นอย่างบ้าคลั่ง แน่นอนว่าจะต้องเกี่ยวข้องกับเขาแน่.
หนำซ้ำ เฟิงกุ้ยเฉิน ถูหงเฉินเข้าร่วมนิกายนิรันดรไปแล้ว แม้แต่พ่ายแพ้อีกฝ่ายด้วยวิถียา กล่าวได้ว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นมีความสามารถวิถีปรุงยาสูงมาก หากได้สนทนาพูดคุยย่อมได้ประโยชน์มหาศาล.
“หวังเช่นนั้น.”ชายชราหนวดยาวเอ่ย.
......
นิกายนิรันดร.
จุนซ่างเซียวที่แต่งตั้งถูหงเฉินเป็นถางจูโถงยาต่อหน้าทุกคน.
ช้าก่อน?
ไม่ใช่ว่าเฟิงกุ้ยเฉินเป็นถางจูอยู่แล้วไม่ใช่รึ?
ทั้งสองที่ขัดแย้งกันอยู่ การให้ถูหงเฉินเป็นรองถางจู่ อีกฝ่ายย่อมไม่พอใจแน่ ดังนั้นจุนซ่างเซียวจึงให้โถงเม็ดยามีถางจูสองคน มีอำนาจเท่ากัน.
แม้นว่าจะเพิ่งเข้าร่วมก็ได้เป็นถางจู่แล้ว อธิบายได้ว่าอีกฝ่ายมีความสามารถในวิถียาที่ไม่ธรรมดานั่นเอง.
ไม่สิ.
เพียงแค่เข้าร่วมนิกาย ถูหงเฉินก็ได้รับภารกิจ ให้ไปยังเมืองอื่น ๆ เพื่อเปิดร้านยา นอกจากนี้ยังรับผิดชอบหลอมยาสนับสนุนร้าน ดูไม่ต่างจากแรงงานทั่วไปเลย.
“น่ารังเกียจ!”
“ไหงข้าได้มาเป็นกรรมกรกัน!”
“ถางจู่ถู.”
ในเวลานั้น หลี่ชิงหยางเข้ามาหา“เจ้านิกายให้ท่านไปพบที่ห้องโถง.”
“......”
แม้นว่าถูหงเฉินจะไม่ค่อยพอใจนัก ทว่าก็ออกไปพบในทันที.
หลังจากรอคอยชั่วรยะเวลาหนึ่ง เห็นท่าทางอีกฝ่ายดูฉุนเฉียว เขาก็ส่งเม็ดยาให้อีกฝ่ายทันที“นี่คือเม็ดยาพิเศษของนิกาย เรียกว่าเม็ดยาหลอมร่างกาย.”
ถูหงเฉินพบว่ามันคือเม็ดยาที่เอาชนะเขาในการประลองไม่ใช่รึ?
“เจ้านิกาย.”
เขาวางบนโต๊ะและเอ่ยออกมาว่า“ข้าไม่กินได้ใหม?”
“กลัวข้าจะวางยาอย่างงั้นรึ?”
“......”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ทุกคนที่เข้าร่วมนิกายก็จะได้รับเม็ดยาหลอมร่างกาย เม็ดยานี้จะช่วยยกระดับกายเนื้อ พัฒนาชีพจร แม้แต่ยกระดับดวงวิญญาณ จะกินหรือไม่ก็เป็นเรื่องของเจ้า.”
ช่วยยกระดับกายเนื้อ พัฒนาชีพจร แม้แต่ยกระดับดวงวิญญาณอย่างงั้นรึ?
“มันจะลึกล้ำปานนั้นเลย?”ถูหงเฉินที่กล่าวในใจ.
“ฟิ้ว!”
จุนซ่างเซียวส่งตำรายุทธ์ให้ “นี่คือวิชาลับนิกายที่ช่วยยกระดับวิถียา โปรดนำมันไปฝึก.”
“วิชาลับแยกเงาพันร่างรึ?”
ถูหงเฉินที่กล่าวในใจ“นี่เจ้านิกายไม่รู้รึไง ข้าฝึกฝนวิถียา ไม่ค่อยสนใจฝึกฝนวิถียุทธ์.”
“เตรียมตัวให้พร้อม.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ครึ่งเดือนหลังจากนี้ให้เจ้าไปเปิดสาขาที่เมืองเห่าเยว่.”
เมืองเห่าเยว่นั้นเป็นเมืองใหญ่ที่สำคัญ มีระดับความแข็งแกร่งมากกว่าเมืองหลินหยวน เพราะว่าสภาพแวดล้อมชัยภูมิเป็นจุดศูนย์กลางภูมิภาคการค้าขาย.
“รับทราบ.”
ถูหงเฉินที่ก้าวออกจากห้องโถงไป.
เพราะว่าพ่ายแพ้ ต้องเข้าร่วมนิกาย ทำให้จิตใจของเขาเศร้าซึมไปไม่น้อย ภายในใจที่รู้สึกฝืนใจอยู่ตลอด.
“วิชานี้สามารถเพิ่มวิถียาได้จริง ๆ รึ?”
หลังจากกลับที่พัก ถูหงเฉินที่อยู่เบื่อ ๆ ดังนั้นจึงนำวิชาลับแยกเงาพันร่างออกมาฝึก หลังจากอ่านคำแนะนำแล้ว ทำให้เขาแทบกระโดดด้วยความตกใจ“บัดซบ ทักษะเทพชัด ๆ!”
ไม่กี่วันหลังจากนั้น.
เขาก็สามารถแยกเงาได้หนึ่งเงา หลังจากนั้นก็เริ่มตระหนักถึงผลประโยชน์ ราวกับเพิ่งตรัสรู้ “ไม่แปลกใจเลยว่าวิถียาเจ้านั่นถึงได้ยกระดับได้รวดเร็วนัก!”
“ฟิ้ว!”
ถูหงเฉินที่เวลานั้นเร่งรีบนำเม็ดยาหลอมกายออกมา ลอบคิดในใจ“เช่นนั้นเม็ดยานี้ บางทีคงน่าอัศจรรย์เช่นกัน!”
“อึก อึก!”
หลังจากกลืนเม็ดยาลงไป ก็สัมผัสได้ถึงชีพจรเลือดเนื้อ แม้แต่ดวงวิญญาณยกระดับ อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา “เม็ดยาที่มีผลประโยชน์มากขนาดนี้ ลึกล้ำเกินไปแล้ว!”
ในเวลานั้น ภายในใจของถูหงเฉินก็เปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ จากจำใจ เป็นเต็มใจอย่างสุดซึ้ง เห็นจุนซ่างเซียวก็เผยท่าทางเคารพในฐานเจ้านิกาย!
...
อีกมุมหนึ่งของนิกาย ไต่ลู่ที่กำลังเผยท่าทางเศร้าใจเป็นอย่างมาก.
เวลานี้หมดเรี่ยวแรงและกำลังใจ ใช้ชีวิตไปวัน ๆ.
ปรกติเขาจะพูดคุยกับพี่ผ้าโพกหัวสีเขียว ตอนนี้กำลังเบื่อสุด ๆ เพราะว่าคุกไม่มีผู้ต้องขัง แต่ละวันจะต้องตั้งหน้าตั้งตาบ่มเพาะนั่นเอง.
อ้ายยาและเจาโตวโตว ที่เหมือนกับปลาเค็ม แววตาไร้วิญญาณไปแล้ว.
“ไม่ต้องรีบ ๆ.”
จุนซ่างเซียวที่กล่าวปลอบใจ “จะมีอาชญากรเร็ว ๆ นี้.”
พูดแบบนั้นหมายความว่าอย่างไร?
เพราะว่าหอฝนพรำกำลังสืบสวนหาข่าว สองปีที่แล้ว นิกายหลิงเหว่ยเจิ้นถูกเจ้านิกายฟู่เฉียนปั่นหัวมารุมเขานั่นเอง.
“มารดาเถอะ!”
จุนซ่างเซียวที่ตบโต๊ะเสียงดัง เอ่ยด้วยความโกรธ “ข้าคิดไว้แล้ว เรื่องนี้มันไม่ชอบมาพากล!”
เรื่องที่นิกายหลิงเหว่ยเจิ้นมาหาเรื่องเขานั้น แม้นว่าอีกฝ่ายจะชดใช้ค่าเสียหาย โกวเซิ่งไม่เอาเรื่องพวกเขา ทว่าก็ยังไม่ลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้น เรื่องเหมืองแร่มันมีหลายเรื่องที่บังเอิญจนดูมีพิรุธมากมาย.
ลี่ลั่วฉิวเอ่ย “เจ้านิกายเป่ยเกรงว่าไม่พอใจเจ้านิกาย จึงได้จงใจติดต่อนิกายหลิงเหว่ยเจิ้น เพื่อใช้แผนการยืมมืดฆ่าคน.”
“เป่ยซือลี่ อ๊ากก เป่ยซือลี่.”
จุนซ่างเซียวที่ยืนขึ้น ส่ายหน้าไปมา แววตาเต็มไปด้วยความมืดครึ้มเย็นชา “เปิ่นจั้วเมตตาอภัยให้เจ้าครั้งหนึ่งแล้ว แต่เจ้ากล้าวางแผนเล่นงานข้าอย่างคาดไม่ถึง งั้นก็อย่าตำหนิเปิ่นจั้วที่หยาบคาย!”
“เจ้านิกาย.”
ลี่ลั่วฉิวเอ่ย “อ่านนี่สิ.”
“......”
จุนซ่างเซียวตบโต๊ะเสียงดัง “เจ้านั่นจะต้องชดใช้!”